ฉันยืนทำหน้าตาตื่นอยู่ท่ามกลางสงครามประสาทระหว่างโหนกับผู้หญิงที่ชื่อเค้ก เธอวางตัวสแกนสินค้าลงกับเคาน์เตอร์ทันที แสดงออกมากว่าไม่เข้าใจ
“แล้วไง? มึงบอกกูเองว่ามึงรักเค้าข้างเดียว” เธอโพล่งขึ้นมา “มึงมาให้ความหวังกูว่าให้กูจีบมึงได้ ให้กูเผลอคิดไปว่ามึงจะไม่มีแฟนอีกนาน”
“เออ กูยอมรับ” โหนโพล่งออกมา “กูแค่เคยรักชูใจข้างเดียว เลยเข้าใจความรู้สึกมึงมากกว่า กูไม่อยากปฏิเสธให้มึงใจเสียเพราะยังไงเราก็เพื่อนกัน แต่วันนี้กูคิดว่ากูควรชัดเจนสักที”
“...”
“กูกับชูใจเป็นแฟนกันแล้ว” เขาเน้นคำนั้นออกมา ฉันยืนทำหน้าตึงทันที ไม่รู้จะเก๊กสีหน้ายังไงดี “ชูใจไม่อยากให้มีผู้หญิงมายุ่งกับกู มึงเองก็คบกับพี่ต้น รักคนที่มึงคบอยู่เหอะ”
เอ้ะ! นี่พูดเองเออเองรึเปล่า ฉันไม่ได้พูดเลยนะ ไม่ได้หึงด้วย
“มึงพูดง่ายดีเนอะ” เธอพูดเสียงสั่นเครือ “ถ้ากูห้ามความรู้สึกได้ กูคงห้ามตั้งแต่ที่เลิกกับมึงแล้วลืมไม่ลงแล้วปะ”
“...”
“ถ้ามึงยืนยันจะคบกับชูใจ กูคงจะลาออกจากวิทยาลัยแล้วเลิกกับพี่ต้น”
“...”
“กูทำใจไม่ได้จริงๆ”
“มึงบ้าเหรอวะ” โหนโพล่งขึ้นมาเสียงดังทันที ฉันสะดุ้งเลย เอาจริงๆ ก็รู้สึกเข้าใจผู้หญิงที่ชื่อเค้กนะ เธอคงชอบโหนมากจริงๆ อ่ะ ฉันรู้สึกผิดจริงๆ ความรู้สึกแปลกๆ เช่นที่โมโหโหนเพราะเธอหายไปเลย “มึงทำอย่างงั้นทำไม”
“มึงคงไม่แคร์หรอก” เธอพูดพร้อมกับสแกนสินค้าของเราทั้งคู่ ผู้หญิงพออกหักก็จะอยากเดินหนีไปจากสถานการณ์ที่เจอ “ถ้าสมมุติว่ากูออกไป กูอาจจะได้เจอคนใหม่ๆ กูอาจจะลืมมึงได้ ดีกว่าทนคบกับพี่ต้นไปทั้งๆ ที่ไม่จริงจัง”
“...”
“กูคงตัดใจได้แหละ พอถึงวันนั้น”
ฉันเหลือบไปมองโหน อยากรู้ว่าเขามีสีหน้ายังไง เค้กชัดเจนว่าจะถอยให้เรา แต่ฉันกลับรู้สึกว่าสายตาของโหนดูมีแววลังเล
ฉันไม่รู้ว่าเขาลังเลเพราะอะไร เพราะเค้กเป็นเพื่อน หรือเพราะเลือกใครไม่ได้
“ถ้ามึงจะตัดสินใจงั้น ก็แล้วแต่” แต่สุดท้ายเขาก็ใจแข็ง
ฉันรู้สึกโล่งอกขึ้นมา ก่อนที่จะรู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัว จริงๆ แล้วฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าชอบโหนอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ ฉันอาจจะแค่สับสน หวั่นไหว หรืออะไรก็ได้ แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจที่จะเป็นแฟนกับเขา
หรือเพราะว่าอยู่กับเขามานานแล้ว ฉันถึงได้รู้สึกไม่อยากให้เขาจากไป
“เกี๊ยวกุ้งของชูใจ เวฟเนอะ” เค้กถามสั้นๆ โหนพยักหน้า ฉันยืนมองเขา ก่อนที่จะรู้สึกว่า โหนชัดเจนกับฉันมากแล้ว
นี่แฟนเก่าของเขานะ เขาเลือกฉันเหรอ ฉันที่ไม่เคยรู้ว่าเขาแอบชอบฉันมาตั้งแต่แรก ใจร้ายปฏิเสธความรู้สึกของเขาตลอด บอกเขาทุกครั้งว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน
ฉันรู้สึกแบบ... ไม่ดีเลย
ไม่ดีเลยจริงๆ นะ
“รู้สึกไม่ดีเลยว่ะ”
โหนบ่นขึ้นมาอย่างเคร่งเครียดตอนที่เราอึดอัดที่จะทานของกินกันหน้าเซเว่นแล้วเพราะเค้กยังไม่เลิกงาน ฉันอึดอัด เขาเองก็อึดอัด ถึงมันจะจบแล้ว แต่ฉันรู้สึกว่าทุกคนเสียความรู้สึกไปกันหมด เขาเลยขับมานั่งทานในห้องของฉัน
ทำไมฉันถึงยอมอ่ะเหรอ?
