[พาร์ท : โหน]
“ไอ้โหน! ชนเว้ย ยินดีด้วยที่เรียนจบ ปวช.”
“ขอบใจมากเพื่อน” ผมชนแก้วกับเพื่อนรู้ใจ วันนี้เรามาก๊งเหล้ากันในวันที่เป็นวันที่น่ายินดีของผม นั่นคือตอนนี้ผมอายุยี่สิบสอง เรียนจบ ปวช. ไปก่อนเพื่อน แล้วกำลังจะไปต่อ ปวส. ที่วิทยาลัยช่างใกล้ๆ บ้าน เพราะวิชาภาคปฏิบัติผมได้ดีตลอด
ก็เป็นเรื่องดีที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจ เป็นเกียรติของวงตระกูล
“ไอ้โหนมันต่อยตีไปทั่วตั้งแต่สมัย ปวช. 1 แต่ไม่เคยตกวิชาไอ้เดชาเลยนะมึง” มันพูดถึงครูที่ปรึกษาของผม ผมได้แต่แค่นหัวเราะ ผมก็ไม่ได้เก่งไรขนาดนั้น
“มันเก่ง ดูกูดิ ซ้ำชั้นเลย” เพื่อนผมหัวเราะ แล้วผมก็ตบบ่ามันเบาๆ
“เดี๋ยวก็ผ่าน มึงเชื่อกูดิ”
“เออ แล้วชูใจไม่มาเหรอวะวันนี้” อยู่ดีๆ เพื่อนผมก็ถามถึงผู้หญิงคนนึง ผมชะงักที่จะกระดกเหล้า มันเลยตบไหล่ผมหนักๆ “วันจบมึงทั้งที น่าจะมายินดีหน่อยนะเว้ย”
“บ้า ชูใจแม่งติดเรียน” ผมแก้ต่างให้เธอ แต่รู้สึกฝืดคอที่จะแดก เหล้ามันบาดคอซะเฉยๆ “เค้าไม่มาหรอกว่ะ”
“แล้วเมื่อไหร่มึงจะขอชูใจคบซะทีวะ ลีลาอยู่ได้” มันถามผม ผมเลยชกไหล่มันไปที
“ขอคบเหี้ยไร คนจีบชูใจก็เยอะ”
“ดูก็รู้ว่ามึงชอบเขา” เพื่อนผมเสี้ยมใหญ่เลยว่ะ
ถ้าถามถึงชูใจว่าเธอเป็นใคร เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผม ผมกับเธอต่างกันมาก ชูใจเรียบร้อยน่ารัก เธอเป็นนักเรียนดีเด่น ผมเคยเรียน ม.3 อยู่กับเธอ ซ้ำชั้นจนเธอขึ้นมาอยู่ชั้นเดียวกัน
เธอเป็นหัวหน้าห้องที่ผมแอบรักมาตั้งแต่ตอนนั้น เพราะดวงหน้าที่เหมือนตุ๊กตา ผิวขาว ตัวเล็กๆ ยิ้มหวานๆ บวกกับนิสัยโคตรน่ารักที่มาคอยเป็นห่วงไอ้เด็กโข่งซ้ำชั้นอย่างผม
แต่ดูผมดิ สุดท้ายก็เรียนไม่จบ ม.3 เพราะเรื่องต่อยตีจนโดนเด้งออกไปเรียน ปวช. ผมมันเป็นคนห่ามๆ ไม่เอาเรียน แต่เพราะชูใจคอยช่วย แล้วเธอก็กำลังติวเตรียมสอบมหาวิทยาลัยสายหมอ ผมเลยไม่อยากให้ชูใจเห็นว่าผมมันไม่เอาไหน เลยตั้งใจเรียน ปวช. จนจบ
