Share

บทที่ 202

Author: จิ้งซิง
สีหน้ากังวลบนใบหน้าของเวินฉางอวิ้นไม่ได้เสแสร้ง

เขาเป็นห่วงเวินซื่อที่จะต้องไปที่จินโจวมากจริงๆ

แต่เขาก็มักจะประเมินความตั้งใจของเวินซื่อต่ำเกินไปทุกครั้ง

“คุณชายใหญ่ไม่ต้องพูดแล้ว การเดินทางไปจินโจวครั้งนี้เป็นความตั้งใจของข้า ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายืนกรานที่จะไป ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจข้าได้”

“น้องห้า! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เวินฉางอวิ้นก็ไม่สามารถเข้าใจนางได้จริงๆ “สถานที่อันตรายเช่นนั้น เหตุใดเจ้าถึงต้องไปด้วย?! เหมือนกับตอนที่พี่ใหญ่เคยเตือนเจ้า เจ้าก็ไม่เคยฟัง ไม่ยอมกลับบ้าน และไม่ยอมหันหลังกลับ!”

“แม้ว่าเจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ทำได้เพียงใช้ชีวิตอย่างสงบเรียบง่าย ละจากทางโลก จะไปลำบากที่อารามแม่ชีนั่นก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่เอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้จินโจววุ่นวายมากแค่ไหน?!”

“น้องห้า เลิกเอาแต่ใจตัวเองได้แล้ว ตามพี่ใหญ่กลับไปเถอะ!”

เวินฉางอวิ้นไม่อยากเห็นเวินซื่อไปจินโจว เขาพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดี แต่น่าเสียดายที่เวินซื่อมีเพียงความเฉยเมยต่อคำพูดเหล่านี้ของเขา

“ข้าได้พูดไปแล้ว ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมอีก และ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
WLFJ
จำชื่อพี่น้องสี่คนไม่ได้ 555 พี่ใหญ่เกิดเป็นห่วงอะไรตอนนี้ ตอนที่เขาอยู่บ้านดีๆ ไม่ห่วง
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 930

    ใครจะรู้ว่าอุตส่าห์ลงแรงไปตั้งครึ่งค่อนวันกลับเสียแรงเปล่า!แถมยังถูกหลานซื่อจับได้อีก!ไม่ได้ ต้องไม่ยอมรับเด็ดขาด!“ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?! หรือท่านสงสัยว่าตุ๊กตาคนตัวเล็กนี่ เป็นข้าอันหมิงจูโยนลงไปในสระน้ำหลังเรือนของพวกท่านหรือ!”หากยอมรับในตอนนี้ หลานซื่อไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ในทางกลับกัน ตราบใดที่หลานซื่อไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าตุ๊กตาคนตัวเล็กนี้เป็นนางที่โยนลงไป หลานซื่อก็ทำอะไรนางไม่ได้!เมื่อคิดเช่นนี้ อันหมิงจูก็ยิ่งทำใจแข็งขึ้นเล็กน้อย นางเชิดคอขึ้น พลางจ้องมองหลานซื่อและกล่าวอย่างมีเหตุผลชอบธรรมและมั่นใจ “ตุ๊กตาคนตัวเล็กนี่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นของที่สกุลหลานของพวกท่านทำตกไว้ในสระนั่นตั้งแต่เมื่อก่อนหรือไม่!”“หรือบางทีท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์อาจจะเห็นว่าข้าอันหมิงจูรังแกง่าย ก่อนหน้านี้จะตบจะด่าอย่างไรก็ได้ มาตอนนี้ยังคิดจะปรักปรำข้าอีก แต่ถึงข้าอันหมิงจูจะรังแกง่าย สกุลอันของเรากลับไม่ใช่พวกที่จะยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ !”อันหมิงจูกล่าวจบรวดเดียวอย่างเกรี้ยวกราด คิดว่าหลานซื่อคงจะต้องตกตะลึงในท่าทีของนางเป็นแน่แต่ผลลั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 929

