ตอนที่ 9
เกาะเหอฮวา
เกาะส่วนตัวของ ถังเฟ่ยหลง นักธุรกิจหนุ่มลูกเสี้ยวไทย-ฮ่องกง วัยสามสิบห้าปี ที่ได้ซื้อเกาะแห่งนี้ไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อนจากเจ้าของเกาะคนเก่าที่ประกาศขายเกาะในจังหวัดตราด ถังเฟ่ยหลงจึงได้ตัดสินใจซื้อพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเกาะเป็นชื่อของดอกไม้ที่มารดาโปรดปรานมากที่สุดคือดอกบัว เกาะเหอฮวาหรือเกาะดอกบัว จึงเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวของถังเฟ่ยหลงนับตั้งแต่บิดามารดาและน้องสาวคนโตเสียชีวิต
“ตอนนี้ไอ้ปฐวี มันมุดหัวอยู่ที่ไหน” เอ่ยถามเสียงเข้ม ก่อนยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มหลังทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น
“นายปฐวีอยู่ที่เชียงใหม่ครับคุณถัง เห็นว่าไปหาเพื่อน” กู่ฉินเอ่ยตอบตามที่ได้รับรายงานจากลูกน้องที่ให้ติดตาม แต่ลูกน้องคนดังกล่าวกลับพลาดโอกาสที่จะได้เห็นปฐวีพูดคุยอยู่กับฮุ่ยหลัน เพราะเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำเสียก่อนและกว่าจะเดินออกมา ฮุ่ยหลันก็ขอตัวกลับบ้านพักไปแล้ว
“หาเพื่อน” เจ้านายหนุ่มทวนคำ คิ้วเข้มพาดโค้งเหนือเปลือกตาขมวดยุ่ง
“ใช่ครับ แล้วคุณถังจะให้จับตาดูมันต่อหรือเปล่าครับ” กู่ฉินตอบรับเสียงเรียบๆ พลางมองเจ้านายหนุ่มที่เติบโตมาด้วยกันนิ่ง
“บอกคนของนายไปเลิกตามก่อน ฉันแค่อยากรู้ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหนก็เท่านั้น เพราะฉันจะจัดการกับน้องสาวของมันเสียก่อน ส่วนนายเดี๋ยวโทรถามเรื่องงานที่ฮ่องกงด้วยว่ามีปัญหาอะไรบ้าง แล้วมารายงานฉัน ฉันคงต้องอยู่เกาะอีกนาน เพื่อจัดลากคอไอ้ปฐวีไปกราบขอขมาหน้าหลุมศพฮุ่ยจื่อ”
น้ำเสียงของถังเฟ่ยหลงเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ดวงตาคู่คมวาวโรจน์ เมื่อหวนนึกถึงคืนนั้น คืนที่น้องสาวกลับไปถึงฮ่องกงได้ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เธอก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายภายในห้องนอนด้วยการผูกคอตายแล้วทิ้งจดหมายไว้สั้นๆ ว่าขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ ก่อนจะได้รู้ภายหลังว่าในท้องของฮุ่ยจื่อยังมีหลานแท้ๆ ของเขาอีกคน ที่ไม่สิทธิ์ได้ลืมตาดูโลก นั่นก็เพราะความชั่วช้าของไอ้ปฐวี!
“ได้ครับคุณถัง แล้วเรื่องงานแต่งลูกสาวของนายกิตติล่ะครับ คุณถังจะจัดการยังไงต่อครับ” สีหน้าของกู่ฉินดูไม่สู้ดีนัก เพราะเรื่องนี้มีคนที่ไม่รู้เรื่องต้องมารับผลกรรมที่คนในครอบครัวก่อเอาไว้ ทว่าจะให้คุณถังไม่ทำอะไรเลยกับคนชั่วๆ อย่างนายปฐวีก็ไม่มีทางเป็นไปได้เช่นกัน
“อีกสองอาทิตย์ใช่ไหมอาฉิน งานแต่งถึงจะเริ่มขึ้น” ถามขณะยกมือลูบใต้คางสากระคายไปมา พร้อมรอยยิ้มเหยียดบนมุมปากได้รูป
“ใช่ครับคุณถัง ตอนนี้เรารู้สถานที่จัดงานเรียบร้อยแล้วครับ”
