"หลี่ฮุ่ยหราน ก็คือประธานหลี่ซื่อกรุ๊ป คนที่เคยร่วมมือกับตระกูลถังมาก่อน" เหลียวกั่วตงอธิบายพอจางเต๋อหลินฟังคําพูดนี้ก็เข้าใจทันทีเขายิ้มและพูด "เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล มีคนจัดการแทนแล้ว""อีกไม่นาน รอยแผลเป็นของคุณหนูหลี่ก็จะหายเป็นปกติ"เรื่องนี้มีหลินเฟิงเตรียมที่จะลงมือแล้ว และไม่จำเป็นต้องใช้เขาอีกถ้าหลินเฟิงรักษาไม่ได้ ตัวเองก็อาจไม่มีความสามารถนี้เช่นกัน"อืม..." เหลียวกั่วตงยังอยากถามอะไรอีก แต่จางเต๋อหลินกลับวางสายไปแล้วจางกุ้ยหลานถามทันทีว่า "กั่วตง หมอเทวดาจางว่ายังไงบ้าง?"เหลียวกั่วตงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "อา... วางใจได้ หมอเทวดาจางรับปากเรื่องนี้แล้ว แต่เขาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรักษาฮุ่ยหรานได้""สัญญาว่าจะไม่มีปัญหา"พอจางกุ้ยหลานฟังคําพูดนี้ เธอก็ดีใจมาก "กั่วตง ขอบคุณจริงๆ""ฉันไม่คิดว่าช่วงเวลาสําคัญของฉันแบบนี้จะได้พึ่งพาอดีตเพื่อนร่วมชั้น""นายยังเก่งเหมือนเดิม จําได้ว่าปีนั้นนายไม่เพียงแต่เรียนเก่ง อีกทั้งเรื่องกีฬาก็ยังเก่งอีกด้วย ตอนนั้นคุณสอบเข้ามหาวิทยาลัยในชั้นเรียนของเราได้เป็นคนแรก"เหลียวกั่วตงเพลิดเพลินกับสายตาที่เทิดทูนบูชาของจา
ในเวลานี้หลี่ฮุ่ยหรานกําลังนั่งเงียบ ๆ อยู่บนเตียงผู้ป่วยโทรศัพท์วางอยู่ข้าง ๆ และเปิดโหมดธุรกิจทันใดนั้นหน้าจอก็สว่างขึ้นและผู้โทรแสดงเป็นหมายเลขของหลินเฟิง ซึ่งเธอจำมันได้ตั้งนานแล้วโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เธอตัดสายจากหลินเฟิงทันทีเธอรู้สึกว่าตอนนี้เธอเป็นคนที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว แม้กระทั่งกลัวว่าจะถูกหลินเฟิงหัวเราะเยาะหลินเฟิงโทรมาอีกสองสาย ทั้งหมดถูกเธอตัดสายไปและในที่สุดก็บล็อกเบอร์นั้นไปในเวลานี้ จางกุ้ยหลานเดินเข้ามาตามหลังเธอก็คือเหลียวกั่วตง"ฮุ่ยหราน ดูสิว่าใครมาแล้ว" จางกุ้ยหลานรีบแนะนําให้ลูกสาวของเธอรู้จักแต่อารมณ์ของหลี่ฮุ่ยหรานอ่อนไหวมาก ขมวดคิ้วแล้วพูด "ออกไป""ลูกแม่ ลูกไม่ต้องกลัว คราวนี้ลุงเหลียวของเธอมาเพื่อรักษาอาการป่วยของลูกโดยเฉพาะ"ก่อนที่จางกุ้ยหลานจะพูดจบ เหลียวกั่วตงก็เดินเข้ามาใกล้ทันทีเมื่อเห็นใบหน้าอันประณีตของหลี่ฮุ่ยหราน ในใจก็อดชื่นชมไม่ได้ลูกสาวของจางกุ้ยหลานสวยธรรมชาติมาก แต่น่าเสียดายที่แผลเป็นบนใบหน้านี้ทําลายความงามทั้งหมดแม้จะทำให้เธอดูค่อนข้างดุร้ายไปหน่อย“คุณเป็นใคร? ออกไปซะ” หลี่ฮุ่ยหรานพูดด้วยความโกรธ หยิบห
