Share

8 : เนรเทศทั้งตระกูล  

last update Last Updated: 2024-11-26 23:18:42

8 : เนรเทศทั้งตระกูล  

          หลายวันต่อมา

          เกิดเหตุร้ายขึ้นที่ประตูวังหลวง มีคนร้ายจำนวนหนึ่งบุกเข้าไปภายในวังหลัง ทำร้ายพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้จนเกือบสูญเสียเด็กในครรภ์ หลังจับกุมคนร้ายได้บางส่วน พวกมันต่างซัดทอดไปยังที่ปรึกษาเว่ยเว่ย เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

          หลินเฉินในยามนั้นปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด ว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ แต่จดหมายที่อยู่บนตัวของคนร้าย กลับเป็นลายมือของเขาอย่างชัดเจน ฮ่องเต้ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก สั่งปลดหลินเฉินออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาเว่ยเว่ย และลงโทษคนตระกูลหลินทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ขุนนางทั้งหลาย มีราชโองการให้ยึดทรัพย์สินของตระกูลหลินทั้งหมด และเนรเทศคนตระกูลหลินออกไปยังชายแดน ห้ามกลับเข้ามาเหยียบเมืองหลวงอีกตลอดชีวิต

          หลังรับราชโองการ คนตระกูลหลินถึงกับล้มทั้งยืน ไม่ทันได้เก็บข้าวของอันใด ทหารก็บุกเข้ามายึดทรัพย์สินและจับกุมทุกคนไปห้องขัง เสียงร้องไห้ของสตรีบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของบุรุษ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คนทั้งตระกูลสามสิบกว่าชีวิต ถูกขังรวมไว้ด้วยกัน ไม่แบ่งแยกชายหญิงแต่อย่างใด พรุ่งนี้พวกเขาก็จะถูกต้อนให้เดินทางออกจากเมืองหลวงไป

          “ท่านแม่เป็นความผิดของข้าเอง ข้ามันไร้ความสามารถ ถูกคนอื่นหมายหัวยังไม่รู้ตัว ทำให้ทุกคนต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย” หลินเฉินคุกเข่าลงตรงหน้าของมารดา

          “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก เหตุการณ์นี้มีคนวางแผนมาเป็นอย่างดี ปิดทางหนีทีไล่พวกเราจนหมด เป็นคราวเคราะห์ของตระกูลหลินเข้าแล้ว” ฮูหยินเฒ่าดวงตาเหม่อลอยไม่อาจโกรธเคืองบุตรชายของตนเองได้

          “คราวเคราะห์หรือ ใช่แล้ว เพราะนางหลินซือเยว่คนนั้น หากนางไม่กลับมาที่เมืองหลวง มีหรือตระกูลหลินจะตกอับเช่นนี้ได้” หวางฮูหยินหันไปมองคนบ้านรองในทันที ทำให้ทุกคนพลอยหันหน้าไปมองพวกเขาด้วย

          “ฮูหยินอย่าได้เลอะเลือนไป” หลินเฉินปรามภรรยาของตนเสียงเบา

          “เลอะเลือนอันใดกัน ท่านพี่ดูสิเจ้าคะ นางกลับมาได้ไม่กี่วันตระกูลหลินก็ล่มจมในทันที แล้วนางล่ะเหตุใดถึงไม่ถูกจับกุมตัวมาด้วย ทุกคนในตระกูลหลินอยู่ที่นี่หมด เหตุใดลูกสาวลูกชายของบ้านรองถึงไม่อยู่ที่นี่ด้วยกัน”

          คำพูดของหวางฮูหยินเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

          “พี่สะใภ้เหตุใดถึงได้มาโยนความผิดใส่คนบ้านรองได้ล่ะเจ้าคะ ความผิดนี้เกิดที่ใครทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ลูกชายข้าอยู่ในกองทัพ เขาเองก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งนายร้อยเหมือนกัน คงเดินทางไปสมทบกับพวกเราที่ปลายทางเลย ส่วนลูกสาวของข้านางก็อยู่ข้างนอก ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ” เถียนฮูหยินไม่คิดว่าพี่สะใภ้ของนางจะเอ่ยถึงหลินซือเยว่ ทั้งที่สมควรให้นางอยู่เงียบ ๆ ในเรือนเฟยเฟิ่งต่อไป

