แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: เสี่ยวหมิงผู้โดดเดี่ยว
“ท่านหลินอู่โหว! ท่านมาด้วยตนเองเลยรึ?!”

ตู้หย่งสะดุ้งตกใจ รีบก้าวเข้าไปพร้อมยิ้มแหยะ ๆ “ท่านหลินอู่โหวกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เป็นข้าเองที่เลอะเลือน คดีนี้ ข้าจะสอบสวนอย่างเป็นธรรมแน่นอน!”

แม้หลินชิงเยว่จะเป็นแม่ทัพ แต่นางก็ได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้อย่างล้นพ้น อนาคตไกลไร้ขีดจำกัด

ยิ่งไปกว่านั้น นางกำลังจะแต่งเข้าสกุลเหลียงอีกด้วย!

เพราะหลินชิงเยว่มาด้วยตนเอง ตู้หย่งจึงไม่กล้าวางอำนาจ

ท่าทีเปลี่ยนไปจากพลิกหน้ามือเป็นหลังมือทันที

ทว่า หลินชิงเยว่กลับไม่แม้แต่จะมองตู้หย่ง

ดวงตาหงส์คู่สวยของนางจ้องมองหยางฝานอย่างดูแคลน และกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า

“หยางฝาน ข้าไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าวันหนึ่งท่านจะกลายเป็นแบบนี้”

“ถึงแม้เมื่อก่อนท่านจะไม่เอาไหน แต่การกระทำก็ถือว่าตรงไปตรงมา”

“ไม่พบกันแค่สามปี ท่านกลับกลายเป็นคนต่ำทรามถึงเพียงนี้ ท่านทำให้ข้าผิดหวังมาก!”

เมื่อเห็นหลินชิงเยว่ทำท่าทางเศร้าอย่างจริงจัง หยางฝานถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

เขาเองก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าหลินชิงเยว่ใจกล้าหน้าด้านมากแค่ไหน ถึงได้พูดคำเหล่านี้ออกมาได้

เมื่อคิดดูดี ๆ แล้ว เมื่อก่อนเขาตาบอดจริง ๆ ถึงได้รู้สึกว่าหลินชิงเยว่น่าสงสาร

“หลินชิงเยว่ ใครกันที่ให้ความกล้ากับเจ้า ถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้วกล่าวหาว่าข้าต่ำทราม?”

“แล้วการกระทำของเจ้าไม่ได้ต่ำทรามเลยหรือไง?”

“ท่านไม่ต้องมาแก้ตัว หยางฝาน ท่านควักลูกตาสาวใช้คนสนิทของข้า และยังจับตัวน้องชายข้า ก็แค่ต้องการจะพบหน้าข้าเท่านั้นมิใช่หรือ?”

“สมความปรารถนาของท่านแล้ว ข้ามาแล้ว”

หลินชิงเยว่ไม่เปิดโอกาสให้หยางฝานได้พูดไปมากกว่านี้เลย

นางเชิดคางขึ้น เหมือนหงส์ที่หยิ่งผยอง

หยางฝานเป็นเพียงตัวตลกที่น่าขันในสายตาของนาง

“หยางฝาน หากท่านรักข้าจริง ก็ควรจะยอมรับที่ท่านไร้ความสามารถ แล้วไปพยายามให้ดีขึ้น เพื่อที่จะคู่ควรกับข้า ไม่ใช่ใช้วิธีการต่ำทรามเหล่านี้มาทำให้คนอื่นรังเกียจ”

“เล่ห์กลต่ำทรามใด ๆ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่น่าขันอย่างยิ่งเมื่ออยู่ตรงหน้ากับพลังที่แท้จริง”

หลินชิงเยว่พูดพร้อมกับล้วงเอาปึกตั๋วเงินออกมาจากอกเสื้อ แล้วโยนลงที่เท้าของหยางฝาน

“หยางฝาน ท่านคิดว่าวิธีการต่ำทรามเหล่านี้ของท่านจะใช้ได้ผลกับข้ารึ?”

