สุดสัปดาห์ต่อมา
รถยุโปรคันหรูสีดำวาววับขับมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ใหญ่ ของตระกูลกาญจนพฤกษ์ ชายหนุ่มวัยสามสิบสอง เจ้าของส่วนสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบสองเซนติเมตร ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเนี้ยบ สวมทับด้วยสูทสีเข้มจากการสั่งตัดร้านดัง ขายาวได้สัดส่วนก้าวลงจากรถมายืนพิงกระโปรงรถโดยไม่เข้าไปด้านใน
เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันนี้ ได้จากการจัดแจงของคุณนายวรรณษาผู้เป็นมารดา จับเขาแต่งตัวราวกับนายแบบนิตยสาร เนี้ยบเนียนกริบยิ่งกว่าเวลาไปพบคู่ค้าต่างบริษัท ผมสีดำขลับถูกจัดแต่งเป็นทรงอย่างดี ไร้การชี้กระดกให้หงุดหงิดใจ
ไม่นานนักหญิงสาวผิวขาวละเอียด ในชุดเดรสยาวสีขาวเรียบร้อยถือกระเป๋าคลัทช์สีเดียวกันเดินลงมาหยุดตรงหน้า ส่วนสูงของเธอน่าจะราวๆ หนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร ใบหน้าหวานจิ้มลิ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นกระจับ ดวงตาฉายแววประกายสดใสเหมือนสาวแรกรุ่น
สองมือเรียวยกมือประนมไหว้เขาราวกับทำความเคารพญาติผู้ใหญ่ คิมหันต์เองก็บ้าจี้ยกมือรับไหว้เธออย่างลืมตัว ก่อนจะลดมือลงเมื่อเรียกสติตนเองขึ้นมาได้
“สวัสดีค่ะพี่คิมหันต์” คนตรงหน้าส่งรอยยิ้มสดใสทักทาย หลังจากลดมือลง
รอยยิ้มสดใสราวกับโลกทั้งใบเป็นสีชมพู ไม่ประสีประสากับความโหดร้ายจากสังคมภายนอก ม่านฟ้าในวัยยี่สิบสองที่มีคนคอยรับส่งเข้าโรงเรียน ตั้งแต่อนุบาลจนจบปริญญาตรีคงจะเป็นเช่นนั้น
ความสวยของเธอเป็นที่ประจักษ์ไร้ข้อกังขา แต่เธอไม่เหมาะที่จะอยู่ข้างเขา ไม่สามารถเป็นที่ปรึกษาในยามทุกข์ยากของเขาได้
ความคิดของคิมหันต์ที่ทำงานท่ามกลางโลกทุนนิยมมาสิบปี เป็นเช่นนั้น
“อยากแวะที่ไหนก่อนไหม” นำเสียงเย็นชาส่งผ่านจากริมฝีปากหนาของคนอายุเยอะกว่า
คิมหันต์มักจะใช้น้ำเสียงนี้เสมอ เวลาปฏิเสธข้อเสนออะไรสักอย่าง ทั้งการงาน และความรัก
“ไม่ค่ะ ไปที่ร้านเลยก็ได้ เดี๋ยวเลยเวลาจอง” ริมฝีปากหยักเคลือบลิปสติกสีหวานตอบกลับ โดยที่มือยังง่วนอยู่กับการคาดเข็มเข็ดนิรภัย
เพราะปกติม่านฟ้ามักจะนั่งเบาะด้านหลัง ทำให้เธอใช้เวลาพอสมควรกับการคาดเข็มขัดนิรภัยเอง คิมหันต์ปรายตามองเพียงนิด ไม่ได้ไปช่วยคาดให้น้องอย่างที่ควรจะทำ
ไม่ได้มารับเพื่อสร้างความประทับใจ ไม่จำเป็นต้องทำดีด้วย
×××
บรรยากาศภายในร้านอาหารตะวันตกสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่คุณนายวรรณษาเจ้ากี้เจ้าการจองให้ หากเป็นคู่รักกัน คงจะโรแมนติกไม่น้อย แต่เพราะถูกบังคับมา คิมหันต์จึงให้ความสนใจกับไวน์ในมือมากกว่าคนที่นั่งโต๊ะฝั่งตรงข้าม
