แชร์

บทที่ 178

ผู้เขียน: จิ้งซิง
เวินซื่อไม่คิดว่าเป่ยเฉินหยวนจะขอโทษนางเพราะเรื่องนี้

เมื่อนางมองบุรุษตรงหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจและสำนึกผิด น้ำเสียงจริงใจเช่นนั้น หัวใจของนางก็หยุดเต้นไปชั่วขณะ

นางรีบหันหน้าหนี ไม่กล้ามองเป่ยเฉินหยวนมากนัก “ไม่...ไม่เป็นไร ตอนนั้นพวกเราก็ไม่ได้รู้จักกันอยู่แล้ว”

ยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่เดินสวนทางกันครั้งหนึ่ง เอ่อ ไม่สิ ก็ไม่เชิงว่าเดินสวนทางกัน

ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไปก็ยังจำได้ ตอนนั้นเพราะอาการของนางแย่มาก เกือบจะล้มลงตรงหน้าประตูห้องทรงพระอักษร ยังเป็นเป่ยเฉินหยวนที่ช่วยพยุงนางไว้

“จริงสิ ข้าควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณท่านต่างหาก หากท่านอ๋องไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงข้าไว้ เกรงว่าตอนนั้นข้าคงจะล้มลงไปแล้ว”

นางยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า หากตอนนั้นนางล้มลงไปจริงๆ จะยังลุกขึ้นมาได้อีกหรือไม่?

อย่างไรเสีย วันนั้นบาดแผลของนางก็สาหัสมากจริงๆ

เมื่อได้ยินเวินซื่อพูดเช่นนี้ เป่ยเฉินหยวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

แต่ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา ยื่นมือลูบศีรษะของเวินซื่อผ่านหมวกสีฟ้าทะเล “ไม่เป็นไร ไม่ปล่อยให้ท่านล้มหรอก”

ตอนนั้นไม่มี ต่อไปก็จะไม่มีอีก

เวินซื่อที่ถูกลูบศีรษะอย่างกะทันหันถึงกับชะงักอยู่ที
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 179

    เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้นต่างเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตู เห็นเพียงเวินจื่อเฉินยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาแดงก่ำ ราวกับสิงโตที่กำลังโกรธเกรี้ยว“ท่านพ่อ อย่าแสร้งทำเป็นเงียบอีกเลย วันนี้ลูกอยู่ที่นี่ ขอถามท่านแค่ประโยคเดียว ในใจของท่าน ใครสำคัญที่สุด น้องห้าหรือว่าน้องหก?”“น้องรอง เจ้าพูดอะไรออกมา? น้องห้าและน้องหกต่างเป็นน้องสาวของพวกเรา อย่ามาเปรียบเทียบกันเช่นนี้”เขารู้ว่าท่านพ่อลำเอียง แต่ระหว่างน้องสาวทั้งสองคน จะไปพูดว่าใครสำคัญกว่าใครได้อย่างไร?“พี่ใหญ่!”เวินจื่อเฉินเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ท่านยังมองไม่ออกอีกหรือ? ที่น้องห้ากับพวกเรากลายเป็นแบบนี้ในวันนี้ นอกจากพวกเราจะผิด ท่านพ่อจะผิด ท่านคิดว่าน้องหกไม่ผิดอะไรเลยหรือ?”ก่อนหน้านี้ พวกเขาคิดว่าน้องหกเป็นคนใสซื่อ ใจดี กลัวว่าน้องหกจะรู้สึกด้อยค่าเพราะเป็นเพียงบุตรสาวบุญธรรม จึงคอยดูแลน้องหกมากมายและค่อยๆ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไร ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นในจวนนี้ แค่น้องหกร้องไห้ พวกเขามักจะซักถามน้องห้าเป็นคนแรกครั้งแรกเป็นเช่นนี้ และต่อมาก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งจนกระทั่งวันนี้ทุกอย่างจึงได้ถูกเปิดเผย และน้องสา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 180

