แชร์

หลินลี่ชา ฮูหยินร้ายจวนโหว
หลินลี่ชา ฮูหยินร้ายจวนโหว
ผู้แต่ง: จ้าวฮุ่ยอิง

ตอนที่ 1 บทนำ

ผู้เขียน: จ้าวฮุ่ยอิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-26 02:04:05

รัชศกเจี้ยนเหวิน ปีที่ 4

รัชสมัยจักรพรรดิหมิงฮุ่ยตี้(ฮ่องเต้เจี้ยนเหวิน)

         จักรพรรดิหมิงฮุ่ยตี้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงหลังจากจักรพรรดิหงหวู่ พระราชอัยกาเสด็จสวรรคต พระองค์ได้ทรงใช้พระนามว่าฮุ่ยตี้ และใช้ศักราชประจำพระองค์ว่าเจี้ยนเหวิน ทรงดำเนินนโยบายลดทอนอำนาจของบรรดาหวางต่างๆ อย่างเข้มงวด อ๋อง 5 พระองค์ถูกย้ายออกจากเมืองที่ประทับ บางพระองค์ถูกปลด บางพระองค์ต้องฆ่าตัวตาย และเยี่ยนอ๋องจูตี้เองก็ถูกแพ่งเล็งเนื่องจากเป็นผู้ที่มีบทบาทมากในการศึกคราวก่อนๆ

 และก่อนที่จักรพรรดิหงหวู่จะเสด็จสวรรคตนั้น จักรพรรดิเจี้ยนเหวินทรงมีพระราชโองการห้ามให้อ๋องต่างๆ เข้ามาถวายบังคมพระบรมศพ ด้วยเหตุที่ว่าเกรงจะมีการก่อรัฐประหาร แต่มีอ๋องพระองค์หนึ่งคือเยี่ยนอ๋องไม่ยอมทำตามราชโองการนั้น พร้อมกับนำทหารราชองครักษ์เดินทางมายังเมืองหลวงนานกิง 

 แต่ด้วยมีราชโองการของจักรพรรดิส่งมาห้าม พระองค์จึงจำเป็นต้องกลับไปที่เมืองเป่ยจิง หลังจากสะสมอาวุธและฝึกซ้อมทหารจนใช้ชำนาญแล้ว เยี่ยนอ๋องจึงตัดสินพระทัยชิงลงมือยกทัพจากเป่ยจิงลงใต้เผชิญหน้ากับหลานชาย โดยอ้างว่าเพื่อกำจัดเหล่าขุนนางกังฉินสอพลอที่อยู่รอบข้างองค์จักรพรรดิ 

 มีบันทึกว่าก่อนที่พระองค์จะนำกองทัพยกออกจากเมืองนั้น ได้เกิดพายุพัดแรงจนกระทั่งหลังคาวังหักพังเสียหายซึ่งพระองค์กล่าวว่าเป็นเพราะได้เวลาที่พระองค์จะได้เสด็จเข้าไปประทับที่พระราชวังหลังคาเหลืองแล้ว

 การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 1942 (ค.ศ. 1399) เป็นเวลานานถึง 3 ปี ในระยะแรกฝ่ายเยี่ยนอ๋องเป็นฝ่ายเสียเปรียบเนื่องจากฝ่ายจักรพรรดิมีกองทหารปืนไฟ ซึ่งมีอานุภาพสูงทำให้ต้องทรงถอยทัพกลับไปทางเหนือแต่ทหารทางใต้ไม่คุ้นเคยกับอากาศหนาวทางภาคเหนือจึงล้มป่วยเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก 

 จนกระทั่ง พ.ศ. 1945 (ค.ศ. 1402) กองทัพของพระองค์ก็ได้ยกมาถึงชานกรุงหนานจิง ซึ่งกองทัพฝ่ายวังหลวงไม่สามารถต้านทานได้อีกเนื่องจากไม่มีแม่ทัพที่ชำนาญศึกเพราะถูกประหารไปตั้งแต่ปลายรัชกาลของจักรพรรดิหงหวู่ เหล่าขุนนางต่างพากันมาสวามิภักดิ์มากขึ้น และเมื่อถึงวันที่สาม เยี่ยนอ๋องก็สามารถบุกเข้าสู่ภายในเมืองได้ ปรากฏว่าเกิดเพลิงไหม้ภายในวังหลวง และมีผู้พบพระศพของฮองเฮากับพระราชโอรสของหมิงฮุ่ยตี้ถูกเพลิงครอกภายในวังชั้นในแต่ไม่มีใครพบพระศพของหมิงฮุ่ยตี้แม้แต่น้อย