แต่ถึงอย่างนั้น เงาสะท้อนของภาพของคนตัวเล็กที่กระทบบนแก้วไวน์ ก็ทำให้เขามองเห็นเธอรางๆ อยู่ดี
แน่นอนว่า ความสวยของม่านฟ้าเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ลง แต่อายุที่ห่างกันหลายปีทำให้เกิดอคติในใจ ไม่ยอมเปิดใจให้ แม้จะสวยขนาดไหนก็ตาม
“พี่คิมหันต์ชอบอาหารยุโรปเหรอคะ” ดวงตากลมกวาดสายตามองบรรยากาศภายในร้าน
แขกส่วนมากที่มาที่นี่มักจะมาเป็นคู่ หรือไม่ก็เป็นครอบครัว แสงสลัวจากเชิงเทียน กระทบสะท้อนกับเชนเดอเลียร์คริสตัล ทำให้ห้องอาหารเป็นประกายระยิบระยับสวยงาม
“แม่พี่จอง พี่ไม่ได้จอง” เขาตอบกลับแบบขวานผ่าซาก ให้คนสวยตรงหน้ารู้ว่าเขาถูกพ่อแม่บังคับมา
คนตัวเล็กพอได้ยินคำตอบก็ทำปากแบบไม่มีเสียง ‘อ้อ’ ออกมาจนเห็นฟันหน้าสองซี่ที่ค่อนข้างยาวกว่าฟันซี่อื่นเล็กน้อย
มองผ่านๆ ก็น่ารักดี
มือเรียวรับเมนูอาหารจากบริกรชายในร้านมาเปิดดูอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นจึงเงินหน้าถามเขาอย่างใส่ใจ
“พี่คิมหันต์ทานเนื้อไหมคะ”
เขาพยักหน้าให้ โดยไม่พูดอะไรต่อ
“งั้น...เป็นเนื้อสองที่ค่ะ” มือเล็กพับปิดสมุดเมนู ก่อนจะส่งคืนพนักงานอย่างสุภาพ
เมื่อพนักงานจากไปหญิงสาวก็หันมายิ้มแฉ่งอวดฟันสวยให้คู่เดตหนุ่ม เธอชวนเขาคุยเรื่องสรรพเพเหระไปเรื่อย ทำหน้าทำตาน่ารักทะเล้น จนคิมหันต์เองก็มองเธอด้วยแววตายากจะคาดเดาอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนมากม่านฟ้าไม่ได้คุยเรื่องกิจกรรมที่ผู้หญิงทำกัน อย่างที่เขามักจะได้ยิน เธอถามเขาเกี่ยวกับงานอดิเรกที่ชอบ ของที่สะสม รวมถึงเรื่องท่องเที่ยว สถานที่ที่ประทับใจ คิมหันต์เองก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง เมื่อเขาไม่ตอบ ก็จะเป็นฝ่ายม่านฟ้าที่เป็นคนเล่าเรื่องของตนเองแทน
“พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อน ทานของหวานรอได้เลยนะ” ร่างกายกำยำหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังอีกฝั่งของร้าน
มือหนาล้วงมือถือจากกระเป๋าตรงอกด้านในเสื้อสูทออกมา กดส่งข้อความหาน้องชายทั้งสอง
:: GROUP NO PARENTS ::
MR KIM : แสนนึง ใครรับงาน
W1NTER : ผมมมมม
RAINNY : เรนนี่ครับ
RAINNY : อ้าว! เฮียเหม คราวก่อนได้ไปแล้วอะ
W1NTER : เขารีรอบใหม่แล้ว ไม่นับ กูรับก่อน
MR KIM : SHARE LOCATION TO GROUP
MR KIM : SENT A PHOTO TO GROUP
W1NTER : รับทราบครับ เดี๋ยวผมส่งน้องกลับเอง
RAINNY : สวย