ก็รู้สึกผิดไงล่ะ ที่เคยใจร้ายกับเขามาตั้งหลายครั้ง
“หักอกผู้หญิง... ครั้งแรกเหรอ?”
ฉันตัดสินใจถามขึ้นมาตอนที่เขาปล่อยให้มาม่าขึ้นอืดเพราะความใจดี ฉันพอจะเข้าใจว่าเขาเป็นห่วงเค้ก การที่หักอกใครสักคนแล้วทำเขาลาออกจากวิทยาลัยแถมแตกหักกับแฟนเป็นอะไรที่ยากมากๆ
และทำไมฉันถึงเข้าใจอ่ะเหรอ?
ก็เพราะว่าเป็นเพื่อนกับโหนมาหลายปี ทุกปีๆ สิ่งที่เขาไม่เคยเปลี่ยนไปคือเรื่องการชอบแคร์ความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าตัวเอง
อย่างเช่นการดูแลฉันนี่ล่ะ
“ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก” เขานั่งพิงกับโซฟาอย่างอ่อนล้า “แค่ครั้งนี้มันยากนิดนึง เธอเข้าใจใช่ปะ”
“อื้อ” ฉันพยักหน้าเบาๆ
“ทำไมถึงเข้าใจ?”
“ก็เพราะรู้จักโหนมานานยังไงล่ะ” ฉันตอบกลับไปทันทีแบบไม่ต้องคิดเลยทีเดียว ร่างสูงนิ่งไป ฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองตอบเร็วเกินไป “นะ... นั่นแหละ เอาเป็นว่าเราเข้าใจนะ”
“...”
“พรุ่งนี้ลองไปคุยกันดีๆ ก็ได้นะโหน เค้กคงแค่กำลังเสียใจ”
เขาจ้องหน้าฉัน นิ่งงันอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ฉันจะรู้สึกได้ถึงสัมผัสหนักๆ ที่เส้นผม แล้วก็เห็นว่าโหนเอื้อมมือมาลูบหัวฉัน
“เธอใจดีเนอะ” เขาแค่นหัวเราะเบาๆ “เอาจริงๆ เราก็โล่งใจที่ไอ้เค้กมันยอมถอย เพราะอะไรรู้ปะ”
“... เพราะ?”
“เราจะได้เป็นแฟนกับเธอซะทีไง” ฉันชะงักไป เพราะอยู่ดีๆ เขาก็เลื่อนมือลงมาโอบไหล่ฉันแทน และเพราะเราอยู่กันสองต่อสอง สถานการณ์ที่เสี่ยงและอันตราย ฉันเลยจับมือเขาดึงออกในทันที
“เป็นแฟนกันก็จริง” ฉันยอมรับความจริง เพราะลึกๆ ก็หวั่นไหวกับโหนแล้วจริงๆ แหละ “แต่ห้ามแตะตัวเรา ห้ามทำอย่างว่าด้วย”
“ทำไมอ่ะ” เขาถามมาอย่างหน้าตาเฉย แต่ฉันนี่แทบไม่อยากจะเชื่อเลย!
“ก็เพราะโหนเคยพลาดแถมเราก็ยังไม่พร้อมยังไงล่ะ” ฉันตอบชัดถ้อยชัดคำ “ต้องรอคบกันเกินปีก่อน หรือไม่ก็สองสามปี”
“ถ้าจะนานขนาดนั้น” เขาประชดประชัน
“ก็ตามนั้นแหละ ถ้าทำล่ะก็จะหาว่าเราไม่เตือนไม่ได้นะ”
ฉันกล้าพูดนะ ก็เพราะความที่เคยเป็นเพื่อนนี่ล่ะ แต่เอาจริงๆ ก็เขินอ่ะ ทำตัวยังกะเป็นแม่เขาเลย
“แปลว่านอกเหนือจากนั้น” แต่โหนกลับโพล่งขึ้นมาด้วยความหัวไว เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้จนฉันต้องเขยิบหนี
“...”