“ข้าเป็นถึงอู่โหวแห่งต้าเซี่ย เป็นคนที่ท่านไม่มีทางเอื้อมถึงไปตลอดชีวิต! ข้าพูดเพียงคำเดียว ขุนนางผู้มั่งคั่งที่ยินดีให้ข้ายืมเงินมีเต็มพระราชวัง!”

“นี่คือตั๋วเงินห้าแสนตำลึง ท่านเอาไป!”

“ข้าให้ชุนหลิ่วไปขอยืมเงินห้าแสนตำลึงจากท่าน ก็แค่ไม่อยากสร้างความลำบากให้ผู้อื่น ไม่ใช่ว่าข้าขัดสนเงินห้าแสนตำลึงนี้”

“ข้าให้ชาวฉุนไปเอาโฉนดที่ดินจวนแม่ทัพจากท่าน ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีปัญญาซื้อ เพียงแต่ของรางวัลจากฝ่าบาทยังมาไม่ถึงเท่านั้นเอง”

“ข้าเป็นถึงอู่โหวแห่งต้าเซี่ยผู้ทรงเกียรติ จะเอาเปรียบท่านหรือ?”

“แต่ท่าน! ท่านไม่ควรทำร้ายชุนหลิ่วและหยามเกียรติน้องชายข้าเลยจริง ๆ!”

“วันที่ท่านฉีกสัญญาหมั้น ข้าเคยบอกว่าจะยอมทำตามคำขอของท่านสามข้อ แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างให้ท่านทำอะไรตามอำเภอใจได้ หากท่านคิดจะใช้วิธีเช่นนี้เพื่อให้ข้าปล่อยท่านไป ข้าทำไม่ได้!”

“ตอนนี้ ข้าให้เงินท่านแล้ว ส่วนท่าน ก็ควรจะชดใช้สิ่งที่ท่านทำลงไป!”

หลินชิงเยว่นั่งอยู่บนหลังม้าเถาฮวาด้วยท่วงท่าสง่างามองอาจและทำตัวสูงส่ง

หยางฝานหยามเกียรติน้องชายของนางถึงขนาดนี้ ซึ่งเป็นการล้ำเส้นขีดจำกัดของนางแล้ว!

“หยางซื่อจื่อ ที่แท้ท่านก็จงใจใส่ร้ายคุณชายหลินเพราะปัญหาเรื่องเงินทองนี่เอง เช่นนั้นแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่อาจถือว่าเป็นเรื่องในครอบครัวแล้ว ซื่อจื่อโปรดตามข้าไปที่ศาลาว่าการเมืองหลวงด้วยเถอะ!”

ด้านข้าง ตู้หย่งหาได้ใส่ใจกับการที่หลินชิงเยว่เมินเฉยใส่เขาไม่

กลับกัน ยิ่งเขาฟังคำพูดของหลินชิงเยว่มากเท่าไหร่ยิ่งตกใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทันทีที่หลินชิงเยว่กล่าวจบ เขาก็รีบกล่าวว่าต้องการพาหยางฝานไป

ใต้แสงแดดอันเจิดจ้าสาดส่องลงมา

สายลมเย็นพัดโชยมา

หยางฝานมองตั๋วเงินที่พื้น

ในภวังค์ เขานึกถึงภาพที่หลินชิงเยว่ร้องไห้อ้อนวอนขอให้เขาช่วยชีวิตคนทั้งสกุลหลินเมื่อสามปีก่อน

ตอนนั้น เพื่อถ่วงเวลาไม่ให้ศาลต้าหลี่ตัดสินลงโทษสกุลหลินหนักจนต้องยอมรับสารภาพ เขาถึงกับจ่ายเงินติดสินบนคนทั้งศาลต้าหลี่ ดูเหมือนก็เป็นเงินห้าแสนตำลึงกระมัง?

