ตอนที่ 8
“คุณจินนี่ ทำเหมือนไม่ค่อยชอบผู้ชายเลยนะครับ ตกลงเป็น ลาเต้ร้อนนะครับ” หนุ่มคารมดีเอ่ยเย้า ก่อนหันไปเรียกเด็กในร้านพร้อมจัดการสั่งกาแฟให้หญิงสาว
“ฉันขอโทษค่ะ คือ...ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนเป็นผู้ชายนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อถูกแววตากรุ้มกริ่มของเขา กลับมาจ้องมองเธอ
“ถ้างั้น...ผมขอสมัครเป็นเพื่อนชายของคุณได้ไหมครับ” ปฐวีเผยยิ้มมีเสน่ห์หลังพูดจบ พานทำให้หัวใจของสาวสวยวัยยี่สิบห้าไหววูบและรู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก
“ได้ไหมครับ คุณจินนี่” ปฐวีทำหน้าสลด พลางเลื่อนมือไปวางทาบบนมือสวย เจ้าของมือสวยรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแรงสูงวิ่งผ่านเธออย่างรวดเร็ว หัวใจก็พากันเต้นไม่เป็นจังหวะยามที่มือใหญ่คลึงเล่นบนมือของเธอ
“ได้ไหมครับ” เจ้าของฝ่ามือใหญ่ย้ำถามเสียงนุ่มและไม่คิดจะหยุดมือที่ทั้งคลึงและลูบไล้มือสวย
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ ฉันยินดีค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงไม่มั่นคงนัก ก่อนเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนใหม่พลางยิ้มหวานตอบเขา
“ผมดีใจมากเลยรู้ไหมครับที่ได้เป็นเพื่อนกับคุณ เพราะผมไม่ใช่ คนเชียงใหม่ครับ พอดีผมเหงามากเลยมาเที่ยวที่นี่ แต่ผมไม่มีเพื่อนเลยครับ แล้วคุณจินนี่พอจะว่างพาผมเที่ยวบ้างไหมครับ”
พอได้โอกาสปฐวีไม่คิดรอช้าที่จะตีสนิทหญิงสาวที่กำลังตกเป็นเหยื่อรายต่อไปของตน และดูท่าจะเป็นคนหัวอ่อนไม่แพ้ฮุ่ยจื่อ แต่ทำไมสองสาวถึงได้ชื่อคล้ายกันนัก ทว่าคนอย่างนายปฐวีมีหรือจะสนใจ เขาขอเพียงได้ครอบครองร่างสวยๆ ของเธอคนนี้ก็เพียงพอแล้ว และดูท่าจะเป็นลูกสาวเศรษฐีเสียด้วย
“เอ่อ...แต่ฉันต้องทำงานจันทร์ถึงศุกร์เลยนะคะ ฉันเลยกลัวว่าจะไม่มีเวลาพาคุณไปเที่ยวนะคะ” ฮุ่ยหลันตอบด้วยท่าทีตื่นเต้นปนเขินอายเมื่อถูกเพื่อนใหม่จ้องเสียจนผิวหน้าของเธอวูบวาบมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า
“ผมรอได้เสมอครับ แต่ว่า...วันนี้เป็นวันเสาร์นะครับ คุณจินนี่พอจะว่างหรือเปล่าครับ” ปฐวีถามด้วยสีหน้าเกรงใจ พร้อมทำหน้าผิดหวังเพื่อให้เพื่อนสาวสงสารและเห็นใจ
“ก็...ว่างค่ะ แล้วคุณปัดอยากไปเที่ยวที่ไหนบ้างล่ะคะ” หญิงสาวเอ่ยบอกเสียงหวาน พลางก้มหน้าซ่อนยิ้มเอียงอาย เมื่อหลังมือสวยถูกริมฝีปากหยักจุมพิต
“ขอบคุณมากนะครับ” ปฐวีเฝ้ามองหญิงสาวด้วยสายตาหวานเชื่อม มุมปากได้รูปของตนขยับยิ้มเล็กน้อย ทว่าก็ทำให้ฮุ่ยหลันเผลอมองอย่างเผลอไผล ยามที่เขายกมือเธอจุมพิตอีกครั้งอย่างนุ่มนวล หัวใจของฮุ่ยหลันสั่นหวามๆ ผิวหน้าก็ร้อนผะผ่าว