“ก็แปลว่าทำได้ ถูกมั้ย?”
ฉันกลับมาแล้วล่ะจริงๆ ก็เพิ่งบินลงมาที่กรุงเทพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่เอง ฉันกลับมาพร้อมกับลูก อุ้มลูกบินข้ามน้ำข้ามทะเลจากญี่ปุ่นมาที่ไทย เพื่อกลับมาสู่ชีวิตเดิมๆ ที่เคยเป็นอยู่พ่อแม่ดูดีใจที่เห็นหลาน แม้ว่าเวลาเกือบปีจะทำให้พวกเขาแทบไม่ค่อยเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ไม่ได้บังคับอะไรฉันมากมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกอย่างตอนที่ฉันตัดสินใจบินไปที่ญี่ปุ่นกับพี่ชาย ฉันเข้าร่วมงานการ์ตูน ออกบู้ทมากมายเพื่อปรับปรุงฝีมือตัวเองที่ทิ้งหายไปนาน โดยมีพี่ชุนคอยดูแลบำรุงฉันที่ท้องโตขึ้นเรื่อยๆ อยู่เสมอฉันไม่ใช่นักวาดการ์ตูนที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น แต่ก็พอมีคนรู้จักทั้งต่างประเทศ ญี่ปุ่น และประเทศไทย นามแฝงของฉันคือ ‘Peach’ฉันเริ่มทำงานด้วยการวาดสีน้ำขาย ก่อนที่จะปรับปรุงมาซื้ออุปกรณ์สำหรับวาดภาพในคอมพิวเตอร์ เม้าท์ปากกา โปรแกรมวาดรูปอะไรต่างๆ ที่ต้องซื้อมาอ้อ ฉันสักแบบมินิมอลเล็กๆ ตามจุดต่างๆ ของร่างกายด้วยนะ ขออนุญาตพี่ชายแล้วล่ะ มันก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน มุมมองของฉันที่เคยมีต่อคนสักเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย ตั้งแต่มาคบกับโหน ฉันก็สนใจอะไรที่ตัวเองไม่ค่อยจะได้สัมผัสมากขึ้นอีกอย่างได้เรียนรู้แฟชั่นของญี่ปุ่
[พาร์ท : โหน]เป็นเกือบปีที่โคตรทรมานใช้ได้ถามว่าทำไมก็ตั้งแต่ที่ไปเคลียร์กับไอ้ลูกโชนวันนั้น มันก็ถอนหมั้นชูใจทันที แต่สาเหตุก็คงเพราะชูใจยังตั้งท้องกับผม ผมไม่รู้ว่ามันได้สารภาพเรื่องที่มันคบซ้อนหรือไม่ แต่ผมไม่สนเท่าไหร่ ขอแค่มันถอนหมั้นก็เป็นพอจะบอกว่าลูกทำให้ผมมีแรงผลักดันโง่ๆ ในเฮือกสุดท้ายก็ได้ และแม่งก็คงโง่จริงๆ เพราะหลังจากที่พ่อแม่เรียกชูใจมาคุยเรื่องที่ไอ้ลูกโชนถอนหมั้น ชูใจก็ตัดสินใจกลับต่างประเทศไปกับพี่ชายเธอ เห็นสายเพื่อนผมมันบอกมาว่าเธอจะอยู่ที่นั่นเป็นปีๆ จนกว่าจะคลอดลูก... ไม่รู้เธอจะกลับมาอีกมั้ยผมกระดกเหล้าลงคอ หลังจากวันนั้นก็ขอมาทำงานในร้านเหล้ากับพ่อ ทำมาได้เกินเกือบปีแล้วว่ะ แต่เป็นเกือบปีที่ผ่านไปได้อย่างยากลำบากผมไม่ได้เหนื่อยกับการรอคนที่ผมรัก เพราะตอนที่แอบรักเธอตอนสมัยเรียน ผมก็ทนมันได้เป็นปีๆแต่ความคิดถึงนี่ดิ มันผ่านยากมากว่ะผมนั่งคิดถึงเธอทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำงาน เวลานอน ทุกวินาทีลมหายใจผมมีแต่ชูใจคนเดียวเท่านั้น ผมตัดสินใจเลิกยุ่งกับใครๆ เพราะผมจะกลับมาหาเธออย่างเด็ดขาดแต่เธอหายไปในที่ที่ไกลเกินเอื้อมถึง เอาตรงๆ ก็ไม่มีเงินตามเธอไปด้วย ไม
