공유

บทที่ 11

작가: เสี่ยวหมิงผู้โดดเดี่ยว
“พระราชโองการ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของขันทีหวัง ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างตกใจอย่างยิ่ง

เหตุใดจึงมีพระราชโองการกะทันหันเช่นนี้?

ทว่าทันใดนั้น หลินเจิ้งถังก็กล่าวด้วยสีหน้ายินดีว่า

“ฮ่าฮ่า มีพระราชโองการมาในเวลานี้ เห็นทีฝ่าบาททรงเห็นด้วยกับการแต่งงานของชิงเยว่กับคุณชายเหลียงแล้ว!”

“ยิ่งไปกว่านั้น เช้านี้เรื่องที่หยางฝานฉีกสัญญาหมั้นได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้าง เกรงว่าฝ่าบาทจะทรงลงโทษเขาแล้ว”

หลินเจิ้งถังกล่าวเยาะเย้ยพลางชำเลืองมองหยางฝาน

ก็แค่ซื่อจื่อเยียนอ๋องที่ไม่เป็นที่โปรดปราน กล้าดียังไงมาหักหน้าหลินชิงเยว่ ผู้เป็นอู่โหวแห่งต้าเซี่ยที่กำลังถูกยกย่อง ฝ่าบาทจะทรงเพิกเฉยได้อย่างไร?

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเจิ้งถัง ใบหน้าของหลินชิงเยว่ก็เผยความยินดีออกมาเล็กน้อย

พร้อมกันนั้น นางก็ชำเลืองมองหยางฝานอย่างดูแคลนปาดหนึ่ง

ตอนนี้นางกับหยางฝานต่างกันราวฟ้ากับดิน

นางเป็นถึงอู่โหวแห่งต้าเซี่ย เป็นแม่ทัพเถาฮวาขั้นหนึ่ง อีกทั้งยังกลับมาพร้อมความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จากการรบที่โม่เป่ย แล้วหยางฝานจะหยามเกียรตินางได้หรือ

บทลงโทษของฝ่าบาทในครั้งนี้เกรงว่าคงจะไม่เบา!

หากเป็นเมื่อก่อน นางอาจจะคิดขอความเมตตาแทนหยางฝาน

แต่ครั้งนี้หยางฝานไม่มีคุณธรรมก่อน เพื่อบีบให้นางเปลี่ยนใจ เขาถึงกับใจดำทำได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเขาก็ควรต้องชดใช้ในสิ่งที่เขากระทำลงไป

หากนางขอความเมตตาแทนหยางฝานจริง ๆ ก็เกรงว่าจะทำให้เขาเกิดความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ขึ้นมาอีก

หลินชาวฉุนยิ่งแสดงสีหน้าได้ใจ

“ฮ่าฮ่า หยางฝาน เจ้าตายแน่ แม้แต่ฝ่าบาทยังสนับสนุนพี่ข้า เกรงว่าคราวนี้เจ้าคงจะไม่ได้เป็นแม้แต่ซื่อจื่อเยียนอ๋องแล้ว รอคลานออกจากจวนเยียนอ๋องเป็นหมาหงอยได้เลย!”

หลินชาวฉุนมองหยางฝานด้วยสายตาอาฆาตยิ่ง

หากหยางฝานไม่มีบรรดาศักดิ์ซื่อจื่อเยียนอ๋องคอยคุ้มกะลาหัว เขาก็มีวิธีมากมายที่จะฆ่าเขา

ตู้หย่งที่อยู่ข้าง ๆ แอบหัวเราะเยาะเย้ย

หยางฝานคนนี้มองสถานการณ์ไม่ออก สมควรแล้วที่ต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้

เมื่อเห็นขันทีหวังลงจากม้า ทุกคนต่างก็คุกเข่ารอขันทีหวังประกาศพระราชโองการด้วยความเคารพ

“ด้วยโองการแห่งฟ้า...”

“บังอาจ!”

