ตอนที่8
รถยนต์คันหรูได้วิ่งเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน ภูพาเพื่อนบ้านคนสนิทของครอบครัวศิรชลได้เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับของฝากมากมายที่ถือมาเต็มไม้เต็มมือ “อ้าว ตาภู วันนี้หอบอะไรมาอีกล่ะลูกพะรุงพะรังเชียว” คุณนายดารินทร์ถามขึ้นก่อนชายหนุ่มรูปหล่อจะยกมือไหว้อย่างนอบน้อมหลังจากเด็กรับใช้ในบ้านเดินมาช่วยเอาของที่ชายหนุ่มถือมาไปเก็บ “สวัสดีครับคุณแม่” “ไหว้พระเถอะลูก...แล้วนี่ได้อะไรมาเต็มไม้เต็มมือเชียว” “อ่อ พอดีวันนี้ผมเข้าไปตลาดน่ะครับ เห็นผลไม้ถูกๆวางขายกันเยอะเลย ผมก็เลยช่วยอุดหนุนแม่ค้าเขาหน่อยเลยซื้อมาฝากคุณแม่ด้วยครับ” “ขอบใจนะพ่อคุณที่นึกถึงแม่” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ เอ่อ…แล้วนี่น้องตะวันยังไม่เลิกเรียนอีกเหรอครับ” ภูผาถามขึ้นพลันสายตาคมก็สอดส่องมองหาคนตัวเล็กไปมา “กลับมาแล้วจ้ะสงสัยคงกำลังง่วนอยู่กับการคัดเลือกองุ่นน่ะลูก มาถึงปุ๊บก็เข้าไปในไร่ช่วยคนงานคนอื่นๆคัดองุ่นเลย” คุณนายดารินทร์พูดขึ้น “งั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปหาน้องตะวันในไร่ก่อนนะครับคุณแม่” “จ้ะลูก วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะค่อยกลับ เดี๋ยวแม่จะลงมือทำกับข้าวไว้รอ” “ครับคุณแม่” หลังจากจบบทสนทนาแล้วภูผาก็รีบเดินเข้าไปในไร่องุ่นเพื่อตามหาคนตัวเล็กที่เขาแทบจะคิดถึงเธอตลอดเป็นเวลาหลายวันที่ผ่านมา คุณนายดารินทร์พอจะรู้ว่าภูผาชอบทานตะวัน และนั่นคุณนายดารินทร์ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร เพราะถ้าหากตะวันชอบภูผาเช่นกันคุณนายดารินทร์ก็คงจะนอนตายตาหลับ เพราะภูผาถือว่าเป็นผู้ชายที่ดีและเพียบพร้อมคนหนึ่งเลยก็ว่่าได้ ทานตะวันกำลังง่วนอยู่กับการคัดเลือกพวงองุ่นไว้สำหรับผลิตไวน์ส่งออก องุ่นทุกลูกต้องผ่านการคัดเลือกเป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่การเพาะปลูกองุ่นเป็นขั้นตอนแรกและเป็นขั้นตอนพื้นฐานของการผลิตไวน์ และกระบวนการทำไวน์ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เพราะเราไม่สามารถได้ไวน์ที่ดีได้ถ้าหากคุณภาพของส่วนผสมหลักนั้นไม่ดีพอ โดยเริ่มตั้งแต่การปลูกเลยทีเดียว และองุ่นจะถูกเก็บเมื่อถึงกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม แต่ช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพภูมิอากาศ พื้นที่การผลิต ประเภทขององุ่น ประเภทของไวน์ และความมีกลิ่นหอมของความสุก ทุกอย่างล้วนแต่ต้องพิถีพิถันและคัดสรรคุณภาพให้ดีที่สุด “คุณหนูไปพักเถอะครับเดี๋ยวผมทำตรงนี้เอง” นะนนท์พูดขึ้นเมื่อเห็นตะวันหมกมุ่นอยู่กับการคัดเลือกพวงองุ่นอย่างใจจดใจจ่อและพิถีพิถัน ตั้งแต่เลิกเรียนมาเด็กสาวก็ยังไม่ได้พักเลย “ไม่เป็นไรค่ะพี่นนท์ ตะวันก็ทำแบบนี้ของตะวันเกือบทุกวันอยู่แล้ว วันนี้ตะวันไม่มีการบ้านด้วยค่ะ ตะวันเลยอยากช่วยงานในไร่บ้าง” “เฮ้อ...เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ มาครับงั้นเดี๋ยวผมช่วยตรงนี้ด้วยก็แล้วกันจะได้เสร็จเร็วๆ” “ค่ะพี่นนท์” ทั้งสองคนหนุ่มสาวต่างช่วยกันคัดเลือกพวงองุ่นอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยที่ไม่เห็นว่ามีสายตาของใครอีกคนที่กำลังจ้องมองอยู่ ธาราธรพาโซเฟียเดินเที่ยวชมไร่ไปเรื่อยๆจนหญิงสาวรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเลยขอตัวไปทำธุระส่วนตัวข้างในบ้าน เขาเลยเดินตรวจตราในไร่จนมาเจอกับทานตะวันที่กำลังช่วยคนงานคัดเลือกองุ่นอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ จนกระทั่งลูกชายป้าน้อมเดินเข้ามาช่วยและท่าทางดูสนิทสนมกันเป็นพิเศษ จนธาราธรเองรู้สึกไม่ค่อยจะพอใจในความสนิทสนมของทั้งสองคนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ธาราธรเรียกคนงานในไร่อีกคนให้ไปเรียกนะนนท์มาแบกเข่งองุ่นเข้าไปที่โรงกลั่นไวน์ หลังจากนะนนท์ไปทำตามหน้าที่ที่ถูกเรียกใช้แล้ว ธาราธรจึงเดินเข้าไปหาทานตะวันอย่างเงียบๆ ร่างสูงใหญ่เดินไปช้อนข้างหลังโดยอีกคนไม่รู้ตัว และเธอกำลังตัดช่อองุ่นต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ “พวงนี้มันยังไม่สุก เธอไม่เห็นหรือไง” น้ำเสียงทุ้มของธาราธรพูดขึ้นจากทางด้านหลังของตะวันจนเธอต้องสะดุ้งโยงด้วยความตกใจของเจ้าของเสียงทุ้มต่ำ “อุ๊ย! คะ คุณเขื่อน!!” ตะวันพูดชื่อของเขาขึ้นด้วยความตกใจ “มานี่! ฉันจะสอนให้ เพราะถ้าเธอเก็บแบบนี้แล้วรสชาติไวน์ของฉันไม่ได้เรื่องเพราะองุ่นที่เธอเลือกมันไม่ได้ประสิทธิภาพ แล้วใครเขาจะสั่งไวน์ของฉัน” ธาราธรเอื้อมมือหนาไปจับมือของเรียวเล็กของเธอที่ถือกรรไกรอยู่ในมือในท่าทางดูเหมือนโอบกอดจากทางด้านหลัง ซึ่งเขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนี้ทำไม “เธอต้องดูให้ดีก่อนจะตัดพวงองุ่นออกมาว่าพวงไหนมันสุกหรือไม่สุก การเก็บองุ่นต้องใช้เวลามากเพราะพวงองุ่นของแต่ละเถามันจะสุกไม่เท่ากัน เธอต้องดูให้ดีๆก่อนจะลงมือตัดมัน….แบบนี้ เข้าใจใช่ไหม?” “อะ เอ่อ เข้าใจค่ะ” ตะวันพูดขึ้นตอบรับพลันเบี่ยงตัวหลบออกจากคนตัวโตพลางก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาอีกคน ก่อนจะเอาพวงองุ่นวางลงในเข่ง และหันหลังตั้งท่าจะเดินออกไป “นั่นเธอจะไปไหน!?” ธาราธรถามขึ้นเมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังจะเดินออกไปโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับเขาสักคำ อีกทั้งเธอยังไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ “เอ่อ ตะวันจะกลับแล้วค่ะ ตะวันว่าจะไปช่วยแม่ดาทำอาหารเย็น” “เธอกำลังหลบหน้าฉันอยู่!!” “ไม่ใช่นะคะคุณเขื่อน!” ตะวันรีบพูดปฏิเสธขึ้นมาทันทีเพราะกลัวเขาจะโมโหและไม่พอใจเธอขึ้นมาอีก “แต่ตอนนี้เธอกำลังพยายามหลบหน้าฉันอยู่” “ตะวันแค่...