ตอนที่ 2
คำขอร้องจากผู้มีพระคุณ
เปรมธวัชเดินออกมาจากคอนโดมิเนียมแต่เขาก็ต้องกลับไปอีกครั้งเมื่อคิดขึ้นได้ว่าลืมแฟ้มเอกสารบางอย่างไว้
“สุดท้ายเธอก็หักหลังฉัน”
ภาพที่เปรมธวัชได้เห็นคือผู้ชายที่เขาไม่คุ้นหน้ากำลังเดินเข้าไปยังห้องของนาเดียโดยที่หญิงสาวเป็นคนเปิดประตูให้สองมือที่คล้องคอและดึงตัวผู้ชายคนนั้นเข้าห้องทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่า ทั้งคู่มีความสัมพันธ์อะไรกัน
ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปแสดงตัว เขาไม่ต้องการเป็นคนโง่ที่โดนหักหลังอีกแล้วเขาจึงเลือกที่จะเดินออกมาและส่งข้อความกลับไปหาหญิงสาวที่เป็นคู่ขาให้เขาย้ายออกจากคอนโดของเขาภายในวันนี้ด้วยเหตุผลว่าเขาต้องการพาผู้หญิงคนใหม่มาอยู่
เปรมธวัชตัดสินใจที่จะเดินหน้าเรื่องของมินตราทันทีชีวิตที่ผ่านมาทำให้เขาเริ่มกลัวว่าบางทีเงินทองที่เขามีอยู่จะไม่สามารถซื้อความรักจากใครได้อีกเขาจึงคิดว่าบางทีคำว่ามีพระคุณอาจจะทำให้เขาเป็นที่ต้องการของมินตราก็ได้
“วันนี้คุณเปรมมาร่วมยินดีด้วยนะลูก”
ยุพาหันไปบอกลูกสาวด้วยความซาบซึ้งใจที่ลูกชายของเจ้านายมาร่วมแสดงความยินดีกับลูกสาวของเธอในวันรับปริญญา
“มิ้นขอบคุณคุณเปรมมากนะคะที่มาร่วมยินดีกับมิ้นในวันนี้”
สาวน้อยในชุดเตรียมพร้อมรับปริญญาหอบดอกไม้ช่อใหญ่รีบเดินมาทักทายคนทั้งคู่ มินตรารู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าเปรมธวัชจะมาด้วยแต่เธอก็แอบคิดว่าบางทีเขาอาจจะแค่สัญญาและไม่มาจริง
“โตเป็นสาวแล้วหน้าเปลี่ยนไปเยอะมากผมยินดีด้วยนะ กับความสำเร็จในครั้งนี้”
เปรมธวัชส่งสายตาอย่างเป็นมิตรและแสนอบอุ่นให้สาวน้อย ด้วยบุคลิกท่าทางและอายุของเขาทำให้เขาดูผู้ชายที่ภูมิฐานในสายตาของมินตรา
“เรามาถ่ายรูปกันดีกว่าครับ”
ชายหนุ่มส่งโทรศัพท์ให้เพื่อนของมินตราช่วยถ่ายรูปเขากับสาวน้อยในชุดรับปริญญาสร้างความแปลกใจให้กับมินตราเป็นอย่างมากเพราะความจริงเธอมีช่างภาพมาดูแลในเรื่องนี้อยู่แต่เปรมธวัชกลับใช้โทรศัพท์ของตัวเอง
เปรมธวัชโพสรูปของเขากับมินตราลงในโซเชียลทันทีเพราะเขาต้องการให้ทุกคนได้รับรู้ว่าเขาเองมีผู้หญิงรายล้อมตัวไม่ได้ขัดสนในเรื่องนี้แต่ทุกวันนี้ที่ไม่แต่งงานเพราะเขายังไม่คิดจะเลือกใครมากกว่า
ผู้ชายที่ดูมีพร้อมอย่างเปรมธวัชกับกลายเป็นคนที่หลอกตัวเองในทุกวันเขาสร้างกำแพงชีวิตขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนมองว่าเขาเป็นคนที่ร่ำรวยความรักทั้งที่ความจริงแล้วเขาคือคนที่ขาดความรักอย่างที่สุดเพราะการใช้เงินซื้อทุกอย่างมันไม่ได้ทำให้ใครรักเขาจากหัวใจจริง
“ฉันขอยินดีกับเธอด้วยนะมินตราที่มานะเรียนจนจบ”
อมรารู้สึกยินดีกับสาวน้อยตรงหน้าที่มีความพยายามขยันจนเรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้และเธอก็อดภูมิใจในตัวเองไม่ได้เหมือนกันที่เป็นคนส่งเสียสาวน้อยคนนี้จนเรียนจบ
