Masukหากเสินอ๋องผู้เฒ่าต้องการไว้หน้าเอ้อถานหลัวจริง ก็คงไม่ตอบตกลงให้นางจัดการเวินเยวี่ยแม้จะเอ่ยประโยคที่ว่า ‘เห็นแก่หน้าอาจารย์อาของเจ้า อย่าลงมือให้หนักเกินไปนัก’ แต่นั่นก็เป็นเพียงลมปากพูดกันตามตรง ที่รับปากให้นางสั่งสอนคนอื่นนั้นไม่จริง ที่บีบบังคับให้ศิษย์น้องเอ้อถานหลัวของเขาเปิดปากต่างหากที่จริงดังนั้นหลานซื่อไม่มีทางเก็บเอา ‘ความหวังดี’ ของเสินอ๋องผู้เฒ่ามาใส่ใจเป็นแน่มีศิษย์พี่เช่นนี้ ตัวเอ้อถานหลัวที่เป็นศิษย์น้องก็ไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคาดว่าคงเป็นพี่น้องแต่เปลือกนอก แต่แท้จริงแล้วต่างคนต่างมีแผนในใจเช่นนี้แล้ว สำหรับนางกลับถือว่าเป็นข่าวดีเสียอีกเพราะหากเสินอ๋องผู้เฒ่าร่วมมือกับหลวงจีนชั่วนั่นจริง ๆ แล้วล่ะก็ นางคงเกิดปัญหาใหญ่หลวงเป็นแน่หลานซื่อหลุบตาลงเล็กน้อย ฟังเอ้อถานหลัวเริ่มเอ่ยถึงสิ่งที่เรียกว่า “การเตรียมตัวก่อนเข้าประตู”...“ตอนที่อาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ อาตมาเคยได้รับเศษกระดาษแผ่นหนึ่งจากมือเขา บนเศษกระดาษนั้นมีเพียงข้อความสั้น ๆ สี่ประโยค...”“ปุถุชนห้ามเข้า ย่างกรายต้องตาย”“ผู้มีวิญญาณบริสุทธิ์ เข้าประตูเซียนได้”“โลห
“พอแล้ว หากจะตบตีก็ลากตัวลงไปตบตี ต่อหน้าแขกเหรื่อดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย”หลังจากปล่อยให้ไป๋เยวี่ยโหรวระบายโทสะต่อหน้าธารกำนัลแล้ว เสินอ๋องผู้เฒ่าจึงเอ่ยปากขึ้นคราวนี้ไป๋เยวี่ยโหรวกลับไม่ได้แข็งข้อใส่เสินอ๋องผู้เฒ่า อันที่จริงลากลงไปก็ยังจัดการได้ มิหนำซ้ำนางยังลงมือให้หนักกว่าเดิมได้อีกด้วยไม่ตีให้ตาย แต่ตีให้ปางตายคงไม่มีปัญหากระมัง?ไป๋เยวี่ยโหรวคิดได้เช่นนี้ ก็แทบจะรอไม่ไหวแล้วนางกระชากมือข้างหนึ่งของเวินเยวี่ย เตรียมจะลากตัวออกไปเวินเยวี่ยที่ถูกตบตีบาดเจ็บ เมื่อได้ยินว่าไป๋เยวี่ยโหรวยังจะพานางลงไปตบตีอีก มีหรือนางจะยอมให้ลากตัวไปแต่โดยดีต่อหน้าผู้คนยังถูกตบตีจนมีสภาพเช่นนี้ หากถูกพาลงไป เกรงว่าจะถูกหญิงแก่อำมหิตผู้นี้ตีตายเป็นแน่!ต่อให้ตีไม่ตาย ก็คงมีสภาพไม่ต่างกันสักเท่าใดเวินเยวี่ยที่หวาดกลัวสะบัดตัวหลุดจากมือของไป๋เยวี่ยโหรวทันใด ใช้แรงทั้งหมดพุ่งเข้าไปตรงหน้าเอ้อถานหลัว“อาจารย์! อาจารย์ข้าขอร้องท่าน ช่วยข้าด้วยเถิด! ฮือ ๆ ๆ...ข้าไม่กล้าอีกแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้องท่านล่ะอาจารย์...”ถึงอย่างไรเวินเยวี่ยก็ยังมีความฉลาดเฉลียวอยู่บ้างนางนึกขึ้นได้ว่าเส
