ผ้าขาวผืนบางแต่งแต้มรวดลายงานหัตถกรรมดอกทานตะวันปักแน่นไม่ไหวติงปักใจผู้ทำ แต่ไม่ใช่ตะวันโน้มหาแสง เช่นเดียวกับชีวิตผู้ปัก
สักวัน...เธอจะเป็นตะวันไม่โน้มเข้าหาใคร
"โอ๊ย"
เข็มจิ้มทะลุเนื้อผ้าเลือดแดงฉานซึมช้า ๆ ออกจากปลายนิ้ว
เจ๊ออนยื่นกระดาษทิชชู่ให้เธอซับรอยเลือด พร้อมสายตาที่มองลอดแว่นอ่านหนังสือ
จากการสังเกตมาหลายวัน
นี้คือวันที่ห้า ที่ร่างจันทร์เสี้ยวมีแค่กายหยาบ
หาได้มีวิญญาณ
ร่างที่ถูกกักขังจากคำว่ารัก....และความกตัญญู
"จันทร์เสี้ยวมีอะไรอยากบอกหน้าไหม"เสียงเรียบนั้น สะกิดใจ แต่เธอยังคงฝืนยิ้ม แม้ภายในใจแหลกลพเอียด
"ไม่ค่ะ"
"น้าดูมาหลายวันแล้ว จันทร์เสี้ยวมีเรื่องไม่สบายใจใช่ไหม"
"จันทร์เสี้ยวบอกน้ามามีเรื่องอะไร"
น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ จู่ ๆ ล้นเอ่อออกมาราวเขื่อนแตก ตัวสั่นเครือสะอื้นอย่างเงียบ ๆ
คำพูดที่เหมือนกับมืออุ่น ๆ โอบหลังของเธอ
"พ่อพระจันทร์เขาอยากได้เงินเพื่อแลกกับอิสระของเธอ"
โลกทั้งใบหยุดหมุน
"หนูจะทำอย่างไรดีคะ"
"จันทร์เสี้ยวสงสารน้อง"
ทั้งที่ตัวเองแหลกเหลวไปแล้วแท้ ๆ
"เลวเสียจริง ไม่สมควรเรียกพ่อ"
คำของเจ๊ออนแหลมคมแต่มีน้ำหนักราวกับค้อนทุบตรงกลาง
ใจที่เปราะอยู่แล้วให้แตกยับ
"อย่าห่วงไปเลย เดี๋ยวเงินนี้หน้าจัดการเอง"
เจ๊ออนอ้าแขนโถมตัวเข้ากอดจันทร์เสี้ยว
เธอดีขนาดนี้สักวัน จะต้องมีต้นแสงของตัวเองนะจันทร์เสี้ยว เฉกเช่นแสงรุ่งอรุณในยามเช้า
เธอจะไม่เป็นดอกทานตะวันที่โหยหาแสงจากใครอีก
แต่ฝันดีซ้ำร้ายบ้านดอกแก้วเข้าสู่ยุคมืดโดยทายาทรุ่นถัดไป
"ฉันอายผู้คนที่ต้องอยู่บ้านหลังนี้"
ดาหลาลูกสาวเจ๊ออนกับอดีตสามีที่ตายไปแล้ว เธอที่เกิดมาท่ามกลางผู้หญิงขายตัว ทว่าดาหลาเอาแต่รังเกียจสิ่งที่แม่ ทำและกล่าวโทษที่เธอต้องมีชีวิตที่ไร้พ่อ
กลางดึกวันหนึ่งฝนตกโปรยปราย ทุกคนในบ้านหลับสนิท เงามืดกวาดสิ่งของมีค่าลงกระเป๋า พร้อมโฉนดที่ดิน ซึ่งสักวันต้องเป็นของเธอ
"สักวันมันต้องเป็นของหนู งั้นหนูเอาไปเลยแล้วกัน"
ในยามเช้าคนใช้เข้าไปเรียกหาคุณหนูไร้วี่แวว
มีเพียงจดหมาย
ถึงคุณแม่
"ลูกรักคุณแม่สุดหัวใจ แต่ลูกอยากมีคนครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา มีชีวิตที่ปกติสุขเช่นคนอื่น ลูกไม่อาจทนอยู่ในสายตาที่ผู้คนดูถูกไปได้ คุณแม่ไม่ต้องตามหาลูก ขอออกไปใช้ชีวิต"
ปล.ดาหลา
"คุณแม่คะ"