ขณะที่ขันทีหวังกําลังจะประกาศพระราชโองการ จู่ ๆ เสียงตะโกนก้องก็ขัดจังหวะเขาเสียก่อน

ขันทีหวังขมวดคิ้วพลางมองไปที่หลินเจิ้งถังผู้ที่ตะโกนร้อง

ในเวลานี้ หลินเจิ้งถังก็รู้ตัวแล้ว และมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบประสานมือพร้อมกับกล่าวว่า “ขอใต้เท้าโปรดอภัย ข้าน้อยไม่ได้ตำหนิท่าน แต่ตำหนิคนอวดดีที่บังอาจไม่เคารพฝ่าบาทผู้นี้!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเจิ้งถัง ทุกคนถึงสังเกตเห็นว่าหยางฝานยังคงยืนอยู่กับที่ ไม่ได้คุกเข่าลง

“หยางฝาน ท่านอยากตายเร็วขนาดนั้นเลยหรือไง ถึงได้กล้ายืนรับพระราชโองการ!”

หลินชิงเยว่ขมวดคิ้วงามเล็กน้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยความดูแคลน

หรือว่าหยางฝานแสร้งทำเป็นอวดเก่งในเวลานี้เพื่อหวังเอาใจนางงั้นรึ?

ช่างโง่เขลาเสียจริง!

เขาคิดว่าความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์เป็นเรื่องล้อเล่นหรือไง?

เมื่อเผชิญหน้ากับคำตำหนิของหลินชิงเยว่ หยางฝานก็แสยะมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน

“มีศักดิ์เป็นอ๋องเป็นโหว หาต้องคุกเข่ารับพระราชโองการไม่!”

หยางฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

ในเวลานี้ ต่อให้เซี่ยหลงยวนอยู่ตรงหน้า เขาก็ยังไม่จำเป็นต้องคุกเข่า นับประสาอะไรกับแค่พระราชโองการฉบับเดียว

“หยางฝาน เรื่องอัปยศทั้งหลายของเจ้า ข้าได้ถวายฎีกาต่อฝ่าบาทไปนานแล้ว คนไม่เอาถ่านเช่นเจ้า ฝ่าบาทจะทรงยอมให้เจ้าสืบทอดตำแหน่งเยียนอ๋องได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เจ้าได้ล่วงเกินอู่โหวแห่งต้าเซี่ยแล้ว เกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งซื่อจื่อก็คงจะรักษาไว้ไม่ได้ ยังคิดว่าตนเองเป็นอ๋องเป็นโหวอีกหรือ?”

หลินเจิ้งถังหัวเราะเยาะพลางกล่าวเย้ยหยัน

ตู้หย่งที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังด้วยความเคารพก็หัวเราะเยาะเช่นกัน

ในความคิดของเขา หยางฝานเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ

คนที่รับพระราชโองการโดยไม่ต้องคุกเข่ามีเพียงอ๋องหรือโหวเท่านั้น หยางฝานยังคิดว่าเขาจะได้เป็นเยียนอ๋องจริง ๆ หรือ?

“ใต้เท้าหวัง คนผู้นี้ไม่เคารพฝ่าบาทเช่นนี้ พวกท่านยังไม่รีบจับกุมเขาอีกหรือ?”

หลินชาวฉุนและหลินเจิ้งถังตะโกนออกมาพร้อมกัน

เมื่อมองดูหลินเจิ้งถังและบุตรชายตะโกนโหวกเหวก ขันทีหวังก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“หนวกหู!”

ขันทีหวังตะคอกเสียงเย็นชา

หลินเจิ้งถังและบุตรชายรีบหุบปากทันที

ขันทีหวังผู้นี้เป็นถึงคนสนิทของฝ่าบาท ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถล่วงเกินได้เลย

“พวกเจ้าหูหนวกหรือไง ไม่ได้ยินที่ท่านเยียนอ๋องกล่าวรึ?”

ขันทีหวังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ท่าน... ท่านเยียนอ๋อง?!”

ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจยิ่ง

ขันทีหวังผู้นี้เป็นข้ารับใช้คนสนิทของฮ่องเต้มานานหลายปี ทำผิดพลาดเช่นนี้ได้อย่างไร?

เห็นได้ชัดว่าหยางฝานผู้นี้เป็นเพียงซื่อจื่อเยียนอ๋องเท่านั้น!

