เข้าสู่ระบบเมื่อ “ขวัญข้าว” หญิงสาวยากจนต้องมาทำงานเป็นแม่บ้านในสวนทุเรียนของ “กิตติ” เจ้านายหนุ่มเจ้าของสวนผู้แสนเย็นชา แต่เบื้องหลังแววตานิ่งนั้นคือแรงปรารถนาและความร้อนแรงที่เธอไม่อาจหนีได้…
ดูเพิ่มเติม“นี่คุณกิตติ เจ้านายของแม่เอง”
เสียงของป้าสำลีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพแฝงด้วยความเคารพ หญิงวัยกลางคนผ่านการทำงานในบ้านหลังนี้มานานกว่าสิบปีเอี้ยวตัวผายมือไปทางชายร่างสูงที่นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่กลางห้องทำงาน ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอ่อนๆของไม้สักใหม่ แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านบานหน้าต่างกระจกใส กระทบกับกรอบรูปและแฟ้มเอกสารที่จัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ เงาแสงนั้นทอดตัวลงบนใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มราวกับกำลังแต่งแต้มให้เขาดูเข้มขรึมยิ่งขึ้น “สวัสดีค่ะ หนูชื่อขวัญข้าว เรียกว่าขวัญก็ได้ค่ะ” หญิงสาววัยยี่สิบปีเอ่ยเสียงแผ่วนุ่ม มือเล็กยกขึ้นพนมไหว้ด้วยความนอบน้อม ท่าทางสุภาพเรียบร้อยสะท้อนความเป็นเด็กที่ผ่านการอบรมมาดี เธอไม่กล้าเงยหน้ามองเจ้าของบ้านตรงๆเพราะสายตาคมของเขามีบางสิ่งบางอย่างที่ชวนให้ใจเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว กิตติหนุ่มใหญ่วัยสามสิบห้าชะงักเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมืออย่างไม่ตั้งใจ แต่พอได้สบตากับดวงตากลมโตใสแจ๋วของหญิงสาวตรงหน้า เวลาราวกับหยุดเดินไปชั่วขณะ แววตาคู่นั้นที่มองมาเต็มไปด้วยความซื่อและอบอุ่นอย่างประหลาด สะกดสายตาเขาได้อยู่หมัด ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ส่งยิ้มตามมารยาทกลับทำให้หัวใจของเขากระตุกแผ่วๆ ก่อนเสียงของป้าสำลีจะปลุกให้เขาหลุดจากภวังค์ “ขวัญเป็นลูกสาวป้าเองค่ะคุณกิต ได้ยินว่าคุณกิตอยากหาแม่บ้านเพิ่มพอดี ถ้าคุณกิตยังไม่รับใคร ลองให้ขวัญทดลองงานที่นี่ได้ไหมคะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนถามด้วยน้ำเสียงนิ่งสุขุมตามสไตล์ของเขา “เรียนอยู่ปีไหนน่ะเรา” “หนูเรียนจบแค่มอหกค่ะ ไม่ได้ต่อมหาลัย” เธอตอบเสียงเบา ดวงตาก้มต่ำอย่างเกรงใจ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความอายปนเศร้า ความจริงฐานะทางบ้านของเธอไม่ได้ดีนัก หลังจบมัธยมเธอไม่ได้มีโอกาสเรียนต่ออย่างที่ฝันไว้เพราะฐานะยากจน หลังจากพ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เธอจึงกลายเป็นแรงสำคัญช่วยแม่ส่งน้องๆอีกสามคนเรียนต่อ แม้จะเหนื่อยแต่ก็ไม่เคยบ่น เพราะหัวใจของเธอเชื่อว่าความพยายามจะพาไปสู่วันดีๆสักวัน และวันดีๆนั้น อาจจะเริ่มต้นจากบ้านหลังนี้ กิตติมองหญิงสาวเงียบๆสักพัก “อืม… แต่งานที่นี่หนักนะ เธอจะไหวเหรอ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่ในใจกลับแฝงความกังวลไม่น้อย บ้านของเขาเป็นสวนทุเรียนกว่าร้อยไร่ แม้จะมีคนงานประจำ แต่พอถึงหน้าทุเรียนจะยุ่งมาก พวกแม่บ้านมักต้องลงไปช่วยในสวนด้วย พอเห็นร่างบอบบางของหญิงสาวที่แบกเป้ใบใหญ่ครึ่งตัว เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอจะรับไหวจริงหรือไม่ “แม่บอกหนูไว้แล้วค่ะ หนูเคยทำงานในไร่อ้อยมาก่อน