          “ได้ชื่อว่าคนตระกูลหลินเหมือนกัน น้องสะใภ้เจ้าจะยกเว้นลูกสาวตัวเองไม่ได้” ลูกกับหลานของนางถูกเนรเทศกันหมด เหตุใดเด็กปัญญาอ่อนนั่นถึงรอดล่ะ เรื่องนี้หวางฮูหยินรู้สึกว่านางไม่ได้รับความยุติธรรมแต่อย่างใด

          ตึง ! ตึง !

          เสียงดาบเคาะลงบนลูกกรงเหล็ก ทำให้ทุกคนเงียบเสียง นายทหารผู้หนึ่งเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องขัง “เหลือใครที่ยังไม่ถูกจับกุมมา พวกเจ้าอย่าได้โป้ปดเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นโทษเป็นจะเปลี่ยนเป็นโทษตายได้ !”

          หวางฮูหยินเงยหน้ามองสามี กลับพบว่าเขาส่ายหน้าให้นางเบา ๆ

          “ไม่บอกก็ได้ ทหารเตรียมโบยทุกคนคนละยี่สิบไม้ !”

          “ไม่นะ ไม่ ! ท่านแม่ท่านรีบบอกพวกเขาไปสิเจ้าคะ” หลินจื่อรั่วเกาะท่อนแขนมารดา ออกแรงเขย่าไปมาด้วยความกลัว นางเพิ่งจะหลุดพ้นจากการหมั้นหมายนั้นมา เหตุใดถึงได้ตกเคราะห์ลำบากเช่นนี้ ตั้งแต่ถูกคุมขังอยู่ที่สองคืน โจวฉีหมิงไม่ได้ส่งคนมาถามไถ่นางเลยสักครั้ง

          เถียนฮูหยินจับมือหลินซูฮวาบุตรสาววัยสิบปีเอาไว้แน่น มองสบสายตากับหลินเต๋อผู้เป็นสามี ขอร้องเขาห้ามทุกคนไม่ให้เอ่ยถึงหลินซือเยว่

          “เริ่มจากนางก่อน” นายทหารชี้นิ้วไปที่หลินจื่อรั่วเป็นคนแรก

          “ไม่นะ ท่านแม่ช่วยข้าด้วย !”

          “หลินซือเยว่ ! นางเป็นลูกสาวของบ้านรอง นางพักอาศัยอยู่นอกจวนที่เรือนเฟยเฟิ่ง” มีหรือเถียนฮูหยินจะยอมให้บุตรสาวถูกโบย

          “พี่สะใภ้ !” เถียนฮูหยินกรีดร้องออกมาด้วยความเสียใจ เหตุใดไม่ยอมปล่อยลูกสาวผู้น่าสงสารของนางไป

          “ไปเอาตัวคนมา !” นายทหารออกคำสั่งในทันที

          เรือนเฟยเฟิ่ง

          “ป้าเผิงใครกันที่อยากพบข้า”

          “เห็นว่าเป็นคนของจวนแม่ทัพโจวเจ้าค่ะ หากคุณหนูไม่อยากพบข้าจะได้ไล่เขาไป”

          หลินซือเยว่เตรียมการทุกอย่างพร้อมเอาไว้แล้ว นับจากที่ได้ยินข่าวเรื่องการเนรเทศ นางรู้ว่าตัวเองคงหลีกหนีไม่พ้นเป็นแน่ “ข้าอยากเจอเขา อยากรู้เหตุผลของคนผู้นั้น”

          เผิงฉือ “คนผู้นั้น ใครหรือเจ้าคะ”

          หลินซือเยว่ไม่ตอบ นางลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่น เดินออกไปยังห้องโถง พบบุรุษรูปร่างกำยำผู้หนึ่งนั่งรออยู่ เพียงเห็นนางเขาก็ลุกขึ้นกำหมัดคำนับ