 และนั่นจึงทำให้มีผู้สันนิษฐานว่าพระองค์ลอบหนีออกไปจากวังหลวงได้โดยการอารักขาจากกองทหารองครักษส่วนพระองค์ซึ่งกลุ่มขุนนางที่มีความจงรักภักดีนำเสด็จหนีออกมาจากวังหลวงได้เป็นผลสำเร็จและทรงผนวชก่อนที่จะเสียเมือง 

 ภายหลังต่อมาอีก 39 ปี ในรัชศกจ้งถ่ง มีผู้พบพระภิกษุชรารูปหนึ่งที่มีคนจำได้ว่าคือจักรพรรดิฮุ่ยตี้ หมิงอิงจงจึงมีราชโองการให้เชิญพระองค์มาประทับที่กรุงปักกิ่ง ที่ประทับของพระองค์ถูกปิดเงียบและสวรรคตอย่างสงบในกรุงปักกิ่งในเวลาต่อมา

 เยี่ยนอ๋องซึ่งมีชัยชนะเหนือกองกำลังของอดีตองค์จักรพรรดิเจี้ยนเหวินสถาปนาตนเองขึ้นปกครองเป็นจักรพรรดิพระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์หมิง เฉลิมพระนามว่าหมิงเฉิงจู่ ใช้ศักราชว่าหย่งเล่อ หลังจากที่ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง 

 พระองค์ทรงมีราชโองการให้ประหารขุนนาง เนื่องจากทรงระแวงว่าขุนนางเหล่านั้นจงรักภักดีต่อพระนัดดาของพระองค์ซึ่งมีจำนวนกว่า 870 คน นอกจากนี้ยังดำเนินนโยบายลดทอนอำนาจเจ้าองค์อื่น ๆ อย่างเข้มงวด เช่น ห้ามมีกองทหารประจำเมืองให้มีได้แต่ทหารรักษาพระองค์จำนวนหนึ่ง ห้ามเจ้าแต่ละเมืองติดต่อกันเองโดยไม่ได้รับพระราชานุญาติ 

 ภารกิจแรกที่พระองค์ทรงทำคือดำริย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เป่ยจิงอันเป็นฐานที่มั่นของพระองค์ด้วยเหตุผลว่าเพื่อป้องกันการรุกรานของชนกลุ่มน้อยทางเหนือ ทรงมีพระราชโองการให้อพยพคนมากมายหลายแสนคนจากเมืองหนานจิง มณฑลซานซีและมณฑลเจ้อเจียง 

 โดยแบ่งเป็น 5 สายเข้ามายังเมืองเป่ยจิงหรือเมืองปักกิ่งในยุคปัจจุบัน พร้อมกับเป็นการหาแรงงานเพื่อสร้างพระราชวังที่ประทับของจักรพรรดิในเมืองหลวงซึ่งก็คือ พระราชวังกู้กง หรือเป็นที่รู้จักกันดีนั่นก็คือ "พระราชวังต้องห้าม" 

 ในการนี้พระองค์ต้องเกณฑ์คนหนึ่งแสนพร้อมกับช่างฝีมืออีกหลายพันคน การก่อสร้างพระราชวังต้องห้ามนี้กินระยะเวลานานถึง 15 ปี พระองค์ให้ความสำคัญกับการก่อสร้างพระราชวังต้องห้ามแห่งนี้เป็นอย่างมาก และจะเสด็จมาตรวจตราการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 1956 (ค.ศ. 1413) พระองค์จึงทรงย้ายเมืองหลวงจากกรุงหนานจิงมาประทับที่กรุงปักกิ่ง เป็นการถาวร 

 และในช่วงของเหตุการณ์จลาจลดังกล่าว บรรดาขุนนางที่จงรักภักดีในรัชสมัยของจักรพรรดิเจี้ยนเหวิน ซึ่งถูกคำสั่งให้ประหารชีวิต จำนวนกว่า 870 คนนั้น หาใช่ประหารเพียงตัวขุนนางแต่เป็นการประหารทั้งตระกูล สายเลือดเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ถูกกำจัดและฆ่าล้างโคตรล้มตายนับหลายพันชีวิต 