เสียงหวานเรียบจากใครคนหนึ่งที่กำลังยืนมองคนทั้งสองปลอบใจกัน
เจ๊ออนใจไหววูบน้ำแข็งที่เกาะกุมใจราวโดนทุบแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ
น้ำเสียงคุ้นเคยของลูกสาว เธอค่อย ๆ หันไปยังตนตอที่เรียกเธอด้วยความคิดถึง
ดาหลาหญิงสาวสวยปานนางในวรรณคดีบัดนี้ท้องโตอ้วนอวบเธอยืนลูบท้องเบา ๆ
ไม่มีบทพูด มีเพียงความเงียบ เจ๊ออนหันหลังให้ลูกสาวเดินจากไปอย่างไม่เหลือเหยื่อใย
"คุณแม่คะให้อภัยลูกด้วย" ดาหลาเอ่ยกับตนเองบางเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน
จันทร์เสี้ยวงุนงงกับเรื่องราวรู้เพียงคนท้องไม่ควรยืนนาน
"นั่งก่อนค่ะ" เสียงหวานพลางพยุงคุณแม่ให้นั่งลง
ใช่ว่าทุกคนจะเห็นความหวังดีจากใจ คนบางจำพวกจิตใจมืดบอดก็มองคนอื่นเลวร้ายไปเสียหมด
"ฉันดาหลา เธอเป็นใคร"
"ฉันเป็นเด็กในบ้านค่ะ"
"คุณแม่ดูรักเธอ"
"แค่เอ็นดูค่ะ"
ดาหลารู้เพียงว่าสายตาที่แม่เธอมองเด็กสาวคนนี้ไม่เหมือนมองคนในบ้านทั่วไป
หรือคุณแม่จะไม่รักฉันแล้วจริง ๆ
คุณแม่จะเอาเธอมาแทนที่ฉัน
ไม่ได้ เด็ดขาด
ฉันไม่ยอม
"คุณหนูของนิ่มกลับมาแล้วเหรอคะ"สาวใช้คนหนึ่งชื่อว่านิ่มวิ่งมาประจบเลียแข่งเลียขาคุณแม่คนสวยราวกับคุ้นเคย
"ไปค่ะ พี่นิ่มจะพาไปพักที่ห้อง"
นิ่มพยุงนายสาวท้องโตไปยังห้องนอนเดิม ดาหลาเดินจากไปแต่ทว่าปลายหางตายังคงฝังไว้ที่จันทร์เสี้ยว
"ห้องตรงนั้นของใคร"
"คุณหนูจันทร์เสี้ยวเจ้าค่ะ"
"คุณหนู"เสียงแหลมทวนอย่างไม่เชื่อหูแม่มีแค่เธอที่เป็นลูกสาว ใครกันที่กล้ามาเป็นคุณหนูอีกคน
"ใคร พี่นิ่ม"
"ก็คนเมื่อกี้ไงคะ"พี่นิ่มเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่วันที่เธอเดินเข้าบ้านมาสมัครงานแต่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่น จนถึงวันนี้
"อย่าคิดจะมาแทนที่ฉัน"
แต่ก่อนที่จะไปจัดการจันทร์เสี้ยวเธอต้องไปทวงบัลลังก์ลูกรักคืนมาเสียก่อน
ก็อก ก็อก ก็อก
"คุณแม่คะ"
นิ้วที่ดีดลูกคิดสายตาไล่ตรวจบัญชีไม่แม้แต่จะชายตามองลูกสาวที่ยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
ไม่มีเสียงตอบ มีแค่เสียงลูกคิดดังกระทบกันด้วยความเร็ว
แม่ที่เคยรักและให้อภัยเธอมาโดยตลอด ไม่เหลียวมองเธอสักนิด ต้องเป็นเพราะจันทร์เต็มดวงนั้นแน่นอน
ร่างท้วมท้องทรุดตัวนั่งลง พยายามก้มกราบแทบเท้า
ความโกรธเจ๊ออนยกเท้าหนีลูกสาว
"'วันนี้ลูกผิดไปแล้ว แม่ให้อภัยลูกได้ไหม"
