ผมชะงักไป เมื่อรู้สึกว่าเราใกล้กันมากกว่าที่เคย แต่นั่นก็มาจากความรู้สึกงี่เง่าของผมเอง
ผมพ่นลมหายใจ ผละออกไป ชูใจเมามาก เธอพลิกไปอีกทาง ในขณะที่ผมเห็นมัน คิดว่ามันเป็นทุกวันที่ผมจะได้เห็นเวลาเธอเมา
กระโปรงนักศึกษาเธอมันเลิกจนขึ้นมาถึงต้นขา ทำให้เห็นกางเกงในสีขาวชัดๆ เต็มตา
ยัยชูใจ! ซับในก็ไม่ใส่
ผมกัดฟันแน่น หน้าร้อนวูบขึ้นมาตอนที่เอามือไปปิดกระโปรงให้เธอ ถ้ารู้ว่าทำงี้ต่อหน้าไอ้พี่โอห์มนั่นล่ะก็ เธอไม่ตายดีแน่ชูใจ
แต่ก็ทำได้แค่คิด ผมถอนหายใจออกมาอีก มีคนเคยบอกว่าถอนหายใจบ่อยๆ มันตายเร็ว แต่ให้ทำไง ตั้งแต่รู้ว่าชอบชูใจ ผมก็ทำได้แค่คิด กับถอนหายใจ สองอย่าง
ผมนั่งลงตรงขอบเตียง มองหน้าชูใจอย่างเสียดาย ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เธอมักเป็นตัวดึงดูดเพศผู้ให้เข้าหาเสมอ ตอนนั้นผมกันพวกมันให้แทบตาย ไม่รู้ตัวว่าหึงเธอหนักมาก จนเราห่างกันไปช่วง ม.ปลาย ผมรู้มาว่าชูใจใฝ่เรียนไม่อยากมีแฟนเลยละเลย จนในที่สุดวันนี้ เธอก็มีแฟนเป็นหมอ
ไม่ใช่แค่ไอ้เด็กช่างอย่างผม
อยู่ดีๆ ก็อยากแดกเหล้าย้อมใจ ผมลูบหน้าตัวเองแล้วลุกขึ้นโทรหาเพื่อน แค่อยากมีเพื่อนกิน ยังไงวันนี้ใครๆ ก็รู้กันหมดว่าผมแห้วจากชูใจไปแล้ว
ติ๊ด
[ไงมึง ไปส่งชูใจเป็นไง] เพื่อนถามผมทันที แต่ผมไม่ตอบไรกลับไปนอกจาก
“กูอยากแดกเหล้า”
วันนี้เป็นวันจบที่ดีชิบหายเลยว่ะ
“พวกกูเสียพนันเลย” เพื่อนผมตบหลังผมแรงๆ ผมที่นั่งกระดกเหล้าอย่างเจ็บช้ำ “มึงไม่ยอมจีบชูใจตั้งแต่ตอนแรก มัวแต่นั่งรักเค้าข้างเดียว”
“ถ้าจีบชูใจมันง่ายมันคงจีบไปแล้ว” เพื่อนผมอีกคนแก้ตัวให้ “ชูใจเด็กเรียนจะตาย ห่ามๆ อย่างไอ้โหนคงจะสนใจหรอก”
เออ ตอกย้ำกันเข้าไป
“กูไม่รู้ว่าชูใจจะมีแฟน ชูใจไม่ได้บอกเรื่องนี้กับกูเลย” ผมโพล่งขึ้นมา รู้สึกคลางแคลงใจ เพราะปกติเราจะติดต่อกันในเฟส ชูใจจะชอบทักมาเล่าเรื่องของเธอให้ฟัง ชวนไปเที่ยว ผมไม่เคยรู้ว่าเธอมีแฟน
เธอไม่เล่า
นึกแล้วก็น้อยใจ แต่ทำไรไม่ได้
“เอาน่า ก็เป็นเพื่อนต่อไป ทำไรแบบที่เพื่อนทำให้” เพื่อนผมพูดทำร้ายจิตใจ ก็ใช่ ผมมันก็ดีแต่เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนเขาเท่านั้นเอง ไม่มีสิทธิ์เป็นมากกว่านั้น
แต่มันผิดเหรอวะ ถ้าผมยังจะคิดรักเธอต่อไป ถึงจะรู้ว่าคงเป็นได้แค่นั้น
ครืด ครืด
ผมผุดลุกขึ้นมาในตอนเช้าเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ ง่วงก็ง่วงแต่ก็ต้องรับ โทรมาเช้าขนาดนี้ใครวะ ผมแฮงก์อยู่ด้วย หลังจากกูรับสายกูจะด่าให้ยับ
[โหน] ผมอ้าปากทำท่าจะด่า แต่ก็ชะงักไป
“ชูใจ?”