 และในการสำเร็จโทษประหารครั้งใหญ่กองกำลังองครักษ์เสื้อแพร ซึ่งเป็นหน่วยอารักขาขององค์จักรพรรดิที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความโหดเหี้ยมและอำมหิตอย่างยิ่งยวด องครักษ์เสื้อแพรถวายความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อจักรพรรดิเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นและเป็นหน่วยงานรับหน้าที่สนองพระราชโองการ จัดการกวาดล้างเหล่าขุนนางที่เป็นปรปักษ์ต่อองค์จักรพรรดิหย่งเล่อ ทั้งสอบสวน จับกุม กักขัง ทรมานตลอดจนสำเร็จโทษ

 สาเหตุที่จักรพรรดิหยงเล่อทรงกระทำเช่นนี้นั้นก็เพราะเมื่อครั้งเข้ายึดครองเมืองหนานจิงได้แล้ว จั่วเชียนโตวยวี้ซื่อ ซึ่งเป็นเจ้ากรมสืบสวนฝ่ายซ้าย ส่งจิ่งชิงพยายามที่จะลอบสังหารพระองค์ จักรพรรดิหย่งเล่อจึงสั่งประหารเก้าชั่วโคตร พร้อมทั้งทำลายหลุมฝังศพบรรพบุรุษทั้งหมด รวมทั้งสมาชิกคนอื่นๆ ในหมู่บ้านถูกถ่ายโอนออกนอกหมู่บ้านจนหมด หมู่บ้านนี้ถูกทำลายทิ้ง 

 ภายหลังได้กลายเป็นการกล่าวอ้างถึงจักรพรรดิหย่งเล่อว่าทรงจัดการกับขุนนางซึ่งจงรักภักดีต่อจักรพรรดิเจี้ยนเหวินอย่างโหดเหี้ยม ดั่งเช่นฟางเสี้ยวหรู ถูกประหารชีวิตสิบชั่วโคตร ครอบครัว 873 คนถูกเนรเทศ ผู้มีสายเลือดเกี่ยวดองเป็นญาติห่างๆถูกประหารมากกว่าพันคน 

 ฟางเสี้ยวหรู ซึ่งเป็นยอดมหาบัณฑิตแห่งต้าหมิง เคยเป็นพระอาจารย์สอนหนังสือให้แก่รัชทายาทจูอวิ่นเหวิน ภายหลังคือจักรพรรดิเจี้ยนเหวินแห่งราชวงศ์หมิง เป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้เจี้ยนเหวินเป็นที่สุด และยังเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านแผนชิงบัลลังก์ของเยี่ยนอ๋องจูตี้ 

 แต่สุดท้ายเมื่อจักรพรรดิเจี้ยนเหวินได้ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เยี่ยนอ๋องได้ครองบัลลังก์แทน สถาปนาขึ้นเป็นจักรพรรดิหย่งเล่อ พระองค์ได้บีบให้ฟางเสี่ยวหรูเขียนหนังสือขอขมา ทว่าฟางเสี้ยวหรูยอมตายแต่ไม่ยอมจำนน 

 ฮ่องเต้หย่งเล่อจึงทรงมีพระราชโองการรับให้สั่งประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร แต่ฟางเสี้ยวหรูยังกล่าวออกมาจนกลายเป็นวาทะอันโด่งดังที่สุดในชีวิตของเขาคือ "เก้าไม่พอ ต้องสิบต่างหาก" ชั่วโคตรที่สิบหมายถึงลูกศิษย์ของเขา ก่อนตายเขายังกัดเลือดจากนิ้วตัวเองเขียนอักษร (ช่วน) หมายถึง การแย่งชิง เพื่อประณามการกระทำของฮ่องเต้หย่งเล่อที่ได้อำนาจมาโดยไม่ชอบธรรม 

 การตายของเหลี่ยนจีหนิง ทำให้ทั้งเมืองกลายเป็นเมืองร้างล้มตายไป1051คน ครอบครัวและญาติพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกันถูกประหารเก้าชั่วโคตร รวมทั้งเนรเทศคนเป็นหลักร้อยเช่นเดียวกัน การตายของเฉินตี๋ เนรเทศคนไปถึง180 คนโดยประมาณ ในบรรดาคนที่ถูกประหารเป็นครอบครัวที่ถูกประหาร 80 กว่าคน 

