เธอถูกจ้างให้มาตั้งท้องในสัญญาบอกทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว....แต่ในสัญญาไม่ได้ห้ามให้เธอรัก V v ข่าวดีที่เธอกำลังจะบอกเขากลับเป็นเธอที่ได้รับข่าวร้ายแทนเมื่อพ่อของลูกขอยกเลิกสัญญาทั้งหมดเพราะต้องการจะแต่งงานกับคนรักเก่า สัญญาเป็นอันสิ้นสุดแต่อีกหนึ่งชีวิตยังคงเติบโตอยู่ในท้อง ลูกคนเดียวเธอเลี้ยงได้ถ้าเขาไม่ต้องการ
View Moreตอนที่ 1
สาวน้อยในเรือน
“เมื่อคืนไปนอนไหนมาอีกล่ะบ้านช่องอยู่ไม่ติดเลยนะลูก”
อมราอดที่จะต่อว่าลูกชายไม่ได้ทั้งที่ความจริงเปรมธวัชก็ทำตัวแบบนี้มาตลอด 10 ปีตั้งแต่เขากลับมาจากต่างประเทศพร้อมกับหอบหัวใจที่บอบช้ำกลับมา
“โมโหอะไรมาครับถึงได้มาลงกับผมแบบนี้...ไหนมาหอมแก้มให้หายคิดถึงหน่อย”
ชายหนุ่มที่ยังคงอยู่ในชุดทำงานเพราะตั้งแต่เมื่อคืนนี้เขายังไม่ได้กลับมาบ้านเลยเข้ามาโอบกอดคนเป็นแม่หอมแก้มฟอดใหญ่เพื่อเอาใจ
“อายุจะ 40 แล้ว ลูกจะใช้ชีวิตต่อไปแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ แม่เองก็อยากจะอุ้มหลานอยากจะมีทายาทสืบสกุลกับเขาสักคน”
ก่อนหน้านี้อมราพยายามจะเลือกหาลูกสะใภ้ที่ถูกใจเธอให้กับลูกชายแต่มันก็ไม่มีประโยชน์หลายครั้งที่เธอคิดว่าจะยอมให้เปรมธวัชจริงจังกับผู้หญิงสักคนทีเป็นคู่ขาอยู่ตอนนี้เพื่อที่เธอจะได้มีหลานแต่กลับเป็นชายหนุ่มที่ไม่ยอมทำตาม
“ผู้ชายอายุ 60 แล้วก็ยังมีลูกได้นะครับไม่เห็นต้องรีบเลยสาวๆสมัยนี้ก็อยากมีสามีอายุเยอะกันทั้งนั้น”
ชายหนุ่มพยายามหาเหตุผลมาเฉไฉเพราะตัวเขาเองยังไม่รู้จะหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เขาเคยคิดจะเลือกผู้หญิงที่เป็นคู่ขาแต่ก็ไม่มีใครคู่ควรที่จะได้เป็นแม่ของลูกและสิ่งที่เขากลัวที่สุดคือการผูกมัดถ้าเธอเหล่านั้นมีลูกให้เขาไม่น่าจะมีใครยอมปล่อยให้เขาได้กลับมาอิสระอีกแน่นอน
สองคนแม่ลูกพูดคุยเรื่องนี้กันจริงจังมาหลายรอบและครั้งนี้อมราก็ตั้งใจจะพูดเอาจริงกับลูกอีกสักครั้งเพราะตอนนี้เธอก็อายุ 70 แล้วยังไม่มีความหวังที่จะได้อุ้มหลานเหมือนคนอื่นเขาเลย
“ถ้าภายในสิ้นปีนี้ลูกยังมีหลานให้แม่ไม่ได้เอาเป็นว่าแม่ขอทำตามวิธีของแม่ก็แล้วกัน”
อมราทำเสียงเข้มทั้งที่ตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะใช้แผนไหนรู้แค่เพียงว่าคงปล่อยเวลาให้เลยผ่านไปแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
“สิ้นปีของคุณแม่นี่มันอีกแค่ 2 เดือนเองนะครับ”
ลูกชายมองหน้ามารดาส่ายหัวไปมาเพราะเริ่มรู้แล้วว่า เขากำลังจะถูกบังคับมันไม่ใช่เป็นการให้ทางเลือกเพราะเวลาแค่ 2 เดือนเขาจะไปหาผู้หญิงที่ไหนกัน
