ใช่ โหนคออ่อนจริงๆ
อ่อนกะจะมอมฉันอ่ะสิ!
“เราไม่กินแล้วนะโหน มึนหัวแล้ว” ฉันผลักแก้วเหล้าไปไกลๆ ตอนที่โหนชงเหล้ากระดกลงคอกับเพื่อนของเขาเหมือนมันเป็นน้ำเปล่า ตั้งแต่มาเขาก็ชวนดื่มจนฉันมึน ฉันไม่ได้ซื่อจนไม่รู้ว่าโหนจงใจจะแกล้งเหมือนทุกที
แต่ตอนนี้ฉันไม่ไว้ใจเขาแล้ว เพราะตอนที่เห็นเขาเป็นเพื่อน เวลาฉันเมาโหนจะทำแค่มาส่งเฉยๆ แล้วก็กลับ เพราะเวลาเมาฉันจะหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
แต่ครั้งล่าสุด เขาเริ่มทำอะไรๆ ลงไปแล้วน่ะสิ สถานะเราถึงได้ตกอยู่ในความน่าสับสนปนอึดอัดหัวใจแบบนี้!
“ไม่ไหวแล้วเหรอ?” โหนถาม เขาดูมีท่าทีสบายๆ “มึง แฟนกูไม่ไหวแล้วว่ะ”
เพื่อนของเขาชะงักทุกคน ในขณะที่ฉันเองที่ตั้งท่าจะยกขวดน้ำเปล่าดื่ม น้ำเกือบพุ่งออกจากปาก
ตอนแรกที่เราคุยกัน ฉันลืมบอกไปว่าฉันจะไม่ให้โหนบอกเพื่อนเขาว่าเราจะเป็นแฟนกัน ตอนมาถึงและกินเหล้ากันแรกๆ โหนก็คุยกับเพื่อนเรื่องอื่น ไม่มีใครถามว่าฉันมากับโหนได้ยังไง เพราะฉันเป็นเพื่อนสนิทกับเขาอยู่แล้ว ฉันเลยคิดว่าไม่มีอะไร แต่ฉันคงประเมินโหนต่ำไป
แต่ครั้งนี้ทุกคนดูตกใจมาก
“เฮ้ย!” พันนั่งนิ่งในขณะที่เพื่อนคนนึงของโหนร้องขึ้นมา “มึงบอกชูใจไปแล้วเหรอวะ หรือตอนที่ไปช่วย...!”
เพื่อนอีกคนปิดปากเขาไว้ทันที ฉันหันขวับไปมองโหน แปลว่าเขาเล่าเรื่องที่มาช่วยฉันจากพี่โอห์มเหรอ ทำไมล่ะ
“แล้วไอ้นั่นเป็นไงบ้าง” เขาถามเพื่อนถึงพี่โอห์ม เลือกที่จะไม่ตอบฉันแล้วกระดกเหล้าลงคออีกอึก “ได้เคลื่อนไหวไรปะ ที่ให้มึงตามไปจับตาดูมัน”
ฉันนิ่งไปทันที
“ควงสาวใหม่แล้ว คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง” เพื่อนของเขาพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติที่โหนทำ ฉันมองตามไป ก่อนที่จะนั่งเงียบ
จับตาดูเหรอ
อะไรกันอ่ะ นี่เขาห่วงฉันขนาดนั้นเลยเหรอ
“เป็นแฟนกันได้จริงนี่โคตรเหลือเชื่อเลยว่ะ” เพื่อนของเขาอีกคนโพล่งขึ้นมา “ไม่คิดว่าชูใจจะเอาคนอย่างมึง”
“ไอ้สัส”คนตัวโตด่าเพื่อนเขากลับไป เขาหันกลับมามองฉันโดยบังเอิญตอนที่จะคว้าขวดน้ำเปล่า เราสบตากันทันที
แต่ก็เป็นฉันที่เลือกหลบตาเขาไปซะก่อน
“หึ” ฉันเห็นโหนหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะคว้าขวดน้ำเปล่าที่ฉันเพิ่งดื่มเมื่อกี้ไปกระดกดื่มหน้าตาเฉย
ดะ เดี๋ยว
นั่นมันจูบทางอ้อมนะ!