ออกจากโรงแรมเทียนหยูมา เขาวางแผนที่จะหาร้านอาหารทานง่าย ๆไปตามทางถนนตะวันออก หลินเฟิงเข้าไปในร้านอาหารจีนร้านหนึ่งที่นี่มีบรรยากาศที่ดีและผู้คนไม่มากสิ่งที่เขาชอบที่สุดก็คือสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบแบบนี้สั่งอาหารพิเศษมาบางอย่างหลินเฟิงก็เริ่มกินขณะที่เขากำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ ทันใดนั้นประตูร้านอาหารก็ถูกผลักเปิดออก และมีเสียงดังโหวกเหวกมาจากร้านอาหารที่แต่เดิมเงียบสงบหลินเฟิงเงยหน้าขึ้น คนที่พูดก็คือจางกุ้ยหลานอดีตแม่ยายของเขาเพียงแต่ว่าข้าง ๆ เธอยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งตัวเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนจางกุ้ยหลานมองสภาพของร้านอาหารและชื่นชมเหลียวกั่วตงมากขึ้น "นี่กั่วตง คุณเลือกสถานที่ได้ดีจริงๆ ที่นี่บรรยากาศดีมากเลย"เหลียวกั๋วตงพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฮ่าๆ เถ้าแก่คนนี้เคยเป็นเจ้าของร้านอาหารว่างหน้าโรงเรียนของเรา"ตอนนี้เปิดร้านอาหารใหญ่แล้ว เดี๋ยวต้องลองชิมกันดู"จางกุ้ยหลานถอนหายใจ “จุ๊ ๆ พอคุณพูดแบบนี้ ก็ดึงฉันกลับไปคิดถึงสมัยตอนที่เรียนมัธยมปลายด้วยกันเลยนะ""มา พวกเราไปนั่งริมหน้าต่างกันเถอะ วิวนี่ที่ดีเลยทีเดียว"เหลียวกั่วตงเดินไปที่โต๊ะข้าง ๆ ของหลินเฟิง
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
“ดูพอหรือยัง”ฉินอิ๋งที่อยู่ข้างๆเห็นเขาจ้องมองถังหว่านอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่พูดแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าวิธีการรักษาด้วยถอดเสื้อผ้านี่เขาคนนี้ตั้งใจอยากจะเอาเปรียบถังหว่านหรือเปล่าหลินเฟิงยิ้มเบาๆ สีหน้าไม่มีความอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อยและชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณถังสวยมากๆครับ ผมอดไม่ได้ที่จะดูไปหลายครั้ง” “ฮา ฮา”ถังหว่านยิ้ม “หมอเทวดาหลินก็พูดตรงไปตรงมามากนะ”เธอไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยอมรับอย่างใจกว้างขนาดนี้ไม่เหมือนพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นสุภาพบุรุษ กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ “ตราบใดที่หมอเทวดาหลินสามารถรักษาโรคฉันหาย อยากดูอย่างไรก็ได้”ถังหว่านสายตาอ่อนโยนมีเสน่ห์ มุมปากมีรอยยิ้มที่น่าสนใจ “ไม่จำเป็นหรอก ของที่สวยงามดูเพียงครั้งเดียวก็ประทับใจมากเพียงพอแล้ว”หลินเฟิงส่ายหัวเอาเข็มเงินเข็มออกมาปลายนิ้วผ่านหน้าอกถังหว่าน สัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนเข็มหนึ่งฝังในจุดเฟิงฝู่ถังหว่านหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้หลินเฟิงเอาเข็มเงินหนึ่งออก กดนิ้วมือลงไปเรื่อยๆผ่านท้องน้อยของเธอ ฝังเข็มอีกหนึ