กระโดดโลดเต้นวุ่นวาย มารยาสาไถย เหมือนมารดาผู้นั้นของนางไม่มีผิดประจวบเหมาะกับตอนนั้นไม่ได้ลงมือจัดการไป๋ชูโหรวด้วยตัวเอง ตอนนี้ได้จัดการลูกสาวของนางก็นับว่าไม่เลวเหมือนกันไป๋เยวี่ยโหรวก้าวพรวดตรงไปหาเวินเยวี่ยด้วยมาดอันดุดันเวินเยวี่ยพลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “ช้าก่อน ท่านจะทำอะไร?! ท่านหยุดอยู่ตรงนั้น!”เมื่อเห็นไป๋เยวี่ยโหรวพุ่งเข้ามา เวินเยวี่ยที่ตื่นตระหนกไม่ไหวก็รีบถอยหลัง หลบหลีกไปพลาง ร้องถามเสินอ๋องผู้เฒ่าที่อยู่เบื้องบนอย่างร้อนรนไปพลางว่า “เสินอ๋อง ข้าเพิ่งบอกเรื่องสายเลือดสกุลหลานแก่ท่านไป ท่านบอกว่าจะตกรางวัลให้อย่างงามมิใช่หรือ? เหตุใดถึงทำกับข้าเช่นนี้?!”ไป๋เยวี่ยโหรวเห็นนางยังกล้าหนีจึงตวาดลั่น “ปาถูเอ่อร์ เจ้าท่อนไม้ยังยืนบื้อทำอะไรอยู่ตรงนั้น ยังไม่รีบสกัดนางไว้อีก!”ปาถูเอ่อร์ที่กำลังคิดอยู่พอดีว่าจะเรียกคนมาช่วยเยวี่ยโหรวของเขาพลันสะดุ้งโหยง รีบลุกขึ้นเตรียมจะเข้าไปช่วยทันทีแต่ยังไม่ทันที่เขาจะเข้าไป ปลอกดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งผ่านหน้าปาถูเอ่อร์ไป แล้วกระแทกใส่ศีรษะของเวินเยวี่ยดัง ‘ตึง’ เข้าอย่างจัง“โอ๊ย!”เวินเยวี่ยที่ศีรษะเกือบแตกร้องโหยหวนด้วยความเจ็บป
เสินอ๋องผู้เฒ่าเอ่ยถามพลางกวาดสายตาอันคมกริบมองไปยังผู้มาเยือนต่างถิ่นหลายคนในตำหนักใหญ่บุตรชายตนเองไม่จำเป็นต้องพูดถึง ลูกสะใภ้ก็ถือกำเนิดจากสกุลไป๋ ย่อมเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะเป็นคนสายเลือดนั้นส่วนสองคนจากราชสำนักชั้นนอกนั่นก็ไม่ต่างกัน ดังนั้นจึงต้องเป็นหนึ่งในผู้มาเยือนต่างถิ่นกลุ่มนี้เท่านั้นสองพ่อลูกสกุลเวินคู่นั้นตัดทิ้งไปได้ ถ้าอย่างนั้นที่เหลือก็มีเพียงแค่ความเป็นไปได้สองอย่าง!เสินอ๋องผู้เฒ่าจับจ้องไปที่หลานซื่อด้วยแววตาลุกวาวทันที จากนั้นก็ปรายตามองบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหลังนางเป็นนาง? หรือว่าเป็นเขา?เวินเยวี่ยให้คำตอบเขาอย่างทนรอไม่ไหว “เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราเพคะ แม้ว่าเมื่อก่อนนางจะมีนามว่าเวินซื่อ แต่ต่อมาตัวนางทรยศออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา ทั้งยังเปลี่ยนไปใช้สกุลมารดา ตอนนี้มีนามว่า ‘หลานซื่อ’ หลานของสกุลหลาน ย่อมต้องเป็นสายเลือดของสกุลหลานอยู่แล้ว”เป็นไปดังคาด!เสินอ๋องผู้เฒ่าได้รับคำตอบที่แน่ชัด บนใบหน้าพลันฉีกยิ้มกว้างจนดูเกินจริงไปอย่างผิดปกติใช้สกุลตามมารดามารดาเป็นคนสกุลหลานดังนั้นในกายจึงมีเลือดของคนสายเลือดนั้นไหลเวียนอยู่โดยเฉพาะอย่