          “คุณหนูหลิน ข้าชื่อชุยเหลียงเป็นคนของคุณชายใหญ่ ผู้ที่เป็นคู่หมั้นของคุณหนูหลินขอรับ”

          หลินซือเยว่ผายมือเชิญเขานั่ง “อีกประเดี๋ยวคงมีคนมาจับกุมตัวข้าไปเข้าคุก มีธุระอันใดก็รีบเอ่ยมาเถิด”

          ชุยเหลียงไม่คาดว่าเขาจะมาเจอกับสตรีผู้มีบุคลิกเคร่งขรึม อีกทั้งยังดูงดงามถึงเพียงนี้ ไหนเด็กปัญญาอ่อนที่ว่านั่น

          หลินซือเยว่เห็นเขามองพิจารณาตนเองนานเกินไป “ข้าหายดีแล้ว”

          “เอ่อ...ข้าขออภัยขอรับ” ยิ่งไม่คิดว่านางจะล่วงรู้ความคิดของเขาด้วย “นี่ขอรับคุณชายใหญ่รู้ว่าท่านกำลังลำบาก จึงได้ฝากให้ข้านำตั๋วเงินมามอบให้”

          ตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงถูกวางไว้บนโต๊ะ แม้แต่เผิงฉือที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลินซือเยว่ยกตกใจตามไปด้วย “เหตุใดถึงให้ตั๋วเงินจำนวนมากถึงเพียงนี้ ไม่ได้เกี่ยวดองกันเสียหน่อย” ยิ่งสถานการณ์ในตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแต่งงาน

          “คุณชายใหญ่บอกว่า แม้ไม่ได้จัดพิธีตามกำหนด แต่ว่าคุณหนูหลินก็ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้น จึงไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ขอรับ”

          หลินซือเยว่เคาะนิ้วบนตั๋วเงินเบา ๆ นางไม่อาจดูดวงชะตาผู้คนได้หากไม่ได้พบหน้ากัน และยิ่งไม่อาจรักษาโรคร้ายได้หากไม่ได้ลงมือตรวจร่างกายของคนผู้นั้น “ป้าเผิงรับตั๋วเงินนี่ไว้”

          “เจ้าค่ะคุณหนู” เผิงฉือรีบเก็บตั๋วเงินเข้าไว้ในสาบเสื้อทันที

          “แต่ข้านั้นไม่อาจรับเงินของผู้อื่น โดยไม่ทำงานตอบแทนได้ ข้าพอมีความสามารถในรักษาเล็กน้อย พอจะไปดูอาการของคุณชายใหญ่ให้ได้ แต่ข้ามีเวลาไม่มากนัก เจ้านำทางไปเถิด”

          “คุณหนูให้ข้าไปด้วยหรือไม่” เผิงฉือรีบถามเกรงว่านางจะลืมตัวเองไป

          “ป้าเผิงไม่ต้องตามไป คอยรับหน้าพวกทหารอยู่ที่นี่เป็นพอ”

          ชุยเหลียงไม่คิดว่าการมอบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึง จะได้รับการตอบแทนกลับเช่นนี้ ดวงตาเขามีแววสับสนและไม่เข้าใจ

          “คนของทางการกำลังตามหาตัวข้า นี่เป็นโอกาสอันน้อยนิดของคุณชายเจ้า”

          “เชิญตามข้ามาขอรับ”

          ชุยเหลียงพาคนมาด้วยสองคน พวกเขาเดินทางด้วยม้า พอมีหลินซือเยว่ไปด้วยจึงไม่รู้จะเดินทางด้วยพาหนะใด

          หลินซือเยว่ “ข้าขี่ม้าเป็น” แต่นี่จะเป็นครั้งแรกในโลกนี้ที่นางมีโอกาสได้ขี่ม้า

          คนของชุยเหลียงสละม้าให้นางหนึ่งตัว เฝ้ามองดูสตรีตัวน้อยที่วาดขาขึ้นไปนั่งบนหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นม้าสามตัว วิ่งตรงไปยังจวนแม่โจวอย่างรวดเร็ว ทิ้งบุรุษผู้หนึ่งให้ยืนหันซ้ายขวาอยู่ตามลำพัง