“เอ่อ...คุณปัดคะ ปล่อยมือฉันเถอะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอร้องเสียงอ้อมแอ้ม ก้มหน้าก้มตาหลบแววตาหวานเชื่อมของเพื่อนหนุ่ม
“ผมขอโทษครับ ผมดีใจมากไปหน่อยน่ะครับ เลยเผลอจับมือคุณมาจูบ คุณไม่โกรธผมใช่ไหมครับ” พูดจบปฐวีก็ละมือห่างจากมือสวยในอาการเสียดาย
“ไม่โกรธหรอกค่ะ ว่าแต่คุณปัดยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะคะว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง คือฉันไม่ได้ออกไปเที่ยวนานแล้วเหมือนกันค่ะ เลยไม่รู้จะแนะนำคุณยังไงดี หรือไม่ก็เป็นช่วงเย็นดีไหมคะ ฉันจะได้พาคุณไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ที่นั่นดังมากเลยนะคะ ฉันว่าเราไปเที่ยวที่นั่นดีไหมคะ”
พูดจบก็รีบเมินหน้าหลบสายตาแพรวพราวของเพื่อนหนุ่ม โดยไม่ทันสังเกตสีหน้าของปฐวีที่ออกอาการเบื่อหน่ายไม่น้อยกับการไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน เพราะเขาก็ไปมาบ่อยแล้วกับเพื่อนฝูง
“ได้เลยครับ ผมตามใจคนพาเที่ยวอยู่แล้ว แล้วตอนนี้คุณจินนี่จะไปทำธุระที่ไหนต่อครับ” พูดจบก็ส่งยิ้มบาดใจมอบให้หญิงสาว
“เอ่อ...ฉันจะออกไปซื้อของใช้นิดหน่อยค่ะ แล้วคุณปัดถามทำไมเหรอคะ” เธอถามยิ้มๆ พลางยกกาแฟขึ้นจิบ ทว่าปฐวีกลับยื่นมือไปแตะหลังมือสวยรั้งเอาไว้
“ระวังร้อนนะครับ เดี๋ยวผมคนให้นะครับ” หนุ่มคารมดีแสดงความมีน้ำใจอย่างเต็มที่ แต่ถ้าฮุ่ยหลันเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มสักนิดจะได้รู้จะได้เห็นว่า สีหน้าของชายหนุ่มกำลังเผยยิ้มร้ายส่งไปให้เพื่อนที่แยกตัวออกไปนั่งหลบมุม
สิทธิ์ชัยอยากจะบอกเพื่อนอยู่เหมือนกันว่าอย่ายุ่งกับเธอคนนี้ เพราะพี่ชายหวงมาก นับตั้งแต่ที่จู่ๆ คุณฮุ่ยจื่อก็หายหน้าหายตาไปหลายเดือน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหนและต่อมาก็มีคุณฮุ่ยหลันเข้ามาดูแลงานต่อ แต่สุดท้ายแล้วสิทธิ์ชัยก็ไม่ได้เข้าไปเตือนเพื่อน เพราะดูเหมือนคุณฮุ่ยหลันก็พอใจปฐวีไม่น้อยเหมือนกัน
“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวที่ไม่เคยคบหาชายใดจนสนิทสนมเป็นเพื่อนนอกจากคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดจริงๆ กล่าวด้วยเสียงอ้อมแอ้ม ผิวแก้มของเธอร้อนผ่าวสลับแดงระเรื่อ ยิ่งทำให้หนุ่มคารมดีเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อและไม่เกินคืนนี้สาวสวยลูกคุณหนูอย่างเธอ ต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน จากนั้นสิ่งที่จะตามมาก็คือเงินของเธอ!