[อื้อ เราเอง] ผมแค่นยิ้มแห้งๆ เกาหัวตัวเองก่อนที่จะล้มตัวลงนอนต่อ
“มีไรอ่ะ”
[คือ... เมื่อวานโหนคงรู้แล้วเนอะว่าเรามีแฟนแล้ว] ผมนิ่งไป จุกอกขึ้นมาทันที [พอดีว่าเราเพิ่งคบกับพี่เค้าน่ะ แล้วเมื่อคืนเราว่าจะมาปรึกษาโหนเรื่องนี้ แต่ว่า... แต่ว่าเราเมาก่อน เห็นเพื่อนๆ โหนบอกว่าโหนมาส่งเราด้วย ขอบคุณมากนะ]
เธอพูดมาซะยืดยาว ผมแอบพ่นลมหายใจ ก่อนที่จะตอบกลับไป
“ไม่เป็นไร”
[อื้อ โหนว่างรึเปล่าวันนี้] ผมที่นอนซังกะตายจากการอกหักเบิกตากว้างเมื่อเธอพูดแบบนั้น คือไรวะ จะชวนไปไหน? [เราว่าจะชวนโหนไปเที่ยวเป็นเพื่อน]
ชิบ!
ผมลุกขึ้นอีกครั้ง ร้องเยสในใจแล้วรีบลุกออกจากเตียง
“ได้ดิ กี่โมงอ่ะ วันนี้ช้ะ?”
[อืม... กี่โมงดีอ่ะ ประมาณเที่ยงๆ ละกัน] เธอหัวเราะ ท่าทางมีความสุข นั่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนใจพองๆ [แต่เราต้องถามพี่เค้าก่อนนะว่าเค้าจะมาตอนไหน]
ผมหุบยิ้มลงทันที
“แฟนเธอไปด้วยเหรอวะชูใจ”
[ใช่แล้ว เดทแรกเลยนะ] ชูใจตอบกลับมา ผมหน้าบึ้งตึง อยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ แต่ที่ทำกลับไปคือ
“เราไม่ไป” ผมเป็นคนที่พูดตรงและซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ถึงผมแม่งจะไม่เคยบอกไปว่าชอบเธอ แต่ผมก็ไม่เคยโกหกชูใจ “เดทกันไม่ใช่ไง เราไปก็เหมือนเป็นไม้กันหมา ไปเองเลย”
ติ๊ด
ผมกดวางสายก่อนจะล้มตัวลงนอน กดโทรศัพท์เลื่อนดูเฟสไปเรื่อย แต่ใจนี่ดิ ชอกช้ำยิ่งกว่าขี้ ทำไมต้องเอาผมไปด้วยวะ ผมไม่เข้าใจ เอาไปให้รู้เหรอว่าเป็นเพื่อนผู้ชายเธอ ชูใจจะถูกมองไม่ดีเอาเปล่าๆ
แต่ไอ้หมอไรนั่นไว้ใจได้มั้ยไม่รู้ ถ้าเกิดชูใจไปคนเดียวแล้วมันหลอกเธอ ยัยนั่นยิ่งเอ๋อๆ อยู่
ไม่ต้องคิดไรเพิ่ม ผมรีบลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำทันที
เวรจริง สุดท้ายกูก็เป็นได้แค่ไม้กันหมา
ผมมายืนดูดบุหรี่อยู่หน้าร้านกาแฟชื่อดัง ปกติไอ้คนอย่างผมมันจะแดกกาแฟกระป๋องในเซเว่น แต่ที่มาในวันนี้มาเพื่อรอคุณหนูชูใจโดยเฉพาะ คนมองผมแบบแปลกๆ สมัยนี้คนมันสักเกลื่อน เพื่อนผมก็ทำร้านสัก คนสักส่วนมากก็จะถูกมองไม่ดีก็ไม่ใช่เรื่องใหม่
ก็นั่นไง ผมชินแล้ว
“โหน! รอเรานานมั้ย” ผมที่ยืนกอดอกอยู่หน้าร้านกาแฟชะงักเมื่อได้ยินเสียงใสๆ ของชูใจ พอหันไปมองก็เห็นว่าเธอกำลังวิ่งมาเลยทิ้งบุหรี่แล้วใช้เท้าเขี่ย ชุดเดรสน่ารักๆ ทำให้ผมอึ้งไปแปปนึง มองเธออย่างเคลิ้มจนชูใจโบกมือมาตรงหน้า “หอ โอ โหนจ๋า รอเรานานมั้ย”
“เฮ้ย ไม่นาน” ผมเหวอเมื่อหน้าเธอใกล้มาก รีบผละออก “เราเพิ่งมาเมื่อกี้”
