เข้าสู่ระบบ[พาร์ท : โหน]
ผมขับมอเตอร์ไซค์ออกมาจากวิทยาลัยอาชีวะ คิดเรื่องไอ้เค้กมาตลอดทางว่าผมควรจะทำยังไงกับมันดี
“ขอแค่ยังคุยกับกู ให้กูจีบเหมือนเดิม”
“ได้ แต่กูก็ยังจะเห็นมึงเป็นเพื่อนเหมือนเดิม แค่นั้น”
ทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ผมเปิดทางให้มันจีบผมต่อไปเรื่อยๆ แล้วถ้าเกิดชูใจรู้เขา เธอก็จะคิดว่าผมแม่งไม่จริงใจกับเธอ แล้วเธอก็คงไม่เปิดใจให้ผมอีกเลยตลอดไป
ผมผละมือจากแฮนด์รถข้างนึงมาลูบหัวตัวเองแรงๆ
พูดไปงั้นแล้ว เหมือนให้ความหวังมันเลยว่ะ ผมคิดอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่ใจผมมีแค่ชูใจคนเดียว ไม่เคยมีใครแทรกเข้ามาแทนที่เธอได้ แต่ผมแม่งก็เป็นคนใจดีเกินไปเหมือนกัน มันเคยเป็นแฟนเก่า ผมเผลอเข้าใจความรู้สึกรักข้างเดียวของมันเหมือนที่ผมเป็นกับชูใจ
ความใจดีบางทีมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง จริงปะ
ผมขับมาถึงมหาลัยของชูใจ ใจผมตอนนี้มันตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวใจเธอ แต่ตั้งแต่ที่จูบเธอไป ชูใจก็ดูเหมือนจะประหม่าตอนที่ได้คุยกับผม มันพอบอกได้มั้ยว่าเธอเองก็มีใจ
ผมล้วงกาแฟกระป๋องมาจากถุงพลาสติกเซเว่นที่แวะซื้อก่อนมารับเธอ กระดกลงคอหนึ่งอึกแก้ง่วง ในขณะที่อีกมือก็กดเปิดหน้าจอมือถือ พิมพ์ไปหาเธอในแชทเฟส
ชื่อ โหน : ถึงแล้วนะ
ชูใจกดอ่าน แต่ไม่ขึ้นว่าเธอกำลังพิมพ์กลับมาเหมือนทุกที
ผมขมวดคิ้วทันที
ชื่อ โหน : เลิกเรียนยัง
เธอกดอ่านอีก แต่ไม่พิมพ์ตอบกลับมาอีกแล้ว คราวนี้ผมเลยถือวิสาสะโทรหาเธอ แต่ชูใจกดตัดสายทันที
อะไรวะ
ผมโทรหาอีก แต่ชูใจก็กดตัดสายทันทีอีกเหมือนกัน เธอเหมือนโกรธผมเลยว่ะ แต่ผมไม่รู้ว่าผมทำผิดเรื่องอะไร
ผมนั่งรอประมาณครึ่งชั่วโมง จนสุดท้ายทนไม่ไหวเลยกดเข้าหน้าเฟสเธอ เลื่อนดูโพสต์หน้าไทม์ไลน์เธอก็เห็นว่าไม่มีอะไรใหม่ มีแต่เพื่อนที่เพิ่มมาคนนึง
แต่... เดี๋ยวดิ
เพื่อนที่เธอเพิ่งเพิ่มมา มันไอ้เค้กไม่ใช่เหรอวะ?
“ชิบหาย”
ผมสบถออกมา ในขณะที่เหงื่อเริ่มไหลลงมาแถวขมับ งี้ชูใจก็รู้จากไอ้เค้กแล้วดิว่าผมเคยคบกับมัน
ไม่รู้ไอ้เค้กไปพูดไรไว้บ้าง ชูใจถึงได้โกรธขนาดนั้น
ผมกัดฟันกรอด จะโทรหาไอ้เค้กแต่คงไม่มีประโยชน์ ค่อยไปถามมันทีหลัง ตอนนี้ต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าชูใจอยู่ไหน
ผมโทรหาชูใจอีกรอบ คราวนี้เธอกดตัดสายทิ้งอย่างไม่ใยดี
เวร... ชูใจ อย่าทำแบบนี้ดิวะ
ผมกวาดขายาวๆ ขึ้นไปนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ กดข้อความส่งเข้าไปในแชทเฟสเธอรัวๆ
ชื่อ โหน : ชูใจ ถ้ารู้ไรมาอย่าเชื่อ 100%
ชื่อ โหน : เราไม่ได้มีใครตอนนี้
อ่านแล้ว
ชูใจกดอ่านทันที ในขณะที่ผมจะเอาที่วางโทรศัพท์บนรถไว้แล้วสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบกลับมาอีกแล้ว ในตอนนั้นเองที่ผมก็ได้ยินเสียง
ติ๊ง
ผมชะงัก ผละมือจากแฮนรถไปแตะหน้าจอเปิดเข้าช่องแชท เห็นชูใจพิมพ์มายาวมากเหมือนอัดอั้น
Shoujai Chutimon : ถ้าเราไม่ไปถามจากเค้า เราคงไม่รู้ว่าโหนไม่ได้จริงใจกับเรา
Shoujai Chutimon : ถ้ายังมีใจกันอยู่ งั้นจะมาทำตัวแบบนี้ใส่เราทำไม
เธอไปถามอะไรจากไอ้เค้ก?