ตอนอวสาน“จินหลง เป็นอะไรไปคะ โอ๋ๆ เงียบนะคะ” ปิ่นมุกหันมาโอ๋ลูกน้อยด้วยสีหน้ากังวล ห่วงพ่อของลูกก็ห่วง ห่วงลูกก็ห่วง ส่วนจินหลงก็ไม่ยอมเงียบ ป้าช้อยอาสาอุ้มจินหลงแล้วสั่งให้ปิ่นมุกลงไปดูคนนั่งตากฝนอยู่หน้าบ้านพัก เธอลังเลเล็กน้อยแล้ววิ่งไปคว้าร่มอันใหญ่ออกไปหาคนหน้าบ้านพักที่นั่งตัวสั่นปากสั่นไปหมด“คุณถัง! ทำไมคุณถึงได้ดื้อแบบนี้ล่ะคะ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันกับลูกจะอยู่ยังไงล่ะคะ” ปิ่นมุกลืมเลือนทุกสิ่งไปหมดแล้วเพราะเป็นห่วงเขาจนเผลอพูดความในใจออกไป เธอกางร่มคันใหญ่เข้าบังเม็ดฝน ใช้ผ้าที่ถือติดมือมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้คนดื้อรั้นที่ดื้อยิ่งกว่าเด็กสามขวบ“ฉันยอมตายปิ่นมุก หากเธอไม่ยอมอภัยให้ ฉันรักเธอ ปิ่นมุก ฉันทำใจไม่ได้ถ้าไม่มีเธออยู่กับฉัน เธอรู้บ้างไหมว่าฉันทรมานแค่ไหนตลอดสองปีที่ผ่านมา ฉันคิดถึงเธอมาก แต่ฉันไม่กล้ากลับมาหาเธอ เพราะฉันคิดว่าสักวัน ฉันจะลืมเธอให้ได้ เหมือนที่เธอลืมฉัน แต่ฉันก็ทำไม่ได้ แล้ววันนี้ก่อนที่ฉันจะตายฉันอยากมาพบเธอ อยากกอดเธอสักครั้ง แล้วฉันจะยอมตาย...ตายอยู
ก่อนอวสานหนึ่งชั่วโมงถัดเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังรบกวน คุณแม่ลูกหนึ่งจึงชะเง้อคอมองผ่านหน้าต่างแต่เพราะเวลานี้มืดค่ำแล้วจึงมองเห็นไม่ถนัดนัก ปิ่นมุกหันมามองลูกชายที่ตอนหลับปุ๋ยไปแล้ว แล้วเดินลงไปดูคนมาที่กดกริ่งหน้าบ้านพักหลังจากคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอน เจ้าของบ้านหยุดปลายเท้าทันทีเมื่อเห็นใครบางคนนั่งอยู่บนรถเข็น หน้าตาเขาซูบผอมจนน่าใจหาย ตอนรู้ว่าคุณถังประสบอุบัติเหตุ เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะมีร่างกายผ่ายผอมมากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้ก็ซีดเซียวเหมือนคน ไร้ชีวิตชีวา ปิ่นมุกยืนอยู่ลานหน้าบ้านเพราะสับสน เธอสับสนจริงๆ มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกแบบไหน“ปิ่นมุก” ถังเฟ่ยหลงใช้มือดันล้อรถให้เข้ามาชิดรั้วบ้านมากขึ้น แววตาเศร้าหมองทอดมองร่างเล็กนิ่ง“คุณ...มาทำอะไรคะ” ไม่ได้อยากถามคำถามนี้เลยจริงๆ แต่เพราะไม่รู้จะถามอะไรทำให้ปิ่นมุกเอ่ยคำถามนี้ออกไปแล้วก็ได้แต่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ“ฉันมาหาเธอ ฉันอยากเห็นหน้าเธอ อยากคุยกับเธอ อยากกอดเธอ ก่อนที่ฉัน...” เจ้าของคำพูดรู้สึก