ซะที่ไหน ผมมาก่อนเธอครึ่งชั่วโมง ตื่นเต้นก่อนตลอดเวลาชูใจชวนไปไหน
“พี่โอห์มน่าจะรอในสตาบัคนะ” เธอพูดถึงร้านกาแฟ เห็นเวลาเธอพูดถึงแฟนแล้วหน้าขึ้นสี มันทำให้ใจผมเจ็บ “โหนมาเป็นเพื่อนเรานี่ดีเลยนะ เราประหม่าอ่ะ แฟนคนแรกด้วย”
“เออๆ จะให้เราทำไรล่ะ” ผมพูดไปงั้น จริงๆ ใจแม่งซังกะตายไม่อยากทำห่าไรเลย “คงไม่ให้เราไปจีบแฟนเธอหรอกมั้ง”
“บ้าเหรอ” ชูใจหัวเราะ ก่อนที่จะดันหลังผมให้เดินเข้าไปในร้าน “ป่ะ เข้าไปกันเถอะนะโหนน้อย”
ผมชะงักไป รู้สึกได้ถึงมือเล็กๆ ที่ดันหลังผมอยู่ รู้สึกเขินจนต้องลูบหน้าตัวเองแรงๆ
เราเดินเข้าไปในร้าน ผมเดินตามแรงดันชูใจไปจนถึงโต๊ะข้างใน เห็นผู้ชายท่าทางแบดบอยแอบเงียบด้วยชุดนักศึกษา ผู้ชายด้วยกันมันดูกันออก ผมเห็นไอ้คนนี้ตอนเดินมาครั้งแรก มันมองผมเหยียดๆ เหมือนไม่ชอบคนสัก ไม่ค่อยชอบหน้ามันเลยย้ายไปยืนดูดบุหรี่ที่อื่นเมื่อกี้ แต่ดูเหมือนว่าโลกจะกลม
มันเงยหน้าขึ้นจากมือถือ เห็นผมที่เดินมากับตัวเล็กๆ อย่างชูใจ สีหน้ามันที่มองชูใจ ผมดูออกว่าไม่ได้ดี
“พี่โอห์ม สวัสดีค่ะ” แต่ยัยชูใจที่ใสซื่อของผมไม่เคยรู้ไรเลย เธอยกมือไหว้แฟนตัวเอง ผมเหวอเลย “ชูใจมาสาย ขอโทษน้า”
“ไม่เป็นไรครับชูใจ” มันพยายามยิ้ม แต่สายตาที่มองผมขวางแบบชัดเจน “มากับใคร เพื่อนเหรอ”
“ใช่ค่ะ เพื่อนสนิทชูใจเอง ชื่อโหน” เธอดันผมให้นั่งลง ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม แต่ไอ้โอห์มไรนั่นก็บอกเธอพร้อมกับตบไปที่ที่นั่งข้างๆ
“นั่งข้างๆ พี่สิ” เธอหน้าแดงมาก ผมได้แต่มองอย่างไม่สบอารมณ์ เหมือนผมเป็นอากาศอ่ะ ชูใจนั่งลงข้างๆ มันหน้าขึ้นสีอย่างว่าง่าย นั่งกำมือเกร็งไปหมดจนผมชักหมั่นไส้
“เขินไรอ่ะชูใจ ทำเหมือนเพิ่งมีแฟน” ผมเลยกอดอกแซวไปที บอกเป็นนัยๆ ว่าเธอก็ไม่ใช่ว่าจะมีมันเป็นแฟนคนแรก ไม่งั้นมันจะเห็นชูใจเป็นของตาย
“โหนอ่ะ!” เธอยื่นแขนมาตีไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับไอ้พี่โอห์มแบบไม่กล้าสบตา ไม่รู้จะเขินไรนักหนา อยากตีตูดให้ลาย “พี่โอห์ม ชูใจไปซื้อกาแฟก่อนนะ”
“ครับชูใจ” มันส่งยิ้มให้เธอ ร่างเล็กเลยลุกขึ้นแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน แต่เพราะที่นั่งที่มันกับผมนั่งอยู่ในสุด เธอเลยจะไม่ได้ยินการสนทนาของผมกับมันหลังจากนี้
พอชูใจเดินพ้นไปแล้ว มันก็หันมามองผมทันที
“มึงเป็นใคร เป็นไรกับชูใจ” มันเริ่มพูดกูมึงกับผมก่อน ตาขวางๆ ของมันเหมือนจะบอกว่าชูใจเป็นของมัน ผมไม่มีสิทธิ์ คิ้วผมกระตุกทันที อารมณ์หาเรื่องอยู่ดีๆ มันก็มา
“ไม่รู้ดิพี่” ผมกระตุกยิ้ม “ชูใจอยากให้เป็นไรผมก็เป็นอ่ะ”
“...”