จะพยายามอยู่ให้ห่างจากคุณเขื่อนไว้ อย่างที่คุณเขื่อนเคยบอกค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นมาเสียงสั่นโดยที่ยังก้มหน้าก้มตามองพื้น หลังจากเธอพูดแบบนั้นก็พลันทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าเคยเตือนเด็กคนนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ว่าให้อยู่ห่างๆคนอย่างเขาเอาไว้ และนั่นทำให้ธาราธรเองไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเขาเองกลับเป็นฝ่ายอยากจะเข้าหาเธอแทน “น้องตะวัน!! อยู่ที่นี่เองพี่ตามหาตั้งนาน” ภูผาพูดขึ้นเมื่อเห็นเธอกำลังสนทนากันอยู่กับเพื่อนสนิทอย่างธาราธร ภูผาเห็นที่เพื่อนทำท่าทางเหมือนโอบกอดทานตะวันโดยการสอนเลือกตัดพวงองุ่น ภูผาเองได้แต่เก็บคำถามนี้เอาไว้ในใจว่าทำไมธาราธรถึงทำอะไรแบบนี้กับคนที่ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของตัวเอง “พี่ภูตามหาตะวันมีอะไรรึเปล่ะคะ?” “พอดีพี่ซื้อของมาฝากน้องตะวันเยอะแยะเลยครับ” “ลำบากอีกแล้วนะคะพี่ภู ถ้างั้นตะวันขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ จะได้ไปช่วยแม่ดาทำอาหารด้วยค่ะ” “ครับน้องตะวัน” เมื่อพูดจบตะวันก็รีบเดินเลี่ยงไปจากตรงนั้นทันที พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างรู้สึกโล่ง ปล่อยให้ภูผากับธาราธรพูดคุยกันต่อตามประสาเพื่อนสนิท “มึงมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า?” ธาราธรถามขึ้น “กูต้องมีอะไรก่อนหรือไงถึงจะมาที่นี่ได้…กูแค่มาหาน้องตะวันเหมือนที่กูเคยมาตลอดในช่วงที่มึงไม่อยู่ มันก็เป็นเรื่องปกติของกูอยู่แล้ว ไม่เห็นแปลก!” “เออ!” “แต่คนที่แปลก…ก็คือมึง!” ภูผาพูดขึ้นเสียงเข้มพร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาของเพื่อนราวกับว่ากำลังจับผิด เขาแค่อยากจะรู้ว่าไอ้เพื่อนคนที่มันคอยแต่จะรังเกียจทานตะวันมาตั้งแต่เด็ก จู่ๆจะมายืนสอนน้องสาวต่างสายเลือดตัดพวงองุ่นแบบนี้ เป็นใครก็ต้องว่าแปลก “กูมีอะไรแปลก!?” ธาราธรถามขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “มึงคิดยังไงกับน้องตะวัน?” ภูผาถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังและรอคำตอบจากธาราธรอย่างใจจดใจจ่อ “ทำไมกูต้องคิดอะไร ยัยเด็กนั่นก็เป็นแค่ตัวภาระของครอบครัวกูก็แค่นั้น!” “กูชอบน้องตะวัน ชอบมาตั้งนานแล้ว และกูก็หวังว่ามึงจะไม่ขัดขวาง ถ้าหากว่ากูจะเดินหน้าจีบน้องตะวันอย่างจริงจัง!” ภูผาพูดขึ้นด้วยแววตาที่แน่วแน่และจริงจัง น้ำเสียงของเขาบ่งบอกได้ว่าเขาจริงจังทุกคำพูดที่เอ่ยออกมา “นั่นมันเรื่องของมึง” “เออ กูแค่บอกไว้ในฐานะที่มึงเป็นพี่ชาย” “อืม” ธาราธรตอบรับเพียงสั้นๆแค่นั้น แต่ภายในใจเขากลับเกิดคำถามตีกันยุ่งเหยิง ทำไมเขาถึงไม่อยากให้ตะวันไปยุ่งเกี่ยวกับภูผาเพื่อนของเขา ทั้งที่ภูผาเองก็ถือได้ว่าเป็นผู้ชายที่ดีและเพียบพร้อมคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ในใจของเขาตอนนี้กลับนึกอยากจะขัดขวางให้สองคนนี้ไม่ต้องลงเอยกัน ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมตอนที่ 47 (จบบริบูรณ์) ~ 4 ปีผ่านไป ~ “โสนน้อยเรือนงามของลุงภูผาอยู่ไหนน๊า… ไหนใครเอ่ยบอกว่าอยากได้ชุดเจ้าหญิงเอลซ่า วันนี้ลุงภูผาได้มาตั้งสามชุดแน่ะสวยๆทั้งนั้นเลย” “ลุงภูผามาแล้ว…!!” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ ศุภรดา ศิรชล หรือน้องโสน (สะ-โหน) วัยสามขวบครึ่งรีบวิ่งแจ้นออกมาหาลุงภูผา ก่อนเขาจะก้มลงไปอุ้มสาวน้อยชูขึ้นมาแนบอกด้วยความรักและเอ็นดู “ไหนชุดเจ้าหญิงเอลซ่าของโสนล่ะคะลุงภูผา” “หื้ม…ต้องหอมแก้มลุงก่อนนะคะถึงจะได้เห็นชุดสวย” ฟอด ฟอด!! “แก้มลุงภูผาหอมชื่นใจจังเลยค่ะ” “แหม๋…พอได้ยินเรื่องของฝากนี่รู้งานเลยนะลูก” ทานตะวันพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยกำลังออดอ้อนคุณลุงภูผา โสนติดลุงภูผาของเขามากเพราะมักจะคอยได้ของเล่น ของกิน และชุดสวยๆจากลุงภูผาอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะอยากได้อะไรเธอก็มักจะออดอ้อน และภูผาเองก็มักจะตามใจหลานสาวตัวน้อยๆคนนี้เสมอจนโสนเองได้ใจจนเคยตัว และภูผาจึงกลายเป็นแขกคนสำคัญประจำบ้านศิรชลไปแล้ว “วันนี้พี่ภูอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันที่นี่นะคะ” “ครับ” ทานตะวันและภูผานั่งคุยกันภายในห้องรับแขก ส่วนคุณนายดารินทร์ ท่านธีระและขิมเดินท
ตอนที่ 46 …1 เดือนต่อมา… ~วันแต่งงาน~ ขบวนขันหมากตั้งขบวนร้องเพลงแห่เสียงดังขับขานมาตั้งแต่ด้านหน้าของไร่ธาราธร ทุกคนสนุกสนานครื้นเครงต่างร้องเพลงขับขานดังก้องไปทั่วท้องถนน วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีของคู่บ่าวสาวป้ายแดง ธาราธรเดินขบวนขันหมากตามประเพณีไทยเพื่อเข้าสู่พื้นที่ภายในไร่องุ่นอันกว้างขวางที่จัดเตรียมงานไว้อย่างอลังการ แขกเหรื่อในงานต่างเริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแขกผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดและกลุ่มเพื่อนๆของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่ทั้งสองเชิญมา เจนจิราและเจตนิพัทธ์ก็มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย แม้ตัวเจตนิพัทธ์เองจะอกหักและไม่ค่อยจะกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังคงมาแสดงความยินดีกับคนที่ตัวเองแอบรักอย่างจริงใจ นอกจากนี้ยังมีภูผาที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะตัดขาดความสัมพันธ์การเป็นเพื่อนระหว่างเขากับธาราธรไป อย่างน้อยตอนนี้เขาก็พอจะยอมรับความจริงได้บ้างแล้ว ในเมื่อทานตะวันและเพื่อนของเขารักกัน หากทั้งสองตัดสินใจที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเขาก็ควรจะยินดีกับทั้งสองคน วัน