ทันใดนั้น หยางฝานก็ไม่อยากที่จะอธิบายแล้ว

จะกล่าวหาว่าเขาต่ำทรามก็ช่างเถอะ

อย่างไรเสีย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในสายตาคนส่วนใหญ่ เขาก็ไม่ได้มีชื่อเสียงดีอะไรอยู่แล้ว

เพียงแต่ ด่าก็ด่าไปแล้ว คนเลวก็เป็นไปแล้ว งั้นควรจะสะสางบัญชีได้แล้วกระมัง?

“ฉิงเอ๋อร์! เอาโฉนดที่ดินให้ใต้เท้าตู้ดู!”

หยางฝานไม่แตะต้องปึกตั๋วเงินที่พื้นเลย

เขาเงยหน้าขึ้น มองหลินชิงเยว่อย่างใจเย็น “เจ้าบอกว่าจะคืนเงินให้ข้า งั้นก็ดี เจ้าคืนมาสิ”

“หยางฝาน ท่านหมายความว่าไง? ท่านตาบอดรึไง? ไม่เห็นตั๋วเงินห้าแสนตำลึงที่เท้ารึไง?”

“เห็นแล้ว แต่ไม่พอ”

“ไม่พอ?”

หลินชิงเยว่ขมวดคิ้ว “ห้าแสนตำลึงยังไม่พอที่จะซื้อโฉนดที่ดินจวนแม่ทัพจากท่านอย่างนั้นหรือ? หยางฝาน ข้าขอเตือนท่านว่าอย่าทำตัวงี่เง่า ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด!”

“ฮ่าฮ่า... ข้าทำตัวงี่เง่า?”

หยางฝานหัวเราะ “หลินชิงเยว่ ข้าเข้าใจความไม่รู้ของเจ้า เพราะเจ้าเพิ่งกลับมาเมืองหลวง แต่เจ้าไม่มีสามัญสำนึก แล้วก็ยังไม่มีแม้แต่สมองด้วยอย่างนั้นรึ? โฉนดที่ดินอยู่ในมือใต้เท้าตู้แล้ว พอหรือไม่ เจ้าถามดูก็จะรู้เอง!”

“ฮึ น่าขัน หยางฝาน ท่านกำลังสั่งสอนข้างั้นรึ? ไม่ว่าจะขาดอีกเท่าไหร่ วันนี้ข้าก็จะชดเชยให้ท่านเอง!”

หลินชิงเยว่หัวเราะเยาะ แล้วหันไปมองที่โฉนดที่ดินในมือของตู้หย่ง “ท่านผู้ว่าตู้ ยังขาดอีกเท่าไหร่?”

“เอ่อ...” ตู้หย่งเหงื่อแตกพราก กล่าวตะกุกตะกักว่า “สะ สอง สอง”

“เฮ่อ! ข้าคิดว่าขาดไปเท่าไหร่ ก็แค่สองร้อยตำลึง...”

“ท่านหลินอู่โหว ไม่ใช่สองร้อยตำลึง แต่เป็นสองล้านตำลึง!”

“เท่าไหร่นะ?”

ใบหน้างามของหลินชิงเยว่แข็งค้าง

“ท่านหลินอู่โหว ท่านดูเอาเองเถอะ...”

ตู้หย่งรีบมอบโฉนดที่ดินให้ทันที

เมื่อเห็นหมึกสีแดงสดและตราประทับทางการบนโฉนดที่ดิน หลินชิงเยว่ก็พึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้ยังไง... มันจะเป็นไปได้ยังไง?”

“ท่านพ่อ!”

หลินชิงเยว่ถึงกับนั่งไม่ติด นางลงจากม้า แล้วมองไปยังหลินเจิ้งถัง “ที่ดินจวนแม่ทัพ ใช้เงินไปตั้งสองล้านห้าแสนตำลึงเลยหรือ?”