ผมลูบหน้าตัวเองแรงๆ กัดขอบปากล่างอย่างเคร่งเครียดตอนที่ตอบเธอกลับไป
ชื่อ โหน : ฟังหน่อย
ชื่อ โหน : เราไม่ได้คิดไรกับไอ้เค้กจริงๆ
Shoujai Chutimon : เรากลับบ้านแล้ว ไม่ต้องโทรมานะ
Shoujai Chutimon OFFLINE
“แม่งเอ้ย” ผมต่อยแฮนด์รถไปทีนึงอย่างไม่ได้ดั่งใจ ชูใจเข้าใจผิด เธอคิดว่าผมชอบพอกับไอ้เค้กแล้วยังจีบกันอยู่ ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้คิดอะไรกับมันแล้ว ที่คบกันตอนนั้นก็แค่เรื่องสนุก
พอคิดจะจริงจังกะใครสักคน มันก็เป็นแบบนี้ทุกที
ผมนั่งนิ่งอยู่สักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจขับมอเตอร์ไซค์ไปที่หอของเธอ ในตอนนั้น ใจผมแม่งหน่วงๆ เพราะไม่เคยเจอใครที่รักจริงเป็นคนแรกอย่างเธอ แต่ผมแอบรักเธอมาหลายปีมาก
วันนี้ผม... รู้สึกหายใจลำบาก ที่เธอโกรธเรื่องผู้หญิง ไม่รู้มันเรียกว่าอะไร ผมไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอหึงผม มันคงแทบไม่มีทางเป็นไปได้
แต่อีกใจผมก็อยากคิด... อยากคิดขึ้นมาว่ะ
ผมเข้าข้างตัวเองได้ใช่มั้ยวะ
แค่นิดเดียวก็พอ
ผมมายืนอยู่หน้าประตูห้องของชูใจ ก้มลงมองโทรศัพท์ เห็นว่าเธอยังออฟไลน์อยู่
ผมพ่นลมหายใจ จัดทรงตัวเอง ก่อนที่จะเคาะประตู
ก็อกๆ
เคาะครั้งแรก ไม่มีใครตอบ ผมสังเกตเห็นว่ามันมีตาแมวจากข้างใน เลยหลบไปยืนข้างๆ ประตูเพราะรู้ว่าถ้าชูใจรู้ว่าเป็นผมเธอจะไม่เปิดประตูแน่ แล้วดัดเสียงเป็นคนส่งพัสดุ
“มีพัสดุมาส่งครับ”
นาทีนั้นผมได้ยินเสียงคนเดินมาที่หน้าประตู ก่อนที่มันจะเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กที่ชะเง้อคอออกมามองข้างนอก ผมเห็นว่าหน้าเธอแดงๆ ตาแดงๆ ที่จมูกมีทิชชู่คาอยู่อย่างน่าขำ
ร้องไห้เหรอวะ?
ไม่หรอกมั้ง
“อะ” เธอสะดุ้งพอผมสไลด์ตัวมายืนข้างหน้า ชูใจทำหน้ามุ่ยทันที ทำท่าจะปิดประตู แต่ผมก็เอาขาเข้าไปขวางไว้ได้ทัน
“คุยกันก่อนได้มั้ย” ผมถามเธอ ชูใจมองผมตาขวาง
“ไม่มีอะไรต้องคุยนิ”
“ก่อนจะโกรธขนาดนั้น ถามเราก่อนมั้ย ว่าเรายังชอบไอ้เค้กอยู่รึเปล่า” ผมถามเข้าตรงประเด็น ชูใจสะอึกไป เธอมองหน้าผม ก่อนที่จะกอดอก
“แล้วทำไมเราต้องรู้ด้วยเหรอ ในเมื่อเราไม่ได้คิดอะไรกับโหน”
“...”
“เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ เราก็ไม่ได้สนใจสักหน่อย” ท้ายประโยคเธอสูดน้ำมูก ก่อนที่จะหันหน้าหนีพอผมเผลอไปเห็นว่าเธอมีน้ำตาคลอนิดๆ “จะเป็นอะไรกับคนนั้นก็เป็นไปเถอะ เรารู้ว่าเรามันก็เป็นแค่เพื่อนของโหน”
ผมนิ่งไป อยากคิดติดลบว่ะ เคยคิดอยากตัดใจพอได้ยินคำนั้น แต่ครั้งนี้อาการเธอมันแสดงออกมาก
ว่าเธอเองก็คิด
“แน่ใจว่าไม่ได้คิด?” ผมย้อน เลิกคิ้วถามเธอ ชูใจชะงักไป
“ใช่!” เธอขึ้นเสียงอย่างดื้อดึง “ทำไมอ่ะ ทำไมเราต้องคิด ไหนบอกหน่อยสิ”
ผมฉีกยิ้มออกมา นึกอยากแกล้งเธอนิดหน่อย
“ก็ไม่ต้องคิดอะไร” ผมพลั้งพูดมันออกไป “คิดว่าคืนนั้นเธอฝัน เราฝัน”
“...”
“แล้วเราแม่งก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
ชูใจหน้าตื่นทันที ผมเปลี่ยนสีหน้าไปตีหน้าเศร้า ก่อนที่จะหันหลังหนี รู้สึกเกลียดตัวเองหน่อยๆ ตอนที่ได้ยินเธอสะอึกอยู่ข้างหลัง
“... แค่นี้เองเหรอ” เธอสะอื้นฮักออกมา “สุดท้ายก็มีความพยายามแค่นี้เองเนอะโหน”
“...”
“คอยดู เราจะไม่สนใจโหนอีกแล้วด้วย!” พูดพร้อมกับปากล่องทิชชู่ใส่หลังผมพร้อมกับชิงปิดประตูก่อนที่ผมจะหันกลับไป แล้วแม่งก็เป็นผมที่เหวอซะเอง แค่คิดจะแกล้งนิดหน่อย กลายเป็นดันทำให้เรื่องแย่ลงกว่าเดิม
ผมวกกลับไปเคาะประตูแล้วเรียกเธอ
“ชูใจ” ไม่มีเสียงตอบในนั้น เธอคงโกรธผมมาก ผมเลยแค่นหัวเราะ วางมือที่กำหมัดลงนาบกับประตูห้อง ก่อนที่จะกลั้นใจพูด “ก็ถ้าไม่อยากเป็นแค่เพื่อน แล้วไม่อยากให้ใครยุ่งกับเราขนาดนั้น”
“...”
“ก็คบกับเราสักทีดิ”
[จบพาร์ท : โหน]
ฉันยืนนิ่งอยู่หลังประตู เม้มริมฝีปากแน่นเมื่อโหนเริ่มขอคบเป็นแฟนอีกครั้ง
แต่เพิ่งเกิดเรื่องแบบนี้ไป เขาจะมาขอคบกันแบบนี้ได้ยังไง
... ก็ฉันไม่มั่นใจนี่
“ถะ...” ฉันอ้าปากขึ้นพูด ก่อนที่จะสะอึกออกมานิดนึง “ถ้ากล้าไปพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่าไม่ได้ชอบ”
“...”
“เราอาจจะมาคิดดูอีกทีก็ได้”
โหนเงียบไป ฉันแอบหน้ามุ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเขาเงียบ หรือเพราะไม่อยากบอกล่ะ งั้นก็ไม่ต้องมาคุยเลยนะ
ฉันไม่ได้หึงอะไรทั้งนั้นแหละ!
แค่อยากให้เขาซื่อสัตย์ถ้าเกิดจะจีบฉันจริงๆ อ่ะ
“ได้ดิ” เขาโพล่งขึ้นมา ฉันชะงักไป “ก่อนอื่น เปิดประตูก่อนเลย”
“ทำไมต้องเปิดอ่ะ?”
“เธอก็ต้องไปด้วยไม่ใช่รึไง” ฉันทำหน้าเหวอออกมาทันที
“บ้าเหรอ!” ฉันโวยลั่นผ่านหลังบานประตู หน้าแดงก่ำอย่างสะเทิ้นอาย ถ้าเกิดทำแบบนั้นก็เท่ากับยอมรับสิว่าหวงเขาจริงๆ จนต้องตามไปเช็คให้แน่ใจ “ไม่ไปด้วย แค่ถ่ายรูปมาก็พอแล้วนี่ หรือไม่ก็ถ่ายวีดีโอมา หรือไม่ก็...”