“แม่ยอมตามใจลูกมาทั้งชีวิตขอให้ลูกตามใจแม่บ้างนะ ทุกวันนี้เราสองคนจะได้เจอกันก็ตอนเช้าเท่านั้น ไม่มีความเป็นครอบครัวหลงเหลือเลย พ่อของเปรมก็เหมือนกันบางวันก็กลับบ้านบางวันก็ไม่กลับ ลูกอยากจะให้แม่เฉาตายอยู่บ้านแบบเหงา ๆ อย่างนั้นรึ”
อมราเล่นบทโศกความห่างเหินในครอบครัวที่เกิดขึ้นมานานหญิงชรายังไม่เคยรู้สึกชินกับมัน ทุกครั้งที่เธอต้องกินข้าวเย็น คนเดียวความน้อยใจก็เข้ามาทำให้คนแก่ต้องเผลอร้องไห้ทุกที
เปรมธวัชเป็นอันต้องยอมทำตามความต้องการของแม่เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะหาผู้หญิงมาจากไหนก็คงดีถ้ามารดาจะเป็นคนเลือกให้แต่เขาตั้งใจแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นแม่ที่ดีของลูกแต่ต้องไม่ใช่ภรรยาของเขา
ความผิดหวังในความรักเมื่อครั้งอดีตทำให้เปรมธวัชกลายเป็นเสือผู้หญิงที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ถึงแม้รอบตัวมีสาวสวยให้เลือกสรรแต่เขาแค่เพียงหยิบดอกไม้เหล่านั้นมาดอมดมปักแจกัน เป็นครั้งคราวแต่สุดท้ายแล้วแจกันรักของเขาก็ว่างเปล่าไม่เคยมีผู้ใดได้อยู่เป็นการถาวร
“คุณอมราคะ ฉันจะขออนุญาตไปข้างนอกพรุ่งนี้”
ยุพาสาวใช้ในบ้านที่อยู่ดูแลครอบครัวของอมรามาตั้งแต่เธอยังเป็นสาวเดินเข้ามาขออนุญาตเจ้านาย
“จะไปไหนล่ะ” เจ้านายถามด้วยความเป็นห่วง
“พรุ่งนี้มินตรารับปริญญาจะไปถ่ายรูปแสดงความยินดีกับลูกสาวค่ะ”
ยุพาบอกด้วยท่าทางภูมิใจเพราะเธอเลี้ยงลูกสาวคนนี้มาเพียงคนเดียวสามีของเธอด่วนจากไปตั้งแต่มินตราอายุได้เพียงแค่ไม่กี่เดือน
“เร็วเหมือนกันเหมือนฉันจะเพิ่งเห็นมินตราเป็นเด็กอยู่ไม่ กี่วันเอง”
อมรายินดีและชื่นชมไปกับยุพาเพราะตัวเธอก็มีส่วนในการส่งเสียเด็กคนนี้ให้ร่ำเรียนจนจบมหาวิทยาลัยตั้งแต่พ่อของมินตราเสียยุพาก็พาตัวเองและลูกเข้ามาทำงานที่บ้านหลังนี้ ความเมตตาจากเจ้านายทั้งคู่ทำให้มินตราถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนประจำที่ดีที่สุด
“ตอนแรกดิฉันก็ตั้งใจว่าจะบอกคุณผู้หญิงแต่ก็เกรงใจเพราะช่วงนี้ข้างนอกยังคงมีโรคระบาดอยู่เป็นห่วงสุขภาพของ ทุกคนค่ะ”
ยุพาอยากที่จะให้เจ้านายของเธอไปร่วมแสดงความยินดีด้วยแต่สถานการณ์ของประเทศตอนนี้ยังไม่น่าไว้วางใจด้วย โรคระบาดและเจ้านายของเธอทั้งสองคนก็อายุมากแล้วเธอจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปร่วมยินดีกับลูกเพียงคนเดียว
“มินตราลูกสาวคุณน้ายุพาโตถึงเรียนมหาวิทยาลัยแล้วหรือครับ”