“งี้ต้องไปกระจายข่าวว่ะ” เพื่อนของเขาพูดตอนที่มองพวกเรายิ้มๆ ในขณะที่ฉันอ้าปากค้าง “ว่าไอ้โหนผู้โสดสนิทเพื่อน้องชูใจมาสองปีตอนนี้มันกลับตัวกลับใจแล้ว”
“ไม่...” ฉันตั้งท่าจะห้าม เพราะฉันไม่อยากให้ใครรู้เลย จริงๆ แล้วอ่ะ แต่โหนก็โพล่งขึ้นมาก่อน เหมือนเขารู้ความคิดของฉัน
“เอาดิ” เขายักคิ้วข้างเดียวให้เพื่อน “บอกให้ครบด้วย”
“...”
“ว่ากูกับแฟนรักกันมาก จะไม่เลิกกันเด็ดขาด”
นี่กะจะไม่ให้ฉันได้หลุดมือไปจากเขาเลยใช่มั้ยเนี่ย!
ฉันนั่งหน้าร้อนอยู่ท่ามกลางวงเพื่อนๆ ของเขา โหนมีรอยยิ้มเหมือนเขาชอบใจ เขาชอบแกล้งฉันมากขึ้นเหรอตอนนี้ ดูเหมือนเขาจะมีความสุขไปหมดเลยอ่ะ
ฉันหมั่นไส้จนต้องแอบหยิกขาเขาเบาๆ
“เฮ้ย” โหนสะดุ้ง ฉันหันกลับมาทำไม่รู้ไม่ชี้ เขาเลยมองหน้าฉันยิ้มๆ มองแล้วระบาบยิ้มอยู่นั่นแหละ ยิ้มจนฉันต้องหันไปทำหน้างอใส่ “เป็นไรอ่ะ”
“เลิกมองเราสักที” ฉันโพล่งออกไป คราวนี้เขาท้าวคางกับโต๊ะเลย
“มองแฟนตัวเองไม่ได้เหรอ?” เขาพูดเสียงปกติ แต่ทุกคนในวงเหล้าได้ยินกันหมดเลย พวกเขาโห่ฮิ้วกันเสียงดังลั่นร้าน ฉันก็เลยคิดว่าฉันคิดผิดอ่ะที่คิดจะไปหาเรื่องเขา
ฉันไม่ตอบ หน้าบูดแล้วหันกลับไปยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแก้อาย
ไม่อยากคุยด้วยแล้ว
[พาร์ท : โหน]
ชูใจหน้างอจนสี่ทุ่มครึ่ง ผมเลิกเคล้าวงเหล้าแล้วเลือกที่จะอยู่กับเธอ เพราะเหลืออีกสองชั่วโมงกว่าที่ผมจะได้พาเธอไปพิสูจน์ความจริงใจ
ผมรู้ว่าเธอเขินที่ผมแกล้งเธอต่อหน้าเพื่อน แต่แล้วไง กว่าจะได้เธอมาเป็นแฟนผมรอเวลานี้มานานแค่ไหน ขอหน่อยเหอะนะ
เพราะกินเหล้าหนักไปหน่อย ผมมึนๆ เลยต้องหาอะไรกิน แล้วมาม่าต้มโคล้งเผ็ดๆ ร้อนๆ เป็นสิ่งที่ผมแม่งโคตรต้องการมากในตอนนี้ ผมชอบแดกเผ็ดมาก ต้องโคตรเผ็ด ชอบแดกก๋วยเตี๋ยวใส่พริกเยอะๆ จนมันแดงไปทั้งชาม
ในขณะที่ชูใจ เธอกินได้นิดหน่อย
“หิวมั้ย” ผมหันไปถามเธอ ชูใจยังทำหน้างออยู่ เธอเงยหน้าขึ้นมามองผมตอนที่ผมขับมาหน้าเซเว่นแล้วลงไปยืนดูดบุหรี่ไกลๆ เธอเพราะเสี้ยนขึ้นมา พอดูดหมดมวนผมก็ทิ้งลงถังขยะแล้วเดินมาจะลูบหัวเธอ
แต่ชูใจหลบมือผมไปได้ เธอพยักหน้า
“อื้อ หิว เราอยากกินเกี๊ยวกุ้งกับนมจืดในเซเว่น” เธอพูดแล้วชี้ไปที่เซเว่นที่อยู่ตรงหน้า ผมฉีกยิ้ม
“นั่งกินหน้าเซเว่นเลยดีปะ เปลี่ยนบรรยากาศ” ผมชวน เธอนิ่งไป “หรือจะไปนั่งกินในห้องเธอ?”