จนวันนี้ เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมานาน แล้วผมมันก็เป็นเพื่อนที่แอบรักเธอมานานพอกัน
“นั่นไง พูดถึงก็มาเลย ชูใจมาแล้วว่ะ” ผมหันขวับไปมองข้างหลังทันทีที่เพื่อนผมพูดว่างั้น แล้วก็เห็นร่างเล็กในชุดนักศึกษากำลังเดินเข้ามาหา
มาคนเดียวด้วยว่ะ
“โหน! รอเรานานมั้ย” เธอตะโกนเรียกผม เสียงเล็กๆ ทำให้ผมหลุดฉีกยิ้มออกมา
“นานดิ โห่” ผมเปลี่ยนท่าที ลุกขึ้นให้เธอนั่งเพราะที่เต็ม แล้วชูใจก็คลี่ยิ้มหวาน
“ยินดีด้วยนะที่เรียนจบ ปวช.” เธอยื่นช่อดอกไม้มาให้ผม “อะ นี่ดอกไม้จากเรา ถือเป็นรางวัลที่เรียนจบเนอะ”
“เฮ้ย ขอบใจมาก” ผมเห็นเธอถือช่อดอกไม้มาแล้วแหละว่ะ ก็คิดว่าเอามาให้ผมแหละ เพราะแม่งคงไม่มีคนอื่นนอกจากผมแล้ว “แต่วันหลังไม่ต้องนะ เกรงใจ”
“เล็กน้อยเองจ้า” ร่างเล็กยิ้มหวานตลอดเวลา เธอเป็นผู้หญิงพลังบวกที่ใครก็อยากอยู่ใกล้ๆ ไม่เว้นแม้แต่ผม
“ท่าจะเรียนหนักเนอะชูใจ กว่าจะมาหาพวกเรา” เพื่อนผมเองมันก็สนิทกับชูใจเพราะเธอชอบมาหาผมบ่อย เราเป็นเพื่อนกันเลยไม่แปลกที่เธอจะรู้ทุกที่ที่ผมไป ในขณะที่ผมก็รู้ แต่ทำเป็นไม่รู้
“อื้อ เรียนหนักมากเลย ตั้งแต่เข้า ปี 2 มาแทบไม่มีเวลากินข้าวอ่ะ” ชูใจพูดกับเพื่อนผม ในขณะที่ผมได้แต่ยืนฟังเพื่อเก็บรายละเอียด
เพื่อนผมมันบอกว่าชูใจก็ชอบผมเหมือนกัน ดูจากที่เธอชอบมาตามผมบ่อยๆ ผมก็เผลอคิดงั้นเหมือนกัน
“แล้วไม่มีคนมาจีบเหรอวะชูใจ เรียนปี 2 แล้วเนี่ย” แล้วเพื่อนผมมันก็ตัวเสี้ยม มันถามขึ้นมาเพื่อหวังให้ผมเปิดประเด็นบอกไปว่าชอบเธอ
แต่ว่า
“ได้ยินแล้วห้ามไปบอกใครนะ” ร่างเล็กกระซิบเพราะเธอไม่ใช่คนชอบปิดบัง แต่ทว่าผมกลับได้ยินเต็มสองหู “... เรามีแฟนแล้วน่ะ”
“เฮ้ย!!!” ทั้งโต๊ะร้องลั่นออกมาพร้อมกัน ในขณะที่ผมทำช่อดอกไม้ตกพื้น
ตุบ
“พี่เค้ามาจีบเราแล้วววก็ คุยด้วยตั้งนานนน”
“...”