แต่ขันทีหวังกลับไม่ได้สนใจความประหลาดใจของทุกคน เขาหยิบพระราชโองการขึ้นมาอ่านว่า

“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา : หยางฝาน ซื่อจื่อเยียนอ๋อง มีพรสวรรค์ เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม เป็นที่ไว้วางใจของปวงชน สืบทอดปณิธานของเยียนอ๋องตั้งแต่เยาว์วัย ซื่อสัตย์จงรักภักดี ได้ถวายเกือกม้าและเสบียงอาหารเป็นต้นในสงครามโม่เป่ย ถือเป็นผู้มีคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อแผ่นดิน บัดนี้ ให้สถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็นเยียนอ๋อง โดยประกาศให้ทราบทั่วหล้า ย้ายไปประจำการที่ชายแดนตอนเหนือ เพื่อปกป้องแผ่นดิน อีกทั้ง การเจรจาสันติระหว่างต้าเซี่ยกับโม่เป่ยใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ให้หยางฝานผู้เป็นเยียนอ๋องดำรงตำแหน่งทูตการเจรจาสันติ โดยรับผิดชอบเรื่องการเจรจาทั้งหมด เยียนอ๋องโปรดรับพระราชโองการ”

“ข้ารับพระราชโองการ!”

หยางฝานก้าวไปข้างหน้าอย่างเหมาะสม รับพระราชโองการจากมือขันทีหวังด้วยมือทั้งสองข้าง

“ท่านเยียนอ๋อง อย่าทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวังล่ะ!”

ขันทีหวังน้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อมพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มร่า

หยางฝานผงกศีรษะด้วยสีหน้าใจเย็น

ส่วนหลินชิงเยว่และคนอื่น ๆ ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นต่างตกตะลึงไปแล้ว

ฝ่าบาทไม่ได้มีพระราชโองการลงโทษหยางฝาน แต่กลับทรงแต่งตั้งเขาเป็นเยียนอ๋อง และยังให้เขารับตำแหน่งทูตเจรจาสันติอีก?!

“ใต้เท้าหวัง มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เขา… เขาจะสืบทอดตำแหน่งเยียนอ๋องได้อย่างไร?”

หลินเจิ้งถังเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เมื่อได้ยินดังนั้น ขันทีหวังที่เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มประจบประแจงก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาในทันที และมองหลินเจิ้งถังอย่างดูแคลน

“บังอาจ! พวกเจ้าคิดจะตั้งข้อสงสัยต่อฝ่าบาทรึ!”

เมื่อขันทีหวังกล่าวเช่นนั้น หลินเจิ้งถังก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลท่วมตัวในทันที

“ข้าน้อยมิกล้า!”

หลินเจิ้งถังตัวสั่นเทา กลัวว่าจะถูกลงโทษฐานดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

ในขณะนี้ ดวงตาของหลินชิงเยว่เหม่อลอย

นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าหยางฝานจะพลิกตัวกลายเป็นเยียนอ๋องไปได้!

ในฐานะฟานอ๋อง ไม่เพียงแต่มีเขตปกครองของตนเองเท่านั้น แต่ยังมีอำนาจทางการทหารอีกด้วย ฐานะแตกต่างจากซื่อจื่ออย่างสิ้นเชิง

“เฮ่อ”

ขันทีหวังเปล่งเสียงเย็นชา แล้วหยิบพระราชโองการอีกฉบับออกมา

“หลินชิงเยว่ แม่ทัพเถาฮวาขั้นหนึ่ง รับพระราชโองการ”

เมื่อได้ยินว่าพระราชโองการฉบับนี้มีให้แก่หลินชิงเยว่ หลินเจิ้งถังถึงหน้าชื่นตาบานขึ้นมา

แม้ว่าเขาจะไม่พอใจที่หยางฝานได้เป็นเยียนอ๋อง แต่แม้แต่คนไม่เอาถ่านอย่างหยางฝานยังได้เป็นเยียนอ๋อง เช่นนั้นรางวัลของหลินชิงเยว่ก็คงไม่แย่นัก

เมื่อเห็นหลินชิงเยว่ยืนเหม่อลอย หลินเจิ้งถังก็รีบผลักนางเบา ๆ

หลินชิงเยว่ถึงได้สติกลับมา แล้วรีบโค้งตัวถวายความเคารพ

“ข้า... ข้า หลินชิงเยว่ รับพระราชโองการ”

เมื่อมองดูหลินชิงเยว่ที่ดูว้าวุ่นใจและทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ ขันทีหวังก็ลอบส่ายหน้าในใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะหยางฝาน ด้วยความสามารถของหลินชิงเยว่ นางไม่มีทางมาถึงตำแหน่งนี้ได้เลย