เปรมธวัชพูดแทรกขึ้นมาเพราะเขาเจอกับมินตรา ครั้งสุดท้ายก็เมื่อ 10 ปีที่แล้วก่อนที่เขาจะตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศซึ่งตอนนั้นหญิงสาวยังคงเรียนอยู่ในชั้นประถมเอง
“ฉันนึกออกแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่าให้เปรมพาเธอไป”
อมราหันมามองสบตาลูกชายด้วยแววตาเป็นประกายเหมือนคนกำลังมีความหวังอะไรบางอย่างและเปรมธวัชก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่ามารดากำลังคิดอะไร
“ดีเหมือนครับ ผมจะได้คุยกับมินตราด้วยไม่ได้เจอกัน เสียนานไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้”
คำตอบของลูกชายทำให้มารดาเข้าใจได้ทันทีว่าเขายินดีถ้าจะเลือกมินตราเพียงแต่ต้องการเรียนรู้นิสัยของเธอให้มากกว่านี้เพราะถึงแม้หญิงสาวจะมารับบทเป็นภรรยาจ้างท้องแต่เขาก็ต้องการให้ทายาทของเขามีสายเลือดมาจากแม่ที่เป็นคนดี
ยุพาเดินออกไปแล้ว 2 คนแม่ลูกจึงได้คุยถึงแผนการทั้งหมด อมราไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะง่ายแบบนี้ตอนแรกเขาคิดว่าเปรมธวัชคงจะไม่ยอมกับการที่จะให้ตัวเขาเองมีลูกกับลูกสาวคนใช้ในบ้านแต่กลับกลายเป็นว่าชายหนุ่มเต็มใจเพราะรู้จักมินตรามาตั้งแต่เด็กๆ
“ผมรับปากคุณแม่ว่าจะเก็บเธอมาพิจารณาแต่ก็ต้องขอดูก่อนนะครับไม่ใช่สักแต่ว่าเอาใครก็ได้มาเป็นแม่ของลูกผมแต่ที่สำคัญคุณแม่คิดว่าเด็กจบมหาวิทยาลัยใหม่อย่างมินตราจะยอมมาจบชีวิตเป็นเพียงแค่ภรรยารับจ้างท้องของผู้ชายอายุมากอย่างผมหรือครับ”
หัวใจของชายหนุ่มลึก ๆ แล้วเขาเป็นคนที่กลัวกับ ความผิดหวัง ทุกวันนี้เขาเลือกจะคบกับผู้หญิงที่เขาสามารถใช้เงินซื้อเธอได้เพราะรู้ว่าจะไม่มีทางผิดหวังแน่นอน หลายครั้งที่เขาเคยคิดจะเปิดใจให้กับผู้หญิงที่คู่ควรเดินเข้ามาแต่เมื่อคิดถึงความผิดหวังเมื่อครั้งอดีตเปรมธวัชก็เลือกที่จะปิดตัวเองอยู่เพียงแค่โลกแคบๆของเขาเหมือนเดิมเท่านั้น
“แม่ไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้นแต่เอาเป็นว่าถ้าเราไม่เริ่มก็ไม่รู้มินตราเป็นเด็กน่ารักและมีความรักดีเป็นที่สุดแม่มั่นใจว่าเธอจะสามารถเป็นแม่ที่ดีได้แต่อย่างที่เปรมบอกเธอกำลังจะมีชีวิตที่สดใสบางทีมินตราอาจไม่ยอมรับข้อเสนอของเราก็ได้”
ความหวังของหญิงสูงวัยกลับมาทำให้หัวใจของเธอกระชุ่มกระชวยขึ้นอีกครั้งถึงจะไม่มั่นใจว่าแผนครั้งนี้จะสำเร็จแต่อย่างน้อยเธอก็รู้สึกว่าลูกชายเต็มใจที่จะร่วมมือกับเธอ
เปรมธวัชขอตัวมารดาขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ชายหนุ่มยังคงคิดถึงสิ่งที่มารดาพูด เขาพยายามจินตนาการหน้าตาของสาวน้อยพี่เขาไม่ได้เจอเธอมาเป็น 10 ปีแต่ความทรงจำเก่าๆก็ยังคงมีอยู่ในหัวใจไม่ว่าจะเป็นความน่ารักความเรียบร้อยของสาวน้อยมินตราที่มักจะเจียมตัวตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าเจ้านาย