คิมหันต์อ่านข้อความล่าสุดที่วสันต์ส่งมา ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังโต๊ะที่ม่านฟ้านั่งอยู่ นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ถ่างขยายดูรูปที่ตนเองถ่ายภาพตำแหน่งโต๊ะของเธอ ที่เพิ่งจะส่งไปในกลุ่มอีกครั้ง
เขาเพิ่งตระหนักได้วันนี้เอง ว่าเขาถ่ายรูปห่วยขนาดไหน
MR KIM : กูฝากด้วย จบงาน พร้อมโอนเหมือนเดิม
W1NTER : จ้ะ
ม่านฟ้านั่งทานของหวานที่สั่งมารอคิมหันต์อยู่นาน ก็ไม่มีท่าทีว่าคู่เดตหนุ่มจะกลับมาที่โต๊ะ เรียวคิ้วโก่งเริ่มขมวดเป็นปมด้วยความกังวล เมื่อกี้เขาดื่มไวน์ไปพอสมควร อาจจะมึนหัวแล้วหกล้มในห้องน้ำ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ร่างบางก็เอี้ยวตัวเพื่อหันไปเรียกบริกรชาย อยากไหว้วานให้เขาไปดูคนที่มากับเธอในห้องน้ำให้ แต่มือเรียวที่ยกขึ้นก็ต้องชะงัก เมื่อหันไปเจอชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งมายืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้
คนนี้หน้าคล้ายกับคิมหันต์ เพียงแต่ผมยาวกว่าเล็กน้อย แล้วก็รอยยิ้มประดับใบหน้าที่ดูสุภาพอ่อนโยน มารดาบอกว่าบ้านวรหิรัญมีพี่น้องสามคน แต่กระนั้นม่านฟ้าก็ไม่กล้าเอ่ยทักทายก่อน
“น้องม่านฟ้าใช่ไหมครับ” ริมฝีปากหยักได้รูปขยับถามก่อน เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กนิ่งชะงัก
“...ค่ะ”
ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มอบอุ่นส่งกลับมา เมื่อเห็นเธอขานตอบ เขากล่าวประโยคที่มักจะพูดเป็นประจำกรณีนี้ออกมาอย่างคล่องปาก
“พี่คิม ให้พี่เป็นคนมารับน้องม่านไปส่งที่บ้านครับ” เหมันต์พูดก่อนจะนั่งลงตำแหน่งตรงข้ามม่านฟ้า และเมื่อเห็นท่าทางงุนงง ระแวดระวังของเธอ เขาเลยอธิบายเพิ่ม “พี่ชื่อเหมันต์ครับ เป็นน้องของเฮียคิม”
การแนะนำตัวของเหมันต์ช่วยให้หญิงสาวเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมคิมหันต์ถึงไม่ไปส่งเธอ
“พี่คิมหันต์ไม่สบายเหรอคะ”
ใบหน้าหวานเงยหน้าถามเสียงใส สีหน้าเป็นกังวลของเธอทำให้เหมันต์ไปต่อไม่ถูก ทุกครั้งที่คิมหันต์ ‘เท’ คู่เดตแบบนี้ สิ่งที่เหมันต์มักจะเจอคืออาการหงุดหงิด หรือวีนเหวี่ยง
“ไม่เป็นไรค่ะ เรากลับกันเลยก็ได้ ม่านจ่ายเงินแป๊บนะคะ” คนตัวเล็กไม่เซ้าซี้ถามต่อ เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของเหมันต์ มือเรียวคว้ากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเพื่อหยิบบัตรสีดำ แต่เหมันต์รีบชิงพูดตัดบทขึ้นก่อน
“อ่า พี่จ่ายเรียบร้อยแล้วครับ”
ม่านฟ้าชะงักมือที่กำลังจะเรียกพนักงาน จากนั้นก็ส่งยิ้มบางๆ กลับไป
“ขอบคุณค่ะ”
×××
