ห้องสมุดอวี้หลัน
ในเวลานี้สามสาวสวยของแก๊งนางร้ายกำลังพากันหยุดยืนมองบานประตูขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในสมัยโบราณทำมาจากไม้เนื้อแข็งอย่างดี บานประตูดังกล่าวทำมาจากต้นสนพันปีจึงมีความแข็งแรงและคงทนยืนหยัดอยู่นาน มีร่องรอยของการชำรุดตามกาลเวลาที่ผ่านมาหลายร้อยปีแต่ยังคงสภาพสมบูรณ์เอาไว้เกือบ 90% เลยทีเดียว “โอโห่! แน่ใจนะว่านี่มันบานประตูบ้านคนหรือบานประตูของพระราชวังต้องห้ามกันแน่ ทำไมถึงได้ใหญ่โตอลังการขนาดนี้เลยละเสี่ยวม่าน แต่พวกเราก็มาเดินเที่ยวแถวนี้เดือนละครั้งทำไมถึงไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้มาก่อนเลย”หวังจิวเซียนถามเพื่อนรักกลับไปด้วยความสงสัยก่อนจะหันกลับไปถามลี่มี่มี่ “มี่มี่คิดว่าอย่างไงเคยเห็นบ้างไหมหรือว่าเป็นฉันคนเดียวที่ไม่ได้สังเกตว่าแถวนี้มีบ้านหลังมหึมาตั้งอยู่แถบนี้” ใบหน้าคมเฉี่ยวของลี่มี่มี่ส่ายไปมาติดต่อกันอย่างช้าๆ เป็นการปฏิเสธกลับมา “ฉันก็เพิ่งจะเห็นครั้งแรกเหมือนกัน”หญิงสาวตอบกลับไปเสียงเบา ดวงตาเฝ้าจับจ้องบานประตูขนาดใหญ่ตรงหน้าราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทันใดนั้นเอง พรึบ! บานประตูทางเข้าที่เปิดกว้างทั้งสองด้านอยู่ในขณะนี้ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ เหนือบานประตูที่ว่างเปล่าปรากฏป้ายชื่อขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเขียนว่า “จวนสกุลหลิน” ตัวหนังสือเป็นอักษรสีทองหนักแน่นและมั่นคงบนเนื้อไม้สีน้ำตาลเข็ม แกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม แต่แล้วเพียงครู่กลับเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของลี่มี่มี่พร้อมเสียงของเฉินเสวี่ยม่านดังแทรกขึ้น “อย่าว่าแต่พวกเธอสองคนเลยฉันเองก็เพิ่งเห็นเหมือนกัน ว่าแต่เข้าไปหาที่นั่งกันเถอะอาจารย์ให้โค้ดรหัสสมาชิกมาจึงจะมีที่นั่งในนั้นได้ คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกห้องสมุดหาที่นั่งไม่ได้หรอกนะ โค้ดของอาจารย์เป็นห้องพิเศษเพราะว่าบ้านหลังนี้เพิ่งทำการบูรณะครั้งใหญ่ อาจารย์มาควบคุมดูแลอาคารเก่าแก่ในฐานะที่ขึ้นทะเบียนกับทางรัฐบาลเอาไว้”เฉินเสวี่ยม่านพูดพลางก้าวเดินตรงไปข้างหน้าพร้อมข้ามธรณีประตูไปเป็นคนแรกพลางอธิบาย “อาจารย์บอกว่าบ้านหลังนี้เป็นจวนขุนนางเก่า ถูกสร้างขึ้นสมัยช่วงปลายแผ่นดินต้าหยวน พอราชวงศ์หยวนล่มสลายก็ตกมาอยู่ในยุคของราชวงศ์หมิง เป็นสถานที่สำหรับขุนนางระดับเสนาบดีขึ้นไปที่จะได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ให้เป็นที่พำนักสืบทอดต่อมานับรุ่นสู่รุ่นเรื่อยมา”เฉินเสี่ยวม่านอธิบายให้เพื่อนๆ ฟัง “เห็นอาจารย์บอกว่าก่อนจะทำการบูรณะครั้งใหญ่ทางรัฐบาลล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตา ดีที่ว่าตั้งอยู่ในซอยลึกก็เลยไม่มีใครสังเกต ด้านหน้ากว้างไม่มากหรอกแต่ลึกเข้าไปข้างในไม่รู้ว่ากี่ไร่ ที่เห็นตอนนี้คือประตูด้านหลังจวนทางทิศเหนือนะ มีประตูทางเข้าทั้งหมดห้าทิศ ส่วนประตูหน้าหันไปทางพระราชวังต้องห้าม นี่คือเหตุผลว่าทำไมกองโบราณคดีจึงต้องใช้เวลาปรับปรุงนานหลายปีเพราะมีพื้นที่กว้างมากเลย”เฉินเสวี่ยม่านอธิบายให้เพื่อนๆ ฟังพลางก้าวเดินตรงเข้าไปข้างใน ตามด้วยร่างของหวังจิวเซียนก้าวตามหลังไปติดๆ พร้อมส่งเสียงร้องเรียกบอกเพื่อนรักโดยไม่ทันหันกลับมามองอาการยืนนิ่งแข็งทื่อของลี่มี่มี่ที่กำลังเกิดขึ้น “ไปเถอะมี่มี่คนในห้องสมุดไม่พลุกพล่านดูเงียบสงบดีด้วย บรรยากาศเข้าท่าเนอะ”หวังจิวเซียนบอกเพื่อนรักพลางก้าวเดินนำหน้าเข้าไปก่อนโดยไม่มีเพื่อนคนไหนได้ทันสังเกตอาการผิดปกติของลี่มี่มี่แม้แต่น้อย ในขณะที่ลี่มี่มี่กำลังยืนตกตะลึงตาค้างอยู่เพียงคนเดียวตามลำพังกับสิ่งที่เห็นเมื่อครู่เพราะมีเธอเท่านั้นที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ผลุบ! เปลือกตาปิดลงทันใดพร้อมสลัดไปมาอย่างแรง “มันก็แค่ภาพหลอนลวงตาเท่านั้น วันนี้อากาศร้อนฉันคงเห็นอะไรเป็นตุเป็นตะไปทั่ว”ลี่มี่มี่พึมพำเสียงเบาพร้อมรีบลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เฮ้อ! เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เบื้องหน้าคือสมาชิกห้องสมุดที่ผู้คนต่างเข้ามาใช้บริการ พากันนั่งอ่านหนังสือและพูดคุยปรึกษาหารือกันอย่างเงียบๆ พร้อมรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้างามเฉี่ยวของนางร้ายตัวแม่ “รอด้วยเสี่ยวเซียน เสี่ยวม่าน”ลี่มี่มี่ร้องเรียกเพื่อนพร้อมรีบก้าวข้ามธรณีประตูตามเพื่อนๆ ของเธอไปอย่างกระชั้นชิด ทันใดนั้นเอง สายลมพาดผ่านกระทบผิวเนื้อนวลเนียน ส่งกลิ่นหอมรัญจวนของดอกไม้ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ หมอกควันหนาปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ พร้อมพัดพาดอกอวี้หลันสีม่วงโปรยปรายตกลงตรงหน้าลี่มี่มี่ และมีหนึ่งดอกตกลงเกาะติดอยู่บนเส้นผมที่เกล้าขึ้นเป็นมวยสูงของหญิงสาวประดับปิ่นส่วนหัวเป็นไข่มุกขนาดใหญ่เพียงเม็ดเดียวเสียบอยู่ที่มวยผมตามยุคสมัยนิยมเปิดเปลือยลำคอขาวผ่องงามระหง ในยามอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้การเกล้าผมขึ้นสูงและเก็บรวบผมเอาไว้จะดีกว่าการปล่อยผมให้ยาวสยาย ในขณะเดียวกันสองขาของลี่มี่มี่ก้าวข้ามดอกอวี้หลันที่กำลังโปรยปรายลงสู่พื้นไปอย่างไม่ใส่ใจแต่ถึงกระนั้นก็มีหนึ่งดอกที่อยู่บนมวยผมของเธอแล้ว และทันทีที่ปลายเท้าทั้งสองของลี่มี่มี่ก้าวข้ามธรณีประตูดังกล่าวจนร่างงามระหงเข้ามาภายในเขตพื้นที่ของห้องสมุดประชาชน พรึบ! ผู้คนที่หญิงสาวกำลังเห็นนั่งอยู่ประปรายภายในบ้านขนาดใหญ่ และกระจายไปตามจุดต่างๆ ซึ่งเป็นสมาชิกห้องสมุดที่เข้ามาใช้บริการกลับเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของลี่มี่มี่อีกครั้ง ตรงหน้าของหญิงสาวในเวลานี้คือบ้านร้างที่ไร้สิ้นผู้คนอยู่อาศัย ช่างเงียบงันเสียนี่กระไร บรรยากาศเต็มไปด้วยความหดหู่และน่าเศร้าเป็นยิ่งนัก ฝุ่นหนาเตอะขาวโพลนจับเกาะไปทั่วทุกมุมของบ้าน หยากใย่ของแมงมุมระโยงระยางปรากฏให้เห็นตามมุมของหัวเสาที่ทำจากไม้และกระจายไปทุกพื้นที่ ตุบ! ถุงหูหิ้วที่บรรจุเครื่องสำอางคแบรนด์แนมยี่ห้อดังร่วงหล่นจากมือของลี่มี่มี่ลงพื้นทันทีด้วยความตกใจสุดขีด ดวงตาคู่สวยกลอกไปมาจนทั่วบริเวณครั้นเห็นเช่นนั้น ผลุบ! เปลือกตาทั้งสองข้างรีบปิดลงทันทีเพื่อระงับอาการตื่นตระหนกของตัวเอง “เป็นไปไม่ได้! ที่นี่คือห้องสมุดประชาชนไม่ใช่บ้านร้างไร้ผู้คนแบบนี้! มันจะต้องไม่ใช่ความจริง...