“ชิงเยว่”

หลินเจิ้งถังหลบสายตา กล่าวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ว่า “จวนแม่ทัพเถาฮวา ตั้งอยู่ในย่านการค้าที่เจริญคึกคัก แถมยังมีพื้นที่กว้างขวาง... แต่ที่ดินแปลงนี้ หยางฝานเป็นคนให้มาเอง! เหตุใดเราต้องจ่ายเงินด้วย?”

“ข้าเคยบอกว่าจะมอบจวนแม่ทัพให้หลินชิงเยว่จริง แต่ข้าก็บอกด้วยว่าจวนแม่ทัพหลังนี้ เป็นหนึ่งในสินสอดที่ข้าเตรียมไว้”

หยางฝานแสดงสีหน้าเยาะเย้ย “หลินเจิ้งถัง ตอนนี้สัญญาหมั้นก็ยกเลิกไปแล้ว สกุลหลินของท่านกล้าดียังไงมายึดครองที่ดินที่ข้าจะมอบให้ว่าที่ภรรยาของข้า?”

“เจ้า!”

หลินเจิ้งถังหน้าแดงก่ำ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกหลินชิงเยว่ขัดจังหวะ

“พอแล้วหยางฝาน!”

หลินชิงเยว่เชิดคอขาวผ่องพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาข้าสองสามวัน หลังจากจบงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ ข้าจะคืนเงินอีกสองล้านตำลึงที่เหลือให้ครบถ้วน!”

“สองล้านตำลึงงั้นรึ? ยังไม่พอ!”

หยางฝานเอียงคอพลางมองไปยังฉิงเอ๋อร์ “ไป เอาบัญชีค่าซ่อมแซมจวนให้ใต้เท้าตู้ดู!”

หา?

ตู้หย่งถึงกับอึ้งไปในทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น

เขาเคยได้ยินมาว่า เพื่อสร้างจวนให้แล้วเสร็จก่อนที่กองทัพใหญ่จะกลับด้วยชัยชนะ หยางฝานได้ระดมคนงานนับพันคนเร่งงานทั้งวันทั้งคืนต่อเนื่องกันกว่าสองเดือน!

แค่ค่าแรงคนงานก็เป็นเงินจำนวนมหาศาลแล้ว!

“เอ่อ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ข้าตรวจดูแล้วละ ท่านหลินอู่โหว...”

“เอามา!”

หลินชิงเยว่แย่งสมุดบัญชีมาจากมือฉิงเอ๋อร์

ทันทีที่เห็น นางก็รู้สึกเลือดลมตีขึ้นหน้า แทบจะยืนไม่อยู่!

“หยางฝาน!”

หลินชิงเยว่มีสีหน้าเย็นยะเยือกพลางกัดฟันกรอด “เจ้าสร้างจวนหลังหนึ่งหมดตั้งแปดล้านตำลึงเลยรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเงินจำนวนนี้สามารถซื้อเสบียงเลี้ยงกองทัพได้ทั้งปีเลยนะ!”

“เสบียงปีหนึ่งงั้นรึ?”

หยางฝานแสดงสีหน้าขบขัน “โอ้! ใช่แล้ว มากมายขนาดนั้นเชียว...”

“ตอนนั้นข้าก็บอกน้องชายเจ้าแบบนี้แหละ แต่เขาไม่ฟังเลย ทั้งอยากสร้างภูเขาจำลอง อยากขุดบ่อปลา แถมยังบอกว่าถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็ไม่คู่ควรกับตำแหน่งหลินอู่โหวของเจ้า...”

“ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้องชายเจ้าคิดอะไรอยู่”

“ถึงกับเอาเสบียงของกองทัพใหญ่ทั้งปีมาให้ท่านหลินอู่โหว!”