“เธอจะเป็นแฟนเราแล้ว ยังกลัวผู้หญิงคนอื่นอีกเหรอ” ฉันชะงักไป เงียบปากฉับทันที เมื่อสิ่งที่เขาพูดมันดันตอกย้ำเต็มๆ ถึงคำท้าทายของฉันเมื่อกี้ ว่าฉันจะยอมเป็นแฟนเขาถ้าเกิดว่าเขาไปบอกกับผู้หญิงคนนั้นว่าไม่ชอบเธอแล้วจริงๆ
มันจวนตัวไปมั้ยเนี่ย
“นี่เราต้องเป็นแฟนโหนจริงๆ เหรอ” แค่พลั้งปากพูดไปเองนะ ฮือ
“แล้วอยากเป็นมั้ย” โหนถามกลับมาจากอีกฝั่งของประตู ฉันดึงทิชชู่ออกจากจมูก ก่อนที่จะโยนทิ้งไปที่ถังขยะข้างๆ แต่มันไม่ลง แต่ก็ช่างเถอะ
จะตอบว่าไม่อยากก็ไม่ใช่ จะตอบว่าอยากก็ไม่เชิงอ่ะ
“ไปพูดกับคนนั้นให้ได้ก่อนเถอะ”
“แล้วสรุปจะเปิดประตูได้ยัง จะได้พาไปตอนนี้เลย” ฉันเม้มริมฝีปาก คิดลังเลในใจ ก่อนที่จะหมุนตัวหันมาปลดล็อกประตูเปิดให้เขา
แกรก
โหนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ฉันหลบสายตาแวววาวของเขาทันที
“ถ้าเราบอกไอ้เค้กว่าไม่ชอบ จะเป็นแฟนเราจริงปะ?” ร่างสูงทวนถาม ฉันเหล่มองไปทางอื่นเพราะไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ ก็เล่นมองเหมือนจะกลืนลงคอแบบนั้นอ่ะ ใครจะไปกล้ามองลง
“คิดดูก่อนได้มั้ยล่ะ”
“ได้” เขาฉีกยิ้ม ก่อนที่จะจูงมือฉันแล้วลากให้เดินไปด้วยกันตอนที่ปิดประตูให้ฉันพร้อมกับล็อกประตูให้ ฉันก็ลืมไปเลยว่าโหนมีคีย์การ์ดสำรองของห้องฉันด้วย สมัยที่ฉันยังไม่รู้ว่าเขาชอบฉัน แต่เขาไม่ใช้มันตอนที่ฉันปิดประตูหนีหน้าเขาเมื่อกี้
“ก็แค่ไม่อยากเป็นผู้ชายที่เธอไม่ชอบ”
ฉันนึกถึงคำพูดของเขา ก่อนที่จะก้มลงมองมือเขาอย่างขัดเขิน
เอาเถอะ ก็แค่เป็นแฟนเอง... แค่เป็นแฟนเอง!
พอลงมาถึงข้างล่าง ฉันก็เห็นโหนกดมือถือเหมือนกำลังคุยแชทกับใครสักคน ฉันแอบเบ้ปากนิดๆ อย่างไม่รู้ตัวตอนที่ยื่นหน้าไปแอบดูแล้วเขาก็ไม่ได้ปิดบังอะไร แล้วก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงที่ชื่อเค้กคนนั้น
เธอหน้าตาดีนะ ดูแรงๆ เลย เหมาะกับผู้ชายแบบโหนดีอ่ะ
แล้วดูฉันสิ
ฉันก้มลงมองตัวเอง มองหน้าอกที่เล็กกว่าเธอ ท่าทางจืดชืดเหมือนน้ำเปล่าของตัวเอง ก่อนที่จะถอนหายใจ แต่พอรู้สึกตัวก็รีบสั่นหน้าหวือ
คิดอะไรอยู่! ก็ไม่ได้สนใจสักหน่อยว่าโหนจะชอบเราที่หน้าอกรึเปล่า
“แม่ง” อยู่ๆ โหนก็สบถออกมา ฉันหันกลับไปมองเขาตอนที่ร่างสูงยืนพิงรถมอเตอร์ไซค์ประจำตัว แปลกเนอะ ปกติก็มองเขาเป็นเพื่อนมาตลอด แถมไม่เคยรู้สึกอะไรด้วย แต่ตอนนี้อ่ะ
รอยสักที่คอของโหนตอนที่เขากลืนน้ำลายลงคอเพราะเครียดทำฉันต้องก้มหน้าหนี
ฉันไม่ชอบผู้ชายสัก มองว่ามันดูลายตาแถมน่ากลัว เอาเป็นว่าผู้ชายสักไม่ใช่สเป็คของฉันเลย แต่ดูสิ ฉันดันมาใจเต้นกับเขา ผู้ชายที่แทบไม่ได้อยู่ในสเป็คของฉันเลยเนี่ย
ช่างเถอะเนอะ!