“มิ้นมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะบุญคุณของคุณท่านทั้งสองคน มิ้นกับแม่จะไม่มีวันลืมเลยค่ะ”
หญิงสาวก้มกราบลงไปที่เท้าของอมราส่วนคุณท่านผู้ชายช่วงนี้ไม่ค่อยกลับบ้านมินตราจึงไม่มีโอกาสได้บอกข่าวดีเรื่องนี้
“แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะไปทำงานที่ไหน”
หญิงสูงวัยเริ่มถามถึงอนาคตเพราะเธอต้องการจะเข้าเรื่องที่เธอวางแผนไว้ทันทีไม่อยากปล่อยให้ทุกอย่างนานเกินไปกลัวว่าถ้ามินตรามีอนาคตที่สดใสกว่านี้เธออาจจะปฏิเสธ
“ยังไม่ได้ไปหางานทำเลยค่ะมีแต่เขียนใบสมัครทิ้งไว้แต่ก็ยังไม่มีบริษัทไหนติดต่อมา”
มินตราตอบเสียงเจื้อยแจ้วเธอไม่รู้เลยว่าคำถามนี้ไม่ได้ถามเพียงเพราะเป็นห่วงแต่อีกฝ่ายกำลังวางแผนอนาคตไว้ให้เธอ
“ฉันมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะขอร้องเธอและมันคงเป็นสิ่งเดียวที่ในชีวิตนี้ฉันจะขอร้องจากเธอนะมินตรา”
สาวน้อยหันมองสบตามารดาเพราะคิดว่าสิ่งที่อมราพูดตอนนี้แม่ของเธอน่าจะเข้าใจดีว่าหมายถึงอะไร
“คุณท่านจะให้มินทำอะไรคะถ้ามันเป็นการทำให้คุณท่านมีความสุขมิ้นพร้อมจะทำเสมอเพราะครอบครัวมิ้นอยู่ดีมีสุขได้ ทุกวันนี้ก็เพราะพระคุณของคุณท่านค่ะ”
อมราเรียกสาวน้อยให้ลุกขึ้นมานั่งข้างๆกับเธอก่อนที่เธอจะพูดถึงแผนการทั้งหมดที่เธอต้องการจ้างมินตราให้มาเป็นภรรยาอุ้มท้องให้กับหลานคนแรกของครอบครัวโดยที่สาวน้อยกับเปรมธวัชจะเป็นเพียงแค่ภรรยาลับๆกันเท่านั้นเมื่อไหร่ที่ทายาทของตระกูลได้กำเนิดขึ้นอมราจะคืนอิสระในชีวิตให้กับมินตราทันที
“มิ้นขอตัดสินใจก่อนได้ไหมคะ”
สาวน้อยจากที่ตั้งใจว่าเธอพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเป็น การตอบแทนพระคุณแต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้มีพระคุณต้องการเธอก็ถึงกับต้องขอไปตัดสินใจเพราะเรื่องนี้นี้มันคือชีวิตของเธอคืออนาคตคือทุกอย่างสำหรับชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งมาก
“ฉันเข้าใจดีว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กหวังว่าการตัดสินใจของเธอจะทำให้ฉันได้มีโอกาสเป็นย่ากับเขาสักครั้งสาเหตุที่ฉันเลือกเธอเพราะเธอเป็นคนน่ารักเป็นคนดี ทายาทคนเดียวของตระกูลฉันควรจะมีแม่เป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมอย่างเธอนะมินตรา”
อมราไม่ใช่แค่เพียงพูดคำหวานเพื่อหวังให้อีกฝ่ายตัดสินใจยอมทำในสิ่งที่เธอต้องการแต่หญิงสูงวัยพูดออกจากหัวใจที่แท้จริงมินตราถึงเธอจะมาจากครอบครัวที่เป็นเพียงแค่สาวรับใช้ในบ้านแต่ความดีงามของเธอมีพร้อมในทุกอย่างทั้งความขยันความกตัญญูซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีในตัวผู้หญิงทุกคน