น่าจะพอไหวค่ะ” คำตอบเรียบง่ายแต่มั่นคงนั้นทำให้เขาเผลอยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “งั้นฉันรับเธอมาก่อนละกัน” “ขอบคุณค่ะคุณกิต” ป้าสำลียกมือไหว้อย่างซาบซึ้งในความเมตตา “ป้าพาลูกไปดูห้องได้เลยครับ ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ” ชายหนุ่มหันไปบอกหญิงสาว น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงความอบอุ่นบางอย่างอยู่ในที “ขอบคุณค่ะ” ขวัญข้าวรับคำเบาๆแล้วเดินตามแม่ออกไปจากห้อง โดยมีสายตาคมกริบของชายหนุ่มมองตามหลังไปเงียบๆราวกับบางอย่างในตัวเธอได้ทิ้งร่องรอยไว้ในใจเขา สองแม่ลูกเดินมายังห้องพักแม่บ้านที่อยู่ท้ายบ้านใหญ่ เสียงฝีเท้าเบาๆบนพื้นไม้สะท้อนก้องอยู่ในทางเดินที่ทอดยาว ป้าสำลีขอกุญแจจากหัวหน้าแม่บ้านแล้วพาลูกสาวไปยังห้องท้ายสุดที่อยู่ติดกับห้องของตน “นี่ห้องขวัญนะลูก แม่อยู่ห้องข้างๆ หนูเอาของไปเก็บก่อนสิ” ป้าสำลีส่งกุญแจห้องให้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ค่ะแม่” ร่างเล็กเดินเข้าไปในห้องขนาดยี่สิบตารางเมตร แม้ไม่กว้างขวางนักแต่สะอาดสะอ้าน ภายในมีเตียงไม้เดี่ยว ตู้เสื้อผ้า โต๊ะกินข้าวเล็กๆและห้องน้ำในตัว บรรยากาศเรียบง่ายแต่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เธอหันมองรอบ ด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง ที่นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ก็ได้ หญิงสาวจัดเสื้อผ้าเข้าตู้และปูผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อย ก่อนเดินไปเคาะห้องข้างๆ ก๊อก ๆ ๆ “หนูจัดของเสร็จแล้วค่ะแม่” “เดี๋ยวแม่พาไปทำความรู้จักแม่บ้านคนอื่นๆนะ” แม่ลูกเดินไปแนะนำตัวกับแม่บ้านและคนงานที่มีอยู่ราวสามสิบคน แต่ละคนต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้มจริงใจ เสียงพูดคุยเจือหัวเราะเบาๆ ทำให้ความเกร็งของหญิงสาวคลายลง จนในที่สุดเธอเริ่มยิ้มกว้างออกมา “เที่ยงแล้ว เราไปกินข้าวกันดีกว่า” “ค่ะ” ขวัญข้าวนั่งกินข้าวกับแม่บ้านคนอื่นในห้องครัว ทุกคนล้วนอายุมากกว่าและมีครอบครัวกันหมด ทำให้เธอกลายเป็นน้องเล็กของที่นี่ บรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ช่วยกลบความกลัวและความไม่คุ้นเคยในวันแรกของการทำงานได้ดี หลังมื้อเที่ยงจบลง ขวัญข้าวอาสาล้างจานแทนทุกคน มือเล็กขยับอย่างคล่องแคล่ว ท่ามกลางกลิ่นสบู่และน้ำอุ่นที่ลอยอบอวลในอากาศ แต่จู่ๆเธอก็รู้สึกถึงกลิ่นโคโลญจางๆของผู้ชายลอยมาแตะจมูก “ไม่ต้องประหยัดขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวก็ไม่สะอาดหรอก” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนที่มือใหญ่จะยื่นมาจับมือเธอ กดปลายนิ้วให้บีบน้ำยาล้างจานเพิ่ม ขวัญข้าวสะดุ้งจนหัวใจเต้นแรง ทว่าขยับหนีไม่ได้เพราะแขนแกร่งทั้งสองข้างของเขากักร่างเธอไว้ตรงซิงก์อย่างพอดี “คะ คุณกิต…” “ล้างต่อสิ” น้ำเสียงนั้นนิ่งแต่แฝงแรงบางอย่างที่ทำให้เธอพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเก้อเขิน “เอ่อ แบบนี้หนูล้างไม่ถนัดค่ะ” “อืม” เขาถอยออกเล็กน้อย แต่ยังยืนอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดต้นคอของเธอ ชายหนุ่มยืนมองอย่างเพลินตา