เวินเฉวี่ยนเซิ่งที่ได้ยินเสียงของเวินเยวี่ยได้หันกลับไปหานาง “เป็นอะไรไป?”เวินเยวี่ยขมวดคิ้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่าเหมือนมีคนกำลังจ้องมองข้าอยู่เจ้าค่ะ”“จ้องมองเจ้าหรือ? ตอนนี้ก็ยังอยู่อีกหรือ?”เวินเฉวี่ยนเซิ่งหรี่ตาทั้งสองลง กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ลานกลางเผ่าเวินเยวี่ยส่ายหน้า “ตอนนี้ไม่อยู่แล้วเจ้าค่ะ”เวินเฉวี่ยนเซิ่งได้ยินดังนั้นก็ถอนสายตากลับ “ไปเถิด ประเดี๋ยวหากสังเกตเห็นอะไรอีก เจ้าก็รีบบอกพ่อก่อน”สองพ่อลูกจึงเดินตามหลานซื่อกับพวกที่อยู่ด้านหน้าอีกครั้งความเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสอง หลานซื่อย่อมสังเกตเห็นอยู่แล้วแต่นางก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเพราะคนที่อยู่ในความมืดนั้นชัดเจนว่าพุ่งเป้าไปที่เวินเยวี่ย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดแน่หลานซื่อรีบเดินตามแม่เฒ่าเสื้อป่านสีดำไป ครั้นไล่ตามไปถึงระยะห่างสี่ห้าเมตรนางก็ไม่ได้ตามติดอีก แต่ชะลอฝีเท้าลง ค่อย ๆ ตามหลังอีกฝ่ายแม่เฒ่าเสื้อป่านสีดำได้ยินเสียงฝีเท้าที่อยู่ข้างหลัง แต่นางไม่ได้หันกลับไปมอง และไม่ได้เอ่ยปากห้ามไม่ให้หลานซื่อกับพวกตามไปเดินกันไปเช่นนี้เรื่อย ๆ จนผ่านไปหนึ่งเค่อ พวกเขาก็มาถึงหน้าเรือนเล็กห
หลานซื่อเหลือบมองผู้สื่อสารหลี่คราหนึ่งผู้สื่อสารหลี่มองไปยังอีกฝ่ายอย่างเข้าใจความหมายทันที “คนที่พวกเราตามหาคือคนที่รู้จักนายน้อยของเรา”“อะไรนะ?”เด็กชายหมาป่าแขนเดียวอึ้งไปชั่วขณะ “คนที่รู้จักนายน้อยของพวกท่านหรือ?”ผู้สื่อสารหลี่ผายมือไปทางหลานซื่อ แนะนำให้เด็กชายหมาป่าแขนเดียวรู้จักด้วยท่าทีสุขุม “นี่คือนายน้อยของเรา”เด็กชายหมาป่าแขนเดียวมองไปยังหลานซื่อด้วยความสงสัยทันที “ท่านคือนายน้อยเผ่าโยวหลานหรือ? แต่ข้าเคยเจอนายน้อยเผ่าโยวหลานมาก่อน ท่านหน้าตาไม่เหมือนเขาเลยนี่”หลานซื่อยิ้มกริ่มอย่างไม่ตื่นตระหนกพลางเอ่ยปากว่า “ก็เพราะเขาตายแล้วน่ะสิ”เด็กชายหมาป่าแขนเดียวสะดุ้งตกใจทันทีแต่แล้วก็เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง พินิจมองหลานซื่อตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วพยักหน้า “สงสัยท่านจะฆ่าพี่ชายของท่านสำเร็จ แล้วขึ้นเป็นนายน้อยคนใหม่ของเผ่าโยวหลาน ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อก่อนข้าไม่เคยพบพวกท่าน”หลานซื่อเห็นว่าตบตาสำเร็จแล้ว ก็แสร้งพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็พาพวกเราไปตามหาคนได้หรือยัง?”เด็กชายหมาป่าแขนเดียวเกาศีรษะ “แต่คำพูดของพวกท่านมันแปลกเกินไป ก่อนห