ร่างเล็กหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ไม่!” เธอโพล่งขึ้นมา “กินหน้าเซเว่นนี่แหละ โหนไปซื้อเลย เป็นผู้ชายนี่”
“เอ้า ทำไมไม่มาด้วยกันอ่ะ”
“เราขี้เกียจ” เธอตอบ แต่ผมเดาว่าคงไม่อยากถูกผมหยอกต่อหน้าคนอื่นอีก “ยืนตรงนี้แหละ เดี๋ยวฝากเงินซื้อแทน”
ผมกวาดตามองไปรอบๆ แถวนี้วัยรุ่นเยอะ แถมหน้าเซเว่นคือที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ของพวกมัน มีคนมองมาที่เธอตอนที่มันขับสวนรถผมมาจอดตรงที่จอด ผมจ้องหน้ามันนิ่ง ก่อนที่จะดึงแขนชูใจให้เข้ามาชนอกผม
“อะ อะไรของโหนอ่ะ” เธอทำท่าจะผละออกทันที แต่ผมก็โอบเอวเธอไว้ จนมันเลิกมองผมก็ปล่อย คนตัวเล็กโวยวายหน้าตื่นทันที “โหน! นี่มันต่อหน้าคนอื่นนะ”
“ไปซื้อด้วยกันเหอะ” ผมไม่พูดเปล่า จูงมือเธอให้เดินตามผมมาด้วย “ยังไม่รู้เลยเธอชอบกินยี่ห้อไหน เกี๊ยวกุ้งอ่ะ”
อ้างไปงั้น ประเด็นคือผมเข้าเซเว่นจนรู้หมด ของแม่งไม่ค่อยมีอะไรหรอก เกี๊ยวกุ้งมีแค่สองสามยี่ห้อ แต่ใช้เป็นข้ออ้างได้
ชูใจพูดอะไรไม่ได้ สุดท้ายเธอก็ต้องเข้ามาในเซเว่นกับผม ร่างเล็กเดินเลือกนมเหมือนเด็ก ผมที่หยิบมาม่าต้มโคล้งกับโออิชิได้เลยมายืนมองเธอ
“เลือกได้ยัง?” ผมถาม พอเห็นว่าเธอยืนคิดอยู่กับยี่ห้อนมจืด
“โฟร์โมสก็ดีนะ แต่เราก็อยากลองของใหม่อ่ะ” เธอหันมาตอบหน้าซื่อตาใส ผมได้รู้อย่างนึงว่าเธอเองก็เข้าเซเว่นบ่อยพอๆ กับผม
“หยิบไปดิ เราจ่ายให้เอง” ผมพูดยิ้มๆ ชูใจหันหน้ามามองทันที
“ป๋านักเหรอ” เธอเบ้หน้า “ไม่เอา เราจะจ่ายเอง”
“จ่ายให้แฟน เป็นไร” พอศอกหมัดตรงเข้า ร่างเล็กก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
“เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย” เธอพูดเสียงอ้อมแอ้มตอนที่ตัดสินใจหยิบโฟร์โมสมาเหมือนเดิม ผมแค่นหัวเราะ ยัยคนเรื่องมาก เรื่องมากเสมอต้นเสมอปลายกับเรื่องของกิน
“เดี๋ยวอีกนิดก็ได้เป็น”
“รอเที่ยงคืนก่อนมะ!” เธอย้อนใส่ ก่อนที่จะเดินนำผมไปหน้าเคาน์เตอร์ แล้วผมก็ชะงักไป เพราะตอนเข้าเซเว่นเข้าทางร้านขายยาเลยไม่ทันได้สังเกตหน้าพนักงาน
“ไอ้โหน”
ไอ้เค้กเป็นพนักงานในเซเว่นนี้ มันเหมือนเห็นผมกับชูใจตั้งนานแล้ว อีกฝ่ายมองผมหน้าตึงๆ ตอนที่เรียกชื่อผมเสียงแข็ง
ชูใจที่ยืนถือของชะงัก เธอหันกลับมามองผมเหมือนต้องการคำตอบ
ผมจ้องหน้ามัน ใจของผมสุดท้ายก็ไม่เคยเปลี่ยนไป ผมวางมาม่ากับน้ำชาลงบนเคาน์เตอร์ตรงหน้ามัน คว้าของจากมือชูใจส่งให้มันเอาไปคิดตังค์
“คิดตังค์ดิ” ผมพูดสั้นๆ
“อ้อ ที่จะให้กูมาคุยคือ?” มันมองไปทางชูใจ “หรือไปส่ง ‘เพื่อน’ อีกแล้วเหรอวะโหน เพื่อนมึงนี่เยอะดีเนอะ”
ผมจ้องหน้ามัน มันจ้องหน้าผมกลับ ก่อนที่ผมจะพ่นลมหายใจ
“ใช่” ผมตอบ “แต่มึงพูดผิดอย่างนึง”
“...”