คิมหันต์ที่เห็นว่าเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เหมันต์ก็ยังไม่ส่งข้อความกลับมารายงานในกลุ่มอย่างเช่นทุกครั้ง ประจวบเหมาะกับเสียงรถยนต์ของน้องชายดังแว่วเข้ามาในหู มือหนาหยิบบุหรี่ที่คาบออกจากปาก จัดการดับไฟแล้วเดินไปดักน้องชายคนรองที่บันได
คิ้วหนาขมวดเครียด เมื่อเห็นว่าเหมันต์เดินเข้ามาด้วยท่าทีหงอยเหงาขึ้นมาตามทางบันได ก่อนจะหยุดอยู่กลางทางเมื่อเห็นว่าพี่ชายยืนขวางบันไดอยู่ เจ้าของใบหน้าหล่อถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นต้นเหตุของความเศร้าตนเองในครั้งนี้
“ไปส่งมาแล้วใช่ไหม” คนเป็นพี่ถาม เพราะไม่เห็นข้อความจากน้องชายเช่นทุกครั้ง
เหมันต์เงยหน้ามองพี่ชายแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าถอนหายใจออกมา ร่างสูงเดินเบี่ยงตัวเดินตรงไปยังห้องนอนตนเอง ไม่มีการกล่าวอะไร
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากมือถือในกระเป๋ากางเกงสแลกส์สีดำ ทำให้เหมันต์หยุดฝีเท้าที่หน้าประตูห้องนอน แต่ไม่ได้หยิบมันออกมาดู เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันคือการแจ้งเตือนจากแอปธนาคาร
“กูโอนตังค์ให้แล้ว”
“อือ”
ร่างสูงหันหลังกลับ ล้วงหยิบกุญแจห้องนอนออกมาเพื่อไขเข้าห้อง คิมหันต์สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้น้องชายก่อนจะโบกศีรษะทุยอย่างหมั่นไส้
“โอ๊ย! เฮีย! ตีทำไมเนี่ย”
“อย่ามาทำหน้าเหมือนหมาเหนื่อย”
คนเป็นน้องสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง หมุนลูกบิดประตูห้องนอนเปิดออก แต่ก่อนจะเข้าไปพักผ่อนในห้องส่วนตัว ริมฝีปากหนาก็เอ่ยความรู้สึกในใจกับพี่ชายหวังระบายความรู้สึกผิดบาปในใจ
“เขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้เลยเฮีย” เสียงทุ้มของน้องชาย พูดแผ่วเบา ไม่หันไปมอง
คิมหันต์นิ่งเงียบยืนฟังน้องชายพูดเสียงเบาออกมา โดยไม่ได้เอ่ยวาจาแทรก
“น้องน้ำตาคลอตลอดทางเลย แต่ไม่ร้องสักแอะ”
เหมันต์ไม่ใช่คนแพ้น้ำตาผู้หญิง หากแต่บรรยากาศบนรถที่เขาสัมผัสได้ถึงความอึดอัดใจของม่านฟ้าทำให้เขารู้สึกผิด เขารับรู้ว่าน้องเสียใจที่ถูกปฏิบัติไม่ให้เกียรติแบบนั้น แต่ก็ยังพูดคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงปกติตลอดทาง
แต่ดวงตาที่วูบไหวเป็นประกาย เพราะน้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตามันปกปิดไม่ได้
น้องชายปิดประตูห้องลง ทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้ให้ชายหนุ่มวัยสามสิบสอง คำพูดของน้องชายกำลังก่อกวนความรู้สึกเขาอย่างอธิบายไม่ถูก แต่ไม่นานนักคิมหันต์ก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนตนเอง
❀┈┈┈┈┈┈❀