“ไอ้เค้กมันติดงาน” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉัน วินาทีนั้นใจฉันไหววูบ “ถ้ารอเลิกงานคงต้องเที่ยงคืน เธออยู่ดึกได้มั้ยชูใจ”
ฉันทำหน้ามุ่ยออกมาทันที
“พรุ่งนี้ไม่มีเรียน อยู่ได้อยู่แล้ว” โหนมองฉันอย่างอึ้งๆ ตอนที่ฉันใส่อารมณ์ ก่อนที่เขาจะหลุดขำ
“อะไรเนี่ย โกรธไรอีก” เขาเอามือที่กำหมัดหลวมๆ มาชนไหล่ฉันเบาๆ “ก็ไอ้เค้กมันไม่ว่างจริงๆ อีกอย่างจะไปบอกว่าจะคุยเรื่องเธอมันคงไม่มา”
“อ้างล่ะสิ” ฉันบุ้ยหน้า เมินหน้าหนี “จริงๆ แล้วก็หาเรื่องถ่วงเวลา คนไม่จริงใจก็งี้แหละ”
ไม่รู้สิ พอคุยไปเรื่อยๆ ก็กล้าเถียงเขามากกว่าเดิม ตอนเป็นเพื่อนกันยังไม่กล้างอนขนาดนี้เลย
“เธอนี่” ฉันหันกลับไปมองเขา เห็นว่าร่างสูงเอามือมาปิดปากตัวเอง ส่วนใบหูก็แดงก่ำ “ตอนหึงเพิ่งเคยเห็น”
“...!”
“น่ารักดีว่ะ”
หลังจากที่โหนชมฉันว่าน่ารัก ฉันก็ไม่พูดอะไรเพราะเขิน เขาบอกว่าเพื่อนนัดกินเหล้าตอนที่ขึ้นมาส่งฉันบนห้อง โหนยืนกระดิกขาไปมาเหมือนคนเป็นกังวลตอนที่ฉันทำหน้านิ่งตอนที่เขาบอกว่า
“พอเที่ยงคืนเดี๋ยวจะมารับที่ห้อง”
“อือ”
“เป็นไรปะ” เขาเลิกคิ้วถามพอเห็นว่าฉันตีหน้านิ่งแล้วตอบแค่คำว่าอือสั้นๆ หากแต่ฉันก็เชิดหน้าหนี
“เปล่านี่” แต่ที่จริงเป็นมาก! ฉันไม่ไว้ใจโหน กินเหล้าอีกแล้วเหรอ เท่าที่ฉันจำได้ ตลอดเวลาที่คบกับเขาโหนจะมีสังสรรค์กับเพื่อนของเขาทุกวัน ตอนนั้นฉันเห็นเขาเป็นแค่เพื่อนก็เลยไม่สนใจ แต่ตอนนี้ชักสนใจขึ้นมาแล้ว “รู้มั้ยว่าเหล้าทำให้ตับพังได้”
“นานๆ ที” เขาพูดแล้วเกาท้ายทอย ฉันบู้หน้าทันที นานๆ ทีกะผีอ่ะสิ! “ทำไม? หรือจะให้รออยู่ด้วยในห้อง”
“...”
“แต่มันจะทำให้เธอดูไม่ดีรึเปล่า”
“ไม่ต้องเลย” ฉันสั่นหน้า อันนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้วสิ แถมก็ไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์สองต่อสองกับโหนด้วย ถ้าโดนเขาจูบอีกที ฉันคงไม่กล้าสู้หน้าโหนอีกเลยแน่ๆ “เราจะไปด้วย ยังไงพวกพันก็เป็นเพื่อนโหนที่เรารู้จัก”
โหนตีหน้านิ่งบ้าง
“ไปทำไม”
“อ้าว ก็ต้องไปควบคุมการดื่มของโหนใช่มั้ยอ่ะ” ฉันพูดอย่างมั่นใจ “อีกอย่าง เราจะได้ดูด้วยว่าโหนไปเกเรที่ไหนต่อรึเปล่า เมาจนนอนข้างถังขยะรึเปล่า”
เขาที่ทำหน้านิ่งเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่ฉันให้เหตุผล
“ตามไปคุมว่างั้น?” เขาเลิกคิ้วถาม ฉันชะงักไป ก่อนที่จะสั่นหน้า เพราะไม่อยากยอมรับว่านี่คือการคุมแฟนตัวเอง (เต็มปากเต็มคำเลยเรา)
ยังไงก็ตาม ตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ จนกว่าโหนจะไปบอกเค้กว่าไม่ได้ชอบเธอ ฉันถึงจะยอมรับ
“ต้องเรียกว่า จับตาดูความประพฤติของโหน” ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่อง “ถ้าสมมุติว่าโหนเกเรขึ้นมา หรือกินเกินลิมิต เราจะได้ดูแลได้”
เขากระตุกยิ้มออกมาทันที
“จริงด้วยว่ะ” เขาโพล่งขึ้นมา “เราเพิ่งนึกได้พอดีว่าเราคออ่อน”
“...”