“หวังว่าเธอจะรับข้อเสนอโดยดี”
หัวใจของคนที่เคยโดนปฏิเสธความรักมาได้แต่ภาวนาว่าผู้หญิงที่มารดาเลือกให้จะไม่ปฏิเสธเขาให้ต้องรู้สึกคิดถึงเรื่องราวในอดีตอีก
เปรมธวัชไม่ได้มีหัวใจไว้เพื่อเจ็บอีกแล้วไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเต็มใจหรือไม่แต่สำหรับชายหนุ่มที่เพียบพร้อมทุกอย่างแบบเขาจะต้องไม่ถูกปฏิเสธจากใครทั้งนั้น
พรุ่งนี้คือวันที่เปรมธวัชและมินตราจะต้องได้เจอกันแต่ ชายหนุ่มก็ยังคงใช้ค่ำคืนนี้กับผู้หญิงที่เป็นคู่นอนคนโปรดของเขา
“คุณเปรมจะไปไหนคะ”
นาเดียสาวน้อยพริตตี้รีบสวมกอดคู่ขาของเธอเมื่อเห็นว่าเปรมธวัชลุกขึ้นจากเตียงและคว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมจะอาบน้ำ
“คืนนี้ผมจะกลับไปนอนบ้าน พรุ่งนี้ต้องไปธุระแต่เช้า”
ชายหนุ่มหันมาตอบพร้อมกับหอมแก้มหญิงสาวอย่างเอาใจเพราะนาเดียถือได้ว่าเป็นคู่ขาที่เขาชื่นชอบที่สุดเพราะเธอช่างเอาอกเอาใจทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เธอจะทำให้เขารู้สึกว่าคือคนที่สำคัญและเป็นทุกอย่างของสาวน้อยคนนี้
“ค่อยตื่นไปพรุ่งนี้เช้าไม่ได้หรือคะ ถ้าคุณเปรมไม่อยู่นาเดียก็นอนไม่หลับ”
สาวน้อยยังคงออดอ้อนอย่างเอาใจแต่สุดท้ายแล้วเปรมธวัชก็ต้องรีบไปจัดการตัวเองเพราะพรุ่งนี้เช้าเขาต้องออกจากบ้านพร้อมยุพาตั้งแต่เช้ามืด
ตอนที่13พร้อมหน้าครอบครัวใหญ่ วันนี้พ่อกับแม่ของภูผาจะเดินทางมาถึงที่สนามบินเชียงใหม่ วันนี้ครัวเวียดนามหยุดหนึ่งวัน เพื่อเตรียมรับทั้งคู่ “คิดถึงจังเลยลูกรักของแม่” นาตาลีโผเข้ากอดลูกชายทันที ที่ได้เจอหน้ากันที่สนามบิน “มิสยู เช่นกันครับ” ชายหนุ่มโดนหญิงสาวอวบจนเกือบอ้วน ตัวใหญ่ตามแบบฝรั่ง จูบแก้มซ้ายแก้มขวาด้วยความคิดถึง “แม่กับพ่อครับนี่ขิมและปูนปั้น ภรรยาและลูกชายของผม” ทั้งสองคนมัวแต่ดีใจที่ได้เจอหน้าลูกชายที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี จนลืมสังเกตว่าเขาไม่ได้มาแค่คนเดียว “ฮาย ปูนปั้น มาให้...แม่ต้องเป็นอะไรนะ” นาตาลีหันไปถามลูกชาย เธอเริ่มจำสับสนว่าเธอควรจะเป็นย่าหรือยายกันแน่ “คุณแม่ต้องเป็นคุณย่าสิครับ” ปูนปั้นเด็กน้อยที่เข้ากับทุกคนได้เสมอ เพราะเขาโตมากับร้านอาหารจึงยอมให้ย่ากับปู่อุ้มแต่โดยดี “ปู่ซื้อของเล่นมาให้เยอะเลย ได้ข่าวว่าหลายชายคนเก่งเป็นเชฟน้อยใช่ไหม” “ใช่ครับ เชฟปูนปั้น” ปู่กับย่าต่างหัวเราะให้กับความฉอเลาะของหลานชาย ความจริงแล้วทั้งคู่