“ชูใจไม่ใช่เพื่อน แต่ตอนนี้เธอเป็น ‘แฟน’ กู”
[จบพาร์ท : โหน]
[พาร์ท : โหน]ผมนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์นิ่งงันShoujai Chutimon : โหนShoujai Chutimon : ว่างอยู่มั้ย เรามีอะไรจะปรึกษาหน่อยข้อความที่ไม่ได้อ่านของชูใจโผล่ขึ้นบนหน้าจอ ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความพยายามที่จะลืมเธอพังลงก็วันนี้ไม่คิดว่าเธอจะทักมา ทำเหมือนเราเป็นเพื่อนกันอย่างสนิทใจขนาดนั้นเธอคงไม่รู้ ว่ามันลืมยากขนาดไหน กับการที่ต้องพยายามใช้ชีวิตโดยไม่มีเธอโดยที่ต้องเตือนตัวเองทุกวันว่ากูคือเพื่อน กูต้องเป็นเพื่อนแต่ก็คงเป็นเรื่องสำคัญมั้ง ถึงได้ทักมาได้ข่าวว่าไอ้ลูกโชนแทบไม่ยอมให้เธอออกห่างจากตัวเลยระหว่างสองอาทิตย์ที่ผ่านมา สองคนนั้นดูชัดเจนกันมากผมเคารพการตัดสินใจของเธอนะชื่อ โหน : รอเดี๋ยวนะชื่อ โหน : เราอยู่กับแฟนแต่ผมก็คงต้องเริ่มต้นใหม่เหมือนกันผมไม่ได้โกหก แค่พูดไม่หมดทุกอย่าง ว่าแฟนที่ว่าตอนนี้ก็แค่คุยๆ กัน ยังไม่ได้ตกลงคบกันจริงจัง เพราะผมยังตัดใจไม่ได้ชูใจชัดเจนขนาดนั้นแล้วว่ะ จะให้ผมเข้าไปแทรกกลางในฐานะอะไร ลูกก็ไม่มีแล้ว ไม่มีอะไรที่จะผูกมัดเราให้อยู่ด้วยกันอีก เข้าใจใช่ปะว่าแม่งไม่มีทางแล้วผมไม่ได้ไม่พยายาม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันตัดกำลังกูไปหมดแล้ว
ผมเมามาย ขับมอเตอร์ไซค์กลับไปที่ห้อง นอนกดแชทเฟสดูข้อความเก่าๆ ของผมกับชูใจที่คุยกันผมนึกยิ้มตอนที่นึกไปถึงสมัยที่คบกับเธอแต่เป็นได้แค่เพื่อนสนิท ไม่สามารถเป็นไรที่มากกว่านั้น อาจเพราะใจผมไม่กล้าพอ หรือไม่เธอแม่งก็ซื่อบื้อเกินไปแต่ก็นึกเสียใจว่ะ ที่วันนี้มันไม่มีวันนั้นอีกแล้วเป็นเพื่อนก็คงดีกว่า เพราะว่าเพื่อนไม่มีวันเลิกกันติ๊งเสียงแจ้งเตือนเฟสทำให้ผมชะงักที่จะเลื่อนดูแชทของเรา พอเปิดเข้าไปดูก็เห็นว่าเป็นแจ้งเตือนเฟสของชูใจที่ผมตั้งติดตามเธอไว้เวลาเธออัพอะไร มันขึ้นเหมือนว่าเธอจะลงรูปใหม่ใจผมเต้น ตอนที่กดเข้าไปดูมันใช่รูปเธอกับไอ้ลูกโชน เป็นภาพที่เธอเซลฟี่คู่กับมัน ในฐานะแฟนผมมองภาพนั้น ใจแม่งชายิบ ฉีกยิ้มออกมาตอนที่กดพิมพ์ข้อความส่งไปในแชทของเธอสั้นๆชื่อ โหน : ยินดีด้วยนะชูใจกดอ่านทันที ผมเผลอคิดว่าเธอจะรอผมอยู่ แต่ก็ใจแฟบลงเมื่อเธอพิมพ์ตอบกลับมาShoujai Chutimon : ขอบคุณนะShoujai Chutimon : โหนเอง ก็เป็นเพื่อนที่ดีเหมือนกันจงใจใช่มั้ยวะจงใจพิมพ์คำว่าเพื่อนให้ผมรู้สถานะตัวเองในตอนนี้ใช่ปะผมรู้อยู่แล้วชื่อ โหน : ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะชูใจชื่อ โหน : เรายังเป็นเพื่อนเ