    เวินเฉวียนเซิ่งที่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากคำพูดของเขา สีหน้าก็มืดมนในทันที เอ่ยชื่อแซ่ของเขาพร้อมกับเอ่ยถาม “เวินจื่อเฉิน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าในเมื่อน้องสาวไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว เช่นนั้นจวนเจิ้นกั๋วกงก็ไม่มีอะไรที่คู่ควรให้ข้าอยู่ต่อ”เมื่อเอ่ยออกไปเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น แม้แต่เวินอวี้จือที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้องแล้วเพิ่งตื่นมาได้ไม่นาน ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง“ปึง!”เวินเฉวียนเซิ่งโมโหจนตบโต๊ะลุกขึ้นยืน เพราะบุตรชายคนรองของเขา“เหลวไหล! เจ้าคิดว่าบ้านหลังนี้เป็นที่ที่เจ้าอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไปหรือไร?!”“ทำไมจะไปไม่ได้?”ในเวลานี้ เวินจื่อเฉินตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว แววตาของเขามุ่งมั่นเช่นนั้น “น้องสาวข้ายังไปได้ แล้วทำไมข้าจะไปไม่ได้? หรือว่าท่านพ่อจะใช้วิธีข่มขู่ข้าเช่นเดียวกับที่ทำกับน้องห้า ด้วยการตัดชื่อออกจากบันทึกลำดับญาติ?”เวินจื่อเฉินรู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว “ไม่เป็นไร จะตัดชื่อก็ตัดไปเถิด”พอไม่มีสถานะเป็นคนของสกุลเวินแล้ว เขาจะได้ใช้นามสกุลเวินเดียวกับน้องห้าแม้ว่าน้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 181

    ดูเหมือนเขาจะเกิดความยึดติด ต้องการที่จะทนรับความยากลำบากทั้งหมดที่เวินซื่อเคยประสบมาก่อนเขาอยากรู้ว่า น้องสาวของเขามีความรู้สึกอย่างไรกันแน่ในตอนที่เดินบนเส้นทางนี้และแล้วต่อมา เขาก็ได้สัมผัสอย่างรวดเร็วถนนขึ้นเขาที่เป็นโคลนตม ขรุขระ และเป็นโขดหินมากมาย ไม่เพียงแต่ขูดหัวเข่าของเขาจนใกล้จะแตกยับเยิน กระแทกหน้าผากของเขาจนแตก แต่ยังเสียดสีตามขอบมุมของเขาอย่างรุนแรงอีกด้วยเพิ่งผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งทางของการคุกเข่าคำนับ เวินจื่อเฉินก็รู้สึกว่าหัวเข่าและหน้าผากของตัวเองเจ็บปวดราวกับว่าไม่ใช่ของตัวเขาเองอีกต่อไปจากการคุกเข่าโขกศีรษะอย่างคล่องแคล่วในตอนเริ่มต้น จนสุดท้ายแม้แต่ยกขาข้างเดียวยังต้องออกแรงมาก เมื่อก้มตัวลงก็รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งแต่นี่เพิ่งได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น!เวินจื่อเฉินเงยหน้ามองขึ้นไปยังถนนขึ้นเขาที่ดูคล้ายจะไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะนั้นเอง ใบหน้าของเขาก็เผยความสับสนออกมาภูเขาลูกนี้เหตุใดถึงสูงเช่นนี้?ทั้ง ๆ ที่ในสายตาของเขาเมื่อก่อน ภูเขาหนานลูกนี้เป็นเพียงภูเขาที่ไม่ถือว่าเตี้ยเกินไปแต่ก็ไม่สูงสักเท่าใดแต่ตอนนี้ภูเขาลูกนี้เสมือนหน้าผาที่เขาไม่อาจปีนข้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 182

    จนกระทั่งในงานเลี้ยงเมื่อวันก่อน จู่ ๆ คนผู้นี้ก็มาขอโทษนาง ทำให้นางประหลาดใจไม่น้อยหลังจากเวินซื่อครุ่นคิดสักครู่ สุดท้ายก็พยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะออกไปพบเขาสักหน่อยแล้วกัน”ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่ตบบ่านาง พลางกระซิบว่า “ศิษย์น้องหญิงอู๋โยว ถึงแม้คนผู้นี้ดูคล้ายว่ามาขอโทษ แต่คำพูดของลูกผู้ดีมีเงินเอาแต่เสวยสุขพวกนี้ เจ้าอย่าไปเชื่อให้มากเกินไป จงเตรียมใจระมัดระวัง อย่าให้ถูกใครหลอกเอา”ที่จริงแล้วอู๋ขู่เป็นห่วงว่าเวินซื่อจะถูกหลอกเพราะศิษย์น้องหญิงเล็กของนางยังเด็กอย่างนี้ เพิ่งจะผ่านพิธีปักปิ่นไปได้ไม่นาน ช่วงอายุนี้เป็นช่วงเวลาที่จิตใจอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักกำลังแรกแย้ม ถูกผู้ชายชั่วร้ายล่อลวงได้ง่ายดังนั้นนางจึงต้องเตือนสติศิษย์น้องหญิงเอาไว้ ไม่ให้ตกหลุมพรางเด็ดขาด!“จำไว้นะศิษย์น้องหญิง พวกเราเป็นผู้ออกบวช ไม่ว่าผู้ชายเหล่านั้นจะพูดจาไพเราะหวานหูใด ๆ กับเจ้า เจ้าก็อย่าหลงเชื่อทั้งสิ้น จงควบคุมจิตใจตัวเอง อย่ากระทำผิดศีล เข้าใจไหม?”เวินซื่อกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“ศิษย์พี่หญิง ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”ฉีเซิ่งกับนางเคยมีวาสนาพานพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง เมื่อก่อนที่พบกันก็เ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 183