เวินเฉวียนเซิ่งชำเลืองมองหลานซื่อ จากนั้นถอยไปหนึ่งก้าว มอบอำนาจตัดสินใจให้นางหลานซื่อกล่าวด้วยสีหน้าคงเดิม คำพูดที่ออกมานั้นกลับเป็นภาษาต่างเผ่า “เผ่าโยวหลาน”ผู้เฒ่าฝ่ายตรงข้ามได้ยินว่าเป็นคนจากเผ่าโยวหลาน จึงถามว่า “มาด้วยเหตุอันใด?”หลานซื่อตอบว่า “มาหาคน”เป็นภาษาต่างเผ่าอีกครั้งเวินเฉวียนเซิ่งมองนางอีกครั้งด้วยสายตาแฝงนัยอันลึกซึ้งเขาไม่รู้เลยว่า บุตรสาวของตนผู้นี้ไปเรียนภาษาต่างเผ่ามาตั้งแต่เมื่อใด?ก่อนมา หรือหลังจากมาแล้ว?ต้องเรียนรู้หลังจากมาแล้วเป็นแน่หลานซื่อในอดีตไม่เข้าใจภาษาต่างเผ่านี้เลย แต่ระหว่างทางมา นางใช้เวลาเรียนรู้ภาษาต่างเผ่าแบบเร่งด่วนจากอวิ่นซิงเพียงไม่กี่คำแม้ว่าอวิ่นซิงจะช่วยให้นางฟังเข้าใจได้ แต่ถ้อยคำที่ออกมาก็ยังต้องให้นางพูดเองแต่แค่ฟังเข้าใจ แล้วพูดซ้ำตามคำพูดของอวิ่นซิง ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรและนางก็ไม่จำเป็นต้องพูดมากเกินไปเสี่ยวหานที่อยู่ข้างหลังนางได้คว้าตัวผู้สื่อสารหลี่ซึ่งเป็นคนในคณะที่สามารถพูดภาษาต่างเผ่าได้มาอยู่ข้างกายแล้วหลานซื่อแค่ต้องพูดประโยคสำคัญไม่กี่คำ เพื่อยืนยันตัวตน แล้วการสื่อสารที่เหลือก็โยนให้ผู้สื่อสารหลี่
ชางชิงหลานแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ “เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้?”เยี่ยนจือเอ่ยอย่างหมดคำพูด “เพราะตอนนั้นท่านกำลังยุ่งอยู่กับการเพาะเลี้ยงราชากู่ของท่าน คำพูดของราชาใหญ่ท่านยังไม่ทันได้ฟังให้ชัดเจน ก็โบกมือบอกว่าให้พวกเขาตัดสินใจกันตามสบาย จากนั้นก็วิ่งออกไป”มุมปากของชางชิงหลานกระตุกในทันใดเยี่ยนจือยังตอกย้ำอีกว่า “อ้อ ใช่แล้ว ก็คือราชากู่ของท่านที่หายไปแล้วนั่นอย่างไร"ชางชิงหลาน “...””เยี่ยนจือ”“ขอรับ”ชางชิงหลานจับราวจับเกี้ยว มองเขาอย่างเยือกเย็นจากที่สูง “แค่ชาคำเดียวเอง ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้กระมัง?”เยี่ยนจือเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ยังมีน้ำลายของท่านด้วยขอรับ”วินาทีต่อมา...“พลั่ก!”เยี่ยนจือก็ถูกถีบกระเด็นออกไปใครคนนั้นทิ้งท้ายไว้ว่า “เก็บกวาดสิ่งไร้ประโยชน์พวกนี้ให้หมดจด เก็บกวาดเสร็จเมื่อไหร่ค่อยกลับมาเมื่อนั้น”แล้วเขาก็สั่งให้คนรีบไปโดยไม่เหลียวหลังทิ้งให้เยี่ยนจือยืนอยู่ที่เดิมอย่างหมดคำพูด รอจนเกี้ยวของชางชิงหลานหายไปจากสายตา เขาจึงถอนสายตาหันไปมองผู้คนเหล่านั้นที่คุกเข่าอยู่บนถนนหมูดูเหมือนจะรับรู้ได้ว่าภยันตรายกำลังจะมาถึง ใบหน้าของคนเหล่านั้นเผ