ตอนที่ 115แต่ใครเลยจะรู้ว่าปิ่นมุกที่ทำทีไม่สนใจพ่อของจินหลงอยู่ทุกวันนั่น เธอคิดถึงพ่อของจินหลงอยู่ทุกวัน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเรื่องระหว่างเธอและคุณถัง มันเหมือนมีเส้นใยบางเบามาขวางกั้นเอาไว้ มันบางเบาแต่ก็จริงแต่เธอยังทำลายมันจากใจไม่ได้หมดเสียที เธอจำได้ไม่เคยลืมถึงสิ่งที่ คุณถังฝากความเจ็บช้ำไว้ให้เธอ แม้ความเจ็บช้ำมันจะน้อยลงทุกวันแต่เธอไม่เคยลืมเลือนได้“แล้วตกลงวันนี้ เราจะทำอะไรกันบ้างคะพี่มะลิ” ปิ่นมุกเปลี่ยนเรื่องก่อนฉวยเอาตะกร้าผักไปล้าง“คุณปิ่นคะ ผักนั่นน่ะพี่ล้างหมดแล้วละค่ะ” มะลิบอกอย่างเอ็นดูรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเพราะอย่างน้อยคุณปิ่นมุกก็ยังคงอาลัยอาวรณ์คนที่หายหน้าหายตาไปอยู่เหมือนกัน แล้วยิ่งคุณหนูจินหลงหน้าตาเหมือนพ่อขนาดนั้น สักวันเถอะกำแพงในใจของคุณปิ่นมุกต้องพังทลายลงสักวัน“ล้างแล้วก็ล้างอีกได้นี่คะพี่มะลิ” บอกเสียงอ้อมแอ้ม แล้วก็ลงมือล้างผักอย่างตั้งใจ แต่จิตใจกระหวัดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนบางคนที่เหมือนลูกชายของเธอ“ก็ได้ค่า ล้างให
ตอนที่ 114 ตอนที่ 1142 ปีต่อมา... นับจากวันที่ได้จากกันในวันนั้น ปิ่นมุกไม่เคยได้ข่าวคราวของคนป่าเถื่อนอีกเลย เขาทำตัวหายไปจริงๆ พร้อมกับเรื่องราวในอดีตก็ค่อยๆ ลบเลือนไปจากใจของเธอเช่นกัน บิดามักพูดเสมอว่าให้ลืมไปเสียแม้จะยากแต่ก็ต้องลืมเพื่อให้มีแรงเดินต่อไป หลังจากเธอบอกกับบิดาว่าเธอท้อง เมื่อรู้ว่าท้อง เธออยากบอกเขาเหลือเกิน แต่เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงไม่คิดหวนกลับไปและบอกตัวเองว่าให้ลืมคนป่าเถื่อนคนนั้นซะ แต่ยิ่งพยายามลืมเขา ใจกลับก็ยิ่งจดจำและโหยหาเขา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนที่จำใจจากหญิงที่รักไปนั้น ได้ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดและตอนนี้อาการของถังเฟ่ยหลงก็น่าเป็นห่วงมากเพราะเจ้าตัวไม่ยอมรับการทำกายภาพบำบัดเพื่อให้กลับมาเดินได้เป็นคนปกติอีกครั้ง ถังเฟ่ยหลงท้อแท้หมดกำลังใจ หมดพลังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ทั้งที่พยายามตัดใจแต่เขาไม่เคยลืมปิ่นมุก อยากกลับไปหาเธอแทบขาดใจ แต่ไม่กล้าไปส