“จะให้เป็นผัวก็ยังได้”
“ชูใจเป็นแฟนกู” มันพูดอย่างโกรธๆ ที่ผมกวนส้นตีน “ถ้ามึงคิดจะทำไร มึงเจอกูแน่ กูมันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีน้ำยา”
ก็สวยดิ ผมก็อยากรอไอ้คำว่าน้ำยาจากมันอยู่เหมือนกัน
“ก็มาดิพี่” ผมหาเรื่องแบบโจ่งแจ้ง นั่นเพราะผมสรุปได้แล้วว่า เอาล่ะ กูไม่ชอบขี้หน้ามัน ไอ้เวรนี่ไม่ใช่คนดีแน่ ผู้ชายที่เพิ่งเป็นแฟนกับผู้หญิงแบบชูใจปกติมันไม่มาหาเรื่องงี้แน่ถ้าเข้าใจตัวตนเธอจริง นอกจากว่าจะเก็บแต้ม หรือไม่ก็หวังได้เป็นเมีย
แล้วคิดเหรอว่าผมจะทนเห็นชูใจไปมีไรกับมัน
ฝันไปเหอะ
“มึง...!” มันทำท่าจะลุกขึ้นกระชากคอเสื้อผม แต่ชูใจที่เดินมาก่อนทำให้ทั้งผมกับมันเงียบไป ร่างเล็กเดินยิ้มหวานมาแต่ไกล พร้อมกับแก้วกาแฟสตาบัคในมือ
ผมรู้ว่าเธอชอบกินไร ลาเต้ใส่นมเพิ่มคาราเมล ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่ชูใจเป็นคนชอบกินหวาน กินเผ็ดไม่ได้ กินขมไม่เป็น อาหารที่ชอบก็คือข้าวไข่เจียวกุ้ง
เชื่อดิ ผมคิดว่าผมรู้เรื่องของชูใจมากกว่าแฟนเธอเยอะ
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ” ชูใจกระพริบตาปริบๆ ทั้งผมกับมันมองหน้ากัน ตาสบตา ส่งรังสีอาฆาต ก่อนที่จะหันไปฉีกยิ้มให้เธอทั้งคู่
“เปล่าคะชูใจ / ไม่มีไรชูใจ” ตอบพร้อมกันอีก คราวนี้ผมจ้องหน้ามันเขม็งเลย
“อื้อ” เธอตอบพร้อมกับยิ้มอีก ยิ้มไรนักหนา มีความสุขมากนักเหรอวะ เชื่อเหอะว่าหลังจากคบมันไปนานกว่านี้เธอจะยิ้มไม่ออก “ดูเหมือนจะสนิทกันเร็วดีเนอะ ดีเลย เพราะโหนเป็นเพื่อนรักของชูใจเลยนะ”
ผมนิ่งไป มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีคำว่าเพื่อนนำหน้าคำว่ารัก
“อ้อ... ‘เพื่อน’” ไอ้โอห์มโพล่งขึ้นมา ฉีกยิ้มเยาะผม “เอาจริงๆ นะคะ พี่อยากมาเดทกับชูใจสองคนเนอะ แต่พาเพื่อนมาแบบนี้พี่ก็เลยประหม่าไปหน่อย ขอโทษทีนะครับ”
กำลังจะบอกอ่ะดิว่าไม่ต้องพาไอ้เหี้ยนี่มาอีกนะ
“ขอโทษนะคะพี่โอห์ม” ชูใจห่อเหี่ยวลงไปทันที ผมเหมือนเห็นหูกระต่ายของเธอเลยว่ะ แถมหูตกแบบกระต่ายหงอยด้วย “ก็ชูใจจะต้องพาโหนมาเป็นเพื่อนก่อน ชูใจไม่กล้าไปกับแฟนสองต่อสอง แม่ชูใจสอนมา”
พูดดีมาก รักนวลสงวนตัวแบบนี้ก็ดีนะ กูชอบ
“แต่แน่ใจว่าเพื่อนจริงนะ?” ไอ้โอห์มเริ่มคิ้วกระตุก มันเริ่มถามแบบสงสัยในความสัมพันธ์ของผมกับชูใจ แต่ให้ทำไง ในสายตาชูใจผมก็เป็นแค่เพื่อนเธอแค่นั้น
“อื้อ เพื่อนค่ะ”
“ดูจากหน้าก็คงเป็นได้แค่เพื่อนนั่นแหละเนอะ ชูใจไม่น่าจะคบกับคนสักทั้งตัวแบบนี้หรอกใช่มั้ยคะ” มันโพล่งขึ้นมา ท้าวคางมองชูใจอย่างเป็นต่อทั้งรูปร่างฐานะหน้าตา ในขณะที่ผมกำหมัดแน่น
ตั้งแต่นี้ กูจะเรียกชื่อมึงว่าไอ้เหี้ยโอห์ม
เออ ผมมันไม่หล่อเท่ามันไง ไม่รวยเท่ามัน ไม่ขาวโอโม่เหมือนมัน ไม่หุ่นนายแบบเหมือนมัน
หุ่นแห้งๆ แบบนี้ผู้หญิงที่ไหนจะมาชอบ เขารับว่าเป็นเพื่อนรักก็บุญแค่ไหนแล้ว
