ตอนที่ 3
ภรรยาเด็ก
“ในเมื่อมินตราตกลงแล้ว เราจะเอาอย่างไรกันต่อไป”
อมราไม่กล้าถามลูกชายตรงๆว่าแผนการที่เธอวางไว้ เปรมธวัชพร้อมจะเริ่มต้นเมื่อไหร่เพราะสำหรับเธอแล้วต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเร็วที่สุด อายุของเธอมากขึ้นทุกวันดูแล้วคงไม่ได้อยู่ดูหลานจนถึงรับปริญญา
“ผมพร้อมแล้วครับอยู่ที่สาวน้อยของคุณแม่นั่นแหละที่จะพร้อมหรือยัง”
ชายหนุ่มตอบด้วยความมั่นใจเพราะตัวเขาเองตอนนี้ก็ ไม่เหลือผู้หญิงคนไหนอีกแล้วตั้งแต่วันนั้นที่เขารู้ความจริงเรื่องของนาเดียเขาก็ตั้งใจว่าจะยุติความสัมพันธ์แบบชั่วคราวแล้วหันมาทำตามในสิ่งที่แม่ต้องการจะดีกว่าการมีลูกบางครั้งอาจจะทำให้ตัวเขาเองมีความสุขในชีวิตมากกว่านี้ก็ได้
ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนเข้าหอสำหรับภรรยารับจ้างที่ไม่มีแม้แต่งานแต่งไม่มีการบอกรักไม่มีทะเบียนสมรสไม่มีสิ่งใดๆที่ผู้หญิงต่างก็เฝ้าฝันว่าชีวิตของเธอจะต้องได้รับจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี
“มิ้นพร้อมแล้วค่ะ”
หญิงสาวในชุดนอนพูดขึ้นเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องที่อมราจัดไว้สำหรับเป็นห้องนอนของทั้งคู่ในการผลิตหลานให้กับเธอ
“พูดจาเป็นหุ่นยนต์เหมือนไร้ความรู้สึกแบบนี้ผมจะทำอะไรคุณลงได้ยังไง”
เปรมธวัชถึงแม้ว่าเขาจะรับรู้มาตลอดว่าผู้หญิงรอบกายไม่มีใครรักเขาจากใจจริงแต่เขาก็ยังไม่เคยฝืนใจบังคับใครสักทีเมื่อเห็นท่าทางของมินตราเป็นแบบนี้เขาจึงรู้สึกได้ว่าความจริงแล้วเธอยังไม่พร้อม
“มิ้นพร้อมจริงๆแล้วนะคะ”
สาวน้อยลุกเดินมาหาชายหนุ่มร่างสูงสองมือของเธอคล้องคอเขาไว้ก่อนที่จะแนบใบหน้าลงไปใกล้ใช้ปากบางสีชมพูทาบทับลงไปที่ปากอุ่นได้รูป
“อืม..ปล่อย”
เปรมธวัชดึงมือทั้งสองข้างของมินตราออก ก่อนที่เขาจะดึงตัวเธอเข้ามากอดมันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เหมือนกับว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกสงสารเธอ
“ถึงเราจะไม่ได้รักกันแต่ผมจะทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ชีวิตของคุณนับจากนี้ไปจะไม่ต้องลำบากแล้ว น้ายุพาก็จะไม่ได้เป็นเพียงแค่แม่บ้านแต่เธอจะเป็นแม่ของภรรยาผม ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีใครรู้แต่เราสองคนรู้”
น้ำเสียงที่ดูจริงใจมีความอบอุ่นและปลอดภัยอยู่ในนั้นทำให้มินตราพร้อมที่จะรับความอบอุ่นจากร่างกายของชายหนุ่มที่กำลังจะได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอ
ไฟในห้องนอนถูกปิดลงแล้วความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่แม้ไม่ได้เกิดจากความรักแต่มันก็มีความผูกพันบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความรู้สึกของมินตราเพราะชีวิตของเธอผู้ชายที่อบอุ่นที่สุดก็ยังคงเป็นลูกชายเจ้าของบ้านที่คอยช่วยเหลือเธอในตอนเด็กๆไม่ว่าจะทำการบ้านตอนขี่จักรยานก็มีแต่เขาที่คอยเป็นเพื่อนเธอเสมอ