ตอนที่12สารภาพผิด “ขิมพรุ่งนี้คุณไปธุระกับผมหน่อยนะ เอาลูกไปด้วย” “อืม” หญิงสาวตอบแค่เพียงสั้นๆ เพื่อแสดงว่าเธอรับรู้ เพราะตอนนี้เธอเมาจนไม่อยากพูดอะไร ภูผานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่นอนข้างเขารู้อะไรมา และสิ่งที่รู้มันคือเรื่องจริงไหม เธอรู้เอง หรือมีใครมาเล่าให้ฟัง แต่สิ่งที่ชายหนุ่มมั่นใจ คือภรรยาของเขาดูเอาจริงเอาจัง ถ้าเขายังไม่แสดงออกให้เธอรู้สึกเชื่อใจ มีหวังไม่นาน คำว่าครอบครัวของเขาต้องพังยับเยินแน่ เพียงแค่หลับตา ภูผาก็คิดถึงใบหน้าของพี่สะใภ้ เขาให้สัญญากับเธอไว้ ว่าจะดูแลเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่น ปูนปั้นให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เขาเพิ่งคิดได้ ว่าเขาแทบจะไม่มีเวลาเล่นกับลูกเหมือนตอนลูกมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ บางวันเขาออกไปทำงานแต่เช้า แล้วก็กลับดึก อย่างเช่นวันนี้ เขาได้เห็นหน้าลูกก็แค่ตอนที่ลูกหลับแล้วเท่านั้น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา ภูผาเองพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ เขาคิดว่าขิมต้องรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่เขาก็โทรไปถามพนักงานตลอด ทางนั้นก็ยืนยันว่าขิมไม่ได้ไปทั้งสองร้านเลย แ
ตอนที่11ไม่ไว้ใจ “ไหนว่าจะกลับดึกคะ เด็กที่ร้านเพิ่งกลับไปเอง” ป้าสุเพิ่งอาบน้ำให้ปูนปั้นเสร็จ กำลังนั่งทาแป้งแต่งตัวกัน ถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกขิมบอกกับเธอว่าคงกลับดึก “วันนี้ขิมเช่ารถสะกดรอยตามคุณภูไปค่ะ ” หญิงสาวหยุดเล่าก่อนจะเดินไปอุ้มลูกชายมาหอมและกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ “เกิดอะไรขึ้นคะคุณขิม” ป้าสุเห็นท่าทีของคนเล่า เริ่มไม่ค่อยสบายใจ เพราะสิ่งที่เจ้านายของเธอไปเจอคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ “ขิมเจอผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรถไปกลับคุณภู และเส้นทางที่ไป ไม่ใช่ทางไปร้าน แต่เป็นทางไปคอนโดที่คุณภูเคยอยู่ ขิมเลยบอกให้คนขับพาขิมกลับ ขิมยังไม่พร้อมค่ะป้า ขิมกลัว” ป้าสุได้แต่พยักหน้าเข้าใจ ขิมเธอเป็นผู้หญิงที่ชีวิตโดดเดี่ยว ถ้าเธอต้องเสียคุณภูไป เธอคงไม่รู้จะอยู่อย่างไร “คุณแม่ วันนี้ปูนไปนอนด้วยนะ” “นอนได้ครับ แต่ถ้าจะหลับแล้ว ต้องกลับไปนอนห้องของตัวเอง เดี๋ยวคุณยายไม่มีใครนอนด้วย ปูนปั้นไม่ห่วงคุณยายเหรอครับ” ขิมพยายามปรับอารมณ์เมื่อลูกชายของเธอหันมาคุยด้วย เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นสัมผัสได้ถึ