ผมถอดเสื้อจ้องหุ่นตัวเองอยู่หน้ากระจก รูปร่างผมมันเป็นคนตัวสูง ผิวคล้ำแดดนิดๆ หน้าตาชวนหาเรื่องหน่อยๆ ผู้หญิงทั่วไปเห็นผมแวบแรก นอกจากไม่พิศวาสแล้วยังชวนระทึกขวัญอีก ไม่รู้ว่าจะโดนลวงไปฆ่ารึเปล่าไง
ผมพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ หลังจากกลับมาจากชูใจกับแฟนเธอ ผมก็ได้แต่ทุ่มโทษความขี้เหร่ของตัวเอง เพราะนอกจากไอ้เหี้ยนั่นจะหน้าตาดีเป็นทุน ตอนมันอาสาไปส่งชูใจขากลับ ผมเห็นว่ารถมันเป็นรถนอก BMW คันเท่ คันที่ทั้งชีวิตผมก็คงเก็บตังค์ซื้อมาขับไม่ได้
ถึงชูใจจะไม่ไปกับมัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะกลับกับผมอยู่ดี ยัยนั่นถือหลักเป็นกลางสุดๆ เธอนั่งรถเมล์กลับหอเอง
คงเกรงใจมันสินะ ก็ใช่อ่ะดิ ผมมันก็เป็นแค่เพื่อนสนิท
ผมนั่งกระดกเบียร์อยู่ในห้องอย่างชอกช้ำ ชีวิตชายโสด นั่งเล่น ROV แล้วกระดกเบียร์เงียบๆ ในห้องคนเดียว อยากแดกเหล้าย้อมใจแต่ไม่มีอารมณ์นัดใคร แค่รู้ว่านัดเพื่อนไปร้านเหล้าจะต้องไปเจอคำถามแบบไหนเกี่ยวกับชูใจ ผมก็ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น
ผมเล่น ROV จนเบื่อ กระดกเหล้าจนหมดไปหกกระป๋องก็ยังไม่เมา เลยเปลี่ยนไปเล่นเฟส
ผมชะงักไป เมื่อเห็นว่าชูใจถ่ายรูปตัวเองในร้านสตาบัคพร้อมกับหันมุมกล้องมาเห็นผมที่หันหลังพร้อมกับไอ้เหี้ยนั่นที่ตอนนั้นหาเรื่องกัน ปากเธอยิ้มหวานแบบไม่รู้เรื่องไรเลยสักนิดว่าผมกับมันทะเลาะกันอยู่เพื่อแย่งเธอ แถมยังแท็กผมกับมันด้วยว่ะ
แล้วดูแคปชั่น
‘วันนี้มีความสุขจังเลยเนอะ ไม่ได้เรียน คิก’
บ้าเอ้ย ยัยเด็กซื่อ ทำไมต้องมาแอบชอบผู้หญิงแบบนี้ด้วยวะเนี่ย
ชูใจเป็นคนฉลาดเรื่องเรียน ทฤษฎี แต่เรื่องอื่นซื่อบื้อโคตร ไม่งั้นเธอคงรู้ไปนานแล้วว่าผมแอบชอบเธอมาหลายปี แต่เอาจริงๆ ผมแม่งก็ไม่ได้พูดด้วยมั้ง แต่ที่แสดงออกไปทั้งหมด มันมาจากใจผมนะ
ติ๊ง
ผมชะงักไปเมื่อคิดไรอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงคนทักมาในแชท พอเปิดดูก็เห็นว่าชูใจทักมา เอาจริงๆ เธอก็ทักผมมาทุกวัน ไม่แปลกที่เพื่อนผมมันจะคิดว่าเธอก็ชอบผม ก็ดูเธอดิ ทักมาขนาดนี้ ยิ่งกว่าผัวอีกมั้ง
Shoujai Chutimon : โหนนน
Shoujai Chutimon : เรามีเรื่องจะปรึกษา จริงจังมากนะ
ผมแค่นหัวเราะ คงไม่ต้องถามมั้ง
ชื่อ โหน : เรื่องแฟนอ่ะดิ รู้หรอก
Shoujai Chutimon : รู้ด้วย
ชื่อ โหน : ไม่รู้ได้ไง วันนี้อาการออกซะขนาดนั้น
Shoujai Chutimon : ก็แหม แฟนคนแรกมั้ยอ่ะ
Shoujai Chutimon : คนเคยมีแฟนมาเยอะอย่างโหนไม่เข้าใจเราหรอก
ผมชะงักไป
เออ ถูกอยู่ ก็เคยมีแฟนมาบ้าง
แต่ไม่เคยชอบใครมากเท่าเธอเลยนะเว้ย
ชื่อ โหน : รู้ได้ไง อาจไม่เคยมีก็ได้
Shoujai Chutimon : จริงอะ
ชื่อ โหน : เดาเอา
Shoujai Chutimon : งั้นถามหน่อยสิโหน ถ้าสมมุติว่าโหนอยากมาหาแฟนที่หอ โหนจะบอกแฟนตรงๆ มั้ย แล้วเวลาแฟนมาที่ห้องเค้าจะมาทำอะไรกันเหรอ