ท่าทางคล่องแคล่วของหญิงสาวทำให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่กลัวงานหนัก รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้มด้วยความเอ็นดู ขณะที่คนถูกจ้องกลับรู้สึกเหมือนตัวเองถูกจับผิด มือเล็กถูฟองน้ำไปทั่วจานซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะกลัวจะไม่สะอาด ในจังหวะที่กำลังจะวางจานลงบนซิงก์ อยู่ดีๆจานก็ลื่นหลุดออกจากมือ “ว้าย!” มือใหญ่คว้าจานไว้ได้ทันจนร่างของทั้งสองแนบชิดกันอย่างไม่ตั้งใจ ไออุ่นจากร่างสูงแผ่ซ่านจนหญิงสาวตัวแข็งทื่อ ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงจัดราวลูกตำลึง “ระวังหน่อยสิ” “ขะ… ขอโทษค่ะ” เสียงของเธอสั่นเบา กิตติลอบยิ้มกับท่าทางนั้น “เดี๋ยวอีกสิบนาทีเจอกันที่หน้าบ้านนะ” “ได้ค่ะ…” เมื่อเขาเดินออกไป หัวใจของขวัญข้าวก็ยังเต้นแรงไม่หยุด เธอรีบสลัดความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้น แล้วหันกลับมาจัดการล้างจานต่อให้เสร็จขวัญข้าวเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่อาบน้ำลอยฟุ้งไปทั่วห้องพักคนงานขนาดเล็ก ดวงตาสวยต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มยืนรออยู่ข้างเตียง“ทิ้งฉันไว้คนเดียวได้ยังไง” กิตติพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจเล็กน้อย ทำเอาเธอสะดุ้ง“คุณกิต! เข้ามาในห้องหนูทำไมคะ หนูขอเวลาแต่งตัวก่อนค่ะ" เธอรีบยกแขนปิดหน้าอกและกอดตัวเองไว้แน่น กั้นสายตาเจ้าเล่ห์ของเขา"ก็แต่งสิ" เขายักคิ้วตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้านขวัญข้าวไม่สามารถแต่งตัวต่อหน้าชายหนุ่มที่ยืนกอดอกมองเธอได้ ถึงจะเคยมีอะไรกันไปแล้วก็ตามความอับอายยังคงกัดกินจิตใจ เธอจึงหยิบชุดนอนลายการ์ตูนจากในลิ้นชักแล้วเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ พอเดินออกมาก็เห็นเขานอนรออยู่บนเตียง"มานี่เร็ว จะทายาให้""หนูทาเองได้ค่ะ""อย่าดื้อน่า"“ก็ได้ค่ะ"ขวัญข้าวรู้ดีว่าก้นเธอยังเจ็บอยู่ ช่วงนี้เขาคงทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้ว จึงยอมไปหยิบหลอดยามาส่งให้เขา"นอนคว่ำ"ร่างบางปีนขึ้นเตียงนอนคว่ำไปบนเตียง แอบใจเต้นเล็กน้อยในตอนที่เสื้อนอนถูกเลิกขึ้นเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียน“เจ็บไหม” กิตติถามเสียงอ่อนลง ขณะเอามือแตะผิวบริเวณที่ขึ้นสี
“ฮ้าววว” กิตติหาว ออกมาเสียงดังเป็นรอบที่สิบของวัน เปลือกตาของเขาหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ขึ้นเมื่อคืนเขาอุตส่าห์กลับมานอนห้องตัวเองตอนตีสาม หลังจากที่แอบย่องเข้าไปทายาให้คนเจ็บก้นในห้องพักจนเธอหลับคาอกเขาไป แต่ไม่รู้ทำไมข่มตานอนเท่าไหร่ก็ไม่หลับสักที กลิ่นหอมจางๆของแป้งเด็กและแชมพูที่ติดตัวเธอยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด เพิ่งมาง่วงเอาช่วงบ่ายที่ควรจะต้องนั่งเคลียร์บัญชีสวนนี่เองกิตติตัดสินใจลุกจากโต๊ะทำงาน เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อหากาแฟเข้มๆมาดื่มเพิ่ม พอเดินผ่านห้องโถงกว้างก็เจอขวัญข้าวที่ยืนเขย่งปลายเท้าเช็ดกระจกห้องนั่งเล่นอยู่ แผ่นหลังเล็กๆนั้นขยับขยันขันแข็งทั้งที่เขาเตือนแล้วว่าให้พัก เท้าจึงเปลี่ยนทิศทางมุ่งไปหาเธอแทนโดยอัตโนมัติเขาเดินย่องเข้าไปเงียบๆสวมกอดร่างเล็กจากด้านหลังจนเธอสะดุ้งสุดตัว กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผมของเธอทำให้เขาเผลอสูดดมอย่างลืมตัว"บอกว่าให้พักงานไปก่อนไง" น้ำเสียงทุ้มนุ่มทอดต่ำลงข้างใบหูเล็กอย่างอ่อนโยน แต่แฝงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยที่ลูกน้องไม่เชื่อฟังคำสั่ง“อุ้ย! คุณกิต ปล่อยค่ะ"ขวัญข้าวรีบดึงแขนของเขาที่โผล่มากอดเธอจากด้านหลังออก ก่อนจะหันซ้ายหันขวาดูว่าม