พี่ลูกโชนมาส่งฉันที่หอพักอย่างเคย เหมือนทุกๆ วันที่เขามาส่งฉันแต่ก็แปลกนะ... ที่ฉันไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยหัวใจเล็กๆ ที่เติบโตอยู่ในท้อง มันถูกตีตราว่าเป็นลูกของเขาคนนั้น เป็นลูกของคนที่เลือกจะปล่อยฉันไปแค่เพราะว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรับเขา“เลิกคบกับมันแล้วเหรอ น้องชูใจ” ฉันชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงของพี่ลูกโชนที่กำลังขับรถอยู่ตรงหน้า ผู้ชายที่มีความมั่นคง มีรถ บ้านมีฐานะ เรียนวิศวะ ผู้ชายแบบนี้สินะที่พ่อแม่ฉันต้องการ“หมายถึงใครคะ?”“ไอ้ขี้ก้างนั่น” เขาเรียกโหนแบบไม่มีความเกรงใจ ฉันคลี่ยิ้มบางออกมา“ไม่ได้คบหรอกค่ะ ทำไมเหรอ?”“พี่แค่อยากรู้ว่าหนูคิดยังไง ที่พ่อแม่หนูให้หนูหมั้นกับพี่” พี่ลูกโชนหันมาถามอย่างต้องการคำตอบ ฉันนิ่งไปฉันในตอนนี้ต้องรู้สึกอะไรเหรอ?ก็เป็นแค่ตุ๊กตาล้มลุกที่พ่อแม่จับให้เดินไปทางไหนก็ได้ แม้กระทั่งเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองฉันยังทำอะไรไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับการที่ฉันจะต้องแสดงความคิดเห็นกับเขาว่าฉันชอบหรือไม่ฉันยังคงยิ้มอยู่ แต่หัวใจแตกสลาย“ชูใจคงรู้สึกอะไรไม่ได้ นอกจากยินดีค่ะ” ฉันเลือกที่จะตอบอย่างเป็นกลางที่สุด แม้มันจะดูให้ความหวังคนตรงหน้าก็ตาม “พ่อแม่เลื
ผมเดินเข้าไปที่หลังตึกวิทยาลัยช่างที่เป็นอริกัน เห็นไอ้พันนั่งดูดบุหรี่อยู่กับเพื่อนวิทยาลัยนี้อยู่ไม่ไกลมือผมกำหมัดแน่น สูดลมหายใจลึกๆ เพื่อให้รู้ตัวว่าผมกำลังทำอะไรไอ้พันมันสังเกตเห็นผมก่อนตอนที่ผมเหยียบใบไม้แห้งเสียงดัง มันที่นั่งยองๆ อยู่ลุกขึ้นยืนแล้วล้วงกระเป๋าสบตาผม ในขณะที่ผมเองก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ามัน“มึงมาที่นี่ทำไมวะ” มันถามผมขึ้นมา ใจผมนึกถึงชูใจแล้วก็คลายหมัดออก สบตากับมันอย่างเงียบงัน “เราไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว มึงคงไม่มีธุระอะไรกับกู”“...”“อีกอย่าง ช่วงนี้กูก็ไม่ได้ไปยุ่งกับเมียมึงแล้ว...”“แล้วถ้ากูอยากให้มึงกลับมายุ่งกับชูใจอีก มึงจะว่าไง?” ผมแทรกมันขึ้นมา ไอ้พันชะงักไป มันมีสีหน้าไม่เชื่อ“พูดบ้าอะไร”“กูยุ่งกับชูใจไม่ได้แล้วตอนนี้” ผมจ้องตามัน ก่อนที่จะแค่นยิ้ม “กูทำชูใจท้อง แล้วพ่อแม่ชูใจไม่คิดยอมรับกู”“...!”“ถ้าเป็นมึง เขาอาจจะยอมรับ อีกอย่างชูใจก็เคยชอบมึง”ไอ้พันเบิกตากว้างเมื่อผมสารภาพออกมาว่าผมทำชูใจท้อง มันเซไปนิดหน่อย แต่เพื่อนมันคว้าแขนไว้ ผมเข้าใจดี เอาจริงๆ มันก็รักชูใจไม่ต่างกับผม ผมมันก็แค่ไอ้ขี้ขลาด ถ้าไม่ใช่ผม มันคงเป็นใครก็ได้“ชูใจท้อง...?” มั