ชูใจถามยาวเลยว่ะ แบบนี้ดูเหมือนว่าไอ้นั่นมันคงอยากจะได้ชูใจมากมั้ง คงสงสัยผมเลยรุกชูใจหนักขนาดนี้ ผมรู้สึกฉุนหน่อยๆ เลย ดึงมวนบุหรี่ออกมาจากซอง แล้วจุดสูบ
ชื่อ โหน : แฟนเธอบอกงั้นเหรอ
Shoujai Chutimon : เปล่าๆ
โกหกไม่เนียนเลยว่ะ ยัยชูใจจะคิดมีผัวตอนนี้เหรอวะ ผมพยายามมาทั้งชีวิตเพื่อไม่ให้เธอเสียบริสุทธิ์ให้ใคร เธอจะยอมมันง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้
ผมไม่ยอมแน่
ชื่อ โหน : ก็บอกให้มาดิ
Shoujai Chutimon : ฮะะ
ชื่อ โหน : บอกให้มันมาโดนหมัดจากเราไปสักทีอ่ะ ไอ้นี่มันคิดจะหลอกฟันเธอ ไม่รู้เหรอวะ
“อะ!” เธอหลุดครางเสียงดังนิดหน่อยเมื่อผมดูดดึงหน้าอกเธอผ่านผ้า ผมไม่อยากถอดอะไรในตัวเธอออก เพราะตอนนี้ถึงมันจะมืดมาก แต่ก็เป็นที่สาธารณะ แม้ว่าผมจะแทบทนไม่ไหวแล้วก็ตามผมดูดจนผ้าเธอเปียกน้ำลาย เห็นรอยยอดอกสีชมพูเข้มจางๆ ที่ดูเหมือนจะเข้มกว่าตอนที่เป็นแฟนกันเพราะเธอมีลูกแล้ว ผมจูบปากชูใจอย่างดูดดื่ม แลกลิ้นให้กัน ในขณะที่จะกัดปากเธอจนห้อเลือด“อื้อ โหน” เธอครางแล้วเริ่มจูบผมตอบกลับมา ผมถูกเธอผลักจนกึ่งนั่งกึ่งนอน ชูใจที่ถูกเลิกเสื้อจนเห็นชั้นในถอดเสื้อผ่าหลังออกทางศีรษะ แล้วขึ้นคร่อมผมอย่างใจกล้า “... จะไม่ให้ไปไหนแล้วนะ”เธอพูดแบบนั้น ผมจ้องหน้าเธอ เวลาผ่านไปเกือบปีชูใจเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอวะ ทั้งเซ็กซี่ ทั้งร้อน...“... อึก” ผมครางออกมาเบาๆ ในลำคอเมื่อถูกไล้ปลายนิ้วไปตามช่วงท้อง ชูใจเลิกเสื้อผมขึ้น ในขณะที่ใบหน้าจิ้มลิ้มก็เลื่อนมาดูดปากผมอย่างแนบแน่นเธอจูบเก่งจังวะ เคลิ้มเลยเนี่ย“อื้อ” แต่มือผมก็ไม่ปล่อยให้ว่าง ผมขยำหน้าอกเธอแรงๆ จนชูใจกระตุกนิดๆ เธอถูกผมต้อนจนมุมเหมือนอย่างเคย ในขณะที่ผมจะจงใจย้ำฝ่ามือลงหนักขึ้นแต่ใช่ เธอเองก็ร้ายใช่ย่อยมือเล็กๆ ของชูใจเลื่อนไปขยุ้มที่ใจกลาง
ฉันกลับมาแล้วล่ะจริงๆ ก็เพิ่งบินลงมาที่กรุงเทพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่เอง ฉันกลับมาพร้อมกับลูก อุ้มลูกบินข้ามน้ำข้ามทะเลจากญี่ปุ่นมาที่ไทย เพื่อกลับมาสู่ชีวิตเดิมๆ ที่เคยเป็นอยู่พ่อแม่ดูดีใจที่เห็นหลาน แม้ว่าเวลาเกือบปีจะทำให้พวกเขาแทบไม่ค่อยเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ไม่ได้บังคับอะไรฉันมากมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกอย่างตอนที่ฉันตัดสินใจบินไปที่ญี่ปุ่นกับพี่ชาย ฉันเข้าร่วมงานการ์ตูน ออกบู้ทมากมายเพื่อปรับปรุงฝีมือตัวเองที่ทิ้งหายไปนาน โดยมีพี่ชุนคอยดูแลบำรุงฉันที่ท้องโตขึ้นเรื่อยๆ อยู่เสมอฉันไม่ใช่นักวาดการ์ตูนที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น แต่ก็พอมีคนรู้จักทั้งต่างประเทศ ญี่ปุ่น และประเทศไทย นามแฝงของฉันคือ ‘Peach’ฉันเริ่มทำงานด้วยการวาดสีน้ำขาย ก่อนที่จะปรับปรุงมาซื้ออุปกรณ์สำหรับวาดภาพในคอมพิวเตอร์ เม้าท์ปากกา โปรแกรมวาดรูปอะไรต่างๆ ที่ต้องซื้อมาอ้อ ฉันสักแบบมินิมอลเล็กๆ ตามจุดต่างๆ ของร่างกายด้วยนะ ขออนุญาตพี่ชายแล้วล่ะ มันก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน มุมมองของฉันที่เคยมีต่อคนสักเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย ตั้งแต่มาคบกับโหน ฉันก็สนใจอะไรที่ตัวเองไม่ค่อยจะได้สัมผัสมากขึ้นอีกอย่างได้เรียนรู้แฟชั่นของญี่ปุ่
[พาร์ท : โหน]เป็นเกือบปีที่โคตรทรมานใช้ได้ถามว่าทำไมก็ตั้งแต่ที่ไปเคลียร์กับไอ้ลูกโชนวันนั้น มันก็ถอนหมั้นชูใจทันที แต่สาเหตุก็คงเพราะชูใจยังตั้งท้องกับผม ผมไม่รู้ว่ามันได้สารภาพเรื่องที่มันคบซ้อนหรือไม่ แต่ผมไม่สนเท่าไหร่ ขอแค่มันถอนหมั้นก็เป็นพอจะบอกว่าลูกทำให้ผมมีแรงผลักดันโง่ๆ ในเฮือกสุดท้ายก็ได้ และแม่งก็คงโง่จริงๆ เพราะหลังจากที่พ่อแม่เรียกชูใจมาคุยเรื่องที่ไอ้ลูกโชนถอนหมั้น ชูใจก็ตัดสินใจกลับต่างประเทศไปกับพี่ชายเธอ เห็นสายเพื่อนผมมันบอกมาว่าเธอจะอยู่ที่นั่นเป็นปีๆ จนกว่าจะคลอดลูก... ไม่รู้เธอจะกลับมาอีกมั้ยผมกระดกเหล้าลงคอ หลังจากวันนั้นก็ขอมาทำงานในร้านเหล้ากับพ่อ ทำมาได้เกินเกือบปีแล้วว่ะ แต่เป็นเกือบปีที่ผ่านไปได้อย่างยากลำบากผมไม่ได้เหนื่อยกับการรอคนที่ผมรัก เพราะตอนที่แอบรักเธอตอนสมัยเรียน ผมก็ทนมันได้เป็นปีๆแต่ความคิดถึงนี่ดิ มันผ่านยากมากว่ะผมนั่งคิดถึงเธอทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำงาน เวลานอน ทุกวินาทีลมหายใจผมมีแต่ชูใจคนเดียวเท่านั้น ผมตัดสินใจเลิกยุ่งกับใครๆ เพราะผมจะกลับมาหาเธออย่างเด็ดขาดแต่เธอหายไปในที่ที่ไกลเกินเอื้อมถึง เอาตรงๆ ก็ไม่มีเงินตามเธอไปด้วย ไม
ผมมาดักรอไอ้ลูกโชนที่ร้านเหล้าเดิมๆ มาเพื่อจะคุยกับมัน เพราะถ้ามันยังคิดจะยื้อชูใจไว้ต่อไป ผมก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกันผมเห็นว่ามันโอบเอวแฟนตัวจริงมาด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ผมค่อนข้างไม่คุ้นตา เธอสวย แต่คงไม่เท่าชูใจของกูผมยืนดูดบุหรี่รอ พวกมันเดินไปเต้นที่โต๊ะด้วยกัน ท่าทางกระหนุงกระหนิงทำให้ผมรู้สึกเดือดดาล เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากต่อยหน้ามันให้เละ แม้ว่าจากที่เคยสืบมา ตัวผมเองคงสู้กำลังมันไม่ได้ก็ตามจนมันย้ายมานัวเนียกันตรงจุดเดิม ผมเลยถือวิสาสะเดินไปขัด“ไอ้ลูกโชน” มันผละปากจากซอกคอของผู้หญิง ก่อนที่จะเลิกคิ้วมองผม ดูเหมือนไอ้ลูกโชนจะเมา“เหี้ยไร? มึงเป็นใคร” ผู้หญิงมองผมอย่างหวาดกลัว ผมแค่นหัวเราะที่มันเมามายจนจำหน้าผมไม่ได้ ก่อนที่จะผลักตัวหนาๆ ของมันจนเซไปทีนึง เพราะไอ้เวรนี่เมามากจนไม่มีสมรรถภาพจะพยุงร่างตัวเองได้เลย“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”“...”“ตัวต่อตัว”“มึงมีไรจะคุยกับกูวะไอ้ขี้ก้าง” ไอ้ลูกโชนพูดอย่างเหยียดหยาม มันมองหน้าผมที่จ้องหน้ามันกลับไปอย่างแน่วแน่ ผมเองก็พร้อมเหมือนกัน ถึงจะรู้ว่าสุดท้ายผมอาจจะสู้มันไม่ได้ก็ตาม“เรื่องชูใจ” ผมตอบไปสั้นๆ มันแค่นหัวเราะทันที“