    “อ๋องผู้สำเร็จราชการแทน?!”ฉีเซิ่งที่ได้ยินเสียงและหันกลับมาก็สะดุ้งตกใจกับม้าตัวใหญ่ เมื่อเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นเป่ยเฉินหยวนก็ยิ่งตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว พลางอุทานด้วยความประหลาดใจ “ท่าน...ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”เป่ยเฉินหยวนมองลงมาจากที่สูง หลุบตาลงเล็กน้อย “เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย”ฉีเซิ่งที่หนังศีรษะเกร็งแน่นยิ้มอย่างเก้อเขินทันทีพร้อมกับเอ่ยว่า “กระหม่อมมาที่นี่เพื่อมอบของขวัญวันเกิดให้กับธิดาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินว่าเป็น ‘ของขวัญวันเกิด’ เป่ยเฉินหยวนก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเขาเอ่ยอย่างเย็นชา “วันเกิดของอู๋โยวผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เจ้าเพิ่งมาให้ของขวัญวันเกิดตอนนี้หรือ?”ความรู้สึกกดดันอย่างไม่อาจอธิบายบีบคั้นจนทำให้ฉีเซิ่งแทบจะยิ้มไม่ออกแล้ว เขาฝืนแสยะยิ้มมุมปากออกมา “ช้าไปหน่อย ดังนั้นของขวัญแสดงความยินดีชิ้นนี้ก็เป็นของขวัญขอโทษด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อก่อนเคยพูดจาล่วงเกินธิดาศักดิ์สิทธิ์ไปบ้าง ดังนั้นจึงได้ขอโอกาสชดเชยสักครั้งจากธิดาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”เวินซื่ออ้าปากกำลังจะพูดแต่ก็เงียบไว้ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่นางจำได้ว่าในงานเลี้ยงวันนั้น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 184

    เขาไม่อยากให้เวินซื่อคิดว่าเขาเป็นคนสารเลวแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงต้องอดกลั้นไว้อย่างเต็มที่“วันนี้อากาศดูไม่ค่อยดีเลย เกรงว่าฝนกำลังจะตกแล้ว ท่านอยากเข้าไปก่อนหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนมองไปที่เสื้อคลุมสีฟ้าน้ำทะเลบาง ๆ บนตัวนาง อยากจะถอดเสื้อกันลมของตัวเองออกเพื่อคลุมให้นาง แต่สุดท้ายก็ปล่อยไปเวินซื่อส่ายหน้า ถามถึงจุดประสงค์ในการมาของเขาในวันนี้ “มาหาข้าให้สวดมนต์ให้ท่านฟังหรือ?”เมื่อสองวันก่อนมีเรื่องราวมากมาย ไม่ได้สวดมนต์ให้เป่ยเฉินหยวนฟังสักเท่าใด เวินซื่อค่อนข้างเป็นห่วงเขาเป่ยเฉินหยวนย่อมไม่พลาดความรู้สึกในดวงตาของนาง พลันรู้สึกสบายใจขึ้นมากเขายิ้มพลางส่ายหน้า “วันนี้ช่างเถอะ สองวันนี้สถานการณ์ถือว่าไม่เลว อีกสองวันค่อยมาหาท่านใหม่”วันนี้เขาไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ แค่ต้องการเยี่ยมเวินซื่อเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าพอมาถึงจะได้เห็นผู้ชายบางคนคอยเอาอกเอาใจอู๋โยวของเขาเจตนาเล็ก ๆ ในดวงตาของเจ้าเด็กนั่น เขาเป็นผู้ชายด้วยกันจะมองไม่ออกได้อย่างไร?เพียงแต่ฉีเซิ่งนั้นยังเด็ก เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ยังประหม่า ดังนั้นเป่ยเฉินหยวนจึงมองเขาออก แต่เขากลับยังไม่รู้ความคิดของเป่ยเฉินหยวนไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 185