“ศิษย์น้อง เจ้ามีอะไรจะกล่าวหรือไม่?”เอ้อถานหลัวไม่อยากพูดสิ่งที่เขารู้เขาผู้นี้ย่อมรู้อยู่ก่อนแล้ว ส่วนสิ่งที่เขาไม่รู้ ศิษย์พี่ก็คงรู้แล้วเช่นกันดังนั้นเขาจะพูดหรือไม่พูดยังมีความหมายอะไรอีก?แต่เสินอ๋องผู้เฒ่ายืนกรานจะถามเขา เห็นได้ชัดว่าพยายามดึงเขาให้พัวพันไปด้วยกันเอ้อถานหลัวได้แต่ถอนหายใจ ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากนั้น...“ทูลเสินอ๋อง หม่อมฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ ท่านพ่อเขามีเรื่องหนึ่งที่น่าจะลืมพูดไปเพคะ”เสียงของเวินเยวี่ยดังขึ้นกะทันหัน ทำให้เอ้อถานหลัวชะงักไปเล็กน้อยเวินเฉวียนเซิ่งขมวดคิ้วทันควัน ปรายตามองลูกสาวผู้ไม่รู้จักสงบเสงี่ยมผู้นี้แวบหนึ่ง “เหลวไหล เสินอ๋องและแขกผู้มีเกียรติอยู่ที่นี่ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูด ยังไม่รีบถอยออกไปอีก!”“เฮ้อ เจิ้นกั๋วกงไม่ต้องทำเช่นนี้ บอกแล้วว่าวันนี้ข้าเชิญทุกท่านมาช่วย อนุญาตให้ทุกท่านพูดจาได้อย่างเสรี ย่อมไม่ต้องใส่ใจเรื่องพวกนี้”เสินอ๋องผู้เฒ่าคิดไม่ถึงว่านังหนูที่ศิษย์น้องของเขาเพิ่งรับเป็นศิษย์ได้ไม่นานผู้นี้ จะพรวดพราดออกมาในช่วงเวลาเช่นนี้อย่างกะทันหันผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนฉลาดหลักแหลม มีหรือจะดูสายตาที่ไ
หมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถง?ไป๋เยวี่ยโหรวและปาถูเอ่อร์เพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรกจึงหันไปมองหลานซื่อและเป่ยเฉินหยวนทั้งสองคนโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่สุนัขเฒ่าสกุลเวินนั่นบอกว่าพวกเขารับคำสั่งจากฮ่องเต้ต้าหมิงมาตามหาสถานที่ซ่อนสมบัติในภาพวาดที่นี่ เช่นนั้นอู๋โยวกับพวกก็จะไปตามหาหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงด้วยหรือ?หลังจากไป๋เยวี่ยโหรวมองพวกหลานซื่อทั้งสองคนแวบหนึ่ง นางก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อย สีหน้าครุ่นคิด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่หลานซื่อสังเกตเห็นสายตาของนาง แต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเวลานี้นางสนใจเรื่องที่จิ้งจอกเฒ่าเวินเฉวียนเซิ่งผู้นั้นยอมพูดเรื่องภาพวาดออกมาตรง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ โดยไม่มีเล่ห์เหลี่ยมสักนิดเสียมากกว่า นี่ดูไม่เหมือนวิสัยของเขาเลยหรือจะบอกว่า แท้จริงแล้วเขามีแผนการอื่นใด?หลานซื่อหรี่ตาทั้งสองลงเล็กน้อย นางไม่ได้เข้าไปขัดขวางเวินเฉวียนเซิ่งเวลานี้นางเองก็ขัดขวางไม่ได้ เพราะอย่างไรเสียปากก็อยู่ที่เขากลับกันหากนางแสดงท่าทีมากเกินไป นั่นต่างหากที่จะดึงดูดความสนใจจากเสินอ๋องผู้เฒ่าและคนอื่น ๆดังนั้นหลานซื่อจึงนั่งอย่างสงบเงียบ หลังจากฟังเวินเฉวียนเซิ่