กิตติอึ้งไปชั่วครู่ เขาประหลาดใจกับคำพูดของเธอ แต่แป๊บเดียวก็ยกยิ้มเอ็นดู เขาไม่คิดเลยว่าจะเผลอไปมีอะไรกับเด็กไร้เดียงสาขนาดนี้ได้ ที่ผ่านมาถ้าถูกใจผู้หญิงคนไหนเขาก็พาขึ้นเตียงก่อน พอเบื่อก็แยกย้ายแล้วให้เงินไป ไม่เคยผูกมัด ไม่เคยคิดว่าจะต้องเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ “ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันก็จริง แต่อีกหน่อยไม่แน่” "หมายความว่ายังไงคะ" "ฉันชอบเธอ" "คะ?" หญิงสาวอ้าปากค้าง คิดว่าตัวเองหูฝาดไป “งั้นมาคบกันดูไหม" "ไม่ค่ะ" เธอตอบทันควัน “อ้าว ทำไมล่ะ หรือเธอมีแฟนอยู่แล้ว" “ไม่มีค่ะ แต่หนูไม่เชื่อว่าคุณกิตจะชอบหนูได้ยังไงค่ะ เราเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันเอง คุณกิตแค่... แค่อยากจะนอนกับหนู” เธอพยายามหาเหตุผลมาหักล้างความรู้สึกที่เริ่มสั่นคลอนของตัวเอง"ชอบได้สิ ฉันชอบเธอตั้งแต่ที่เห็นครั้งแรกแล้ว" คำสารภาพตรงๆและสายตาจริงจังของเขา ทำให้ขวัญข้าวรู้สึกเขินไม่น้อย แต่ก็กลัวว่านี่จะเป็นแค่คำลวง จะเป็นเพียงของเล่นชั่วคราวของเขา “หนูขอเวลาคิดก่อนค่ะ" "งั้นระหว่างที่คิด เราเอากันได้ใช่ไหม" “มะ ไม่ได้ค่ะ!" “ขอแตกในอีกสักรอบนะ" ชายหนุ่มพูดได้ไม่อายปาก ก่อนจะโน้มใบหน้าลงหาหญิงสาว ขวัญข้าวผลักร่างส
บรรยากาศในครัวยามเช้าคึกคักไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารและการพูดคุยแผ่วเบาของบรรดาแม่บ้านขวัญข้าวก้าวเข้ามาในห้องครัวอย่างกระฉับกระเฉง พยายามทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้เพื่อสลัดความรู้สึกกระวนกระวายที่ติดอยู่ในใจมาหลายวัน“มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะพี่แวว” ขวัญข้าวอาสาช่วยงานในครัวแต่เช้า แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาในครัวที่กว้างขวาง กลิ่นหอมของน้ำซุปที่เริ่มเดือดลอยฟุ้งไปทั่ว “พี่กำลังจะทำสุกี้ทะเล พอดีเลยขวัญหั่นผักเป็นไหม" “เป็นค่ะ สบายมาก เดี๋ยวขวัญทำให้นะคะ" ขวัญข้าวหยิบผักที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวไปล้าง ก่อนจะนำมาหั่นบนเขียง การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของเธอแสดงให้เห็นถึงความคุ้นเคยกับงานในครัว“คุณกิตเขาทานเผ็ดไม่ได้ เมนูส่วนใหญ่เราก็ต้องทำรสชาติอ่อนๆนะ" พี่แววพูดขึ้นขณะเตรียมเครื่องทะเล ชื่อของคนที่ถูกพูดถึงทำให้ขวัญข้าวชะงักไปเล็กน้อย แม้จะพยายามไม่คิดถึงเขาแต่ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ก็มักจะโยงกลับมาหากิตติเสมอ เพียงแค่ได้ยินชื่อหัวใจก็รู้สึกเต้นผิดจังหวะ“ถ้าวันไหนเห็นเขาเข้าสวนแต่เช้า เราต้องเอาข้าวกลางวันไปส่งในสวนด้วย" "ค่ะ" ขวัญข้าวรับคำสั้นๆพยายามไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา"อ้อ แล้วพวกอาหารก