“งั้นชูใจก็ไปกินเป็นเพื่อนเรา โอเคปะ?”
“อะ!” เธอหลุดครางเสียงดังนิดหน่อยเมื่อผมดูดดึงหน้าอกเธอผ่านผ้า ผมไม่อยากถอดอะไรในตัวเธอออก เพราะตอนนี้ถึงมันจะมืดมาก แต่ก็เป็นที่สาธารณะ แม้ว่าผมจะแทบทนไม่ไหวแล้วก็ตามผมดูดจนผ้าเธอเปียกน้ำลาย เห็นรอยยอดอกสีชมพูเข้มจางๆ ที่ดูเหมือนจะเข้มกว่าตอนที่เป็นแฟนกันเพราะเธอมีลูกแล้ว ผมจูบปากชูใจอย่างดูดดื่ม แลกลิ้นให้กัน ในขณะที่จะกัดปากเธอจนห้อเลือด“อื้อ โหน” เธอครางแล้วเริ่มจูบผมตอบกลับมา ผมถูกเธอผลักจนกึ่งนั่งกึ่งนอน ชูใจที่ถูกเลิกเสื้อจนเห็นชั้นในถอดเสื้อผ่าหลังออกทางศีรษะ แล้วขึ้นคร่อมผมอย่างใจกล้า “... จะไม่ให้ไปไหนแล้วนะ”เธอพูดแบบนั้น ผมจ้องหน้าเธอ เวลาผ่านไปเกือบปีชูใจเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอวะ ทั้งเซ็กซี่ ทั้งร้อน...“... อึก” ผมครางออกมาเบาๆ ในลำคอเมื่อถูกไล้ปลายนิ้วไปตามช่วงท้อง ชูใจเลิกเสื้อผมขึ้น ในขณะที่ใบหน้าจิ้มลิ้มก็เลื่อนมาดูดปากผมอย่างแนบแน่นเธอจูบเก่งจังวะ เคลิ้มเลยเนี่ย“อื้อ” แต่มือผมก็ไม่ปล่อยให้ว่าง ผมขยำหน้าอกเธอแรงๆ จนชูใจกระตุกนิดๆ เธอถูกผมต้อนจนมุมเหมือนอย่างเคย ในขณะที่ผมจะจงใจย้ำฝ่ามือลงหนักขึ้นแต่ใช่ เธอเองก็ร้ายใช่ย่อยมือเล็กๆ ของชูใจเลื่อนไปขยุ้มที่ใจกลาง
ฉันกลับมาแล้วล่ะจริงๆ ก็เพิ่งบินลงมาที่กรุงเทพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่เอง ฉันกลับมาพร้อมกับลูก อุ้มลูกบินข้ามน้ำข้ามทะเลจากญี่ปุ่นมาที่ไทย เพื่อกลับมาสู่ชีวิตเดิมๆ ที่เคยเป็นอยู่พ่อแม่ดูดีใจที่เห็นหลาน แม้ว่าเวลาเกือบปีจะทำให้พวกเขาแทบไม่ค่อยเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ไม่ได้บังคับอะไรฉันมากมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกอย่างตอนที่ฉันตัดสินใจบินไปที่ญี่ปุ่นกับพี่ชาย ฉันเข้าร่วมงานการ์ตูน ออกบู้ทมากมายเพื่อปรับปรุงฝีมือตัวเองที่ทิ้งหายไปนาน โดยมีพี่ชุนคอยดูแลบำรุงฉันที่ท้องโตขึ้นเรื่อยๆ อยู่เสมอฉันไม่ใช่นักวาดการ์ตูนที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น แต่ก็พอมีคนรู้จักทั้งต่างประเทศ ญี่ปุ่น และประเทศไทย นามแฝงของฉันคือ ‘Peach’ฉันเริ่มทำงานด้วยการวาดสีน้ำขาย ก่อนที่จะปรับปรุงมาซื้ออุปกรณ์สำหรับวาดภาพในคอมพิวเตอร์ เม้าท์ปากกา โปรแกรมวาดรูปอะไรต่างๆ ที่ต้องซื้อมาอ้อ ฉันสักแบบมินิมอลเล็กๆ ตามจุดต่างๆ ของร่างกายด้วยนะ ขออนุญาตพี่ชายแล้วล่ะ มันก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน มุมมองของฉันที่เคยมีต่อคนสักเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย ตั้งแต่มาคบกับโหน ฉันก็สนใจอะไรที่ตัวเองไม่ค่อยจะได้สัมผัสมากขึ้นอีกอย่างได้เรียนรู้แฟชั่นของญี่ปุ่