สองคนแม่ลูกเดินกลับมาที่เรือนเล็กหลังบ้าน ยุพาไม่กล้าแม้แต่จะออกความคิดเห็นใดๆเธอปล่อยให้การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปโดยอิสระเพราะอย่างไรมินตราก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วควรที่จะมีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อย”
เสียงทุ้มที่ฟังดูเยือกเย็นดังมาจากด้านหลังทำให้ทั้งยุพาและมินตราต้องรีบหันกลับไปมองและเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงคือ เปรมธวัชยุพาก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้านายของเขามาถึงเรือนหลังเล็กด้วยเหตุผลอะไรจึงได้ขอตัวเดินออกมาเพื่อหวังให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสคุยกัน
“สิ่งที่คุณแม่ขอร้องมันก็เป็นสิ่งที่ยากต่อการตัดสินใจแต่ผมอยากให้มินตราลองคิดทบทวนดูให้ดีชีวิตของคุณและแม่มีวันนี้ได้เพราะใครที่ผมพูดไม่ได้ต้องการจะลำเลิกบุญคุณแต่แค่อยากให้คุณมองเห็นว่าคนที่คอยช่วยเหลือคุณทุกอย่างกำลังมีความทุกข์อยู่และคุณคือคนเดียวที่ช่วยท่านได้”
เปรมธวัชพยายามพูดให้ตัวเองดูดีทั้งที่ความจริงเขาก็กำลังลำเลิกบุญคุณในสิ่งที่แม่ของเขาเคยทำให้กับครอบครัวของมินตรา
“ทำไมต้องเป็นมิ้นคะผู้หญิงคนอื่นมีตั้งมากมายผู้ชายที่มีพร้อมอย่างคุณเปรมน่าจะหาได้ไม่ยาก”
หญิงสาวถามในสิ่งที่เธออยากรู้เพราะดูจากรูปร่างหน้าตาและฐานะของเปรมธวัชแล้วเขาไม่น่าจะหาผู้หญิงไม่ได้น่าจะเป็นฝ่ายปฏิเสธผู้หญิงเสียมากกว่า
“เพราะผมไม่ชอบผู้หญิงพวกนั้น บางคนก็เป็นเพื่อนที่ดี บางคนก็เป็นคู่นอนที่เหมาะสมแต่ยังไม่มีใครเหมาะที่จะเป็นแม่ของลูกและสาเหตุที่ผมกับคุณแม่เลือกคุณเพราะเชื่อว่าคุณเป็นคนดีและเมื่อทุกอย่างสำเร็จเรามั่นใจว่าคุณจะไม่ผูกมัดเรียกร้องอะไรจากเราแต่สิ่งนี้เราไม่แน่ใจในตัวผู้หญิงคนอื่น”
มินตราเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เปรมธวัชต้องการสื่อสาร ชายหนุ่มและครอบครัวกลัวว่าถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นอาจจะเรียกร้องเงินทองทรัพย์สมบัติหรือต่อรองในเรื่องอื่นๆแต่ถ้าเป็นตัวเธอทั้งคู่มั่นใจว่าเธอจะยอมอยู่เงียบๆ
“มิ้นขอเวลาตัดสินใจก่อนนะคะตอนนี้คงให้คำตอบอะไรไม่ได้”
สาวน้อยยังคงยืนยันคำเดิมเพราะเธออยากถามเสียงของหัวใจตัวเองให้ชัดเจนกว่านี้เพราะมันคือทั้งชีวิต การมีลูกกับผู้ชายคนหนึ่งมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่ทำแล้วก็จบไป
“ในวันที่แม่ของผมเจอน้ายุพาเดินอยู่ที่ริมถนนแม่ใช้เวลาตัดสินใจไม่ถึงเสี้ยวนาทีที่จะช่วยเหลือน้ายุพาและเด็กน้อยคนนั้น ผมหวังว่าคุณคงใช้เวลาไม่นานที่จะให้คำตอบกับคนแก่ที่รอคอยวันนี้มาทั้งชีวิต”
เปรมธวัชเล่นบทโศกพร้อมกับคำพูดที่กรีดลงไปถึงหัวใจ คนฟังเพื่อบีบให้มินตรารู้ว่าในวันที่แม่ของเขาตัดสินใจช่วยแม่ของเธอและตัวเธอเองวันนั้นแม่ของเขาไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจอะไรมากมายคำว่าเพื่อนมนุษย์ต้องช่วยเหลือกันทำให้ทุกอย่างเป็นอย่างทุกวันนี้