"'ถ้าวันนี้แม่ไม่ยกโทษให้ ลูกจะอยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างไร"
"ลูกจะอยู่ก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่มีที่ไป"
"เงินหมดแล้วเหรอถึงได้ซมซานกลับมา"
"ท้องโตมาขนาดนี้ ไหนพ่อเด็กถูกเขาฟันแล้วทิ้งมาล่ะสิ "
"ใช่ค่ะเขาทิ้งลูกไปแล้ว"ในตาดาหลาเริ่มพร่ามัวกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่สะอื้นร่ำไห้
เจ๊ออนยังคงนั่งนิ่งไม่แยแสลูกสาวผู้ใจแตก
เธอเห็นว่ามารดาไม่อาจยกโทษให้ อยู่ไปจะมีความหมายอะไรคนท้องอ้วนพยุงตัวลุกขึ้นกำลังจะก้าวเดินจากไป
"ชีวิตที่เลือกเดินไปแล้วไม่ต้องเสียใจ เริ่มใหม่"
มันไม่ใช่คำบอกกล่าวว่าให้อภัย
และไม่ใช่คำผลักไสไล่ส่ง
"แม่คะหนูขอโทษ" ดาหลาหันตัวเข้ามากอดแม่ทันที เจ๊ออนปาดน้ำตาราวกลับกลืนเลือดตัวเอง
"ต่อไปก็อยู่นี้ หลานเดี๋ยวแม่เลี้ยงเองไม่ต้องง้อผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น"
ดาหลากอดมารดาม่านน้ำตาที่เคยมีได้จางหาย เธอยิ้มกริ่ม มันพิสูจน์แล้วว่าเธอยังเป็นที่หนึ่งในใจมารดา
จันทร์เสี้ยวเธอต้องออกไปจากบ้านหลังนี้
ดาหลาสารภาพความผิดทั้งหมดต่อมารดาว่าตนได้นำบ้านไปจำนองกับเจ๊ปล่อยเงินกู้หน้าเลือดหากไม่นำเงิน5,000,000บาทไปไถ่ถอนภายในเวลาอีก2วันไม่อย่างนั้นบ้านจะโดนยึด
ข่าวบ้านถูกยึดแพร่กระจายออกไป เงินที่จันทร์เสี้ยวคิดว่าจะได้ก็ไม่กล้าทวงถาม เพราะบ้านดอกแก้วกำลังเข้าสู่วิกิต
"ฉันขอโทษนะที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้"
"เงินที่เธอสมควรได้รับมันกลับต้องนำมาไถ่ถอนบ้านหลังนี้"
"จันทร์เสี้ยวเข้าใจค่ะ"เธอเข้าใจจริง ๆ เพียงแต่คิดหนักจะทำอย่างไรได้ถึงจะช่วยน้องสาวพระจันทร์ให้หลุดพ้นวังวนนรก
"คนอื่นในบ้านออกรับงานหาเงิน แค่ไม่กี่วันก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ"
"ฉันได้ยินว่าเธอไม่เคยผ่านมือชายเลย"
"สิ่งนี้ไงที่มันมีราคาแพง"ดาหลาเดินเข้ามาใกล้พลางพูดกระซิบขายมัน
"คิดดี ๆ นะจันทร์เสี้ยวเธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนะ"
"ถ้าคิดได้แล้วมาหาฉันนะจันทร์เสี้ยว"
ดาหลายิ้มกริ่ม สวยแล้วยังเก็บความสาวไว้ได้อีก เลอค่าอย่างนั้นเหรอเสี้ยวจันทร์เธอจะมาเด่นกว่าฉันที่เป็นลูกแม่ได้อย่างไร
"เธอจะยอมเหรอคะคุณหนู"
"ไม่ใช่แค่สมยอม แต่เธอเต็มใจทำมันเลยล่ะ พี่นิ่มคอยดู"