    “ท่าน...ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดอะไรอยู่”สายตาของอันหมิงจูสั่นไหวเล็กน้อย หลังจากรู้สึกผิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็รีบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อะไรคือสารภาพแต่โดยดีหรือถูกเปิดโปง อะไรกัน ข้าตกน้ำที่สกุลหลานของพวกท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นประมุขตระกูลหลาน ไม่คิดที่จะขอขมาและอธิบายกับข้า แต่กลับคิดจะใช้กำลังบังคับให้ข้ารับสารภาพที่นี่ นี่คือธรรมเนียมการต้อนรับแขกของสกุลหลานของท่านหรือ?!”อันหมิงจูกุมใบหน้าที่ถูกตบของตนเอง กล่าวอย่างขุ่นเคือง “ต่อให้ท่านจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ แต่พ่อของข้าก็เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ข้ายังเป็นพี่หญิงของกุ้ยเฟย ท่านจะมาข่มเหงรังแกข้าอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ไม่ได้ มิฉะนั้น สกุลอันของเราจะต้องทูลฟ้องเรื่องนี้ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทแน่!”หลานซื่อเห็นว่านางยังไม่ยอมพูดความจริง ก็ขี้เกียจที่จะเค้นถามต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็รออยู่ที่นี่เถอะ”อันหมิงจูเอนกายพิงเตียง กอดร่างที่เปียกโชกของตนเองไว้ กัดริมฝีปากล่าง สายตาคอยลอบเหลือบมองหลานซื่อเป็นครั้งคราวเมื่อเห็นว่าหลานซื่อยังคงมีท่าทีสงบนิ่งและใจเย็นตลอดเวลา พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ อันหมิงจูเองกลับเริ่มร้อนใจข

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 928

    “ท่านดูสิ ตอนนี้เสื้อผ้าของข้าก็เปียก ผมก็เปียกแล้ว งานเลี้ยงของท่านข้าคงอยู่ร่วมต่อไม่ได้แล้ว หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ท่านปล่อยข้ากลับไปก่อนดีหรือไม่ อย่างไรเสีย หากเรื่องที่ข้าตกน้ำในจวนของท่านแพร่งพรายออกไปก็คงไม่ดี ท่านว่าจริงหรือไม่?”ขณะที่นางกล่าวคำพูดนี้ สายตาก็ฉายแววรำคาญออกมาแวบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ดูมีท่าทีร้อนรนอยู่บ้างแม้ว่าหลานซื่อจะกำลังจิบชาอย่างตั้งใจ แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่อันหมิงจูดังนั้นนางจึงไม่พลาดชั่วขณะนั้นดูท่าว่าเรื่องที่อันหมิงจูตกน้ำนี่จะมีเบื้องหลังจริงๆ สินะนางวางถ้วยชาลง แล้วจ้องมองอันหมิงจูเงียบๆ อยู่เป็นเวลานานในขณะที่ความอดทนของอันหมิงจูใกล้จะหมดลง ขมวดคิ้วกำลังจะเอ่ยปากอีกครั้ง หลานซื่อก็เอ่ยขึ้นมาในที่สุดเพียงแต่คำพูดแรกที่เอ่ยออกมาก็ทำให้อันหมิงจูสติหลุดลอยไปในทันที“คุณหนูใหญ่อันจะรีบร้อนไปไย ในเมื่อท่านตกน้ำที่สกุลหลาน เช่นนั้นก็ต้องสืบสวนหาสาเหตุของการตกน้ำให้กระจ่าง”หลานซื่อเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วสั่งการคนข้างกาย “เสี่ยวหาน นำคนไปตรวจสอบสถานที่ที่คุณหนูใหญ่อันตกน้ำให้ละเอียด ตรวจสอบทั้งบนบกและในน้ำ ตรวจให้ทั่วทุกตารางนิ้ว อย่าปล

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 927

    “ผู้ใดตกน้ำ? ช่วยคนขึ้นมาได้แล้วหรือยัง?”หลานซื่อเอ่ยถามทันที“เป็นคุณหนูใหญ่สกุลอันเจ้าค่ะ ส่งคนลงไปช่วยแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดถึงช่วยขึ้นมาไม่ได้”หลานซื่อพอได้ยินก็รู้ทันทีว่าเป็นอันหมิงจูแห่งสกุลอัน นางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ช่วยขึ้นมาไม่ได้? เหตุใดจึงช่วยขึ้นมาไม่ได้ ไม่ได้ส่งคนที่ว่ายน้ำเป็นลงไปเพิ่มอีกหรือ?”บ่าวรับใช้กล่าวอย่างจนใจ “ส่งไปแล้วเจ้าค่ะ แต่คุณหนูใหญ่สกุลอันผู้นั้น ไม่ทราบว่าตกใจกลัวหรือว่าเป็นอะไรไป เอาแต่ตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำตลอดเวลา สาวใช้ที่ส่งไปช่วยนาง หากไม่ถูกนางผลักออกไป ก็ถูกนางดึงไว้ในน้ำจนว่ายไปไหนไม่ได้เจ้าค่ะ”หลานซื่อกำลังจะออกคำสั่ง ทันใดนั้นหางตาก็พลันเหลือบไปเห็นบ่าวรับใช้คนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของจวนใด กำลังมาจากทางหลังเรือน พยายามจะบุกเข้ามาในงานเลี้ยงนางหรี่ตาทั้งสองข้างลงทันที “จู๋เยวี่ย ไปจับบ่าวรับใช้คนนั้นมา อย่าให้เกิดความวุ่นวาย พอส่งตัวให้พ่อบ้านหลานแล้ว ก็ไปช่วยคนที่ตกน้ำขึ้นมา จากนั้นพามาพบข้า”“เจ้าค่ะ”ได้ยินเพียงเสียงแต่ไม่เห็นตัวเมื่อหลานซื่อออกคำสั่งแล้ว นางก็ประสานมือให้แขกเหรื่อทุกท่านในโถงบุปผาเพลิดเพลินกับอาหาร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 926