“งั้นให้คนของเราเข้าไปสำรวจทางหนีทีไล่เอาไว้ งานนี้ฉันไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด แล้วถ้าใครขวางก็จัดการสั่งสอนมันไปซะ แต่พยายามเลี่ยงมีเรื่องกับตำรวจด้วยละ ฉันไม่อยากตามแก้ปัญหา” สั่งการเสียงเรียบ พลางคิดถึงสีหน้ายามเจ็บปวดของนายกิตติและภรรยาเมื่อลูกสาวสุดที่รักหายตัวไปต่อหน้าต่อตา แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้
“ได้ครับ ผมจะให้อาซานกับอาเหลียงจัดการเรื่องนี้ แล้วคุณถังจะไปรับเจ้าสาวด้วยตัวเองหรือเปล่าล่ะครับงานนี้”
กู่ฉินถามจบแล้วก็ลอบสังเกตสีหน้าเย็นชาของเจ้านายหนุ่ม เขารู้ว่ามันผิดที่ไปทำร้ายคนบริสุทธิ์ ทว่าคุณหนูฮุ่ยจื่อก็เป็นคนบริสุทธิ์เช่นกัน เขาจึงคิดเพียงแค่ว่าครอบครัวไหนก่อกรรมทำชั่วเอาไว้ ครอบครัวนั้นก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเช่นกัน แล้วคนที่สูญเสียน้องสาวและหลานคนแรกไปอย่างกะทันหันอย่างคุณถัง ก็ไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ แน่ หากคนชั่วคนนั้นยังไม่ตายตกนรกตามคุณหนูฮุ่ยจื่อไป
“ฉันจะรอเจ้าสาวอยู่ที่นี่ แต่อย่าให้ฉันผิดหวัง” ถังเฟ่ยหลงย้ำเสียงเรียบ เพราะกว่าตนจะสืบสาวหาต้นตอเจอว่าใครเป็นคนทำให้น้องสาวสุดที่รักจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหันก็นานร่วมปี ฉะนั้นมันก็ถึงเวลาแล้วที่ครอบครัวของคนชั่วอย่างพวกมันจะต้องได้ผลกรรมกันเสียบ้าง ที่บังอาจพรากน้องสาวและหลานไปจากเขา
“ครับคุณถัง อีกสามวันผมจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อรับตัวเจ้าสาวมาที่นี่” กู่ฉินบอกเสียงเรียบไม่แพ้คนเป็นนายที่มีสีหน้าเคร่งเคียดไม่น้อยและงานนี้ตนจะทำพลาดไม่ได้เด็ดขาด
“มาถึงแล้วก็เอาไปขังไว้ที่ห้องใต้ดิน แล้วห้ามใครหน้าไหนเข้าไป” อีกครั้งที่เจ้านายหนุ่มบอกเสียงราบเรียบแต่เด็ดขาดและกู่ฉินก็รู้ดีว่าห้ามฝ่าฝืนเด็ดขาด
“ได้ครับ” กู่ฉินตอบรับแล้วเดินออกไปเมื่อเจ้านายหนุ่มส่งสัญญาณ
ตอนอวสาน“จินหลง เป็นอะไรไปคะ โอ๋ๆ เงียบนะคะ” ปิ่นมุกหันมาโอ๋ลูกน้อยด้วยสีหน้ากังวล ห่วงพ่อของลูกก็ห่วง ห่วงลูกก็ห่วง ส่วนจินหลงก็ไม่ยอมเงียบ ป้าช้อยอาสาอุ้มจินหลงแล้วสั่งให้ปิ่นมุกลงไปดูคนนั่งตากฝนอยู่หน้าบ้านพัก เธอลังเลเล็กน้อยแล้ววิ่งไปคว้าร่มอันใหญ่ออกไปหาคนหน้าบ้านพักที่นั่งตัวสั่นปากสั่นไปหมด“คุณถัง! ทำไมคุณถึงได้ดื้อแบบนี้ล่ะคะ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันกับลูกจะอยู่ยังไงล่ะคะ” ปิ่นมุกลืมเลือนทุกสิ่งไปหมดแล้วเพราะเป็นห่วงเขาจนเผลอพูดความในใจออกไป เธอกางร่มคันใหญ่เข้าบังเม็ดฝน ใช้ผ้าที่ถือติดมือมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้คนดื้อรั้นที่ดื้อยิ่งกว่าเด็กสามขวบ“ฉันยอมตายปิ่นมุก หากเธอไม่ยอมอภัยให้ ฉันรักเธอ ปิ่นมุก ฉันทำใจไม่ได้ถ้าไม่มีเธออยู่กับฉัน เธอรู้บ้างไหมว่าฉันทรมานแค่ไหนตลอดสองปีที่ผ่านมา ฉันคิดถึงเธอมาก แต่ฉันไม่กล้ากลับมาหาเธอ เพราะฉันคิดว่าสักวัน ฉันจะลืมเธอให้ได้ เหมือนที่เธอลืมฉัน แต่ฉันก็ทำไม่ได้ แล้ววันนี้ก่อนที่ฉันจะตายฉันอยากมาพบเธอ อยากกอดเธอสักครั้ง แล้วฉันจะยอมตาย...ตายอยู