[พาร์ท : โหน]เป็นเกือบปีที่โคตรทรมานใช้ได้ถามว่าทำไมก็ตั้งแต่ที่ไปเคลียร์กับไอ้ลูกโชนวันนั้น มันก็ถอนหมั้นชูใจทันที แต่สาเหตุก็คงเพราะชูใจยังตั้งท้องกับผม ผมไม่รู้ว่ามันได้สารภาพเรื่องที่มันคบซ้อนหรือไม่ แต่ผมไม่สนเท่าไหร่ ขอแค่มันถอนหมั้นก็เป็นพอจะบอกว่าลูกทำให้ผมมีแรงผลักดันโง่ๆ ในเฮือกสุดท้ายก็ได้ และแม่งก็คงโง่จริงๆ เพราะหลังจากที่พ่อแม่เรียกชูใจมาคุยเรื่องที่ไอ้ลูกโชนถอนหมั้น ชูใจก็ตัดสินใจกลับต่างประเทศไปกับพี่ชายเธอ เห็นสายเพื่อนผมมันบอกมาว่าเธอจะอยู่ที่นั่นเป็นปีๆ จนกว่าจะคลอดลูก... ไม่รู้เธอจะกลับมาอีกมั้ยผมกระดกเหล้าลงคอ หลังจากวันนั้นก็ขอมาทำงานในร้านเหล้ากับพ่อ ทำมาได้เกินเกือบปีแล้วว่ะ แต่เป็นเกือบปีที่ผ่านไปได้อย่างยากลำบากผมไม่ได้เหนื่อยกับการรอคนที่ผมรัก เพราะตอนที่แอบรักเธอตอนสมัยเรียน ผมก็ทนมันได้เป็นปีๆแต่ความคิดถึงนี่ดิ มันผ่านยากมากว่ะผมนั่งคิดถึงเธอทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำงาน เวลานอน ทุกวินาทีลมหายใจผมมีแต่ชูใจคนเดียวเท่านั้น ผมตัดสินใจเลิกยุ่งกับใครๆ เพราะผมจะกลับมาหาเธออย่างเด็ดขาดแต่เธอหายไปในที่ที่ไกลเกินเอื้อมถึง เอาตรงๆ ก็ไม่มีเงินตามเธอไปด้วย ไม
ผมมาดักรอไอ้ลูกโชนที่ร้านเหล้าเดิมๆ มาเพื่อจะคุยกับมัน เพราะถ้ามันยังคิดจะยื้อชูใจไว้ต่อไป ผมก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกันผมเห็นว่ามันโอบเอวแฟนตัวจริงมาด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ผมค่อนข้างไม่คุ้นตา เธอสวย แต่คงไม่เท่าชูใจของกูผมยืนดูดบุหรี่รอ พวกมันเดินไปเต้นที่โต๊ะด้วยกัน ท่าทางกระหนุงกระหนิงทำให้ผมรู้สึกเดือดดาล เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากต่อยหน้ามันให้เละ แม้ว่าจากที่เคยสืบมา ตัวผมเองคงสู้กำลังมันไม่ได้ก็ตามจนมันย้ายมานัวเนียกันตรงจุดเดิม ผมเลยถือวิสาสะเดินไปขัด“ไอ้ลูกโชน” มันผละปากจากซอกคอของผู้หญิง ก่อนที่จะเลิกคิ้วมองผม ดูเหมือนไอ้ลูกโชนจะเมา“เหี้ยไร? มึงเป็นใคร” ผู้หญิงมองผมอย่างหวาดกลัว ผมแค่นหัวเราะที่มันเมามายจนจำหน้าผมไม่ได้ ก่อนที่จะผลักตัวหนาๆ ของมันจนเซไปทีนึง เพราะไอ้เวรนี่เมามากจนไม่มีสมรรถภาพจะพยุงร่างตัวเองได้เลย“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”“...”“ตัวต่อตัว”“มึงมีไรจะคุยกับกูวะไอ้ขี้ก้าง” ไอ้ลูกโชนพูดอย่างเหยียดหยาม มันมองหน้าผมที่จ้องหน้ามันกลับไปอย่างแน่วแน่ ผมเองก็พร้อมเหมือนกัน ถึงจะรู้ว่าสุดท้ายผมอาจจะสู้มันไม่ได้ก็ตาม“เรื่องชูใจ” ผมตอบไปสั้นๆ มันแค่นหัวเราะทันที“