“หลับตานะคนดี”
ชุดนอนแสนบางถูกมือหนาลูบไล้ผ่านสัมผัสอ่อนโยนชุดนอนหลุดกองลงไปอยู่กับพื้นนับจากนี้ไปไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ชิ้นใดขัดขวางความงามของเรือนร่างสาวน้อยผู้บริสุทธิ์ทั้งกายและใจอีกต่อไป
“คุณเปรม! ”
มินตราจิกปลายขาเกร็งตัวเมื่อยอดปทุมแสนอวบของเธอถูกลิ้นสากตวัดลัดเลาะเล่น ปากอุ่นดูดเม้มหยอกเล่นกับมันจนเจ้าของถึงกับครางเรียกชื่ออีกฝ่ายโดยไม่รู้ตั้งตัว
“ชอบไหม”
เปรมธวัชกระซิบข้างหูสาวน้อยที่ร่างกายจิกเกร็งเม้มปากเหมือนกำลังต้องการระบายอารมณ์อะไรบางอย่าง
มินตราไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้เธอกำลังชอบมันหรือเปล่าจึงได้แค่เพียงพยักหน้าตอบกลับไม่กล้าแม้แต่จะสบตาชายหนุ่มที่มองจ้องเพื่อรอคำตอบด้วยสายตาที่ดูมีความสุขอยู่ในนั้น
ชายวัย 30 กว่าผู้ผ่านโลกมาแล้วมากมายใช้สัมผัสอันเร่าร้อนสลับกับอ่อนโยนทำให้หญิงสาวที่อยู่ในพันธการของเขาหลอมละลายจนกลายเป็นขี้ผึ้ง ไม่นานเส้นทางรักก็เปิดออกความสาวของเธอยังคงงดงามและสวยงามสำหรับเปรมธวัชชีวิตของเขาถึงแม้จะผ่านผู้หญิงมามากแต่ก็ไม่เคยมีใครสักคนที่เขาจะได้เป็นคนแรกของเธอ
“อีกนิดนะ เจ็บหน่อยนะคนดีแล้วผมจะพาคุณขึ้นสวรรค์”
แก่นกายความเป็นชายที่มีความยิ่งใหญ่เข้าไปตระหง่านแสดงความเป็นเจ้าของในถ้ำสีชมพูของสาวน้อยผู้อ่อนต่อโลก ร่างบางจิกเกร็งไปทั้งตัวสองมือแนบลงไปที่แผ่นหลังของผู้บุกรุกเล็บยาวจิกลงไปเพื่อระบายความเสียวซ่านทั้งหมดที่มินตราไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอกำลังทรมานหรือกำลังมีความสุขกันแน่
เกลียวคลื่นซัดน้ำระลอกแล้วระลอกเล่าจนในที่สุดร่างเปลือยเปล่ากอดกันแน่นเมื่อพากันขึ้นไปสู่สวรรค์อย่างอิ่มเอมใจ
“ คุณเป็นภรรยาผมแล้วนะ”
เสียงกระซิบพร้อมเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยดังอยู่ข้างหูของสาวน้อยที่กำลังหอบเหนื่อยตัวโยนก่อนที่เจ้าของร่างหนาจะล้มตัวลงนอนกับที่นอนแล้วหลับไป
ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วและมินตราก็มีเวลาตัดสินใจกับเรื่องนี้น้อยมากแต่เธอก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่าเธอเลือกแล้วและเธอจะมีความสุขกับเส้นทางชีวิตต่อจากนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้สำหรับเธอจากที่เคยกลัวว่ามันจะเป็นตราบาปไปตลอดชีวิตแต่ทำไมเธอกลับรู้สึกอิ่มเอมและมีความสุขที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของผู้ชายที่เธอเฝ้าแอบรักมานาน