 การตายของหูหรุ่นครอบครัวทั้งหมด270 คนถูกประหารทั้งหมดการตายของต่งย้งครอบครัวทั้งหมดโดนประหาร 230 คน จั้วจิ้น ฮวงกวน ฉีไท่ ฮวงจีเฉิง หวางตู้ ลู๋หยวนจื่อ 

 และขุนนางคนอื่นๆ ที่ถวายความจงรักภักดีต่อจักรพรรดิเจี้ยนเหวินล้วนถูกประหารทั้งสิ้น นับได้ว่าเป็นการสั่งประหารครั้งใหญ่ที่ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ของราชวงศ์หมิง 

 ชีวิตของขุนนางที่ถวายความภักดีให้แก่อดีตองค์จักรพรรดิผู้สาบสูญและครอบครัวของผู้คนเหล่านั้นต้องถูกปลิดชีพด้วยคมดาบจนมิเหลือสิ้น เพื่อตัดรากถอนโคนไม่ให้เหลือผู้สืบทอดที่จะกลับมาเป็นผู้ก่อการกบฏและล้างแค้นต่อจักรพรรดิหย่งเล่อในภายหลัง

 ยามเมื่อลมพัดหวนมิอาจคืนกลับมาได้ดั่งเช่นกาลก่อนอีกต่อไป เมื่อรัชสมัยของจักรพรรดิเจี้ยนเหวินล่มสลายผลัดเปลี่ยนไปสู่แผ่นดินใหม่ของจักรพรรดิหย่งเล่อ 

 หน่วยตงฉ่างองครักษ์เสื้อแพรรับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิ และจำต้องปฏิบัติตามพระบรมราชโองการอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง สังหารขุนนางที่เป็นปรปักษ์และไม่ถวายจงรักภักดี ฆ่าอย่าให้เหลือทั้งตระกูล!!!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หลินลี่ชา ฮูหยินร้ายจวนโหว   ตอนที่ 3 ฝันจากอดีต 1.1

    ยุคปัจจุบัน มหานครปักกิ่ง คอนโดขนาดใหญ่สูงเสียดฟ้ามีความสูงถึง 59 ชั้นตั้งอยู่ในเขตเฉาหยาง ของมหานครปักกิ่งเมืองหลวงของประเทศจีนที่ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในทวีปเอเชียและกำลังก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลกที่แม้แต่ทางโลกตะวันตกยังต้องเฝ้าจับตามองการเจริญเติบโตชนิดที่ว่าก้าวกระโดดทางด้านเทคโนโลยีอันทันสมัยล้ำยุค เจริญก้าวหน้าไปอย่างมีมีที่สิ้นสุด ภายในห้องพักอาศัยขนาดสามห้องนอน มีสมาชิกเข้ามาอาศัยพักอยู่ด้วยกันสามคนล้วนเป็นหญิงสาววัยแรกรุ่นกำลังเรียนในระดับมหาวิทยาลัยด้วยกันทั้งสิ้น หญิงสาวทั้งสามเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ยังเรียนระดับประถมและเติบโตมาพร้อมกัน จนกระทั่งต่างแยกย้ายสอบเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแต่ก็อยู่ภายในมหานครปักกิ่งทั้งสิ้น หวังจิวเซียน หญิงสาวในวัย 20 ปีลูกสาวเพียงคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่ทางการเงิน กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ทางด้านเศรษฐศาสตร์เพื่อรับช่วงต่อของกิจการตระกูลหวังครอบครัวเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีต้นๆ ของจีนที่มีทรัพย์สินมากมายหลายหมื่นล้าน เฉินเสวี่ยม่าน หญิงสาววัย 20 ปีเช่นกัน ครอบครัวเป็นนักการเมืองใหญ่เป็นบุตรสาวคนเล็กข