สองขาก้าวเดินเตร็ดเตร่ในใจวุ่นวายเลื่อนลอยไปถึงท้ายสวน จันทร์เสี้ยวดวงตาหนักอึ้ง แต่ไม่สู้หัวใจที่หนักกว่า เธอจะทำอย่างไรดีฉันเสี้ยว
เธอนั่งลงกลางสวนหลังบ้านโยนหินลงน้ำก้อนแล้วก้อนเล่าทบทวนใจตัวเองหลาย ๆ ครั้ง
แต่เดิมเธอมาเพื่ออะไร ครอบครัวไม่ใช่หรือ
ต่อให้ต้องขายวิญญาณเธอก็ยินนี้คือคำปฏิญาณมันดังขึ้นมาอีกครั้ง
บัดนี้ใจที่ลังเล เริ่มไม่สั่นไหวอีกต่อไป
กลางดึกคืนนั้น รางอรชรอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดรัดรูปแถมสั้น รองเท้าส้นเข็มสูงสองนิ้ว เธอไปหาดาหลาที่ห้องตามนัด
"มาแล้วเหรอ ฉันนึกว่าเธอจะไม่มาเสียอีก"
"นี่มันครั้งแรก เธอตามใจเสี่ยอ๋าหน่อยแล้วกัน เขาจะได้เงินตามต้องการ"
"ฉันต้องออกไปหาน้าออนไหม"
"แก...เธอจะไปหาแม่ทำไมเดี๋ยวลูกน้องเสี่ยมารับ รออยู่นี้"
เกือบแผนแตกแล้วไหมล่ะ ถ้าแม่จับได้จบกัน นางจันทร์เต็มดวงนี่รู้มากเสียจริง
จันทร์เสี้ยวนั่งรออยู่นานรู้สึกปวดฉี่ จึงเดินหลบไปเข้าห้องน้ำระหว่างทางกลับมา
แมวที่ไหนไม่รู้สีเทาขนฟูฟ่องปุกปุยจันทร์เสี้ยวตกหลุมรักในความทะเล้นของมัน คล้ายต้องมนต์สะกด เธอเดินตามมันอยากนำกลับมาเลี้ยง เจ้าสี่ขาวิ่งหนีการจับกุมไปยังประตูหน้าบ้าน
จันทร์เสี้ยววิ่งตามไม่ห่าง
พอถึงรั้วเจ้าเทาพลันหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าตรงหน้าเธอกลับปรากฏเท้าของใครคนหนึ่งจันทร์เสี้ยวเงยมองจากปลายเท้าไล่ไปจนถึงใบหน้า
"เชิญขึ้นรถเลยครับ"ชายแปลกหน้าเอ่ยเสียงเรียบ
"ค่ะ"
ภายในรถมีเพียงเธอนั่งข้างหลังและเขาคนขับรถ
"ขอถามได้ไหมคะ"
"'ได้ครับ ถ้าตอบได้"ชายคนขับตอบเสียงเรียบ
"เสี่ยชอบอะไร ไม่ชอบอะไรพอจะบอกได้ไหมคะ"
ชั่วอึดใจ เธอนึกว่าเขาจะเมินไม่ตอบ แต่เขายอมพูด
"ไม่ชอบให้ผู้หญิงที่ไปนอนด้วยหลงรักครับ"
"ทำไมเหรอคะ"
คราวนี้เขาเมินไม่มีเสียงตอบ มีเพียงความเงียบภายในรถที่วิ่งด้วยความเร็วอย่างสม่ำเสมอ
เขาจอดให้เธอลงหน้าโรงแรมสูงเฉียดฟ้า จันทร์เสี้ยวแหงนมองยอดตึกใจเต้นราวกลองศึกที่โรมรัน
ครั้งแรกของเธอ ใครบ้างไม่ตื่นเต้น
ท่องไว้จันทร์เสี้ยว เพื่อน้อง เพื่อยาย
"เชิญทางนี้ครับ"คนขับรถเชิญเธอให้เดินตาม เธอสังเกตเห็นนิ้วหนากดหมายเลขชั้น12 ลิฟท์ทยานสู่ยอดสูงสุดของตึก
"นายครับ"
"อืม"เสียงเข้มขรึมตอบรับจากคนภายในห้อง
จันทร์เสี้ยวใจเต้นตึกตักเปลี่ยนเป็นโครมครามดังกัมปนาทแผดเสียงก้องสกล
"นายรออยู่ด้านในผมส่งคุณแค่นี้..."