ก่อนอวสานหนึ่งชั่วโมงถัดเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังรบกวน คุณแม่ลูกหนึ่งจึงชะเง้อคอมองผ่านหน้าต่างแต่เพราะเวลานี้มืดค่ำแล้วจึงมองเห็นไม่ถนัดนัก ปิ่นมุกหันมามองลูกชายที่ตอนหลับปุ๋ยไปแล้ว แล้วเดินลงไปดูคนมาที่กดกริ่งหน้าบ้านพักหลังจากคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอน เจ้าของบ้านหยุดปลายเท้าทันทีเมื่อเห็นใครบางคนนั่งอยู่บนรถเข็น หน้าตาเขาซูบผอมจนน่าใจหาย ตอนรู้ว่าคุณถังประสบอุบัติเหตุ เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะมีร่างกายผ่ายผอมมากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้ก็ซีดเซียวเหมือนคน ไร้ชีวิตชีวา ปิ่นมุกยืนอยู่ลานหน้าบ้านเพราะสับสน เธอสับสนจริงๆ มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกแบบไหน“ปิ่นมุก” ถังเฟ่ยหลงใช้มือดันล้อรถให้เข้ามาชิดรั้วบ้านมากขึ้น แววตาเศร้าหมองทอดมองร่างเล็กนิ่ง“คุณ...มาทำอะไรคะ” ไม่ได้อยากถามคำถามนี้เลยจริงๆ แต่เพราะไม่รู้จะถามอะไรทำให้ปิ่นมุกเอ่ยคำถามนี้ออกไปแล้วก็ได้แต่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ“ฉันมาหาเธอ ฉันอยากเห็นหน้าเธอ อยากคุยกับเธอ อยากกอดเธอ ก่อนที่ฉัน...” เจ้าของคำพูดรู้สึก
ตอนที่ 115แต่ใครเลยจะรู้ว่าปิ่นมุกที่ทำทีไม่สนใจพ่อของจินหลงอยู่ทุกวันนั่น เธอคิดถึงพ่อของจินหลงอยู่ทุกวัน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเรื่องระหว่างเธอและคุณถัง มันเหมือนมีเส้นใยบางเบามาขวางกั้นเอาไว้ มันบางเบาแต่ก็จริงแต่เธอยังทำลายมันจากใจไม่ได้หมดเสียที เธอจำได้ไม่เคยลืมถึงสิ่งที่ คุณถังฝากความเจ็บช้ำไว้ให้เธอ แม้ความเจ็บช้ำมันจะน้อยลงทุกวันแต่เธอไม่เคยลืมเลือนได้“แล้วตกลงวันนี้ เราจะทำอะไรกันบ้างคะพี่มะลิ” ปิ่นมุกเปลี่ยนเรื่องก่อนฉวยเอาตะกร้าผักไปล้าง“คุณปิ่นคะ ผักนั่นน่ะพี่ล้างหมดแล้วละค่ะ” มะลิบอกอย่างเอ็นดูรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเพราะอย่างน้อยคุณปิ่นมุกก็ยังคงอาลัยอาวรณ์คนที่หายหน้าหายตาไปอยู่เหมือนกัน แล้วยิ่งคุณหนูจินหลงหน้าตาเหมือนพ่อขนาดนั้น สักวันเถอะกำแพงในใจของคุณปิ่นมุกต้องพังทลายลงสักวัน“ล้างแล้วก็ล้างอีกได้นี่คะพี่มะลิ” บอกเสียงอ้อมแอ้ม แล้วก็ลงมือล้างผักอย่างตั้งใจ แต่จิตใจกระหวัดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนบางคนที่เหมือนลูกชายของเธอ“ก็ได้ค่า ล้างให