ผมมาดักรอไอ้ลูกโชนที่ร้านเหล้าเดิมๆ มาเพื่อจะคุยกับมัน เพราะถ้ามันยังคิดจะยื้อชูใจไว้ต่อไป ผมก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกันผมเห็นว่ามันโอบเอวแฟนตัวจริงมาด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ผมค่อนข้างไม่คุ้นตา เธอสวย แต่คงไม่เท่าชูใจของกูผมยืนดูดบุหรี่รอ พวกมันเดินไปเต้นที่โต๊ะด้วยกัน ท่าทางกระหนุงกระหนิงทำให้ผมรู้สึกเดือดดาล เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากต่อยหน้ามันให้เละ แม้ว่าจากที่เคยสืบมา ตัวผมเองคงสู้กำลังมันไม่ได้ก็ตามจนมันย้ายมานัวเนียกันตรงจุดเดิม ผมเลยถือวิสาสะเดินไปขัด“ไอ้ลูกโชน” มันผละปากจากซอกคอของผู้หญิง ก่อนที่จะเลิกคิ้วมองผม ดูเหมือนไอ้ลูกโชนจะเมา“เหี้ยไร? มึงเป็นใคร” ผู้หญิงมองผมอย่างหวาดกลัว ผมแค่นหัวเราะที่มันเมามายจนจำหน้าผมไม่ได้ ก่อนที่จะผลักตัวหนาๆ ของมันจนเซไปทีนึง เพราะไอ้เวรนี่เมามากจนไม่มีสมรรถภาพจะพยุงร่างตัวเองได้เลย“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”“...”“ตัวต่อตัว”“มึงมีไรจะคุยกับกูวะไอ้ขี้ก้าง” ไอ้ลูกโชนพูดอย่างเหยียดหยาม มันมองหน้าผมที่จ้องหน้ามันกลับไปอย่างแน่วแน่ ผมเองก็พร้อมเหมือนกัน ถึงจะรู้ว่าสุดท้ายผมอาจจะสู้มันไม่ได้ก็ตาม“เรื่องชูใจ” ผมตอบไปสั้นๆ มันแค่นหัวเราะทันที“
“เราทนใช้ชีวิตที่ไม่มีเธอไม่ได้ว่ะ” ผมกัดฟันแน่น เขย่าไหล่เธอเบาๆ อย่างออมแรง “ทั้งชูใจ ทั้งลูก เราต้องมีมันจริงๆ”“...”“ถ้าไปไม่ไหว ก็ขอให้คิดใหม่” ชูใจที่สบตาผมในระยะใกล้ ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอมองหน้าผม ก่อนที่จะเม้มริมฝีปากแน่นและก่อนที่เธอจะได้อ้าปากตอบอะไรกลับมา ความใจร้อนของผมที่อยากได้เธอกลับมาก็ทำให้ผมเลื่อนหน้าเข้าไปจูบเธอหนักๆ ปากที่นุ่มละมุนของชูใจทำให้ผมกุมใบหน้าเธอไว้ ก้มหน้าลงอีกเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ความสูงเรามันต่างกันเกินไปชูใจพยายามดันอกผมออก ทึ้งเสื้อผมจนมันยับ เธอพยายามดิ้นรนทุกทางที่จะทำให้เธอไม่ทรยศต่อความรักของไอ้ลูกโชน แต่ผมรู้ดี ความรักของแม่งมันเป็นของปลอมทั้งเพถ้าเธอยังเชื่อไอ้เหี้ยนั่นที่มันตอแหลสร้างภาพมาว่ารักหลงเธอนักหนาแบบนั้นลง ผมก็ขอยอมเป็นคนเลวซะดีกว่า ที่จะต้องพยายามทำให้เธอท้องอีกทีในคืนนี้สติผมเลือนราง พอๆ กับแรงผลักไสของชูใจที่เริ่มอ่อนลง ผมไล้ปากของผมไปตามปากเล็กๆ ของเธอ กัดปากล่างของร่างเล็กแล้วช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มตัวชูใจเล็กแถมเบาหวิว จนสงสัยว่าหลังจากเลิกกันเธอได้กินอะไรลงบ้างมั้ย ผมลืมตามองเธอระหว่างที่กำลังจูบซับน้ำตาให้เธอตอ