ตอนที่ 113“ไม่ไป ฉันไม่ยอมห่างจากเธออีกแล้วนะปิ่นมุก เพราะอะไรปิ่นมุก ตั้งแต่เธอได้กลับไปอยู่บ้าน เธอก็เอาแต่หลบหน้าหลบตาฉัน เธอคิดจะทรมานฉันหรือไง ฉันรู้ว่าฉันผิด...ผิดมาก ผิดจนเธอคงไม่ให้อภัยฉัน แต่ฉันอยากขอโทษ ขอให้คนเลวๆ อย่างฉันได้แก้ตัวบ้างไม่ได้เชียวเหรอ เธอจะทำอะไรกับฉันก็ได้ แต่ขออย่าผลักไสฉันไปไหน ได้ไหมปิ่นมุก ฉันรักเธอ ได้ยินไหมว่าฉันรักเธอ” น้ำเสียงของถังเฟ่ยหลงดูเศร้าหมอง แววตาคม แดงก่ำเพราะหวาดกลัวว่าจะต้องสูญเสียเธอไป ใบหน้าหล่อเหลาเบียดเข้าใกล้อีกครั้ง“ฉันเหม็นคุณ” ปิ่นมุกยกมือดันใบหน้าหล่อเหลาออกห่าง แล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือยามได้เห็นแววตาคมแดงก่ำ“นะปิ่นมุก ให้ฉันได้มีโอกาสชดเชยสิ่งที่เคยทำร้ายเธอ เธอคือดวงใจของฉันนะปิ่นมุก ฉันมันเลว ใจร้าย ป่าเถื่อน อย่างที่เธอประณามฉัน แต่ฉันอยากขอโอกาสบ้างสักครั้ง นะปิ่นมุกขอโอกาสให้ฉันบ้างได้ไหม” ฝ่ามืออุ่นกุมสองมือเล็กขึ้นจุมพิตซ้ำๆ กันอยู่อย่างนั้น นาทีนี้ถังเฟ่ยหลงไม่คิดอายใครอีกแล้วที่จะต้องหลั่งน้ำตาเพื่อวอนขอโอกาสจากหญิ
ตอนที่ 112ดวงตาคู่สวยเริ่มรื้นด้วยหยาดน้ำตาเมื่อหวนนึกถึงเรื่องในอดีต เพราะหากเธอยอมอยู่เป็นครอบครัวกับคุณถังก็เหมือนคนอกตัญญูที่ไปรักกับคนที่ทำให้คนในครอบครัวของเธอเสียชีวิต แต่หากเธอเลือกที่จะเดินคนละเส้นทางกับคุณถังหัวใจของเธอก็เจ็บปวดมากเช่นกัน แต่สักวันเธอก็หวังว่าความเจ็บปวดจะจางหายไปในที่สุด เมื่อไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน ไม่ต้องมาเห็นหน้ากัน เวลา...เวลาอาจช่วยเยียวยารักษาหัวใจบอบช้ำของเธอ ‘เพราะเราสองคนรักกันไม่ได้’“ลูกปิ่น” คุณกิตติขานเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เราสองคนรักกันไม่ได้ค่ะ” ปิ่นมุกเงยหน้าตอบบิดาเสียงแผ่วๆ ยกนิ้วปาดน้ำตาที่ไหลนองสองแก้ม คุณกิตติจึงรั้งบุตรสาวคนเล็กเข้ามาปลอบประโลมขณะที่ด้านหน้าของศาลาริมน้ำ ถังเฟ่ยหลงและลูกน้องรวมถึงคุณตวงรัตน์และบุตรชายก็จับกลุ่มยืนพูดคุยกันและมองมายังสองพ่อลูกด้วยความเป็นห่วง ส่วนปิ่นมุกหลังได้รับอ้อมกอดอบอุ่นจากบิดานานหลายนาที เธอจึงเอ่ยชวนให้บิดากลับบ้านพักเพื่อจบปัญหาเรื่องระหว่างเธอและคุณถัง คุณกิตติก็ไม่คิดซ