แค่คืนนี้ พรุ่งนี้เช้ามันก็จบลง...จันทร์เสี้ยว
ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ จันทร์เสี้ยวกำลังใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดใบหน้าให้พระจันทร์อย่างเบามือ สายตาของเธอจ้องมองร่างน้องสาวราวกับกลัวว่าน้องจะมลายหายไปได้ ส่วนทิวสนโทรสั่งให้กิตติเตรียมแฟ้มเอกสารที่ต้องเซ็นมาให้เขา และตั้งแต่ได้เอกสารกองโตมาเขาก็เปิดโน๊ตบุ๊ค ตั้งหน้าตั้งตาทำงานราวกับว่าตนเองเป็นธาตุอากาศ ไร้เสียงพูดคุยมีเพียงเสียงกระดาษเปิดไปปามาดังเบา ๆ หลังจากจัดการเช็ดตัวน้องเสร็จเธอจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ชุดที่เขาสั่งกิตติไปซื้อมาให้ เสื้อยืดตัวหลวมโคร่งกับกางเกงขายาวที่ความยาวของมันมากกว่าความสูงของเธอ จนชายผ้าไปกองอยู่ที่ข้อเท้าร่างบางในชุดยักษ์เดินออกมา จากห้องน้ำ ทำเอาสายตาคมของทิวสนที่ไม่ได้ตั้งใจมองในขณะดื่มน้ำแทบสำลักน้ำในปากใบหน้าหน้าหล่อเหล่าพร้อมสายตาคมจ้องเธออยู่ครู่ใหญ่ รอยยิ้มจึงค่อย ๆ ผุดออกมา เขารู้สึกภูมิใจในตัวกิตติมากที่ทำตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี ชุดที่เขาสั่งมาให้เธอ คือมิดชิด "คุณยิ้มอะไรคะ หรือว่าจันทร์หยิบผิด แต่ไม่น่าจะผิดเสื้อผ้าคุณมีแต่สีทะมึน"มือบางเปิดดูถุงอีกสี่ห้าใบ ของเขามีแต่สีทึบ ส่วนของเธอก็สีหวานสดใส แต่ทุกตัวล้วนแต่เป็นชุดโอเวอร์ไซซ์ทั
ทิวสนเข้าไปนั่งในรถมองกระจกหลังที่สะท้อนภาพ จันทร์เสี้ยวถึงแม้เธอนั่งในร่มแต่ลมพัดเอาละอองฝนกระทบร่างบาง จันทร์เสี้ยวสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะความหนาวเย็นของลมพายุ แล้วยังโดนฝนสาดอีก ดวงตาหวานมองผ่านม่านน้ำฝนออกไปยังคงเห็นรถของเขาจอดอยู่ คนใจร้าย...ทันใดนั้นรถหรูคันสีดำก็ขับเคลื่อนออกไปทันที น้ำที่ตาเอ่อล้นออกมา จันทร์เสี้ยวยิ้มให้กับตัวเองสมเพชที่คิดว่าเขามีใจให้เธอสักนิดทันใดนั้น...รถคันสีดำ มาจอดตรงป้ายรถประจำทาง ประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกพร้อมกับเขาชายถือร่มเดินลงมาท่ามกลางพายุ "หนาวแย่เลย ให้ผมไปส่งบ้านนะครับ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างสุภาพ"ขอบคุณคุณชีวินมากเลยค่ะ แต่จันทร์เสี้ยวเกรงใจค่ะ"เสียงหวานเอ่ยขอบคุณในน้ำใจที่เขามีต่อเธอ แต่คนที่กำลังจะแต่งงานไหนเลยจะกล้าขึ้นรถไปกับชายอื่นเพียงลำพัง"ไม่ต้องเกรงใจหรอกถือซะว่า เพื่อนไปส่ง อีกอย่างคุณตากฝนนานขนาดนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ" "ถ้าอย่างนั้นจันทร์รบกวนด้วยนะคะ" ชีวินเป็นสุภาพบุรุษทั้งคำพูดและการวางตัว เขาเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้จันทร์เสี้ยวนั่งเรียบร้อยพร้อมปิดประตูรถให้อย่างเบามือ ก่อนตนเองเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ทุกการกระทำขอ