“สร้างจวนหลังหนึ่ง!”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 32

    “ชิงเยว่ แม้ว่าหยางฝานผู้นี้จะไม่สามารถทำการใหญ่สำเร็จได้ แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันกับชาวฉุน เรายังควรต้องใส่ใจให้มากขึ้น ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงใหญ่ ซึ่งเป็นรองทูตเจรจาสันติ ตอนนี้ประทับอยู่ที่จวนเยียนอ๋อง เพื่อหารือเรื่องการเจรจาสันติกับหยางฝาน ชิงเยว่ เจ้าลองใช้โอกาสนี้ไปสืบดูว่าเขาเตรียมจะจัดการเรื่องการเจรจาสันติอย่างไรบ้าง”เหลียงเส้าเหวยกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจเขาไม่ต้องการเห็นหยางฝานประสบความสำเร็จในการเจรจาสันติจริง ๆในเมื่อเป็นเช่นนั้น การรู้แผนการของหยางฝานล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งทว่าเมื่อหลินชิงเยว่ได้ยินว่าต้องการให้นางไปหาหยางฝาน ในใจก็เกิดรู้สึกต่อต้านขึ้นมาทันที“คุณชายเหลียงคิดมากไปแล้ว ข้ารู้จักหยางฝานผู้นี้ดีที่สุด เขาไม่มีความรู้ความสามารถอะไรเลย เรื่องการเจรจาสันตินี้ เขาจะมีวิธีรับมือได้อย่างไรกัน!”หลินชิงเยว่กล่าวเสียงเย็นชาทว่าเหลียงเส้าเหวยกลับส่ายหน้า“ชิงเยว่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชาวฉุน เจ้าอย่าได้ต่อต้านเลย มีเพียงหาวิธีทำให้หยางฝานเจรจาสันติล้มเหลวเท่านั้น เราจึงจะสามารถช่วยชาวฉุนออกมาได้อย่างปลอดภัย มิเช่นนั้น แม้จะจ่ายเงินไปแล้ว

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 31

    เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ที่ชัดเจนและมีเหตุผลของเซี่ยรั่วหลิน หยางฝานก็ปรบมือรัว ๆเด็กคนนี้ฉลาดไม่เบาเลยนะ!และในขณะนั้นเอง ฉิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวขึ้นอย่างเหมาะเจาะว่า “องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าท่านอ๋องจะตั้งราคานมนี้เท่าใด แต่วิธีการถนอมนม ท่านอ๋องได้คิดไว้เรียบร้อยนานแล้วเพคะ!”เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็มองไปยังหยางฝานด้วยความประหลาดใจทันที“ท่านมีวิธีเก็บรักษานมไม่ให้เสียหรือ?”หยางฝานผงกศีรษะทว่าเซี่ยรั่วหลินกลับแสดงสีหน้าสงสัย“ข้าไม่เชื่อว่าจะมีวิธีใดใต้หล้านี้ที่สามารถเก็บรักษานมสดไม่ให้เสียได้ ต่อให้เจ้าจะใช้ก้อนน้ำแข็งตลอดเวลาก็เก็บได้ไม่กี่วันแน่นอน”เซี่ยรั่วหลินจ้องหยางฝานอย่างสงสัยหยางฝานผงกศีรษะ“เป็นจริงอย่างที่องค์หญิงตรัส แม้นมนี้จะเก็บรักษาด้วยก้อนน้ำแข็งก็เก็บได้ไม่นาน!”เมื่อเห็นว่าแม้แต่เขาเองก็ยังพูดเช่นนี้ เซี่ยรั่วหลินก็หัวเราะออกมา“แล้วเจ้ายังกล้าพูดจาโอ้อวดว่ามีวิธีเก็บรักษาแล้วงั้นรึ?”หยางฝานหัวเราะเบา ๆ “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าข้าจะใช้น้ำแข็งในการเก็บรักษานมนี่พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเห็นเขามีท่าทางมั่นใจเต็มร้อยขนาดนั้น เซี