“เค้าไม่พร้อมจะมีลูก ไม่พร้อมเหี้ยไรทั้งนั้น”“...”“เค้าไม่มีอนาคตว่ะเธอ เค้าเรียนยังไม่จบ เค้าไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง” ผมร้องไห้ออกมา สุดท้ายก็อ่อนแอต่อหน้าเธอ ผมรู้ว่าร้อยทั้งร้อย ผู้ชายอายุยี่สิบต้นๆ มาเจอเรื่องแบบนี้คงตันไปหมดทุกทางเหมือนผมผมไม่พร้อมเลยจริงๆ ว่ะ“...”“ให้เวลาเค้าหน่อยนะชูใจ” ผมพูดคำนั้นออกมา เพราะผมไม่รู้ว่าผมจะทำหน้าที่พ่อที่ดีได้มั้ย ในเมื่อทุกวันนี้ผมยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เคยคิดถึงเรื่องอนาคต ลำพังที่ขยันเรียน เพราะหลงรักเธอแค่นั้น “ให้เวลาเค้าสักสองเดือน”“...”“เค้าขอเวลาแค่สองเดือน” ชูใจมองผมทั้งน้ำตา เธอเองคงเจ็บช้ำกับคำพูดผมมากพอ ลำพังแค่ทำตัวแบบนี้ก็ทำลายความเชื่อใจลงไปมากแล้วกับแฟนที่กำลังตั้งท้องอยู่ แถมยังให้เธอรอผมอีกรอแม่งตั้งสองเดือน เป็นใครก็ไม่รอหรอกว่ะ“... งั้นโหนก็ไปตามทางของโหนเถอะ” ชูใจโพล่งขึ้นมาอย่างหนักแน่น เหมือนเธอรู้แล้วว่าคนอย่างผมมันไม่มีอะไรดีจริงๆ“...”“เค้าพร้อมจะลาออกเมื่อท้องโต และเค้าจะเลี้ยงลูกเอง”ผมกลับมาที่ห้อง หลังจากเมามายไม่ได้สติผมทรงตัวไม่อยู่ ร้องไห้ตลอดเวลาเลยว่ะ ผมได้แต่โทษตัวเอง ว่าเป็นเพราะผม ชูใจถึงได้ท
[ชูใจมีน้องแล้วนะคะ!]หัวใจผมแทบหยุดเต้นซะเดี๋ยวนั้น ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือถือที่กำไว้แทบหลุดจากมือหลังจากที่เพื่อนของชูใจโทรมาบอกว่าเธอท้อง ผู้หญิงคนนั้นบอกทางไปคลีนิคเสร็จสรรพก่อนจะวางสายไปเพราะต้องเข้าไปดูอาการชูใจ ผมก็ขับไปอย่างไร้จุดหมาย เรื่องที่ผมกลัวที่สุดแม่งเกิดขึ้นแล้ว ชูใจท้องแล้ว แล้วผมจะทำไงต่อไปดีวะ?ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องที่จะมีลูกมาก่อน เท่าที่คิดได้คือ... ต้องไปหาเธอต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าเธอท้องจริงๆ!ผมเร่งความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม แต่เพราะความเหม่อลอยของผม มารู้สึกตัวอีกทีรถมอเตอร์ไซค์ของผมก็พุ่งเข้าชนเสาอย่างแรงเปรี้ยง!!เฮือกสุดท้ายผมคิดถึงชูใจ ก่อนที่จะคิดถึงลูกลูกของผม[จบพาร์ท : โหน]ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในความเงียบ พอรู้สึกตัวก็เห็นว่ามีมินตันนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเป็นห่วง เธอกุมมือฉันไว้ ในขณะที่ฉันเองก็รู้สึกอ่อนแรง“มินตัน...” ฉันเรียกชื่อเพื่อนออกมา ก่อนที่จะลูบหน้าท้องของตัวเองอย่างลืมตัว“ตื่นแล้วเหรอ” เธอสบตาฉัน ในความรู้สึกนั้นเหมือนเธอจะตำหนิกลายๆ ด้วยสายตา “ถ้ารู้ว่าไม่ไหวก็อย่าฝืนมาเรียนสิ”ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ไม่อยากยอมรับว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