มินตราทั้งชื่นชมและแอบหลงรักลูกชายของผู้มีพระคุณแต่ไม่เคยคิดจะแสดงออกเพราะรู้ว่าอยู่ไกลกันเกินเอื้อมเมื่อวันนี้เธอมีโอกาสได้ใกล้ชิดได้เป็นภรรยาของเขาถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ในความลับเท่านั้นแต่เธอก็ยินดีถึงแม้จะรู้ว่าอนาคตที่จะมาถึง ทั้งคู่จะกลายเป็นแค่คนรู้จักกัน ตัวเธอเองก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่มีมลทินเป็นเพียงแค่หญิงหม้ายที่สามีไม่ใยดีก็เท่านั้น
เช้าวันแรกกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างมินตราและเปรมธวัชอยู่ในสายตาของอมราและยุพินถึงแม้ว่าธานินทร์จะรับรู้ถึงแผนการนี้ด้วยแต่เขาก็ไม่ค่อยใส่ใจสนใจมากนักเพราะชีวิตตอนนี้ของเขามีเพียงแค่เพื่อนและเรื่องสนุกนอกบ้านและนี่คือสาเหตุที่ทำให้อมราอยากจะมีหลานสักคนเพราะอยากจะมีเพื่อนคลายเหงาและหวังว่าเด็กเล็กๆจะทำให้ชีวิตของเธอมีความสุขขึ้นมาอีกครั้งเหมือนครั้งที่เธอได้เป็นแม่คน
“ทำไมต้องรีบลุกมาจัดการเรื่องอาหารคนงานที่บ้านเราก็มีเยอะ”
อมราหันไปพูดกับมินตราพี่กำลังออกมาช่วยจัดโต๊ะอาหารและจากใบหน้าที่มีความเขินอายของสาวน้อยทำให้อมรารู้ได้เลยว่าเมื่อคืนนี้ลูกชายของเธอได้กระชับความสัมพันธ์ให้คืบหน้าแล้ว
“มิ้นไม่มีอะไรทำก็เลยตื่นมาช่วยแม่ค่ะ”
มินตรารีบตอบและหันหน้าไปทางอื่นเธอรู้ดีว่าทุกคนในบ้านกำลังจ้องมองและคิดอะไรกันอยู่ สาวน้อยผู้อ่อนต่อโลกเธอแทบจะไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น
“คุณแม่ครับ...มิ้นล่ะ”
เปรมธวัชเดินลงมาจากชั้น 2 ของบ้านทันทีที่มองไม่เห็นภรรยาเขาก็รีบถามหาโดยไม่ได้สังเกตสายตาของทุกคนเลยว่ากำลังมองเขาแบบไหน
“พอเช้ามาก็ถามหาเลยนะสงสัยเมื่อคืนนี้หนูมิ้นจะหยอดยาเสน่ห์อะไรไว้”
อมราแกล้งหยอกพูดแซวลูกชายเพราะเห็นใบหน้าที่ดูมีความสุขแล้วก็อดที่จะคิดถึงภาพที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้ตามประสาหนุ่มสาว
“คุณแม่ก็มาแซวผมถ้ามิ้นมาได้ยินเธอคงจะเขินน่าดูที่ผมถามหาเพราะจะพาเธอไปซื้อเสื้อผ้าใหม่”
สำหรับเปรมธวัชแล้วเรื่องราวแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติเขาไม่ได้รู้สึกเขินอายแต่กลัวว่ามินตราสาวน้อยผู้ไม่เคยผ่านเรื่องนี้มาก่อนถ้ามาได้ยินเข้าเธออาจจะทำหน้าไม่ถูก
“จัดโต๊ะอาหารให้แม่เสร็จก็ไม่ยอมมากินข้าวด้วยลูกลองไปตามในครัว”
เปรมธวัชรีบเดินไปยังเรือนหลังเล็กบริเวณครัวเพื่อไปตามภรรยาให้ออกมากินข้าวด้วยซึ่งตอนแรกมินตราขอที่จะกินข้าวกับแม่แต่เมื่อเปรมธวัชบอกว่าอมราให้มาตามหญิงสาวจึงจำเป็นต้องยอมออกไป
“ต่อไปนี้ก็มากินข้าวด้วยกัน”
อมราหันไปกระซิบกับลูกสะใภ้คนใหม่เพราะเธออยากให้มินตรารู้ว่าต่อแต่นี้เธอไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะของลูกแม่บ้านแต่เธอกำลังเป็นลูกสะใภ้ถึงแม้ว่าสังคมภายนอกจะไม่รับรู้แต่เมื่ออยู่ในบ้านเธอจะได้ศักดิ์ศรีทุกอย่างในฐานะลูกสะใภ้ของเขา