ตอนที่10เริ่มต้นครอบครัว หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของวริน ภูวดลตัดสินใจบวชอย่างไม่มีกำหนด เรื่องงานเขามีลูกน้องที่ไว้ใจดูแลให้ ภูผาพาครอบครัวของเขาและป่าสุแม่บ้านที่เลี้ยงดูปูนปั้นกลับมาที่เชียงใหม่ด้วย “แล้วเราจะเลี้ยงลูกที่ไหนคะ” ขิมถามเพราะเธอกับเขาต่างอยู่กันคนละที่ เลยคิดไม่ออกว่าที่ไหนจะเหมาะกว่ากัน “เลี้ยงที่บ้านคุณ ผมตัดสินใจแล้ว จะซื้อบ้านที่ประกาศขายที่อยู่ติดกับบ้านของคุณ และจะให้ช่างมาออกแบบทุบให้ทั้งสองหลังให้เชื่อมติดกัน” ขิมเห็นด้วยกับความคิดของภูผาเพราะบ้านของเธอหรือคอนโดของเขาก็คงจะเล็กไป ถ้าต้องอยู่กันถึงสี่คน ร้านอาหารถูกปิดไปก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาแค่เพียงสามวัน เพราะตลอดเวลาที่ทั้งสองคนอยู่กรุงเทพ ร้านยังคงเปิดอยู่ ภูผาจึงอยากให้ทุกคนได้พักบ้าง****หนึ่งปีผ่านไป**** “ปูนปั้นครับ ห้ามเดินลงบันไดคนเดียวเด็ดขาด ถ้าคุณแม่เห็นอีกจะไม่เตือนแล้วนะ ต้องมีการลงโทษกันบ้างแล้ว ” ขิมดุลูกชายที่เริ่มซนมากขึ้น เพราะตอนนี้อายุจะสองขวบเต็มแล้ว ป้าสุเองก็อายุมากตามหลานไม่ค่อยทัน “คุณหนูม
ตอนที่9ชีวิตใหม่และการจากไปตลอดกาล คืนแรกในบ้านของภูวดล ในบทบาทของพ่อและแม่ของหนูน้อยปูนปั้น ทำให้ขิมยอมใจอ่อน กลับมาทำหน้าที่ภรรยาของภูผาอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าวรินเองยังกลัวการที่ตาหนูต้องไปอยู่กับแม่เลี้ยง ดังนั้นในเมื่อเธอเป็นแม่แท้ๆ เธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอ ต้องได้เจอทั้งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงเลย ขิมจึงให้โอกาสภูผาอีกสักครั้ง “เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุดนะ” ชายหนุ่มกอดแม่ของลูก ด้วยความรู้สึกดีใจและมีความสุขที่จะได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว ตั้งแต่เกิดมาพี่น้องฝาแฝด ไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งแม่และลูกเลยสักครั้ง เพราะทั้งฝั่งตาและปู่ไม่ยินยอม และพ่อของเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว จึงตกลงกันที่รับผิดชอบลูกกันไปคนละคน ภูผาตั้งใจว่า เมื่อครั้งนี้เขาเปลี่ยนบทจากลูกมาเป็นพ่อ เขาจะดูแลครอบครัวของเขาให้สมบูรณ์และดีที่สุด วรินเรียกภูผาและขิมเข้าไปหาเธอทุกวันในช่วงสาย เพราะหลังจากเวลานั้นเธอจะต้องกินยานอนหลับเพื่อไม่ให้ทรมานกับการปวดท้อง และจะตื่นอีกทีช่วงหัวค่ำเพื่อมาเล่นกับปูปั้นลูกชายของเธอ ทั้งสองคนได้เรียนรู้อุป