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 30

    “เจ้าค่ะ!”ฉิงเอ๋อร์มองเซี่ยรั่วหลินด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปไม่นานนัก ฉิงเอ๋อร์ก็กลับมาพร้อมแก้วที่บรรจุของเหลวสีขาวขุ่นอึก!เซี่ยรั่วหลินมองของเหลวสีขาวขุ่นที่บรรจุในแก้ว แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากตอนนั้นนางเห็นหยางฝานรีดนมด้วยตาตัวเองพอนึกถึงภาพนั้น เซี่ยรั่วหลินก็เริ่มอยากจะถอนตัวกลางคัน“เชิญองค์หญิงชิมพ่ะย่ะค่ะ!”หยางฝานกล่าวพร้อมรอยยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่ได้ เสด็จย่าบอกว่าข้าต้องใช้ข้อเท็จจริงมาโต้แย้งไอ้หมอนี่ ถอยกลับตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็เผยสีหน้าเหมือนตายเป็นตายพร้อมยกแก้วนมขึ้นมาดื่มแต่พอนมโคมาจ่อที่ปาก เซี่ยรั่วหลินกลับไม่ยอมนำเข้าปากสักทีพอคิดว่านมนี้ถูกรีดมาจากโค ในใจของนางก็รู้สึกต่อต้านอย่างประหลาดใจ“องค์หญิงไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง”หยางฝานเห็นสีหน้าตายเป็นตายของเซี่ยรั่วหลินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะในใจทว่า ราวกับถูกคำกล่าวของเขายั่วโมโห เซี่ยรั่วหลินจึงส่งเสียงเย็นชาออกมาทันที“ก็แค่นมโคมิใช่รึ วันนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าของสิ่งนี้ไร้ค่าสิ้นดี เจ้า

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 29

    เมื่อเห็นตั่วเหยียนเอ่ยพลางกำลังจะเผาจดหมาย กุนซือก็รีบกล่าวขึ้นว่า“องค์หญิงจะคิดอย่างนั้นไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าจุดประสงค์ของการเดินทางของเราในครั้งนี้จะเพื่อขอเสบียงและเงินบรรณาการ แต่หากมีคนในราชสำนักต้าเซี่ยคอยช่วยเหลือ การบรรลุเป้าหมายนี้ก็จะง่ายขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”พอเขากล่าวเช่นนี้ ตั่วเหยียนก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จากนั้นจึงผงกศีรษะ“ท่านกุนซือกล่าวมีเหตุผล เช่นนั้นเราก็ร่วมมือกับเขาดูสักครั้งเถิด แต่ว่าตามที่ระบุไว้ในจดหมายนี้ ผู้ที่จะมาเจรจากับเรา เป็นถึงท่านอ๋องของต้าเซี่ยเลยหรือ?”ตั่วเหยียนมองดูชื่อหยางฝานที่เขียนอยู่ในจดหมาย แล้วถามด้วยความแคลงใจกุนซือได้ยินดังนั้นแล้วก็หัวเราะเยาะอย่างดูแคลน“หยางฝาน เยียนอ๋องผู้นี้ ข้าก็เคยสืบมาแล้ว คนผู้นี้มีสัญญาหมั้นกับหลินชิงเยว่ แม่ทัพเถาฮวา แต่คนผู้นี้กลับเป็นคนเหลวไหลที่ไม่มีทั้งเกียรติยศและพรสวรรค์ในการบัญชาการรบ ได้ยินมาว่าวัน ๆ เอาแต่คลุกคลีอยู่กับพวกพ่อค้า เป็นแค่ท่านอ๋องรุ่นที่สองที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้น ฮ่องเต้ต้าเซี่ยก็คงจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ คิดว่าแค่ดันคนไม่เอาถ่านอย่างเยียนอ๋องขึ้นมา จะสามารถทำให้เราหวาดกลัวจนต้องถอยรนไปไ