“พี่เค้าเป็นหมออออด้วยนะ”
ผ่านไปสักพัก ชูใจเมาเละอย่างเคย เธอมาที่นี่ทีไรผมจะเสี้ยมให้กินเหล้าทุกที เพื่อนผมแม่งก็ตัวดี แต่วันนี้ผมแทบไม่ได้ทำไรเลย ใจผมมันฝ่อ ได้แต่ยืนดูดบุหรี่อยู่ข้างนอกร้านนั่งชิวแล้วหันไปมองร่างเล็กที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะโดยมีเพื่อนผมคอยลูบหลังให้อยู่
ปกติมันจะเป็นหน้าที่ผม แต่วันนี้เจอเรื่องช็อกโลกมา
ถึงผมจะรู้อยู่แก่ใจแล้วก็เหอะ
ผมดีดบุหรี่ทิ้งแล้วเดินมาหาเธอที่โต๊ะ เพื่อนผมกำลังจะดึงเธอมาหิ้วปีก แต่ผมห้ามไว้
“กูเอง” ผมพูดแล้วช้อนตัวชูใจขึ้นอุ้ม เธอพึมพำไรไม่รู้ตลอดเวลา
“ไม่น่าเชื่อว่ะว่าชูใจจะไม่ได้ชอบมึง” เพื่อนผมที่จะหิ้วปีกเธอเมื่อกี้ก็ดันมาพูดจากระแทกใจ “ทั้งที่พวกกูแทงพนันกันแล้วว่าต้องเป็นมึงชัวร์”
“มันก็ไม่ใช่มาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่ไง?” ผมย้อนกลับไป
“เอ้า ทำไมวะ”
“ก็ถ้าแม่งใช่ ป่านนี้คงคบกันไปแล้ว ไม่รอให้แห้วแดกงี้”
ผมคาบบุหรี่พร้อมกับจุดสูบ ผูกชูใจที่เมามายไว้ด้วยเชือกรัดของ แล้วเอามาผูกไว้กับหลังผม
ผมพาเธอขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไป ท้องถนนที่มืดมิดเพราะเป็นช่วงดึกทำให้ผมได้แต่คิดไปไกล ว่าถ้าเกิดผมได้ไปส่งเธอในสถานะแฟนไม่ใช่เพื่อนล่ะก็ มันคงจะดีต่อใจชิบหาย
แต่มันคงไม่มีวันนั้นแล้วว่ะ
ในเมื่อชูใจมีแฟนแล้ว
“งื้อออ” ชูใจครางออกมาเบาๆ เธอพึมพำไรไม่รู้มาตลอดทาง จนผมหิ้วปีกเธอขึ้นแล้วพาเธอขึ้นหอที่เธอพักอยู่
ผมมีแม้แต่คีย์การ์ดสำรองที่ชูใจปั้มไว้ให้เข้าออกห้องเธอได้ คงไม่ต้องบอกว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันแค่ไหน ถึงชูใจจะหวงตัวมาก แต่เธอก็ไว้ใจผมมากเช่นกัน
ชูใจเดินไม่ไหวจนผมต้องช้อนตัวขึ้นอุ้ม เธอร้องออกมา แล้วผมก็คายบุหรี่ทิ้งเพราะเธอเบ้หน้า สงสัยจะเหม็น แล้วผมก็รูดคีย์การ์ดกับห้องเธออีกที
พอเข้าไปในห้องผมก็ปิดประตู เปิดไฟ อุ้มชูใจเข้าไปในห้องนอนแล้ววางเธอลง ผมพ่นลมหายใจ ลูบแขนที่เต็มไปด้วยรอยสักของตัวเองแล้วพิงกับโต๊ะข้างๆ เตียงอย่างคนอกเดาะ
“พี่โอห์มมม” เสียงละเมอชูใจดังลอดออกมาในตอนนั้น ผมชะงักไป พี่โอห์ม? “พี่โอห์มชูใจจะอ่านหนังสือ ไม่เอาไม่คุยเรื่องผ่าตัดน้าค้า”
“...”
“ชูใจกลัวเครื่องใน ไม่เอาน้า”
ผมเดาะลิ้น พี่โอห์ม ชื่อของแฟนเธอใช่ปะ
มาส่งเขาทำความดียังไม่พอ เขายังละเมอชื่อแฟนให้ได้ยิน งี้ก็สวยดิ
ผมเดินไปขึ้นคร่อมชูใจไว้ เขย่าไหล่เธอเบาๆ แต่เธอก็ไม่ตื่น ผมรู้อยู่แล้วว่าเวลาเมาชูใจหลับเป็นตายไม่ก็ละเมอ แต่ที่ผมทำ ผมแค่อยากเขย่าให้เธอตื่นมารู้ความจริงที่ว่า
“โหนรักชูใจว่ะ”
ผมเองก็รักเธอ