ภาพความทรงจำครั้งเก่าย้อนเข้ามาในความนึกคิดของมินตราถึงแม้ตอนนั้นเธอจะยังเด็กมากแต่เธอก็จำได้ดีว่าความกลัวตอนนั้นมันเป็นอย่างไรท้องของเธอหิว ความเหนื่อยทำให้เธออ่อนล้าและง่วงนอนแต่กลับไม่รู้ว่าเธอจะไปใช้ชีวิตที่ไหนจนได้มาเจอกับอมราที่หยิบยื่นทั้งที่พักอาหารและอนาคตให้กับเธอและแม่จนถึงทุกวันนี้
“มิ้นตกลงที่จะเป็นแม่ให้ลูกคุณค่ะ”
สาวน้อยยอมตกลงทั้งที่เธอยังได้ถามเสียงหัวใจตัวเองแต่รู้แค่เพียงว่าคำพูดของเปรมธวัชทำให้เธอคิดได้แต่คำว่าตอบแทนบุญคุณสาวน้อยได้แต่รีบเดินกลับเข้าไปในห้องนอน เธอร้องไห้ให้กับอนาคตของตัวเองที่คงไม่เป็นไปอย่างที่วางไว้แต่ในเมื่อชีวิตนี้เธอมีทุกวันนี้ได้เพราะอมราเธอจะขอตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยอนาคตและชีวิตทั้งหมดของเธอสักครั้ง
ตอนที่13พร้อมหน้าครอบครัวใหญ่ วันนี้พ่อกับแม่ของภูผาจะเดินทางมาถึงที่สนามบินเชียงใหม่ วันนี้ครัวเวียดนามหยุดหนึ่งวัน เพื่อเตรียมรับทั้งคู่ “คิดถึงจังเลยลูกรักของแม่” นาตาลีโผเข้ากอดลูกชายทันที ที่ได้เจอหน้ากันที่สนามบิน “มิสยู เช่นกันครับ” ชายหนุ่มโดนหญิงสาวอวบจนเกือบอ้วน ตัวใหญ่ตามแบบฝรั่ง จูบแก้มซ้ายแก้มขวาด้วยความคิดถึง “แม่กับพ่อครับนี่ขิมและปูนปั้น ภรรยาและลูกชายของผม” ทั้งสองคนมัวแต่ดีใจที่ได้เจอหน้าลูกชายที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี จนลืมสังเกตว่าเขาไม่ได้มาแค่คนเดียว “ฮาย ปูนปั้น มาให้...แม่ต้องเป็นอะไรนะ” นาตาลีหันไปถามลูกชาย เธอเริ่มจำสับสนว่าเธอควรจะเป็นย่าหรือยายกันแน่ “คุณแม่ต้องเป็นคุณย่าสิครับ” ปูนปั้นเด็กน้อยที่เข้ากับทุกคนได้เสมอ เพราะเขาโตมากับร้านอาหารจึงยอมให้ย่ากับปู่อุ้มแต่โดยดี “ปู่ซื้อของเล่นมาให้เยอะเลย ได้ข่าวว่าหลายชายคนเก่งเป็นเชฟน้อยใช่ไหม” “ใช่ครับ เชฟปูนปั้น” ปู่กับย่าต่างหัวเราะให้กับความฉอเลาะของหลานชาย ความจริงแล้วทั้งคู่
ตอนที่12สารภาพผิด “ขิมพรุ่งนี้คุณไปธุระกับผมหน่อยนะ เอาลูกไปด้วย” “อืม” หญิงสาวตอบแค่เพียงสั้นๆ เพื่อแสดงว่าเธอรับรู้ เพราะตอนนี้เธอเมาจนไม่อยากพูดอะไร ภูผานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่นอนข้างเขารู้อะไรมา และสิ่งที่รู้มันคือเรื่องจริงไหม เธอรู้เอง หรือมีใครมาเล่าให้ฟัง แต่สิ่งที่ชายหนุ่มมั่นใจ คือภรรยาของเขาดูเอาจริงเอาจัง ถ้าเขายังไม่แสดงออกให้เธอรู้สึกเชื่อใจ มีหวังไม่นาน คำว่าครอบครัวของเขาต้องพังยับเยินแน่ เพียงแค่หลับตา ภูผาก็คิดถึงใบหน้าของพี่สะใภ้ เขาให้สัญญากับเธอไว้ ว่าจะดูแลเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่น ปูนปั้นให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เขาเพิ่งคิดได้ ว่าเขาแทบจะไม่มีเวลาเล่นกับลูกเหมือนตอนลูกมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ บางวันเขาออกไปทำงานแต่เช้า แล้วก็กลับดึก อย่างเช่นวันนี้ เขาได้เห็นหน้าลูกก็แค่ตอนที่ลูกหลับแล้วเท่านั้น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา ภูผาเองพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ เขาคิดว่าขิมต้องรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่เขาก็โทรไปถามพนักงานตลอด ทางนั้นก็ยืนยันว่าขิมไม่ได้ไปทั้งสองร้านเลย แ
ตอนที่11ไม่ไว้ใจ “ไหนว่าจะกลับดึกคะ เด็กที่ร้านเพิ่งกลับไปเอง” ป้าสุเพิ่งอาบน้ำให้ปูนปั้นเสร็จ กำลังนั่งทาแป้งแต่งตัวกัน ถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกขิมบอกกับเธอว่าคงกลับดึก “วันนี้ขิมเช่ารถสะกดรอยตามคุณภูไปค่ะ ” หญิงสาวหยุดเล่าก่อนจะเดินไปอุ้มลูกชายมาหอมและกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ “เกิดอะไรขึ้นคะคุณขิม” ป้าสุเห็นท่าทีของคนเล่า เริ่มไม่ค่อยสบายใจ เพราะสิ่งที่เจ้านายของเธอไปเจอคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ “ขิมเจอผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรถไปกลับคุณภู และเส้นทางที่ไป ไม่ใช่ทางไปร้าน แต่เป็นทางไปคอนโดที่คุณภูเคยอยู่ ขิมเลยบอกให้คนขับพาขิมกลับ ขิมยังไม่พร้อมค่ะป้า ขิมกลัว” ป้าสุได้แต่พยักหน้าเข้าใจ ขิมเธอเป็นผู้หญิงที่ชีวิตโดดเดี่ยว ถ้าเธอต้องเสียคุณภูไป เธอคงไม่รู้จะอยู่อย่างไร “คุณแม่ วันนี้ปูนไปนอนด้วยนะ” “นอนได้ครับ แต่ถ้าจะหลับแล้ว ต้องกลับไปนอนห้องของตัวเอง เดี๋ยวคุณยายไม่มีใครนอนด้วย ปูนปั้นไม่ห่วงคุณยายเหรอครับ” ขิมพยายามปรับอารมณ์เมื่อลูกชายของเธอหันมาคุยด้วย เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นสัมผัสได้ถึ
ตอนที่10เริ่มต้นครอบครัว หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของวริน ภูวดลตัดสินใจบวชอย่างไม่มีกำหนด เรื่องงานเขามีลูกน้องที่ไว้ใจดูแลให้ ภูผาพาครอบครัวของเขาและป่าสุแม่บ้านที่เลี้ยงดูปูนปั้นกลับมาที่เชียงใหม่ด้วย “แล้วเราจะเลี้ยงลูกที่ไหนคะ” ขิมถามเพราะเธอกับเขาต่างอยู่กันคนละที่ เลยคิดไม่ออกว่าที่ไหนจะเหมาะกว่ากัน “เลี้ยงที่บ้านคุณ ผมตัดสินใจแล้ว จะซื้อบ้านที่ประกาศขายที่อยู่ติดกับบ้านของคุณ และจะให้ช่างมาออกแบบทุบให้ทั้งสองหลังให้เชื่อมติดกัน” ขิมเห็นด้วยกับความคิดของภูผาเพราะบ้านของเธอหรือคอนโดของเขาก็คงจะเล็กไป ถ้าต้องอยู่กันถึงสี่คน ร้านอาหารถูกปิดไปก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาแค่เพียงสามวัน เพราะตลอดเวลาที่ทั้งสองคนอยู่กรุงเทพ ร้านยังคงเปิดอยู่ ภูผาจึงอยากให้ทุกคนได้พักบ้าง****หนึ่งปีผ่านไป**** “ปูนปั้นครับ ห้ามเดินลงบันไดคนเดียวเด็ดขาด ถ้าคุณแม่เห็นอีกจะไม่เตือนแล้วนะ ต้องมีการลงโทษกันบ้างแล้ว ” ขิมดุลูกชายที่เริ่มซนมากขึ้น เพราะตอนนี้อายุจะสองขวบเต็มแล้ว ป้าสุเองก็อายุมากตามหลานไม่ค่อยทัน “คุณหนูม