          เมื่อเดินทางไปถึงจวนของแม่ทัพโจว บ่าวรับใช้เรือนของโจวจื่อถงกำลังวุ่นวายกันใหญ่ ชุยเหลียงรีบเข้าไปถาม ได้ความว่าโจวจื่อถงกระอักเลือดออกมาก้อนใหญ่ อีกทั้งยังหมดสติลงไปอีกด้วย

          ชุยเหลียง “มีใครไปตามท่านหมอหรือยัง”

          “มีแล้วขอรับ แต่ว่าวันนี้ท่านหมอเจินไม่อยู่ที่จวน เลยต้องไปตามหมอที่โรงหมอละแวกนี้ก่อน”

          “พาข้าไปดูอาการของเขาเถอะ” หลินซือเยว่เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จึงรีบบอกชุนเหลียงให้นำทางไป

          ครั้นมาถึงห้องนอนของโจวจื่อถง ชุยเหลียงสั่งสาวใช้ให้ออกไปข้างนอกให้หมด เขาปิดประตูตามคำสั่งของหลินซือเยว่

          บุรุษรูปงามบนเตียง ชะตายังไม่เลวร้ายถึงขั้นนั้น หลินซินเยว่รีบจับชีพจรของเขาดู มีพลังสายหนึ่งแล่นวูบไปตามร่างกายของเขา ทำการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวมากับอดีตกาล และค่อย ๆ ทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเติบโตของนางเอง

          “เจ้ามาคลายอาภรณ์ของเขาออกให้หมด ข้าจะฝังเข็มรักษาอาการให้”

          ชุยเหลียง “...?” เพียงรู้สึกหนักใจที่ต้องเปิดเผยเรือนกายของผู้เป็นนาย ให้สตรีเช่นหลินซินเยว่ได้เห็น

          “ตัวข้านั้นยังไม่คิดถือสา เหตุใดท่านต้องคิดมากไปด้วย อีกอย่างร่างกายผอมแห้งเพียงนี้มีอะไรให้ข้าดู”

          “เอ่อ ขอรับ” ชุยเหลียงคิดว่าคำพูดนี้พอฟังขึ้นบ้าง รีบจัดการคลายอาภรณ์ให้โจวจื่อถง กำลังคิดจะหยุดมือแต่เสียงของหลินซือเยว่ก็ดังขึ้น “ถอดให้หมด”

          มีเพียงผ้าผืนน้อยที่ปิดตรงกลางร่างของเขาเอาไว้ ชุยเหลียงจ้องนางตาไม่วาง ราวกับกลัวว่านางจะเอารัดเอาเปรียบผู้เป็นนายของตน ทว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นคือเข็มทองจำนวนเกือบยี่สิบเล่ม ถูกปักลงไปบนร่างกายของโจวจื่อถงอย่างแม่นยำ รวมไปถึงท่อนขาของเขาด้วย ไม่แปลกใจที่นางให้เขาถอดเสื้อผ้าออกจนหมด

          หลังฝังเข็มไปแล้วหลินซือเยว่ให้เขานำกระดาษกับพู่กันมาให้นาง นางใช้เวลาไม่นานนักกระดาษสองสามแผ่นนั้น ก็เต็มไปด้วยรูปวาด และเทียบยาพร้อมวิธีการรักษา

          “เจ้าให้คนเตรียมน้ำร้อนมาเถอะ หลังข้าดึงเข็มออกแล้ว จะมีของเสียไหลออกมาตามรูเข็ม เช็ดทำความสะอาดให้เขา แล้วหาเสื้อผ้าใหม่มาสวมใส่”

          ชุยเหลียงรีบไปสั่งการสาวใช้ด้านนอก กลับเข้ามาเข็มบนตัวของโจวจื่อถงก็ถูกเก็บไปจนหมด ตัวเขาเองถูกหลินซือเยว่กวักมือให้เข้าไปหาใกล้ ๆ