“กินเสร็จแล้วผมจะพาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่”
เปรมธวัชหันมาทำหน้าจริงจังใส่ภรรยาตัวเล็กที่นั่งข้างๆเพราะเขารู้สึกว่าการที่เขาแสดงสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอายเขาจึงเลือกที่จะวางตัวเป็นผู้ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแทน
“ไม่เป็นไรค่ะ มิ้นมีเสื้อผ้าเยอะแล้ว”
สาวน้อยไม่เข้าใจทำไมเขาต้องอยากพาเธอไปซื้อเสื้อผ้าในเมื่อตอนนี้เธอก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องนี้เสียหน่อย
“บอกให้ไปก็ไปเถอะอย่าขัดใจเลย”
ชายหนุ่มใช้ไม้ตายสีหน้าเคร่งขรึมจนอีกฝ่ายไม่กล้าปฏิเสธและต้องรีบขึ้นไปจัดการตัวเองเพื่อที่จะออกไปข้างนอกกับเขา
ตอนที่13พร้อมหน้าครอบครัวใหญ่ วันนี้พ่อกับแม่ของภูผาจะเดินทางมาถึงที่สนามบินเชียงใหม่ วันนี้ครัวเวียดนามหยุดหนึ่งวัน เพื่อเตรียมรับทั้งคู่ “คิดถึงจังเลยลูกรักของแม่” นาตาลีโผเข้ากอดลูกชายทันที ที่ได้เจอหน้ากันที่สนามบิน “มิสยู เช่นกันครับ” ชายหนุ่มโดนหญิงสาวอวบจนเกือบอ้วน ตัวใหญ่ตามแบบฝรั่ง จูบแก้มซ้ายแก้มขวาด้วยความคิดถึง “แม่กับพ่อครับนี่ขิมและปูนปั้น ภรรยาและลูกชายของผม” ทั้งสองคนมัวแต่ดีใจที่ได้เจอหน้าลูกชายที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี จนลืมสังเกตว่าเขาไม่ได้มาแค่คนเดียว “ฮาย ปูนปั้น มาให้...แม่ต้องเป็นอะไรนะ” นาตาลีหันไปถามลูกชาย เธอเริ่มจำสับสนว่าเธอควรจะเป็นย่าหรือยายกันแน่ “คุณแม่ต้องเป็นคุณย่าสิครับ” ปูนปั้นเด็กน้อยที่เข้ากับทุกคนได้เสมอ เพราะเขาโตมากับร้านอาหารจึงยอมให้ย่ากับปู่อุ้มแต่โดยดี “ปู่ซื้อของเล่นมาให้เยอะเลย ได้ข่าวว่าหลายชายคนเก่งเป็นเชฟน้อยใช่ไหม” “ใช่ครับ เชฟปูนปั้น” ปู่กับย่าต่างหัวเราะให้กับความฉอเลาะของหลานชาย ความจริงแล้วทั้งคู่
ตอนที่12สารภาพผิด “ขิมพรุ่งนี้คุณไปธุระกับผมหน่อยนะ เอาลูกไปด้วย” “อืม” หญิงสาวตอบแค่เพียงสั้นๆ เพื่อแสดงว่าเธอรับรู้ เพราะตอนนี้เธอเมาจนไม่อยากพูดอะไร ภูผานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่นอนข้างเขารู้อะไรมา และสิ่งที่รู้มันคือเรื่องจริงไหม เธอรู้เอง หรือมีใครมาเล่าให้ฟัง แต่สิ่งที่ชายหนุ่มมั่นใจ คือภรรยาของเขาดูเอาจริงเอาจัง ถ้าเขายังไม่แสดงออกให้เธอรู้สึกเชื่อใจ มีหวังไม่นาน คำว่าครอบครัวของเขาต้องพังยับเยินแน่ เพียงแค่หลับตา ภูผาก็คิดถึงใบหน้าของพี่สะใภ้ เขาให้สัญญากับเธอไว้ ว่าจะดูแลเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่น ปูนปั้นให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เขาเพิ่งคิดได้ ว่าเขาแทบจะไม่มีเวลาเล่นกับลูกเหมือนตอนลูกมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ บางวันเขาออกไปทำงานแต่เช้า แล้วก็กลับดึก อย่างเช่นวันนี้ เขาได้เห็นหน้าลูกก็แค่ตอนที่ลูกหลับแล้วเท่านั้น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา ภูผาเองพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ เขาคิดว่าขิมต้องรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่เขาก็โทรไปถามพนักงานตลอด ทางนั้นก็ยืนยันว่าขิมไม่ได้ไปทั้งสองร้านเลย แ
ตอนที่11ไม่ไว้ใจ “ไหนว่าจะกลับดึกคะ เด็กที่ร้านเพิ่งกลับไปเอง” ป้าสุเพิ่งอาบน้ำให้ปูนปั้นเสร็จ กำลังนั่งทาแป้งแต่งตัวกัน ถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกขิมบอกกับเธอว่าคงกลับดึก “วันนี้ขิมเช่ารถสะกดรอยตามคุณภูไปค่ะ ” หญิงสาวหยุดเล่าก่อนจะเดินไปอุ้มลูกชายมาหอมและกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ “เกิดอะไรขึ้นคะคุณขิม” ป้าสุเห็นท่าทีของคนเล่า เริ่มไม่ค่อยสบายใจ เพราะสิ่งที่เจ้านายของเธอไปเจอคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ “ขิมเจอผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรถไปกลับคุณภู และเส้นทางที่ไป ไม่ใช่ทางไปร้าน แต่เป็นทางไปคอนโดที่คุณภูเคยอยู่ ขิมเลยบอกให้คนขับพาขิมกลับ ขิมยังไม่พร้อมค่ะป้า ขิมกลัว” ป้าสุได้แต่พยักหน้าเข้าใจ ขิมเธอเป็นผู้หญิงที่ชีวิตโดดเดี่ยว ถ้าเธอต้องเสียคุณภูไป เธอคงไม่รู้จะอยู่อย่างไร “คุณแม่ วันนี้ปูนไปนอนด้วยนะ” “นอนได้ครับ แต่ถ้าจะหลับแล้ว ต้องกลับไปนอนห้องของตัวเอง เดี๋ยวคุณยายไม่มีใครนอนด้วย ปูนปั้นไม่ห่วงคุณยายเหรอครับ” ขิมพยายามปรับอารมณ์เมื่อลูกชายของเธอหันมาคุยด้วย เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นสัมผัสได้ถึ
ตอนที่10เริ่มต้นครอบครัว หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของวริน ภูวดลตัดสินใจบวชอย่างไม่มีกำหนด เรื่องงานเขามีลูกน้องที่ไว้ใจดูแลให้ ภูผาพาครอบครัวของเขาและป่าสุแม่บ้านที่เลี้ยงดูปูนปั้นกลับมาที่เชียงใหม่ด้วย “แล้วเราจะเลี้ยงลูกที่ไหนคะ” ขิมถามเพราะเธอกับเขาต่างอยู่กันคนละที่ เลยคิดไม่ออกว่าที่ไหนจะเหมาะกว่ากัน “เลี้ยงที่บ้านคุณ ผมตัดสินใจแล้ว จะซื้อบ้านที่ประกาศขายที่อยู่ติดกับบ้านของคุณ และจะให้ช่างมาออกแบบทุบให้ทั้งสองหลังให้เชื่อมติดกัน” ขิมเห็นด้วยกับความคิดของภูผาเพราะบ้านของเธอหรือคอนโดของเขาก็คงจะเล็กไป ถ้าต้องอยู่กันถึงสี่คน ร้านอาหารถูกปิดไปก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาแค่เพียงสามวัน เพราะตลอดเวลาที่ทั้งสองคนอยู่กรุงเทพ ร้านยังคงเปิดอยู่ ภูผาจึงอยากให้ทุกคนได้พักบ้าง****หนึ่งปีผ่านไป**** “ปูนปั้นครับ ห้ามเดินลงบันไดคนเดียวเด็ดขาด ถ้าคุณแม่เห็นอีกจะไม่เตือนแล้วนะ ต้องมีการลงโทษกันบ้างแล้ว ” ขิมดุลูกชายที่เริ่มซนมากขึ้น เพราะตอนนี้อายุจะสองขวบเต็มแล้ว ป้าสุเองก็อายุมากตามหลานไม่ค่อยทัน “คุณหนูม