ตอนที่9ชีวิตใหม่และการจากไปตลอดกาล คืนแรกในบ้านของภูวดล ในบทบาทของพ่อและแม่ของหนูน้อยปูนปั้น ทำให้ขิมยอมใจอ่อน กลับมาทำหน้าที่ภรรยาของภูผาอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าวรินเองยังกลัวการที่ตาหนูต้องไปอยู่กับแม่เลี้ยง ดังนั้นในเมื่อเธอเป็นแม่แท้ๆ เธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอ ต้องได้เจอทั้งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงเลย ขิมจึงให้โอกาสภูผาอีกสักครั้ง “เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุดนะ” ชายหนุ่มกอดแม่ของลูก ด้วยความรู้สึกดีใจและมีความสุขที่จะได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว ตั้งแต่เกิดมาพี่น้องฝาแฝด ไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งแม่และลูกเลยสักครั้ง เพราะทั้งฝั่งตาและปู่ไม่ยินยอม และพ่อของเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว จึงตกลงกันที่รับผิดชอบลูกกันไปคนละคน ภูผาตั้งใจว่า เมื่อครั้งนี้เขาเปลี่ยนบทจากลูกมาเป็นพ่อ เขาจะดูแลครอบครัวของเขาให้สมบูรณ์และดีที่สุด วรินเรียกภูผาและขิมเข้าไปหาเธอทุกวันในช่วงสาย เพราะหลังจากเวลานั้นเธอจะต้องกินยานอนหลับเพื่อไม่ให้ทรมานกับการปวดท้อง และจะตื่นอีกทีช่วงหัวค่ำเพื่อมาเล่นกับปูปั้นลูกชายของเธอ ทั้งสองคนได้เรียนรู้อุป
ตอนที่8พร้อมหน้า เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพของภูวดลกับวริน ต่างก็มองหน้ากันและจับมือเพื่อหวังให้มันช่วยส่งกำลังที่เข้มแข็งผ่านมือที่กุมกันไว้ “คุณ...” สาวใช้ของบ้านถึงรู้อยู่แล้วว่าน้องชายฝาแฝดของเจ้าของบ้านกำลังจะมา แต่เมื่อเห็นตัวจริงที่เหมือนกันทุกอย่าง ก็ทำเอาเด็กสาวถึงขั้นตกใจ “ผมภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดลและนี่ภรรยาของผม” ขิมถึงกับตกใจกับคำแนะนำตัวเธอ ที่ชายหนุ่มพูดออกไป “เชิญทางนี้ค่ะ” ทั้งสองคนเดินตามสาวใช้ ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ที่บันไดตกแต่งด้วยภาพของปูนปั้นเต็มไปหมด “นี่คุณใครเขาให้คุณแนะนำแบบนั้น ฉันไปเป็นภรรยาของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” ขิมเดินเกาะแขนภูผา ปากก็บ่นเขาไปตลอดทาง บางจังหวะหมั่นไส้ก็แอบหยิกบ้าง “ต้องให้ผมอธิบายไหม ว่าเมื่อไหร่ ท่าไหน คุณอย่ามัวทำเป็นเล่น เรากำลังจะไปจัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตของลูกเรานะ” “ขิมขอโทษ ” หญิงสาวลืมคิดไปว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาไม่พอใจเขา เพราะข้างหน้ามีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่า ภาพของปูนปั