          “นี่คือวิธีการฝังเข็มรักษา ข้าวาดรูปประกอบและเขียนข้อระวังเอาไว้ให้แล้ว ส่วนนี่คือเทียบยาที่ต้องใช้ เวลากินยาข้าได้ระบุไว้ในนี้แล้วเหมือนกัน ส่วนเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่นั้น ข้าไม่อาจบังคับเจ้าได้”

          ชุยเหลียงรับกระดาษไปถือไว้

          หลินซือเยว่หันไปทางเตียงนอน ที่ตอนนี้สาวใช้กำลังสาละวนอยู่กับการทำความสะอาดให้โจวจื่อถง “หากเขาฟื้นขึ้นมาได้โปรดบอกเขาด้วย ว่าข้าหลินซือเยว่ขอบคุณในน้ำใจของคุณชายใหญ่มาก นับจากนี้ไปขอให้การหมั้นหมายของข้ากับเขา เป็นอันยกเลิกไปเถอะ ไม่ต้องไปส่งข้ากลับเองได้”

          ชุยเหลียงกำลังยืนจ้องตัวอักษรบนกระดาษ ครั้นเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นแผ่นหลังของนางอีกแล้ว สาวใช้ด้านนอกเข้ามารายงาน ว่านางได้ขี่ม้ากลับเรือนไปแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   81 : ตอนพิเศษ 10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน (จบตอนพิเศษ)

    10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน หลินซือเยว่ชวนน้องสาวมาเยือนที่เรือน เพื่อเปิดโอกาสให้ฮู่ตงหยางได้พูดคุยกับนางบ้าง อย่างน้อยได้ทำความรู้จักพูดคุยกันก่อน ยามออกเรือนไปแล้วจะได้ไม่เขินอายกันจนเกินไป แต่นางได้เอ่ยกับบิดามารดาไปแล้ว ว่าให้หมั้นหมายกันไปก่อนหนึ่งปี เพราะยามนี้น้องสาวของนางเพิ่งอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดปีเอง แต่มารดาของนางกลับแย้ง ว่าอายุช่วงนี้กำลังเหมาะสม หากรอไปอีกหนึ่งปีฮู่ตงหยางก็สามสิบปีพอดี ในสายตาของผู้อื่นอาจคิดว่าอายุของทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน เพราะห่างกันร่วมสิบสองปี แต่ในสายตาของหลินซือเยว่ ฮู่ตงหยางอยู่ในวัยกำลังสร้างครอบครัวได้ มีแต่น้องสาวของนางนี่แหละที่เด็กน้อยเกินไป “น้องรอง” “เจ้าคะ” “เจ้าไม่คิดว่าองครักษ์ฮู่แก่ไปหรอกหรือ” หลินซูฮวาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่เจ้าค่ะ เขาดูแข็งแรงดี” “อ้อ เป็นข้าที่คิดมากไปเอง เจ้าดูเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ข้ามีงานไปคุยกับท่านอ๋องก่อน” “ได้เจ้าค่ะ” หลินซูฮวาชอบที่ได้เล่นกับหลานตัวน้อยทั้งสอง พวกเขาเลี้ยงง่าย แค่ได้วิ่งเล่นไปมาก็มีความสุขแล้ว นางเองได้นั่งมองเด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   80 : ตอนพิเศษ 9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล”