ตอนที่8พร้อมหน้า เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพของภูวดลกับวริน ต่างก็มองหน้ากันและจับมือเพื่อหวังให้มันช่วยส่งกำลังที่เข้มแข็งผ่านมือที่กุมกันไว้ “คุณ...” สาวใช้ของบ้านถึงรู้อยู่แล้วว่าน้องชายฝาแฝดของเจ้าของบ้านกำลังจะมา แต่เมื่อเห็นตัวจริงที่เหมือนกันทุกอย่าง ก็ทำเอาเด็กสาวถึงขั้นตกใจ “ผมภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดลและนี่ภรรยาของผม” ขิมถึงกับตกใจกับคำแนะนำตัวเธอ ที่ชายหนุ่มพูดออกไป “เชิญทางนี้ค่ะ” ทั้งสองคนเดินตามสาวใช้ ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ที่บันไดตกแต่งด้วยภาพของปูนปั้นเต็มไปหมด “นี่คุณใครเขาให้คุณแนะนำแบบนั้น ฉันไปเป็นภรรยาของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” ขิมเดินเกาะแขนภูผา ปากก็บ่นเขาไปตลอดทาง บางจังหวะหมั่นไส้ก็แอบหยิกบ้าง “ต้องให้ผมอธิบายไหม ว่าเมื่อไหร่ ท่าไหน คุณอย่ามัวทำเป็นเล่น เรากำลังจะไปจัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตของลูกเรานะ” “ขิมขอโทษ ” หญิงสาวลืมคิดไปว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาไม่พอใจเขา เพราะข้างหน้ามีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่า ภาพของปูนปั
ตอนที่7ถึงเวลาของความจริง ภูผาจอดรถหน้าบ้านของหญิงสาว เขารวบรวมความกล้าและตั้งสติ เพื่อคิดคำพูดและเหตุผลที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ขิมยอมฟังเขาจนจบเรื่อง “ขิม เปิดประตูให้ผมหน่อย มีธุระด่วน” ชายหนุ่มโทรศัพท์เข้าไปก่อน เพราะกลัวว่าถ้าไปเคาะหน้าประตูเลยอาจจะทำให้อีกฝ่ายตกใจได้ “ทำไมกลับมาอีกล่ะคะ เข้ามาในบ้านก่อน ขิมคิดว่าคุณกลับไปนอนหลับที่คอนโดแล้วเสียอีก เพราะเมื่อเช้าคุณต้องตื่นแต่เช้า” หญิงสาวหยุดพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าจริงจัง และเอาแต่ถอนหายใจ ก้มหน้ามองมือสองข้างที่กำกันไว้แน่น “คุณภูมีอะไรหรือเปล่าคะ บอกขิมได้นะ หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวกับลูก” ขิมเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี เพราะเรื่องที่ทำให้ชายหนุ่มไม่สบายใจและตัดสินในกลับมาหาเธอ คงไม่พ้นเรื่องเธอหรือปูนปั้นแน่ๆ “ทั้งสองคน ผมไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับคุณอย่างไรดี ผมละอายไปหมด” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนคนที่กำลังควบคุมสติไม่ได้ เขาโวยวายตาแดงกร่ำ “ลูกเป็นอะไรคะ เกิดอะไรขึ้นกับลูก” หญิงสาวห่วงอยู่เรื่องเดียว คือปูนปั้น เธอกลัวว่าลูกของเธอจะเป็