“เยี่ยนจือ เจ้าแน่ใจหรือว่าว่าคนที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่คือจวี้เอ๋า?”ชางชิงหลานนั่งอยู่บนเกี้ยวอันวิจิตรงดงาม ที่แบกเขาอยู่คือชายฉกรรจ์สี่คนที่แม้ไม่ได้สูงใหญ่เท่าเล่อตุน แต่ก็ไม่ต่างกันนักพวกเขาสวมหน้ากากหน้าตาดุร้าย ดวงตาอำมหิตแต่ละคู่มองลอดผ่านหน้ากากไปยังผู้คนที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าเกี้ยวบนถนนหมู“เรียนนายท่าน ตามที่คนบนถนนหมูกล่าว คนผู้นั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ผิดปกติ พละกำลังมหาศาล ลงมือเหี้ยมโหด เมื่อสังเกตถี่ถ้วนแล้วพบว่าอีกฝ่ายเหมือนจะมีสติปัญญาไม่สมบูรณ์นัก ด้วยความคล้ายคลึงกันมากมายขนาดนี้ นอกจากจวี้เอ๋าแล้ว ข้าน้อยคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะมีใครอีก”ชางชิงหลานงอนิ้วเคาะราวจับเกี้ยว เมื่อได้ฟังคำพูดของเยี่ยนจือแล้ว เขาก็ยิ้มออกมาทันที“เดิมทียังนึกว่าเจ้าหมอนั่นคงตายไปนานแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะติดตามธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้าหมิงไปเสวยสุขอยู่ในจงหยวน”“นายท่าน จะให้ข้าน้อยส่งคนไปจับเขากลับมาตอนนี้เลยหรือไม่?”เยี่ยนจือสีหน้าขรึม กอดดาบพลางเอ่ยถามขึ้น“ไม่ต้อง”ชางชิงหลานเอ่ยอย่างราบเรียบ “ปล่อยให้เขาตามธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้าหมิงไป ด้วยรูปร่างของเขานั้นยากจะหลบพ้นสายตา ยิ่งเป็นการสะดวกให้เรา
เวินเฉวียนเซิ่งหรี่ตาทั้งสองลงเล็กน้อย “แล้วเจ้าต้องการเช่นไร?”หลานซื่อเอ่ยขึ้น “คืนนี้ออกเดินทางได้ เร่งไปถึงราชสำนักภายในห้าวัน”มากกว่าที่เวินเฉวียนเซิ่งพูดไว้สองวันทันทีที่ได้ยินถ้อยคำนี้ เวินเฉวียนเซิ่งก็เหมือนจะคาดเดาอะไรได้ สายตาเขาทอดไปยังกระดาษแผ่นนั้นที่อยู่ในมือหลานซื่อ“เจ้าสืบได้ความอะไรมา?”เมื่อได้ยินเขาถามตรง ๆ เช่นนี้ หลานซื่อจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มอันคลุมเครือ “บนโลกนี้ย่อมไม่มีสิ่งใดได้มาเปล่า ๆ”เวินฉางอวิ้นจับจ้องนาง มองอยู่พักใหญ่ก่อนถามว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด?”หลานซื่อไม่ได้ต้องการสิ่งใดหากจะมีจริง ๆ นางต้องการชีวิตของเวินเฉวียนเซิ่ง แต่น่าเสียดายเขาคงไม่ยอมให้แน่ ๆหลานซื่อได้แต่เสียดาย ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก “เช่นนั้นก็ขอเลือดของท่านแล้วกัน”นางหยิบชามใบหนึ่งจากตรงหน้าวางลงข้างหน้าโดยไม่คิดอะไรมาก “เลือดหนึ่งชาม แลกกับข่าว”เวินเฉวียนเซิ่งไม่มีทางให้เลือดของตัวเองแก่นางแต่เขาต้องการข่าวในมือของหลานซื่อ ดังนั้นจึงเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “แลกกับคน”หลานซื่อเก็บกระดาษในมือ ทำท่าไม่ยินดีจะเจรจาต่อแต่เวินเฉวียนเซิ่งก็เอ่ยขึ้นทันควัน “เลือดของเวินจื่อ