“อะ!” เธอหลุดครางเสียงดังนิดหน่อยเมื่อผมดูดดึงหน้าอกเธอผ่านผ้า ผมไม่อยากถอดอะไรในตัวเธอออก เพราะตอนนี้ถึงมันจะมืดมาก แต่ก็เป็นที่สาธารณะ แม้ว่าผมจะแทบทนไม่ไหวแล้วก็ตามผมดูดจนผ้าเธอเปียกน้ำลาย เห็นรอยยอดอกสีชมพูเข้มจางๆ ที่ดูเหมือนจะเข้มกว่าตอนที่เป็นแฟนกันเพราะเธอมีลูกแล้ว ผมจูบปากชูใจอย่างดูดดื่ม แลกลิ้นให้กัน ในขณะที่จะกัดปากเธอจนห้อเลือด“อื้อ โหน” เธอครางแล้วเริ่มจูบผมตอบกลับมา ผมถูกเธอผลักจนกึ่งนั่งกึ่งนอน ชูใจที่ถูกเลิกเสื้อจนเห็นชั้นในถอดเสื้อผ่าหลังออกทางศีรษะ แล้วขึ้นคร่อมผมอย่างใจกล้า “... จะไม่ให้ไปไหนแล้วนะ”เธอพูดแบบนั้น ผมจ้องหน้าเธอ เวลาผ่านไปเกือบปีชูใจเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอวะ ทั้งเซ็กซี่ ทั้งร้อน...“... อึก” ผมครางออกมาเบาๆ ในลำคอเมื่อถูกไล้ปลายนิ้วไปตามช่วงท้อง ชูใจเลิกเสื้อผมขึ้น ในขณะที่ใบหน้าจิ้มลิ้มก็เลื่อนมาดูดปากผมอย่างแนบแน่นเธอจูบเก่งจังวะ เคลิ้มเลยเนี่ย“อื้อ” แต่มือผมก็ไม่ปล่อยให้ว่าง ผมขยำหน้าอกเธอแรงๆ จนชูใจกระตุกนิดๆ เธอถูกผมต้อนจนมุมเหมือนอย่างเคย ในขณะที่ผมจะจงใจย้ำฝ่ามือลงหนักขึ้นแต่ใช่ เธอเองก็ร้ายใช่ย่อยมือเล็กๆ ของชูใจเลื่อนไปขยุ้มที่ใจกลาง
ฉันกลับมาแล้วล่ะจริงๆ ก็เพิ่งบินลงมาที่กรุงเทพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่เอง ฉันกลับมาพร้อมกับลูก อุ้มลูกบินข้ามน้ำข้ามทะเลจากญี่ปุ่นมาที่ไทย เพื่อกลับมาสู่ชีวิตเดิมๆ ที่เคยเป็นอยู่พ่อแม่ดูดีใจที่เห็นหลาน แม้ว่าเวลาเกือบปีจะทำให้พวกเขาแทบไม่ค่อยเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ไม่ได้บังคับอะไรฉันมากมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกอย่างตอนที่ฉันตัดสินใจบินไปที่ญี่ปุ่นกับพี่ชาย ฉันเข้าร่วมงานการ์ตูน ออกบู้ทมากมายเพื่อปรับปรุงฝีมือตัวเองที่ทิ้งหายไปนาน โดยมีพี่ชุนคอยดูแลบำรุงฉันที่ท้องโตขึ้นเรื่อยๆ อยู่เสมอฉันไม่ใช่นักวาดการ์ตูนที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น แต่ก็พอมีคนรู้จักทั้งต่างประเทศ ญี่ปุ่น และประเทศไทย นามแฝงของฉันคือ ‘Peach’ฉันเริ่มทำงานด้วยการวาดสีน้ำขาย ก่อนที่จะปรับปรุงมาซื้ออุปกรณ์สำหรับวาดภาพในคอมพิวเตอร์ เม้าท์ปากกา โปรแกรมวาดรูปอะไรต่างๆ ที่ต้องซื้อมาอ้อ ฉันสักแบบมินิมอลเล็กๆ ตามจุดต่างๆ ของร่างกายด้วยนะ ขออนุญาตพี่ชายแล้วล่ะ มันก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน มุมมองของฉันที่เคยมีต่อคนสักเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย ตั้งแต่มาคบกับโหน ฉันก็สนใจอะไรที่ตัวเองไม่ค่อยจะได้สัมผัสมากขึ้นอีกอย่างได้เรียนรู้แฟชั่นของญี่ปุ่