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 28

    “จดหมายธนู?!”ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรีบลุกขึ้นยืนทันที“จับคนยิงได้หรือไม่!”กุนซือรีบถามกองกำลังคุ้มกันคณะเจรจาสันติภาพในครั้งนี้เป็นถึงกองทัพรักษาพระองค์ของท่านข่าน ปล่อยให้มีคนลอบเข้ามาถึงข้างค่ายโดยไม่รู้ตัวเลยหรือ?“ขอองค์หญิงและท่านกุนซือโปรดอภัยด้วย พวกข้าจับคนผู้นั้นไม่ได้!”ทหารผู้กล้าส่ายหน้าขณะคุกเข่า“ฮึ! พวกไร้ประโยชน์!”องค์หญิงตั่วเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาทหารผู้กล้าที่คุกเข่าอยู่รีบก้มหน้าลงทันทีส่วนกุนซือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกวักมือเรียกทหารผู้กล้าผู้นั้น“นำจดหมายธนูนั้นมา!”“ขอรับ!”กุนซือรับจดหมายธนูมา แต่ไม่ได้เปิดจดหมายออกในทันที กลับมองไปที่ลูกศรขนนกในมือแทน“ของสิ่งนี้มีอะไรน่าดูนักหนา ก็แค่คำยั่วยุจากพวกไร้ประโยชน์ของต้าเซี่ยเท่านั้นเอง มีคนแบบนี้ตลอดทาง ไม่น้อยไม่ใช่หรือ”องค์หญิงตั่วเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าดูแคลนต้าเซี่ยกับโม่เป่ยทำสงครามกันทุกปี คณะทูตอย่างพวกเขาเจอคนต้าเซี่ยที่โกรธแค้นไม่น้อยเลยระหว่างทางที่ผ่านมาทว่ากุนซือได้ยินดังนั้นแล้วกลับยิ้มพลางส่ายหน้า“องค์หญิง ข้าคิดว่าครั้งนี้อาจจะต่างออกไป”กล่าวจบ กุนซือก็แกะจดหมายออกเ

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 27

    ทันทีที่ก้าวเข้าประตูมา เซี่ยรั่วหลินก็เห็นไทเฮากำลังสวดมนต์อยู่ทันทีที่เห็นไทเฮา น้ำตาแห่งความน้อยใจก็เอ่อล้นในดวงตาของเซี่ยรั่วหลิน“เสด็จย่า!”เซี่ยรั่วหลินร้องเสียงดังพร้อมกับโผเข้ากอดไทเฮา แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความน้อยใจ“โธ่เอ้ย! ผู้ใดทำให้เด็กดื้อของเราไม่พอใจละเนี้ย ย่าจะไปสั่งสอนเขาเดี๋ยวนี้!”ไทเฮาลูบหลังเซี่ยรั่วหลินเบา ๆ พลางกล่าวด้วยความรู้สึกสงสารยิ่งเซี่ยรั่วหลินเปล่งเสียงฮึดฮัดเบา ๆ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังทันที“เสด็จย่า ท่านโปรดตัดสินว่านี่ใช่ความผิดของหยางฝานคนอวดดีคนนั้นหรือไม่ ข้าอุตส่าห์เป็นห่วงเขาแท้ ๆ เขาก็ยังไม่ฟังคำของข้าอีก ฮึ! โมโหจนจะตายอยู่แล้ว!”ไทเฮามองดูท่าทางโกรธขึ้งของเซี่ยรั่วหลินแล้วก็ไม่รู้จะตอบนางอย่างไรในทันทีเมื่อเทียบกับเซี่ยรั่วหลินที่ไม่รู้อะไรเลย ไทเฮากลับเข้าใจหยางฝานค่อนข้างมากหากหยางฝานไม่ได้แบ่งกำไรจากเครื่องประทินโฉมให้นางครึ่งหนึ่ง แม้นางจะเป็นไทเฮา ก็ไม่สามารถสร้างโบสถ์อันงดงามวิจิตรเช่นนี้ได้กระนั้น ในความคิดของไทเฮา หยางฝานเป็นคนที่มีความสามารถอย่างแน่นอนและนางยังรู้ด้วยว่าเหตุใดฮ่องเต้ถึงต้องใ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status