ตอนที่9ชีวิตใหม่และการจากไปตลอดกาล คืนแรกในบ้านของภูวดล ในบทบาทของพ่อและแม่ของหนูน้อยปูนปั้น ทำให้ขิมยอมใจอ่อน กลับมาทำหน้าที่ภรรยาของภูผาอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าวรินเองยังกลัวการที่ตาหนูต้องไปอยู่กับแม่เลี้ยง ดังนั้นในเมื่อเธอเป็นแม่แท้ๆ เธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอ ต้องได้เจอทั้งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงเลย ขิมจึงให้โอกาสภูผาอีกสักครั้ง “เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุดนะ” ชายหนุ่มกอดแม่ของลูก ด้วยความรู้สึกดีใจและมีความสุขที่จะได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว ตั้งแต่เกิดมาพี่น้องฝาแฝด ไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งแม่และลูกเลยสักครั้ง เพราะทั้งฝั่งตาและปู่ไม่ยินยอม และพ่อของเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว จึงตกลงกันที่รับผิดชอบลูกกันไปคนละคน ภูผาตั้งใจว่า เมื่อครั้งนี้เขาเปลี่ยนบทจากลูกมาเป็นพ่อ เขาจะดูแลครอบครัวของเขาให้สมบูรณ์และดีที่สุด วรินเรียกภูผาและขิมเข้าไปหาเธอทุกวันในช่วงสาย เพราะหลังจากเวลานั้นเธอจะต้องกินยานอนหลับเพื่อไม่ให้ทรมานกับการปวดท้อง และจะตื่นอีกทีช่วงหัวค่ำเพื่อมาเล่นกับปูปั้นลูกชายของเธอ ทั้งสองคนได้เรียนรู้อุป
ตอนที่8พร้อมหน้า เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพของภูวดลกับวริน ต่างก็มองหน้ากันและจับมือเพื่อหวังให้มันช่วยส่งกำลังที่เข้มแข็งผ่านมือที่กุมกันไว้ “คุณ...” สาวใช้ของบ้านถึงรู้อยู่แล้วว่าน้องชายฝาแฝดของเจ้าของบ้านกำลังจะมา แต่เมื่อเห็นตัวจริงที่เหมือนกันทุกอย่าง ก็ทำเอาเด็กสาวถึงขั้นตกใจ “ผมภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดลและนี่ภรรยาของผม” ขิมถึงกับตกใจกับคำแนะนำตัวเธอ ที่ชายหนุ่มพูดออกไป “เชิญทางนี้ค่ะ” ทั้งสองคนเดินตามสาวใช้ ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ที่บันไดตกแต่งด้วยภาพของปูนปั้นเต็มไปหมด “นี่คุณใครเขาให้คุณแนะนำแบบนั้น ฉันไปเป็นภรรยาของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” ขิมเดินเกาะแขนภูผา ปากก็บ่นเขาไปตลอดทาง บางจังหวะหมั่นไส้ก็แอบหยิกบ้าง “ต้องให้ผมอธิบายไหม ว่าเมื่อไหร่ ท่าไหน คุณอย่ามัวทำเป็นเล่น เรากำลังจะไปจัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตของลูกเรานะ” “ขิมขอโทษ ” หญิงสาวลืมคิดไปว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาไม่พอใจเขา เพราะข้างหน้ามีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่า ภาพของปูนปั