ตอนที่ 45 ธาราธรเปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบว่าคนตัวเล็กนอนอยู่บนเตียงนอน เขาเดินอ้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้าทานตะวันที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม “นอนอย่างกับคนไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยนะยัยตัวแสบ” ธาราธรบ่นเบาๆคนเดียวก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากมนเกลี้ยงเกลาของเธอเบาๆอย่างรักใคร่หวงแหนก่อนจะเลื่อนริมฝีปากหนาลงมาประกบริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเบาๆ เขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบเธอ บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอทำของใส่หรือเปล่าเขาถึงได้หลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ ธาราธรยังคงจูบริมฝีปากเธอเบาๆอย่างอ้อยอิ่งอยู่แบบนั้นจนคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกตัว “อื้อ” “ตื่นแล้วหรอ” “พี่เขื่อน...เข้ามาทำไมคะ” “พี่เอาไอ้นี่มาให้ตะวันตรวจน่ะ” ธาราธรยื่นที่ตรวจครรภ์ให้กับทานตะวันก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานให้กับเธอ “นี่มัน...ที่ตรวจครรภ์นี่คะ!” “ใช่ครับพี่อยากให้ตะวันลองตรวจดู!!” “ตรวจทำไมเหรอคะ?” “คุณแม่บอกว่าอาการที่ตะวันเป็นอยู่ตอนนี้ เหมือนตอนที่คุณแม่...ท้อง” “ทะ ท้องเหรอคะ” “อื้ม” “แล้วถ้าตะวัน ทะ ท้องขึ้นมาจริงๆ ตะวันจะเลี้ยงลูกได้ไหมคะ ตะวันจะ
ตอนที่ 44 ~ 2เดือนผ่านไป~ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่ห้องอาหารของโรงแรมดัง อาทิตย์ต่อมาโซเฟียก็เข้ามาหาธาราธรที่ไร่องุ่นแต่ครอบครัวของธาราธรไม่มีใครต้อนรับเธอ โดยเฉพาะคุณนายดารินทร์ที่ขัดขวางทุกอย่าง เพราะไม่อยากให้โซเฟียเข้ามามีบทบาทในชีวิตของลูกชายอีก จึงจำเป็นจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะผู้หญิงอย่างโซเฟียอาจจะมาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตคู่ของธาราธรและทานตะวันที่ซึ่งกำลังจะแต่งงานกันในเดือนหน้านี้ คุณนายดารินทร์เลยสั่งให้คนงานในไร่ห้ามโซเฟียเข้ามาภายในไร่ธาราธรเด็ดขาด ถ้าใครปล่อยให้เข้ามาได้โทษคือไล่ออกสถานเดียว ทางด้านโซเฟียเองเมื่อรู้ว่าธาราธรกำลังจะแต่งงานกับทานตะวัน และตัวเธอเองแทบจะมองไม่เห็นทางไหนเลยสักทางที่จะสามารถแย่งเอาชายหนุ่มกลับมาได้ เพราะตอนนี้หัวใจของธาราธรมีให้กับผู้หญิงที่ชื่อทานตะวันเพียงแค่คนเดียว โซเฟียเลยเลือกที่จะยอมถอยออกมาดีกว่าที่จะดันทุรัง ช่วงนี้ภายในไร่ธาราธรกำลังยุ่งๆเรื่องเตรียมงานแต่ง ทั้งตัวธาราธรและทานตะวันเองก็วุ่นวายกับการเลือกชุดเลือกการ์ดแต่งงานและถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะงานแต่งงานของเจ้าของไร่องุ่นที่กว้างขวางที่สุด
ตอนที่ 43 โซเฟียยอมลุกออกมานั่งที่โต๊ะของตัวเองแต่ก็ยังไม่วายคอยเฝ้ามองดูคนสองคนที่กระหนุงกระหนิงกันเป็นพิเศษจนเธอรู้สึกหมั่นไส้ จากที่ไม่ค่อยชอบทานตะวันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเกลียดเด็กคนนี้มากกว่าเข้าไปอีก ธาราธรเองก็ดูเปลี่ยนไปเยอะมาก และที่เขาเปลี่ยนไปก็คงจะเป็นเพราะเด็กสาวคนนี้ ไหนจะท่าทางที่ดูเอาอกเอาใจเด็กสาวนั่นอีก คงจะหลงเด็กคนนี้ไม่เบาเลยสินะ โซเฟียได้แต่คิดในใจอย่างหมั่นไส้ “คงจะแอบแซ่บกันแล้วล่ะสิ!” โซเฟียพูดขึ้นเบาๆคนเดียวอย่างเหยียดๆ ธาราธรคอยตักอาหารจานโน้นทีจานนี้ทีให้กับคนตัวเล็กอย่างเอาใจ ตอนนี้หน้าตาที่ดูเรียบเฉยจนดูเย็นชาของเธอมองจากดาวอังคารเขาดูออกว่าเธอกำลังโกรธเขา จากที่จะพาเธอออกมาหาอะไรทานกันข้างนอกเหมือนกับคู่รักทั่วๆไป แต่กลับต้องมาเจอกับบุคคลที่ไม่อยากจะเจอเลยพลอยทำให้เสียบรรยากาศไปหมด “ตะวันอิ่มแล้วค่ะ” มือเรียวสวยรวบช้อนก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มโดยไม่ยอมมองหรือสบตากับคนตรงหน้า และเธอก็ไม่สนใจเขา “ทำไมอิ่มเร็วจังเพิ่งทานไปนิดเดียวเอง” “ตะวันทานไม่ลงค่ะ” “ตะวันโกรธอะไรพี่หรือเปล่า?
ตอนที่ 42 ธาราธรถอนตัวตนอันใหญ่โตของเขาออกจากร่องสวาทของเธอ ก่อนจะมองดูน้ำรักขาวขุ่นผลงานของตัวเองที่ไหลย้อนออกมาจากร่องรักของเธออย่างไม่วางตา เขาพอใจกับผลงานชิ้นเอกของตัวเองก่อนจะยกยิ้มมุมปาก สายตาคมกริบเหลือบมองไปเห็นใบหน้าหวานของเธอที่แดงซ่านด้วยความอายอย่างน่ารัก ก่อนคนตัวเล็กระรีบเบือนหน้าหนีไปด้วยความอับอาย “ไม่ต้องอายพี่หรอกเพราะร่างกายทุกส่วนของตะวัน…พี่เห็นมาหมดแล้ว” ‘บ้าจริง ทำไมหัวใจของเธอต้องเต้นแรง ร่างกายของเธอร้อนรุ่มทุกครั้งที่เขาสัมผัส อีกทั้งเธอยังไม่เคยที่จะปฏิเสธเขาได้เลย’ ทานตะวันได้แต่คิดในใจอย่างนึกอาย.. “ที่ผ่านมาตะวันเจ็บมากใช่ไหม?” “……” ทานตะวันไม่ตอบเธอทำได้แค่มองสบตาคนตัวโตที่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนเธอยังเด็ก ตอนนั้นเธออายุ8ขวบ เขาเองอายุ18ปี อายุของเขากับเธอห่างกัน10ปี เขาคิดแค่ว่าเขาเกลียดเธอ เกลียดเด็กที่พ่อแม่รับมาอุปการะ เกลียดเพราะคิดว่าเธอจะมาเป็นภาระให้กับครอบครัว เกลียดเพราะกลัวเธอจะมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากเขาและน้องสาวของเขา ทั้งที่เธอเองเป็นเด็กดี และน่ารัก