[พาร์ท : โหน]เป็นเกือบปีที่โคตรทรมานใช้ได้ถามว่าทำไมก็ตั้งแต่ที่ไปเคลียร์กับไอ้ลูกโชนวันนั้น มันก็ถอนหมั้นชูใจทันที แต่สาเหตุก็คงเพราะชูใจยังตั้งท้องกับผม ผมไม่รู้ว่ามันได้สารภาพเรื่องที่มันคบซ้อนหรือไม่ แต่ผมไม่สนเท่าไหร่ ขอแค่มันถอนหมั้นก็เป็นพอจะบอกว่าลูกทำให้ผมมีแรงผลักดันโง่ๆ ในเฮือกสุดท้ายก็ได้ และแม่งก็คงโง่จริงๆ เพราะหลังจากที่พ่อแม่เรียกชูใจมาคุยเรื่องที่ไอ้ลูกโชนถอนหมั้น ชูใจก็ตัดสินใจกลับต่างประเทศไปกับพี่ชายเธอ เห็นสายเพื่อนผมมันบอกมาว่าเธอจะอยู่ที่นั่นเป็นปีๆ จนกว่าจะคลอดลูก... ไม่รู้เธอจะกลับมาอีกมั้ยผมกระดกเหล้าลงคอ หลังจากวันนั้นก็ขอมาทำงานในร้านเหล้ากับพ่อ ทำมาได้เกินเกือบปีแล้วว่ะ แต่เป็นเกือบปีที่ผ่านไปได้อย่างยากลำบากผมไม่ได้เหนื่อยกับการรอคนที่ผมรัก เพราะตอนที่แอบรักเธอตอนสมัยเรียน ผมก็ทนมันได้เป็นปีๆแต่ความคิดถึงนี่ดิ มันผ่านยากมากว่ะผมนั่งคิดถึงเธอทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำงาน เวลานอน ทุกวินาทีลมหายใจผมมีแต่ชูใจคนเดียวเท่านั้น ผมตัดสินใจเลิกยุ่งกับใครๆ เพราะผมจะกลับมาหาเธออย่างเด็ดขาดแต่เธอหายไปในที่ที่ไกลเกินเอื้อมถึง เอาตรงๆ ก็ไม่มีเงินตามเธอไปด้วย ไม
ผมมาดักรอไอ้ลูกโชนที่ร้านเหล้าเดิมๆ มาเพื่อจะคุยกับมัน เพราะถ้ามันยังคิดจะยื้อชูใจไว้ต่อไป ผมก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกันผมเห็นว่ามันโอบเอวแฟนตัวจริงมาด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ผมค่อนข้างไม่คุ้นตา เธอสวย แต่คงไม่เท่าชูใจของกูผมยืนดูดบุหรี่รอ พวกมันเดินไปเต้นที่โต๊ะด้วยกัน ท่าทางกระหนุงกระหนิงทำให้ผมรู้สึกเดือดดาล เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากต่อยหน้ามันให้เละ แม้ว่าจากที่เคยสืบมา ตัวผมเองคงสู้กำลังมันไม่ได้ก็ตามจนมันย้ายมานัวเนียกันตรงจุดเดิม ผมเลยถือวิสาสะเดินไปขัด“ไอ้ลูกโชน” มันผละปากจากซอกคอของผู้หญิง ก่อนที่จะเลิกคิ้วมองผม ดูเหมือนไอ้ลูกโชนจะเมา“เหี้ยไร? มึงเป็นใคร” ผู้หญิงมองผมอย่างหวาดกลัว ผมแค่นหัวเราะที่มันเมามายจนจำหน้าผมไม่ได้ ก่อนที่จะผลักตัวหนาๆ ของมันจนเซไปทีนึง เพราะไอ้เวรนี่เมามากจนไม่มีสมรรถภาพจะพยุงร่างตัวเองได้เลย“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”“...”“ตัวต่อตัว”“มึงมีไรจะคุยกับกูวะไอ้ขี้ก้าง” ไอ้ลูกโชนพูดอย่างเหยียดหยาม มันมองหน้าผมที่จ้องหน้ามันกลับไปอย่างแน่วแน่ ผมเองก็พร้อมเหมือนกัน ถึงจะรู้ว่าสุดท้ายผมอาจจะสู้มันไม่ได้ก็ตาม“เรื่องชูใจ” ผมตอบไปสั้นๆ มันแค่นหัวเราะทันที“