    9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล” หลินซูฮวาไม่ได้โง่ นางมองปราดเดียวก็รู้ ว่าคนตรงหน้าได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ช่วยด้วยวิธีไหนนั้นนางไม่แน่ใจ ภายในรถม้าที่นั่งกลับเรือนด้วยกันสองต่อสอง นางจึงได้ใจกล้าเอ่ยถามเขา “ท่านผายปอดให้ข้ารึ” ฮู่ตงหยางตัวแข็งทื่อหลังได้ยิน “คุณหนูหลินท่านรู้จักการผายปอดด้วยรึ” เขาถามเสียงค่อยคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง “รู้จักสิ พระชายามาสอนคนที่จวนอยู่เหมือนกัน ข้าก็ได้เรียนรู้ด้วย” นางเม้มปากแน่น พวงแก้มค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นมา การที่เขาไม่ปฏิเสธย่อมหมายความว่าเป็นเรื่องจริง “คุณหนูหลินข้าล่วงเกินท่านแล้ว” ฮู่ตงหยางยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี “หมายความว่าอย่างไร พระชายาบอกว่าเป็นการช่วยเหลือชีวิตผู้คน ข้าไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยสิ” หลินซูฮวาบิดปลายนิ้วใต้แขนเสื้อสุดแรง “ตอนข้า เอ่อ ผายปอดท่าน มีชาวบ้านอยู่แถวนั้นกันหลายคน เกรงว่าเรื่องนี้คงทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว” “องครักษ์ฮู่ท่านหมายความว่า มีคนเห็นท่าน” หลินซูฮวาหยุดพูด แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ “เป่าลมเข้าปากข้ารึ” ถาม

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   79 : ตอนพิเศษ 8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !”

    8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !” หลินซือเยว่จัดการเรื่องออกเรือน ให้สาวใช้สินเดิมทั้งสองเรียบร้อยแล้ว นางมอบของขวัญเป็นเรือนให้คนละหลัง พร้อมมอบกิจการร้านค้าให้อีกด้วย กระทั่งหนังสือขายตัวก็ฉีกทิ้งไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้เป็นอิสระในภายภาคหน้า “ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้าใจดีถึงเพียงนี้” เซวียนหมิงยู่โอบกอดนางจากด้านหลัง พร้อมหอมแก้มนุ่ม ๆ ของนางฟอดหนึ่ง “ยามเป็นโหย่วซิงเยียนพวกนางดีกับข้ามาก พอเป็นหลินซือเยว่ก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพร ยามนี้เลยได้ใช้ประโยชน์บ้าง ต่อไปภายภาคหน้าหากเกิดการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนางก็สามารถรักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องหาหมออย่างเดียว” หลินซือเยว่ได้วางแผนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ให้แก่คนในจวนไว้แล้ว เพียงแต่นางยังไม่มีเวลาได้ลงมือทำ “ข้าถึงได้ว่าเจ้าจิตใจดีอย่างไร” ไม่เพียงแต่กับบ่าวไพร่ในจวน กระทั่งชาวบ้านทั่วไปหลินซือเยว่ก็ใจดีต่อพวกเขา เซวียนหมิงยู่ได้รู้จากท่านหมอหลี่ ว่าพระชายาของตนได้ให้คนจากโรงสมุนไพร ออกไปถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นฐานให้แก่ชาวบ้าน และสอนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   78 : ตอนพิเศษ 7 : วาสนานำพารัก

    7 : วาสนานำพารัก หลินเต๋อให้คนไปเชิญพระชายามายังจวนของตน เพื่อหารือเรื่องสำคัญ ครั้นหลินซือเยว่ไปถึงก็ได้รู้ว่าพี่ชายของตนเอง กำลังจะมีข่าวดีเรื่องมงคล “ซีฮันสวมกวานมาหลายปีแล้ว สมควรคิดเรื่องออกเรือนได้เสียที” เถียนฮูหยินเป็นผู้เอ่ยเรื่องนี้ หลินซือเยว่รีบหันไปทางพี่ชายในทันที เห็นเขาใบหน้าแดงเถือกขึ้นอย่างชัดเจน นี่หมายความว่าไม่ปฏิเสธเป็นแน่แท้ “ท่านแม่หมายปองสตรีนางใดให้พี่ใหญ่หรือเจ้าคะ” “เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวง ทำการค้าเหมือนกัน” “ท่านพ่อเห็นชอบว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางหันไปทางบิดาบ้าง ส่วนตัวไม่ได้รู้จักคุณหนูผู้นี้มาก่อน “อืม คุณหนูใหญ่ผู้นี้ใช้ได้เหมือนกัน” หลินเต๋อย่อมเชื่อใจการมองคนของภรรยา หลินซือเยว่มองน้องสาวของตัวเองบ้าง เห็นนางพยักหน้าลงคล้ายพึงพอใจอยู่เหมือนกัน ทุกคนในบ้านล้วนพึงพอใจสตรีนางนี้ กระทั่งหลินซีฮันยังไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ “พี่ใหญ่ ท่านไปแอบดูนางมาแล้วใช่ไหม” ทุกคนต่างอ้าปากค้างหลังได้ยิน โดยเฉพาะเถียนฮูหยิน นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรชาย ไปแอบดูคุณหนูใหญ่ตระกูลหวงตอนไหน “ซีฮันนี่เจ้า