“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา : หลินชิงเยว่ แม่ทัพเถาฮวาขั้นหนึ่ง กลับมาจากออกรบที่โม่เป่ย เดิมควรจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะที่ท้องพระโรง แต่หลินชาวฉุน น้องชายของนางไร้ขื่อไร้แป ลอบวางเพลิงจวนอ๋อง ความผิดใหญ่หลวงยิ่งนัก ให้ถอดสถานะนักศึกษาของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนของเขา ห้ามรับราชการตลอดชีวิต แล้วส่งเข้าคุก รอการตัดสินลงโทษ เรื่องนี้มีผลกระทบร้ายแรง จึงให้ยกเลิกงานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะแต่บัดนี้ จบพระราชโองการ”

เมื่อขันทีหวังกล่าวจบ หลินชิงเยว่ก็ยืนอึ้งอยู่กับที่ทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

งานเลี้ยงฉลองชัยชนะของนาง... ถูกยกเลิกแล้ว?
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 32

    “ชิงเยว่ แม้ว่าหยางฝานผู้นี้จะไม่สามารถทำการใหญ่สำเร็จได้ แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันกับชาวฉุน เรายังควรต้องใส่ใจให้มากขึ้น ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงใหญ่ ซึ่งเป็นรองทูตเจรจาสันติ ตอนนี้ประทับอยู่ที่จวนเยียนอ๋อง เพื่อหารือเรื่องการเจรจาสันติกับหยางฝาน ชิงเยว่ เจ้าลองใช้โอกาสนี้ไปสืบดูว่าเขาเตรียมจะจัดการเรื่องการเจรจาสันติอย่างไรบ้าง”เหลียงเส้าเหวยกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจเขาไม่ต้องการเห็นหยางฝานประสบความสำเร็จในการเจรจาสันติจริง ๆในเมื่อเป็นเช่นนั้น การรู้แผนการของหยางฝานล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งทว่าเมื่อหลินชิงเยว่ได้ยินว่าต้องการให้นางไปหาหยางฝาน ในใจก็เกิดรู้สึกต่อต้านขึ้นมาทันที“คุณชายเหลียงคิดมากไปแล้ว ข้ารู้จักหยางฝานผู้นี้ดีที่สุด เขาไม่มีความรู้ความสามารถอะไรเลย เรื่องการเจรจาสันตินี้ เขาจะมีวิธีรับมือได้อย่างไรกัน!”หลินชิงเยว่กล่าวเสียงเย็นชาทว่าเหลียงเส้าเหวยกลับส่ายหน้า“ชิงเยว่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชาวฉุน เจ้าอย่าได้ต่อต้านเลย มีเพียงหาวิธีทำให้หยางฝานเจรจาสันติล้มเหลวเท่านั้น เราจึงจะสามารถช่วยชาวฉุนออกมาได้อย่างปลอดภัย มิเช่นนั้น แม้จะจ่ายเงินไปแล้ว

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 31

    เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ที่ชัดเจนและมีเหตุผลของเซี่ยรั่วหลิน หยางฝานก็ปรบมือรัว ๆเด็กคนนี้ฉลาดไม่เบาเลยนะ!และในขณะนั้นเอง ฉิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวขึ้นอย่างเหมาะเจาะว่า “องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าท่านอ๋องจะตั้งราคานมนี้เท่าใด แต่วิธีการถนอมนม ท่านอ๋องได้คิดไว้เรียบร้อยนานแล้วเพคะ!”เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็มองไปยังหยางฝานด้วยความประหลาดใจทันที“ท่านมีวิธีเก็บรักษานมไม่ให้เสียหรือ?”หยางฝานผงกศีรษะทว่าเซี่ยรั่วหลินกลับแสดงสีหน้าสงสัย“ข้าไม่เชื่อว่าจะมีวิธีใดใต้หล้านี้ที่สามารถเก็บรักษานมสดไม่ให้เสียได้ ต่อให้เจ้าจะใช้ก้อนน้ำแข็งตลอดเวลาก็เก็บได้ไม่กี่วันแน่นอน”เซี่ยรั่วหลินจ้องหยางฝานอย่างสงสัยหยางฝานผงกศีรษะ“เป็นจริงอย่างที่องค์หญิงตรัส แม้นมนี้จะเก็บรักษาด้วยก้อนน้ำแข็งก็เก็บได้ไม่นาน!”เมื่อเห็นว่าแม้แต่เขาเองก็ยังพูดเช่นนี้ เซี่ยรั่วหลินก็หัวเราะออกมา“แล้วเจ้ายังกล้าพูดจาโอ้อวดว่ามีวิธีเก็บรักษาแล้วงั้นรึ?”หยางฝานหัวเราะเบา ๆ “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าข้าจะใช้น้ำแข็งในการเก็บรักษานมนี่พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเห็นเขามีท่าทางมั่นใจเต็มร้อยขนาดนั้น เซี