“เราทนใช้ชีวิตที่ไม่มีเธอไม่ได้ว่ะ” ผมกัดฟันแน่น เขย่าไหล่เธอเบาๆ อย่างออมแรง “ทั้งชูใจ ทั้งลูก เราต้องมีมันจริงๆ”“...”“ถ้าไปไม่ไหว ก็ขอให้คิดใหม่” ชูใจที่สบตาผมในระยะใกล้ ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอมองหน้าผม ก่อนที่จะเม้มริมฝีปากแน่นและก่อนที่เธอจะได้อ้าปากตอบอะไรกลับมา ความใจร้อนของผมที่อยากได้เธอกลับมาก็ทำให้ผมเลื่อนหน้าเข้าไปจูบเธอหนักๆ ปากที่นุ่มละมุนของชูใจทำให้ผมกุมใบหน้าเธอไว้ ก้มหน้าลงอีกเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ความสูงเรามันต่างกันเกินไปชูใจพยายามดันอกผมออก ทึ้งเสื้อผมจนมันยับ เธอพยายามดิ้นรนทุกทางที่จะทำให้เธอไม่ทรยศต่อความรักของไอ้ลูกโชน แต่ผมรู้ดี ความรักของแม่งมันเป็นของปลอมทั้งเพถ้าเธอยังเชื่อไอ้เหี้ยนั่นที่มันตอแหลสร้างภาพมาว่ารักหลงเธอนักหนาแบบนั้นลง ผมก็ขอยอมเป็นคนเลวซะดีกว่า ที่จะต้องพยายามทำให้เธอท้องอีกทีในคืนนี้สติผมเลือนราง พอๆ กับแรงผลักไสของชูใจที่เริ่มอ่อนลง ผมไล้ปากของผมไปตามปากเล็กๆ ของเธอ กัดปากล่างของร่างเล็กแล้วช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มตัวชูใจเล็กแถมเบาหวิว จนสงสัยว่าหลังจากเลิกกันเธอได้กินอะไรลงบ้างมั้ย ผมลืมตามองเธอระหว่างที่กำลังจูบซับน้ำตาให้เธอตอ
แกรกฉันรีบเปิดประตูออกไปอย่างลืมตัว ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ฉันเห็นว่าเป็นโหนในลุคที่ดูต่างไปจากเคย เกือบเดือนที่ไม่ได้เจอกัน เขาเปลี่ยนแปลงทั้งสีผม รอยสักที่เพิ่มมากขึ้น และการแต่งตัวโหนที่ยืนจ้องหน้าฉันอยู่ที่หน้าประตู ฉันจ้องตาเขากลับไปเช่นกันแต่สิ่งที่ปรากฏในแววตาของเขา ฉันเห็นว่ามันเต็มไปด้วยความ... โหยหา?“... มาทำไมเหรอ” ฉันถามยิ้มๆ พยายามทำตัวเป็นปกติที่สุดกับเขา ยังไงก็ยังอยากเป็นเพื่อนเขาอยู่นะ ถึงเขาจะเริ่มต้นใหม่ไปแล้วก็ตามฉันคงเหมือนผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่ง ที่ผลักเขาออกไป ทำเหมือนโกรธเขาซะมากมาย แต่สุดท้ายก็โกรธไม่ลง แถมยังขาดเขาไม่ได้อยู่แบบนี้อีกโหนมองหน้าฉัน เขาฉีกยิ้มบางๆ กลับมา“คิดถึงเฉยๆ”“...!”“ผิดมั้ย ถ้ายังคิดถึงเธอ”ฉันนิ่งค้างไป นึกคำพูดออกมาไม่ได้เลย กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขาบ่งบอกว่าโหนคงจะเมา เพราะเขาเมาใช่มั้ย... เขาถึงมาที่นี่แต่ก็เพราะเมาอีกนั่นล่ะ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย“ผิดสิ” ฉันตอบกลับไป ทั้งๆ ที่ในใจสั่นไหวจนแทบบ้า นี่มันผ่านไปกี่วันแล้วนะ ที่ฉันไม่ได้ยินคำนี้จากเขา “เรามีแฟนแล้วนะ โหนก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน”“...”“ถ้าแฟนโหนรู้ว่าโหนมาหาเรา...