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   77 : ตอนพิเศษ 6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้”

    6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” ยามนี้คุณชายกับคุณหนูทั้งสองอายุครบสองปี ทั้งคู่เริ่มเรียกชื่อบิดามารดาได้แล้ว อีกทั้งยังพูดคุยประโยคสั้น ๆ ได้บ้าง หลินซือเยว่ได้จัดงานแต่งให้สวีวั่งซูอย่างสมเกียรติไปเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ฮู่ตงหยางจึงกลายเป็นคนขี้อิจฉา ยามได้เห็นสหายรัก รีบร้อนกลับเรือนทุกครั้งหลังออกเวร พอหันกลับมาทางท่านอ๋องของตน แทบนึกช่วงเวลาเหลียงอ๋องผู้เกรียงไกรแทบไม่ออก เพราะยามนี้นั้น “บิน ๆ สูง ๆ” เป็นเสียงเล็ก ๆ ของคุณชายตัวน้อย ท่านอ๋องของตนกำลังให้คุณชายขี่คอแล้วพาวิ่งไปรอบ ๆ ลานหญ้า ส่วนพระชายานั้นกำลังนั่งถักเปียให้คุณหนูด้านข้างมีเผิงฉือกับสองสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ “อี้เอ๋อร์อยากขี่ม้าใช่ไหม ได้ ๆ ตงหยางมานี่เร็ว !” “ท่านอ๋องคุณชายยังไม่ได้เอ่ยสักคำ” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่เข่ากลับคุกคลานลงบนพื้น ไม่ช้าคุณชายตัวน้อย ก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนหลังของเขา “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฮู่ตงหยางก้มหน้าคลานไป ประคองคุณชายน้อยไปด้วย เขากลับมีความสุขเหลือเกินในยามนี้ คุณชายน้อยส่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   76 : ตอนพิเศษ 5 : แฝดชายหญิง      

    5 : แฝดชายหญิง หนึ่งเดือนต่อมา เผิงฉือนั่งมองพระชายาของนาง ที่กำลังจ้องที่ข้อมือของตัวเองอย่างเงียบ ๆ บางครั้งพระนางก็เอานิ้วไปแตะ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็แตะข้อมืออีกครั้ง เป็นอยู่เช่นนี้จนน่าสงสัย “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้แม่ครัวเคี่ยวน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้เพคะ” ลี่ถิงเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำแกง หลินซือเยว่หันไปค้อนนางแรง ๆ อย่างไร้สาเหตุ “พระชายาเป็นอันใดเพคะ” เผิงฉือเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ โบกมือให้ลี่ถิงรีบวางถ้วยน้ำแกงลง แล้วให้รีบออกไปให้เร็วที่สุด “ป้าเผิงข้าไม่สบายใจเล็กน้อย” นางถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา แววตามีความสับสนเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดที่ทำให้พระชายาไม่สบายใจหรือเพคะ หากบอกได้ก็เอ่ยออกมาเถอะ” เผิงฉือเข้าไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางเล็กน้อย ดันถ้วยน้ำแกงออกไปให้ไกลตัว “ต่อไปข้าคงกินน้ำแกงบำรุงนี่ไม่ได้อีกแล้ว ฤทธิ์มันแรงเกินไป ไม่ดีต่อเด็กในท้อง” “เช่นนั้นหรือเพคะ” เผิงฉือค้างชะงักไปหลังตัวเองเอ่ยจบ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status