    เมื่อกล่าวจบ เวินซื่อก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม จากนั้นจึงลุกขึ้นไปปักธูปเนื่องจากตอนนี้สกุลหลานไม่มีผู้อาวุโสแล้ว เวินซื่อจึงทำได้เพียงจับพู่กันด้วยตนเอง เขียนชื่อของนางลงไปในบันทึกลำดับญาติของสกุลหลานเมื่อขีดสุดท้ายถูกเขียนลงไป เวินซื่อก็ส่งพู่กันให้แก่พ่อบ้านหลานจากนั้น นางก็หันกลับมาคารวะแขกเหรื่อทุกคน “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั่วหล้าจะไม่มีเวินซื่อแห่งสกุลเวินอีกแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่มาเป็นพยาน หลานซื่อแห่งสกุลหลานขอคารวะทุกท่าน”“ขอแสดงความยินดีกับประมุขตระกูลหลาน!”“ประมุขตระกูลหลานมิต้องเกรงใจ”“ขอให้สกุลหลานเจริญรุ่งเรืองดังเช่นในอดีต ภายใต้การนำของประมุขตระกูลหลาน!”“...”แขกเหรื่อทุกคนต่างประสานมือคารวะตอบกลับ กล่าวแสดงความยินดีกับหลานซื่อทีละคน เสียงแสดงความยินดีดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและในขณะนั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงประกาศดังขึ้น“ผู้ส่งสารจากฮองเฮาเสด็จมาถึง เพื่อแสดงความยินดีในวาระมงคลของธิดาศักดิ์สิทธิ์และสกุลหลาน ทรงพระราชทานของขวัญมงคลหนึ่งร้อยรายการ คทาหรูอี้หยกทองคำฝังอัญมณีหนึ่งคู่ กำไลข้อมือเคลือบทองลายเถาบัวหนึ่งคู่ ถ้วยแก้วหลิวหลีเรืองแสงหนึ่งคู่ สร้อยไข่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 925

    “เจ้าจะใช้สกุลอะไร เหตุใดยังต้องให้ข้าช่วยตัดสินใจด้วย?”เวินซื่อเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆ ราวกับไม่ได้เข้าใจคำใบ้ของคนบางคนเลยแม้แต่น้อยฟ่านจุ้ยถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะเขาคงไม่สามารถพูดออกมาตรงๆ ได้กระมังว่าตนเองอยากจะใช้สกุลนั้น?“พี่หญิง~ ขอร้องล่ะ ข้าอยากให้พี่หญิงช่วยตั้งชื่อให้น้องชายคนนี้จริงๆ จริงๆ นะ!”ฟ่านจุ้ยยังไม่ยอมแพ้ กะพริบตาปริบๆ มองนางอย่างน่าสงสาร “ท่านก็รู้ว่าข้าเร่ร่อนอยู่ข้างนอกตั้งแต่เด็ก แม้แต่ชื่อก็ยังเป็นคนขี้เมาตั้งให้ ฟ่านจุ้ย ฟ่านจุ้ย ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ท่านก็รู้สึกว่าชื่อของข้าไม่ดีมิใช่หรือ? ดังนั้นท่านช่วยข้าตั้งชื่อใหม่สักชื่อเถอะนะ~”เวินซื่อได้ยินดังนั้นก็กระแอมออกมาหนึ่งครั้งนางเองก็จำได้ว่าตอนที่ได้ยินชื่อฟ่านจุ้ยครั้งแรกนั้น มันช่างเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายแถมยังตกใจอยู่บ้างว่าพ่อแม่บ้านไหนกันที่จะตั้งชื่อลูกของตัวเองว่า “ฟ่านจุ้ย” (ทำผิด) กันล่ะ“ตอนนี้ญาติทางสายเลือดของเจ้าก็ไม่ได้มีแค่ข้าคนเดียวเสียหน่อย...”“แต่ข้าก็อยากให้พี่หญิงช่วยตั้งให้!”ไม่รอให้เวินซื่อพูดจบ ฟ่านจุ้ยก็ขัดจังหวะขึ้นมาทันที กล่าวด้วยน้ำเสียง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status