เสียงหวานดังกล้องสะท้อน เงาทั้งคู่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ลมหายใจเหนื่อยหอบราวกับวิ่งระยะไกล เหงื่อผุดบนเรือนร่างเปลือยเปล่าทั้งเธอและเขา บทเพลงท่วงทำนองเคล้าคลอจบลง "คุณไม่ได้ใส่....ทำไมถึงปล่อย...." "อีก 5 วันเธอต้องเป็นเมียฉัน" "ของพันธุ์นั้นยังต้องใช้อีกเหรอ" "ฉันไม่ได้พกยามาด้วย" "ห้ามกินนะ มันอันตราย" เขาห่วงฉันเหรอเนี่ย "ขอบคุณที่ห่วงจันทร์นะคะ" ไร้เสียงตอบกลับจากเขา จันทร์เสี้ยวจึงเลิกสนใจเพราะพูดไปเสียอย่างไรก็ไร้ความหมายกับคนที่พูดน้อยแต่ดื้อเช่นเขา จากเหตุการณ์เมื่อครู่เธอรู้สึกเหนี่ยวเหนอะหนะจึงผละตัวไปอาบน้ำ เสียงเปิดฝักบัวน้ำปล่อยน้ำเย็นไหลผ่านร่างเปลือยเปล่า ดึงดูดให้สายตาคมของเขาเจ้าแห่งป่า มองร่างหญิงตรงหน้าแทบอยากจะกลืนเธอลงท้องไป และยิ่งเธอขยับตัวถูไถตามร่างกายสร้างความเย้ายวนในใจไม่น้อย และมันได้ปลุกสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่พึ่งมอดไหม้ไปเพียงไม่กีนาทีให้ลุกโชนอีกครั้ง เขาเดินตรงเข้าหาร่างอรชรทางด้านหลังใช้สายตามองราวกับไม่เคยเห็นใช้นิ้วไล้แตะเคล้าคลึงเนินมนพร้อมกับกดจมูกไซ้คอเรียว จันทร์เสี้ยวสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดต้นคอเธอ ทำได้เพียงหลับตาพริ้มเผย
“แต่งสายฟ้าแลบเหรอ? ผู้หญิงอย่างจันทร์เสี้ยวเนี่ยนะ?” เสียงนินทาแว่วมาตามลมปนกลิ่นเหงื่อแดดบ่ายของตลาดบ้านนา เธอไม่ได้ใส่ใจมานานแล้ว แต่คราวนี้มันเกินทน “ยายมันขายหลานให้เศรษฐีไง ถึงได้อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้” “นั่นสิ เศรษฐีที่ไหนจะเอาเด็กกระโปโลไปทำเมีย ถ้าไม่ใช่เมียน้อย” “ฉันว่ายายคงปล่อยให้ท้องก่อนนั่นแหละ ถึงได้กล้าประกาศแต่งงาน! “แหม...เชื้อมันแรงนะ ยายดวงแขนั่นก็แย่งผัวเขามาเหมือนกัน” “ใช่ ได้ข่าวว่าเมียเก่าได้ก่อน ยายดวงแขแต่งทีหลังอีก!” เสียงหัวเราะแหลมคมประสานกันราวมีดข่วนกระจก จันทร์เสี้ยวเดินผ่านเงียบ ๆ ไม่เคยโต้ตอบ จนกระทั่ง... ผัวะ! เสียงฝ่ามือปะทะแก้มดังลั่น หัวผู้หญิงคนนั้นหันตามแรงตบก่อนชะงักด้วยความตกใจ “อีจันทร์ มึงกล้าตบกูเหรอ!” “ใช่ ถ้ายังไม่หุบปากเน่า ๆ พวกพี่นั่นแหละ” “อีจันทร! มึง...” เสียงกร้าวหักหาญ กลายเป็นตะปบรวมจากฝูงหญิงที่เคยนินทา จับแขนจันทร์เสี้ยวไว้แน่น ราวฝูงหมาเห็นเหยื่ออ่อนแรง ผัวะ! ตบสวนกลับมา หน้าของเธอสะบัดตามแรง แต่ก่อนอีกฝ่ายจะได้สะใจ ปึก! เธอถีบสวนกลางท้อง ทำให้ร่างนั้นเซล้มไป “ได้ผัวรวยหน่อย กล้าหือเห