    ฝนรอบนี้ไม่หนัก แค่ละอองฝนที่โปรยปรายลงมาพร้อมกับลมหนาวโปรยปรายลงมาบนตัวเวินจื่อเฉิน ทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกทีละน้อย พัดหัวใจดวงนั้นของเขาให้เย็นเยียบ“พี่รอง ปีหนึ่งมีสี่ฤดู ผลิร้อนร่วงหนาว ท่ามกลางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในหลากหลายฤดูกาลเช่นนี้ ท่านชอบสภาพอากาศแบบไหนมากที่สุด?”ท่ามกลางความมึนงงในหัวของเวินจื่อเฉิน ความทรงจำในวัยเด็กได้ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเวลานั้นในครอบครัวมีเพียงเวินซื่อเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวนางชอบเกาะติดข้างกายเหล่าพี่ชายเสมอ โดยเฉพาะกับเขาเสมือนผู้ติดตามตัวน้อย ทุกครั้งที่เขากลับบ้าน น้องสาวตัวน้อยจะเข้ามาวนเวียนรอบตัวเขาปากเล็ก ๆ ถามเจื้อยแจ้วไม่หยุด ราวกับมีคำพูดมากมายที่พูดไม่จบอย่างไรอย่างนั้นและในเวลานั้นเขาก็รักและเอ็นดูเวินซื่อน้องสาวคนนี้มาก ไม่ว่านางจะถามอะไร เขาก็จะตอบนางอย่างอดทน ไม่เคยแสดงอาการฉุนเฉียวเลย“แน่นอนว่าที่ชอบมากที่สุดก็คือวันที่อากาศแจ่มใส! ทุกครั้งที่อากาศแจ่มใสพี่รองกับข้าจะสามารถออกไปหาคนมาต่อยตีด้วยได้ ต่อยตีจนรู้สึกสบายไปทั้งตัว!”“ทั้ง ๆ ที่เหงื่อเหม็นเต็มตัวไปหมด พี่รองต่อยตีกลับมาจะมีกลิ่นเหม็น ๆ เสมอ!”

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 186

    ดังนั้นเวินซื่อจึงมีความคิดเกี่ยวกับยาพิษชนิดใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วนางได้รวบรวมสมุนไพรกว่าสิบชนิดตามตำราพิษอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงแบ่งสัดส่วนทีละชนิดปั้นยาเม็ดสีดำมืดออกมาได้หนึ่งเม็ดอย่างรวดเร็วทันทีที่ทำเสร็จ เวินซื่อก็รีบหยิบยาเม็ดนั้นบรรจุใส่ขวดหยกขนาดเล็กของสิ่งนี้มีลักษณะเฉพาะที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับยาเชื่อฟังที่ได้รับการปรับปรุงก่อนหน้านี้นั่นก็คือยาเชื่อฟังไร้สีไร้กลิ่น ในขณะที่ยาเม็ดนี้มีรสชาติที่เข้มข้นมากและส่วนผสมที่เป็นพิษของมันนั้นไม่ได้อยู่ในเม็ดยา แต่อยู่ในกลิ่นหอมที่เข้มข้นเหล่านี้ทันทีที่เวินซื่อได้กลิ่นเพียงเล็กน้อย นางก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองแปลก ๆ ไปราวกับท้องฟ้ากำลังจะถล่ม หม่นหมองขึ้นมาในทันทีโชคดีที่ยังอยู่ภายในมิติ เวินซื่อสังเกตเห็นว่ามีความผิดปกติก็รีบวิ่งไปที่ริมลำธารเล็ก ๆ แล้วพุ่งลงน้ำอย่างฉับพลัน“ตูม” เวินซื่อถูกน้ำในลำธารที่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณห่อหุ้มไว้หลังจากถูกชะล้างด้วยพลังวิญญาณ กลิ่นหอมที่ส่งผลต่ออารมณ์ของนางจึงถูกกำจัดออกไปอย่างหมดสิ้น“มีฤทธิ์ครอบงำจิตใจอย่างแท้จริง เวลาใช้ต้องระวังสักหน่อยแล้ว”ขณะที่เวินซื่อเ

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status