ตอนที่6ความรู้สึกที่ดีในวันเก่าๆพระจันทร์ยังไม่ทันลับขอบฟ้า ทั้งสองคนก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง และหวังว่าจะได้เห็นทะเลหมอก“ง่วงก็หลับก่อนเลยนะ เดี๋ยวถึงแล้วผมปลุกเอง โค้งเยอะคุณอาจจะเวียนหัวก็ได้”ชายหนุ่มเขาเคยมาเที่ยวที่นี่ครั้งหนึ่ง ตอนที่มาหาสถานที่เปิดร้านอาหาร จากที่ขี่หาแถวตัวเมือง เลยไกลขึ้นมาถึงเส้นนี้ จนได้รู้ถึงโค้งที่แสนจะเวียนหัว“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ตอนแม่ยังอยู่ฉันก็ตื่นเช้า และเรื่องเมาโค้งยังไม่เป็นสักทีนะคะ”ขิมพูด เพราะเธอยังไม่ได้ลิ้มลองโค้งของเส้นทางนี้ ภูผาได้แต่จะรอดูผล ว่าถึงเวลาหญิงสาวยังยังเก่งอยู่ไหมอากาศข้างนอกเย็นสบายชายหนุ่มจึงแง้มหน้าต่างพอให้ลมเข้า เพื่อได้สูดอากาศบริสุทธิ์ เข้าไปให้ชุ่มปอดเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึง พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง ทั้งคู่รีบจอดรถและเดินไปยังจุดชมวิว“เรามาทันหมอกด้วยค่ะ สวยมากเลย”ขิมหันไปมองชายหนุ่มที่มาด้วยเพราะเธอไม่ได้ยินเสียงตอบจากเขาภูผากำลังยืนมองไปที่ภาพของครอบครัวหนึ่งที่อุ้มเด็กน้อยกำลังถ่ายภาพกัน เด็กคนนั้นน่าจะอายุมากกว่า ปูนปั้นลูกชายของเขากับขิมไม่เท่าไหร่“คิดถึงลูกเหรอคะ” คนถามเห็นแล
ตอนที่5เริ่มจีบกันใหม่ ไม่นานร้านอาหารเวียดนามของภูผาก็ถูกเปิดอย่างเป็นทางการ ขิมเองทำอาหารได้ทุกเมนู เดือนแรกเธอมีผู้ช่วยเพียงคนเดียว แต่ร้านขายดีมาก ภูผาจึงต้องจ้างผู้ช่วยแม่ครัวเพิ่มอีกหนึ่งคน “เหนื่อยไหม ขอบคุณมากนะขิม ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่” ชายหนุ่มเดินมาที่ห้องครัวหลังจากลูกค้ากลับไปหมดแล้ว “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะสนุกดี แล้วคุณไม่กลับไปกรุงเทพบ้างเหรอคะ เห็นอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้ว” ขิมไม่กล้าถามถึงลูกกับภรรยาของเขาโดยตรงจึงถามแบบอ้อมๆ ทั่วไป “ไปกรุงเทพ ไปทำไมล่ะ ผมไม่ได้มีอะไรที่นั่นเสียหน่อย” คนตอบทำหน้าสงสัย หญิงสาวเลือกที่จะไม่ถามต่อ เธอคิดว่าชายหนุ่มคงเลิกรากับวรินแน่ๆเลย ถึงได้ย้ายมาอยู่ไกลแบบนี้ ด้วยความเป็นแม่ หญิงสาวรู้สึกห่วงลูกขึ้นมา แต่ก็เชื่อใจว่าในเมื่อวรินเองมีลูกไม่ได้อย่างไรเสีย เขาคงไม่ทิ้งลูกของเธอแน่นอน “เดี๋ยววันนี้ผมไปส่ง แต่ก่อนกลับ เราไปหาข้าวต้มร้อน ๆ กินกันดีกว่า ตั้งแต่มาอยู่เชียงใหม่ ผมยังไม่เคยขับรถเล่นเวลากลางคืนเลย เพราะเหนื่อยแต่กับเรื่องร้าน พรุ่งนี้ร้านหยุด คุณห้ามปฎิเสธเล
Comments