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 30

    “เจ้าค่ะ!”ฉิงเอ๋อร์มองเซี่ยรั่วหลินด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปไม่นานนัก ฉิงเอ๋อร์ก็กลับมาพร้อมแก้วที่บรรจุของเหลวสีขาวขุ่นอึก!เซี่ยรั่วหลินมองของเหลวสีขาวขุ่นที่บรรจุในแก้ว แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากตอนนั้นนางเห็นหยางฝานรีดนมด้วยตาตัวเองพอนึกถึงภาพนั้น เซี่ยรั่วหลินก็เริ่มอยากจะถอนตัวกลางคัน“เชิญองค์หญิงชิมพ่ะย่ะค่ะ!”หยางฝานกล่าวพร้อมรอยยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่ได้ เสด็จย่าบอกว่าข้าต้องใช้ข้อเท็จจริงมาโต้แย้งไอ้หมอนี่ ถอยกลับตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็เผยสีหน้าเหมือนตายเป็นตายพร้อมยกแก้วนมขึ้นมาดื่มแต่พอนมโคมาจ่อที่ปาก เซี่ยรั่วหลินกลับไม่ยอมนำเข้าปากสักทีพอคิดว่านมนี้ถูกรีดมาจากโค ในใจของนางก็รู้สึกต่อต้านอย่างประหลาดใจ“องค์หญิงไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง”หยางฝานเห็นสีหน้าตายเป็นตายของเซี่ยรั่วหลินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะในใจทว่า ราวกับถูกคำกล่าวของเขายั่วโมโห เซี่ยรั่วหลินจึงส่งเสียงเย็นชาออกมาทันที“ก็แค่นมโคมิใช่รึ วันนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าของสิ่งนี้ไร้ค่าสิ้นดี เจ้า

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 29

    เมื่อเห็นตั่วเหยียนเอ่ยพลางกำลังจะเผาจดหมาย กุนซือก็รีบกล่าวขึ้นว่า“องค์หญิงจะคิดอย่างนั้นไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าจุดประสงค์ของการเดินทางของเราในครั้งนี้จะเพื่อขอเสบียงและเงินบรรณาการ แต่หากมีคนในราชสำนักต้าเซี่ยคอยช่วยเหลือ การบรรลุเป้าหมายนี้ก็จะง่ายขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”พอเขากล่าวเช่นนี้ ตั่วเหยียนก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จากนั้นจึงผงกศีรษะ“ท่านกุนซือกล่าวมีเหตุผล เช่นนั้นเราก็ร่วมมือกับเขาดูสักครั้งเถิด แต่ว่าตามที่ระบุไว้ในจดหมายนี้ ผู้ที่จะมาเจรจากับเรา เป็นถึงท่านอ๋องของต้าเซี่ยเลยหรือ?”ตั่วเหยียนมองดูชื่อหยางฝานที่เขียนอยู่ในจดหมาย แล้วถามด้วยความแคลงใจกุนซือได้ยินดังนั้นแล้วก็หัวเราะเยาะอย่างดูแคลน“หยางฝาน เยียนอ๋องผู้นี้ ข้าก็เคยสืบมาแล้ว คนผู้นี้มีสัญญาหมั้นกับหลินชิงเยว่ แม่ทัพเถาฮวา แต่คนผู้นี้กลับเป็นคนเหลวไหลที่ไม่มีทั้งเกียรติยศและพรสวรรค์ในการบัญชาการรบ ได้ยินมาว่าวัน ๆ เอาแต่คลุกคลีอยู่กับพวกพ่อค้า เป็นแค่ท่านอ๋องรุ่นที่สองที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้น ฮ่องเต้ต้าเซี่ยก็คงจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ คิดว่าแค่ดันคนไม่เอาถ่านอย่างเยียนอ๋องขึ้นมา จะสามารถทำให้เราหวาดกลัวจนต้องถอยรนไปไ