  • หลินลี่ชา ฮูหยินร้ายจวนโหว   ตอนที่ 2 จวนตระกูลหลิน

    จวนตระกูลหลิน กรี๊ดดดด!!!! เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของสตรีจำนวนมากมายด้วยความเจ็บปวดดังออกมาเป็นระยะติดตามด้วยร่างอันไร้วิญญาณร่วงหล่นฟุบลงไปกับพื้นจวน เมื่อถูกเชือดคออย่างไร้สิ้นความปราณีจากคมดาบ อ๊าคคคค!!!! เสียงบุรุษจำนวนมากก็ไม่แตกต่างไปจากเสียงร้องโหยหวนของสตรีแม้แต่น้อย ทุกชีวิตในจวนตระกูลหลิน ถูกสั่งประหารเก้าชั่วโคตร ชีวิตของหลินเหยียนเจิ้ง เสนาบดีผู้จงรักภักดีต่ออดีตองค์จักรพรรดิพร้อมด้วยฮูหยินและอนุภรรยาทั้งหก คุณชายทั้งสิบห้าคนซึ่งเกิดจากฮูหยินและอนุภรรยา คุณหนูสองนาง คุณหนูใหญ่บุตรีลำดับที่สิบหกเกิดจากฮูหยินเซียวและคุณหนูเล็กบุตรีลำดับที่สิบเจ็ดเกิดจากอนุภรรยาคนสุดท้อง รวมไปถึงข้าทาสบริวารที่คอยรับใช้ภายในจวนตระกูลหลินอีกกว่า 203 ชีวิต มีคำสั่งให้ประหารไม่เหลือสิ้น ทันทีที่ผู้เชิญพระราชโองการมาถึงจวนดังกล่าว เสียงกรีดร้องของเด็กน้อยมากมายทั้งชายและหญิงดังก้องระงมไปทั่วทั้งจวนตระกูลหลิน เมื่อถูกบรรดาองครักษ์เสื้อแพรซึ่งรับราชโองการจากองค์จักรพรรดิโดยตรงเท่านั้นให้จัดการปลิดชีพเสนาบดีหลินเหยียนเจิ้ง ผู้ไม่ภักดีพร้อมทุกชีวิตที่อยู่ภายในจวนตระกูลหลินทั้งหมด

  • หลินลี่ชา ฮูหยินร้ายจวนโหว   ตอนที่ 1 บทนำ

    รัชศกเจี้ยนเหวิน ปีที่ 4 รัชสมัยจักรพรรดิหมิงฮุ่ยตี้(ฮ่องเต้เจี้ยนเหวิน) จักรพรรดิหมิงฮุ่ยตี้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงหลังจากจักรพรรดิหงหวู่ พระราชอัยกาเสด็จสวรรคต พระองค์ได้ทรงใช้พระนามว่าฮุ่ยตี้ และใช้ศักราชประจำพระองค์ว่าเจี้ยนเหวิน ทรงดำเนินนโยบายลดทอนอำนาจของบรรดาหวางต่างๆ อย่างเข้มงวด อ๋อง 5 พระองค์ถูกย้ายออกจากเมืองที่ประทับ บางพระองค์ถูกปลด บางพระองค์ต้องฆ่าตัวตาย และเยี่ยนอ๋องจูตี้เองก็ถูกแพ่งเล็งเนื่องจากเป็นผู้ที่มีบทบาทมากในการศึกคราวก่อนๆ และก่อนที่จักรพรรดิหงหวู่จะเสด็จสวรรคตนั้น จักรพรรดิเจี้ยนเหวินทรงมีพระราชโองการห้ามให้อ๋องต่างๆ เข้ามาถวายบังคมพระบรมศพ ด้วยเหตุที่ว่าเกรงจะมีการก่อรัฐประหาร แต่มีอ๋องพระองค์หนึ่งคือเยี่ยนอ๋องไม่ยอมทำตามราชโองการนั้น พร้อมกับนำทหารราชองครักษ์เดินทางมายังเมืองหลวงนานกิง แต่ด้วยมีราชโองการของจักรพรรดิส่งมาห้าม พระองค์จึงจำเป็นต้องกลับไปที่เมืองเป่ยจิง หลังจากสะสมอาวุธและฝึกซ้อมทหารจนใช้ชำนาญแล้ว เยี่ยนอ๋องจึงตัดสินพระทัยชิงลงมือยกทัพจากเป่ยจิงลงใต้เผชิญหน้ากับหลานชาย โดยอ้างว่าเพื่อกำจัดเหล่าขุนนางกังฉ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status