แกรกฉันรีบเปิดประตูออกไปอย่างลืมตัว ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ฉันเห็นว่าเป็นโหนในลุคที่ดูต่างไปจากเคย เกือบเดือนที่ไม่ได้เจอกัน เขาเปลี่ยนแปลงทั้งสีผม รอยสักที่เพิ่มมากขึ้น และการแต่งตัวโหนที่ยืนจ้องหน้าฉันอยู่ที่หน้าประตู ฉันจ้องตาเขากลับไปเช่นกันแต่สิ่งที่ปรากฏในแววตาของเขา ฉันเห็นว่ามันเต็มไปด้วยความ... โหยหา?“... มาทำไมเหรอ” ฉันถามยิ้มๆ พยายามทำตัวเป็นปกติที่สุดกับเขา ยังไงก็ยังอยากเป็นเพื่อนเขาอยู่นะ ถึงเขาจะเริ่มต้นใหม่ไปแล้วก็ตามฉันคงเหมือนผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่ง ที่ผลักเขาออกไป ทำเหมือนโกรธเขาซะมากมาย แต่สุดท้ายก็โกรธไม่ลง แถมยังขาดเขาไม่ได้อยู่แบบนี้อีกโหนมองหน้าฉัน เขาฉีกยิ้มบางๆ กลับมา“คิดถึงเฉยๆ”“...!”“ผิดมั้ย ถ้ายังคิดถึงเธอ”ฉันนิ่งค้างไป นึกคำพูดออกมาไม่ได้เลย กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขาบ่งบอกว่าโหนคงจะเมา เพราะเขาเมาใช่มั้ย... เขาถึงมาที่นี่แต่ก็เพราะเมาอีกนั่นล่ะ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย“ผิดสิ” ฉันตอบกลับไป ทั้งๆ ที่ในใจสั่นไหวจนแทบบ้า นี่มันผ่านไปกี่วันแล้วนะ ที่ฉันไม่ได้ยินคำนี้จากเขา “เรามีแฟนแล้วนะ โหนก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน”“...”“ถ้าแฟนโหนรู้ว่าโหนมาหาเรา...
จินมาหาผม นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกันเธอใส่ชุดสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น ไม่ได้ดูเป็นสก๊อย แต่เธอโตแล้ว จินเป็นพนักงานบริษัท อายุมากกว่าผมแต่เธออยากให้ผมเรียกเธอว่าจินเหมือนเป็นรุ่นเดียวกัน เธอเดินมาหาผม ท่าทางเจิดจ้ากับใบหน้าสวยๆ ทำให้เพื่อนผมตะลึงไป“ฮาย โหน” เธอโบกมือแล้วเดินมาทักทายเพื่อนๆ ผม “สวัสดีค่ะ นี่เพื่อนโหนเหรอ พี่นั่งด้วยนะ”ผมนึกแปลกใจที่เธอพูดกับคนอื่นว่าพี่ แต่แทนตัวกับผมว่าเราแต่ผมไม่ได้คิดอะไรเลย กับเธอ“ครับ นี่พี่สาวโหนเหรอครับ” ไอ้รักที่เป็นตัวม่อหญิงถามท่าทางดี๊ด๊า ผมแค่นหัวเราะ“เปล่า”“...”“แฟนโหนอ่ะ”แต่ประโยคต่อไปของเธอกลับทำให้ทั้งผมและเพื่อนอึ้งบรรยากาศเริ่มกระอั่กกระอ่วนขึ้นมาทันที ผมที่ยกแก้วเหล้าจะกระดกชะงักไป หันไปมองจินที่ฉีกยิ้มแล้วอยู่ดีๆ ผมก็โกรธโกรธที่เธอทำแบบนี้ ทั้งที่ผมบอกเธอว่าผมยังลืมชูใจไม่ได้“จิน” ผมเรียกชื่อเธอสั้นๆ ร่างบางหันมามอง ผมผุดลุกขึ้นทันที ท่ามกลางสายตาเพื่อนๆ ทุกคนที่ไม่กล้าพูดห่าไร เพราะรู้ดีว่าผมกับชูใจเป็นอะไรกันอยู่ “เรามีเรื่องจะคุยด้วย”เคยเป็นดิ เพราะตั้งแต่วันนั้น ผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง นอกจากไอ้พัน“อะไรของ