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 28

    “จดหมายธนู?!”ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรีบลุกขึ้นยืนทันที“จับคนยิงได้หรือไม่!”กุนซือรีบถามกองกำลังคุ้มกันคณะเจรจาสันติภาพในครั้งนี้เป็นถึงกองทัพรักษาพระองค์ของท่านข่าน ปล่อยให้มีคนลอบเข้ามาถึงข้างค่ายโดยไม่รู้ตัวเลยหรือ?“ขอองค์หญิงและท่านกุนซือโปรดอภัยด้วย พวกข้าจับคนผู้นั้นไม่ได้!”ทหารผู้กล้าส่ายหน้าขณะคุกเข่า“ฮึ! พวกไร้ประโยชน์!”องค์หญิงตั่วเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาทหารผู้กล้าที่คุกเข่าอยู่รีบก้มหน้าลงทันทีส่วนกุนซือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกวักมือเรียกทหารผู้กล้าผู้นั้น“นำจดหมายธนูนั้นมา!”“ขอรับ!”กุนซือรับจดหมายธนูมา แต่ไม่ได้เปิดจดหมายออกในทันที กลับมองไปที่ลูกศรขนนกในมือแทน“ของสิ่งนี้มีอะไรน่าดูนักหนา ก็แค่คำยั่วยุจากพวกไร้ประโยชน์ของต้าเซี่ยเท่านั้นเอง มีคนแบบนี้ตลอดทาง ไม่น้อยไม่ใช่หรือ”องค์หญิงตั่วเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าดูแคลนต้าเซี่ยกับโม่เป่ยทำสงครามกันทุกปี คณะทูตอย่างพวกเขาเจอคนต้าเซี่ยที่โกรธแค้นไม่น้อยเลยระหว่างทางที่ผ่านมาทว่ากุนซือได้ยินดังนั้นแล้วกลับยิ้มพลางส่ายหน้า“องค์หญิง ข้าคิดว่าครั้งนี้อาจจะต่างออกไป”กล่าวจบ กุนซือก็แกะจดหมายออกเ

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 27

    ทันทีที่ก้าวเข้าประตูมา เซี่ยรั่วหลินก็เห็นไทเฮากำลังสวดมนต์อยู่ทันทีที่เห็นไทเฮา น้ำตาแห่งความน้อยใจก็เอ่อล้นในดวงตาของเซี่ยรั่วหลิน“เสด็จย่า!”เซี่ยรั่วหลินร้องเสียงดังพร้อมกับโผเข้ากอดไทเฮา แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความน้อยใจ“โธ่เอ้ย! ผู้ใดทำให้เด็กดื้อของเราไม่พอใจละเนี้ย ย่าจะไปสั่งสอนเขาเดี๋ยวนี้!”ไทเฮาลูบหลังเซี่ยรั่วหลินเบา ๆ พลางกล่าวด้วยความรู้สึกสงสารยิ่งเซี่ยรั่วหลินเปล่งเสียงฮึดฮัดเบา ๆ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังทันที“เสด็จย่า ท่านโปรดตัดสินว่านี่ใช่ความผิดของหยางฝานคนอวดดีคนนั้นหรือไม่ ข้าอุตส่าห์เป็นห่วงเขาแท้ ๆ เขาก็ยังไม่ฟังคำของข้าอีก ฮึ! โมโหจนจะตายอยู่แล้ว!”ไทเฮามองดูท่าทางโกรธขึ้งของเซี่ยรั่วหลินแล้วก็ไม่รู้จะตอบนางอย่างไรในทันทีเมื่อเทียบกับเซี่ยรั่วหลินที่ไม่รู้อะไรเลย ไทเฮากลับเข้าใจหยางฝานค่อนข้างมากหากหยางฝานไม่ได้แบ่งกำไรจากเครื่องประทินโฉมให้นางครึ่งหนึ่ง แม้นางจะเป็นไทเฮา ก็ไม่สามารถสร้างโบสถ์อันงดงามวิจิตรเช่นนี้ได้กระนั้น ในความคิดของไทเฮา หยางฝานเป็นคนที่มีความสามารถอย่างแน่นอนและนางยังรู้ด้วยว่าเหตุใดฮ่องเต้ถึงต้องใ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status