ตอนที่ 114 ตอนที่ 1142 ปีต่อมา... นับจากวันที่ได้จากกันในวันนั้น ปิ่นมุกไม่เคยได้ข่าวคราวของคนป่าเถื่อนอีกเลย เขาทำตัวหายไปจริงๆ พร้อมกับเรื่องราวในอดีตก็ค่อยๆ ลบเลือนไปจากใจของเธอเช่นกัน บิดามักพูดเสมอว่าให้ลืมไปเสียแม้จะยากแต่ก็ต้องลืมเพื่อให้มีแรงเดินต่อไป หลังจากเธอบอกกับบิดาว่าเธอท้อง เมื่อรู้ว่าท้อง เธออยากบอกเขาเหลือเกิน แต่เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงไม่คิดหวนกลับไปและบอกตัวเองว่าให้ลืมคนป่าเถื่อนคนนั้นซะ แต่ยิ่งพยายามลืมเขา ใจกลับก็ยิ่งจดจำและโหยหาเขา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนที่จำใจจากหญิงที่รักไปนั้น ได้ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดและตอนนี้อาการของถังเฟ่ยหลงก็น่าเป็นห่วงมากเพราะเจ้าตัวไม่ยอมรับการทำกายภาพบำบัดเพื่อให้กลับมาเดินได้เป็นคนปกติอีกครั้ง ถังเฟ่ยหลงท้อแท้หมดกำลังใจ หมดพลังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ทั้งที่พยายามตัดใจแต่เขาไม่เคยลืมปิ่นมุก อยากกลับไปหาเธอแทบขาดใจ แต่ไม่กล้าไปส
ตอนที่ 113“ไม่ไป ฉันไม่ยอมห่างจากเธออีกแล้วนะปิ่นมุก เพราะอะไรปิ่นมุก ตั้งแต่เธอได้กลับไปอยู่บ้าน เธอก็เอาแต่หลบหน้าหลบตาฉัน เธอคิดจะทรมานฉันหรือไง ฉันรู้ว่าฉันผิด...ผิดมาก ผิดจนเธอคงไม่ให้อภัยฉัน แต่ฉันอยากขอโทษ ขอให้คนเลวๆ อย่างฉันได้แก้ตัวบ้างไม่ได้เชียวเหรอ เธอจะทำอะไรกับฉันก็ได้ แต่ขออย่าผลักไสฉันไปไหน ได้ไหมปิ่นมุก ฉันรักเธอ ได้ยินไหมว่าฉันรักเธอ” น้ำเสียงของถังเฟ่ยหลงดูเศร้าหมอง แววตาคม แดงก่ำเพราะหวาดกลัวว่าจะต้องสูญเสียเธอไป ใบหน้าหล่อเหลาเบียดเข้าใกล้อีกครั้ง“ฉันเหม็นคุณ” ปิ่นมุกยกมือดันใบหน้าหล่อเหลาออกห่าง แล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือยามได้เห็นแววตาคมแดงก่ำ“นะปิ่นมุก ให้ฉันได้มีโอกาสชดเชยสิ่งที่เคยทำร้ายเธอ เธอคือดวงใจของฉันนะปิ่นมุก ฉันมันเลว ใจร้าย ป่าเถื่อน อย่างที่เธอประณามฉัน แต่ฉันอยากขอโอกาสบ้างสักครั้ง นะปิ่นมุกขอโอกาสให้ฉันบ้างได้ไหม” ฝ่ามืออุ่นกุมสองมือเล็กขึ้นจุมพิตซ้ำๆ กันอยู่อย่างนั้น นาทีนี้ถังเฟ่ยหลงไม่คิดอายใครอีกแล้วที่จะต้องหลั่งน้ำตาเพื่อวอนขอโอกาสจากหญิ
ตอนที่ 112ดวงตาคู่สวยเริ่มรื้นด้วยหยาดน้ำตาเมื่อหวนนึกถึงเรื่องในอดีต เพราะหากเธอยอมอยู่เป็นครอบครัวกับคุณถังก็เหมือนคนอกตัญญูที่ไปรักกับคนที่ทำให้คนในครอบครัวของเธอเสียชีวิต แต่หากเธอเลือกที่จะเดินคนละเส้นทางกับคุณถังหัวใจของเธอก็เจ็บปวดมากเช่นกัน แต่สักวันเธอก็หวังว่าความเจ็บปวดจะจางหายไปในที่สุด เมื่อไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน ไม่ต้องมาเห็นหน้ากัน เวลา...เวลาอาจช่วยเยียวยารักษาหัวใจบอบช้ำของเธอ ‘เพราะเราสองคนรักกันไม่ได้’“ลูกปิ่น” คุณกิตติขานเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เราสองคนรักกันไม่ได้ค่ะ” ปิ่นมุกเงยหน้าตอบบิดาเสียงแผ่วๆ ยกนิ้วปาดน้ำตาที่ไหลนองสองแก้ม คุณกิตติจึงรั้งบุตรสาวคนเล็กเข้ามาปลอบประโลมขณะที่ด้านหน้าของศาลาริมน้ำ ถังเฟ่ยหลงและลูกน้องรวมถึงคุณตวงรัตน์และบุตรชายก็จับกลุ่มยืนพูดคุยกันและมองมายังสองพ่อลูกด้วยความเป็นห่วง ส่วนปิ่นมุกหลังได้รับอ้อมกอดอบอุ่นจากบิดานานหลายนาที เธอจึงเอ่ยชวนให้บิดากลับบ้านพักเพื่อจบปัญหาเรื่องระหว่างเธอและคุณถัง คุณกิตติก็ไม่คิดซ