รุ่งอรุณแสงแดดลอดผ้าม่าน ทิวสนยงคงหลับสนิทที่ห้องนอนของตนเอง เขาออกจากห้องจันทร์เสี้ยวเกือบเช้าก่อนที่คุณยายจะตื่นมาเตรียมของใส่บาตรเมื่อคืนเด็กของเขาทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี จนเขาไม่อยากจากเธอ"ได้ค่ะ งั้นจันทร์จะทำหน้าที่นี้"จันทร์เสี้ยวขึ้นคร่อมตักเขาอย่างแนบแน่นโดยไม่รีรอเธอก็โน้มตัวลง...ริมฝีปากประกบกับเขาแนบแน่นไม่ทันได้หายใจ จูบนั้นก็ลุกลามราวกับไฟที่ไม่มีใครหยุดได้เขาตอบรับทันที มือทั้งสองเลื่อนขึ้นโอบแผ่นหลังเธอแน่นเสียงลมหายใจกลายเป็นเพียงจังหวะของอารมณ์ที่ระอุอยู่กลางอก"ต่อสิ"เสียงทุ้มเริ่มสั่นไหวจันทร์เสี้ยวใช้ปลายลิ้นไซ้คอ ลมหายใจร้อนผ่าวไล้ตามแนวเส้นเลือดสัมผัสนั้นแผ่ซ่านจนทำให้ทิวสนต้องขบกรามแน่นมือเรียวแตะไหล่เขาแนบ ก่อนจะเลื่อนลงประคองต้นแขนอย่างมั่นคงทุกความเคลื่อนไหวเธอทำด้วยความตั้งใจและแรงปรารถนาแบบไม่ลดละเพื่อให้เขาพึงพอใจมือเรียวไม่รอช้าเลื่อนขึ้นไปจับชายเสื้อเขานิ้วแตะไปที่กระดุมตัวแรกอย่างมั่นใจปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างช้าๆ ชวนให้ใจสั่นไหวริมฝีปากยังคงลากไล้ไปตามซอกคออย่างไม่ลดละทิวสนเผลอหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ความรู้สึกร้อนผ่าวโอบกอดจนหมดใจทิวสนส่ง
สัมผัสจากปลายนิ้วเย็นเฉียบลูบไล้เบา ๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเคล้าคลึงหนักหน่วงเธอเผลอแอ่นกายตอบรับ ไม่ใช่เพราะปรารถนา แต่เพราะลมหายใจของเขาฝังลึกอยู่ในหัวใจ ราวกับมันไม่เคยจากไปเลยสักวินาทีเดียว“เดี๋ยวก่อนค่ะ...ไม่มีถุงยาง”เสียงเธอดังขึ้น...เบาแต่ชัดเจนพอจะหยุดทุกการเคลื่อนไหว เสียงทุ้มต่ำของเขาตอบกลับในทันที ราบเรียบแต่แฝงความขัดใจ“คืนนี้มันไม่จำเป็น...“จำเป็นสิคะ”เธอปรายตามองเขานิ่ง ๆ “คุณไม่กลัวเหรอ? จันทร์เป็นเด็กขายตัวนะคะ ต้องรับแขกมากมาย...”เธอหยุดหายใจนิดหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ ทั้งประชด ทั้งเจ็บ“อีกอย่าง...คุณก็นอนกับใครไม่ซ้ำหน้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”กับคนอื่น เขาไม่เคยต้องอธิบายพวกเธอพร้อมถวายกายถวายใจใต้เนื้อเขาราวกับนางบำเรอศิโรราบผู้จงรักแต่กับเด็กสาวบ้านนอกหน้าตาเรียบง่ายคนนี้...เขากลับต้องตั้งรับ ต้องหาคำพูด ต้องกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดทำไม ทิวสน... แค่เด็กขายตัวคนหนึ่ง ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะเจ็บสมองสั่งให้เย็นชา แต่หัวใจกลับเต้นโครมครามจนไม่ฟังเขาเอ่ยออกไปทันที ปากนำหน้าสมองเสียด้วยซ้ำ“ฉันนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าจริง แต่ฉันมั่นใจในตัวเอง...”เขาโน้มตัวลง กระซิบช้า ๆ“ต