“เราทนใช้ชีวิตที่ไม่มีเธอไม่ได้ว่ะ” ผมกัดฟันแน่น เขย่าไหล่เธอเบาๆ อย่างออมแรง “ทั้งชูใจ ทั้งลูก เราต้องมีมันจริงๆ”“...”“ถ้าไปไม่ไหว ก็ขอให้คิดใหม่” ชูใจที่สบตาผมในระยะใกล้ ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอมองหน้าผม ก่อนที่จะเม้มริมฝีปากแน่นและก่อนที่เธอจะได้อ้าปากตอบอะไรกลับมา ความใจร้อนของผมที่อยากได้เธอกลับมาก็ทำให้ผมเลื่อนหน้าเข้าไปจูบเธอหนักๆ ปากที่นุ่มละมุนของชูใจทำให้ผมกุมใบหน้าเธอไว้ ก้มหน้าลงอีกเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ความสูงเรามันต่างกันเกินไปชูใจพยายามดันอกผมออก ทึ้งเสื้อผมจนมันยับ เธอพยายามดิ้นรนทุกทางที่จะทำให้เธอไม่ทรยศต่อความรักของไอ้ลูกโชน แต่ผมรู้ดี ความรักของแม่งมันเป็นของปลอมทั้งเพถ้าเธอยังเชื่อไอ้เหี้ยนั่นที่มันตอแหลสร้างภาพมาว่ารักหลงเธอนักหนาแบบนั้นลง ผมก็ขอยอมเป็นคนเลวซะดีกว่า ที่จะต้องพยายามทำให้เธอท้องอีกทีในคืนนี้สติผมเลือนราง พอๆ กับแรงผลักไสของชูใจที่เริ่มอ่อนลง ผมไล้ปากของผมไปตามปากเล็กๆ ของเธอ กัดปากล่างของร่างเล็กแล้วช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มตัวชูใจเล็กแถมเบาหวิว จนสงสัยว่าหลังจากเลิกกันเธอได้กินอะไรลงบ้างมั้ย ผมลืมตามองเธอระหว่างที่กำลังจูบซับน้ำตาให้เธอตอ
แกรกฉันรีบเปิดประตูออกไปอย่างลืมตัว ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ฉันเห็นว่าเป็นโหนในลุคที่ดูต่างไปจากเคย เกือบเดือนที่ไม่ได้เจอกัน เขาเปลี่ยนแปลงทั้งสีผม รอยสักที่เพิ่มมากขึ้น และการแต่งตัวโหนที่ยืนจ้องหน้าฉันอยู่ที่หน้าประตู ฉันจ้องตาเขากลับไปเช่นกันแต่สิ่งที่ปรากฏในแววตาของเขา ฉันเห็นว่ามันเต็มไปด้วยความ... โหยหา?“... มาทำไมเหรอ” ฉันถามยิ้มๆ พยายามทำตัวเป็นปกติที่สุดกับเขา ยังไงก็ยังอยากเป็นเพื่อนเขาอยู่นะ ถึงเขาจะเริ่มต้นใหม่ไปแล้วก็ตามฉันคงเหมือนผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่ง ที่ผลักเขาออกไป ทำเหมือนโกรธเขาซะมากมาย แต่สุดท้ายก็โกรธไม่ลง แถมยังขาดเขาไม่ได้อยู่แบบนี้อีกโหนมองหน้าฉัน เขาฉีกยิ้มบางๆ กลับมา“คิดถึงเฉยๆ”“...!”“ผิดมั้ย ถ้ายังคิดถึงเธอ”ฉันนิ่งค้างไป นึกคำพูดออกมาไม่ได้เลย กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขาบ่งบอกว่าโหนคงจะเมา เพราะเขาเมาใช่มั้ย... เขาถึงมาที่นี่แต่ก็เพราะเมาอีกนั่นล่ะ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย“ผิดสิ” ฉันตอบกลับไป ทั้งๆ ที่ในใจสั่นไหวจนแทบบ้า นี่มันผ่านไปกี่วันแล้วนะ ที่ฉันไม่ได้ยินคำนี้จากเขา “เรามีแฟนแล้วนะ โหนก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน”“...”“ถ้าแฟนโหนรู้ว่าโหนมาหาเรา...