“เราทนใช้ชีวิตที่ไม่มีเธอไม่ได้ว่ะ” ผมกัดฟันแน่น เขย่าไหล่เธอเบาๆ อย่างออมแรง “ทั้งชูใจ ทั้งลูก เราต้องมีมันจริงๆ”“...”“ถ้าไปไม่ไหว ก็ขอให้คิดใหม่” ชูใจที่สบตาผมในระยะใกล้ ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอมองหน้าผม ก่อนที่จะเม้มริมฝีปากแน่นและก่อนที่เธอจะได้อ้าปากตอบอะไรกลับมา ความใจร้อนของผมที่อยากได้เธอกลับมาก็ทำให้ผมเลื่อนหน้าเข้าไปจูบเธอหนักๆ ปากที่นุ่มละมุนของชูใจทำให้ผมกุมใบหน้าเธอไว้ ก้มหน้าลงอีกเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ความสูงเรามันต่างกันเกินไปชูใจพยายามดันอกผมออก ทึ้งเสื้อผมจนมันยับ เธอพยายามดิ้นรนทุกทางที่จะทำให้เธอไม่ทรยศต่อความรักของไอ้ลูกโชน แต่ผมรู้ดี ความรักของแม่งมันเป็นของปลอมทั้งเพถ้าเธอยังเชื่อไอ้เหี้ยนั่นที่มันตอแหลสร้างภาพมาว่ารักหลงเธอนักหนาแบบนั้นลง ผมก็ขอยอมเป็นคนเลวซะดีกว่า ที่จะต้องพยายามทำให้เธอท้องอีกทีในคืนนี้สติผมเลือนราง พอๆ กับแรงผลักไสของชูใจที่เริ่มอ่อนลง ผมไล้ปากของผมไปตามปากเล็กๆ ของเธอ กัดปากล่างของร่างเล็กแล้วช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มตัวชูใจเล็กแถมเบาหวิว จนสงสัยว่าหลังจากเลิกกันเธอได้กินอะไรลงบ้างมั้ย ผมลืมตามองเธอระหว่างที่กำลังจูบซับน้ำตาให้เธอตอ
แกรกฉันรีบเปิดประตูออกไปอย่างลืมตัว ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ฉันเห็นว่าเป็นโหนในลุคที่ดูต่างไปจากเคย เกือบเดือนที่ไม่ได้เจอกัน เขาเปลี่ยนแปลงทั้งสีผม รอยสักที่เพิ่มมากขึ้น และการแต่งตัวโหนที่ยืนจ้องหน้าฉันอยู่ที่หน้าประตู ฉันจ้องตาเขากลับไปเช่นกันแต่สิ่งที่ปรากฏในแววตาของเขา ฉันเห็นว่ามันเต็มไปด้วยความ... โหยหา?“... มาทำไมเหรอ” ฉันถามยิ้มๆ พยายามทำตัวเป็นปกติที่สุดกับเขา ยังไงก็ยังอยากเป็นเพื่อนเขาอยู่นะ ถึงเขาจะเริ่มต้นใหม่ไปแล้วก็ตามฉันคงเหมือนผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่ง ที่ผลักเขาออกไป ทำเหมือนโกรธเขาซะมากมาย แต่สุดท้ายก็โกรธไม่ลง แถมยังขาดเขาไม่ได้อยู่แบบนี้อีกโหนมองหน้าฉัน เขาฉีกยิ้มบางๆ กลับมา“คิดถึงเฉยๆ”“...!”“ผิดมั้ย ถ้ายังคิดถึงเธอ”ฉันนิ่งค้างไป นึกคำพูดออกมาไม่ได้เลย กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขาบ่งบอกว่าโหนคงจะเมา เพราะเขาเมาใช่มั้ย... เขาถึงมาที่นี่แต่ก็เพราะเมาอีกนั่นล่ะ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย“ผิดสิ” ฉันตอบกลับไป ทั้งๆ ที่ในใจสั่นไหวจนแทบบ้า นี่มันผ่านไปกี่วันแล้วนะ ที่ฉันไม่ได้ยินคำนี้จากเขา “เรามีแฟนแล้วนะ โหนก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน”“...”“ถ้าแฟนโหนรู้ว่าโหนมาหาเรา...