ไม่ใช่แน่ๆ”ลี่มี่มี่พยายามพูดปลอบใจตัวเองก่อนจะตัดสินใจลืมตาขึ้นอีกครั้ง เฮือก!!! กายงามอรชรสะดุ้งโหยงจนสุดตัวเมื่อทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิม บ้านร้างที่เต็มไปด้วยความหดหู่และไร้สิ้นผู้คนเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะและหยากใย่มากมายจับเกาะไปทุกที่ยังคงปรากฎให้เห็นไม่เปลี่ยนแปลง “เป็นไปไม่ได้!”ลี่มี่มี่พูดออกมาทันทีพลางก้าวถอยหลังตั้งใจจะเดินออกจากประตู พลั่ก!!! แต่แล้วเธอกลับต้องหยุดชะงักเมื่อก้าวถอยหลังแล้วปะทะถูกอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ขวางอยู่ทางด้านหลังของเธออยู่ในขณะนี้ ควับ! ลี่มี่มี่รีบหันกลับไปมองทางด้านหลังอย่างรวดเร็วพร้อมดวงตากลมโตคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีดขึ้นมาอีก ก่อนจะผงะถอยหลังมาหนึ่งก้าว ยืนมองสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้ อุบ! สองมือรีบยกขึ้นปิดปากของตัวเองเอาไว้จนแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องดังออกมา เมื่อสิ่งที่เธอกำลังเห็นอยู่ในเวลานี้คือบ่อน้ำที่มีลักษณะเหมือนกับในความฝันมักปรากฏขึ้นในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาไม่มีผิด แตกต่างตรงที่บ่อน้ำตรงหน้าในขณะนี้บริเวณปากบ่อไม่มีแผ่นไม้ปิดทับและก้อนหินกดทับเหมือนที่เห็นในความฝันแต่อย่างใด ลี่มี่มี่ยืนนิ่งงันอยู่กับที่ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่อาจรู้ได้ ทุกสิ่งยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเธอยังคงอยู่บ้านร้างไร้สิ้นผู้คนอยู่เช่นเดิมและตรงหน้าของเธอคือบ่อน้ำที่เห็นในความฝันก็ยังอยู่ไม่เลือนหายไป จวบจนกระทั่งเธอเริ่มรู้สึกตัวว่าสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ไม่ใช่ความฝันและไม่ใช่ภาพหลอนลวงตาอย่างแน่นอน สองมือที่ปิดปากตัวเองอยู่ในเวลานั้นค่อยๆ คลายออก “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมเราถึงมายืนอยู่ในบ้านร้างแบบนี้ อีกอย่างบ่อน้ำตรงหน้าก็เหมือนที่เห็นในความฝันเลยจะเป็นไปได้เหรอว่า บริเวณแถบนี้จะมีโลกคู่ขนานของอดีตและปัจจุบันเกิดขึ้นมิหนำซ้ำยังเกิดขึ้นเฉพาะกับเราเท่านั้น เสี่ยวเซียน เสี่ยวม่านเดินนำหน้ามาก่อนแค่ไม่กี่ก้าวกลับไม่ได้มาอยู่ด้วยกับเราในเวลานี้”ลี่มี่มี่พูดพลางเฝ้าครุ่นคิดอยู่เช่นนั้น “เอาวะเป็นไงก็เป็นกัน”หญิงสาวพูดพลางสืบเท้าที่ก้าวถอยหลังไปเมื่อครู่กลับมาดั่งเดิม ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวลงไปมองภายในบ่อน้ำที่มืดมิด ลี่มี่มี่เอื้อมมือไปทางด้านหลังของเธอพลางดึงโทรศัพท์มือถือที่เก็บอยู่ในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนที่เธอสวมใส่อยู่ในขณะนี้พร้อมรีบสไลด์หน้าจอกดสัญลักษณ์ไฟฉายทันที พรึบ! แสงสว่างจากมือถือของเธอเจิดจ้าขึ้นมาทันใดก่อนจะสาดแสงลงไปภายในบ่อน้ำดังกล่าวที่ทอดยาวลึกลงจนสามารถเห็นถึงก้นบ่อที่เหือดแห้งไม่มีน้ำไหลซึมออกมาแม้แต่น้อย อีกทั้งบริเวณก้นบ่อก็ไม่ปรากฏอะไรอยู่เลยมีเพียงพื้นหินที่ราบเรียบเท่านั้น “ไม่มีซากศพ!”ลี่มี่มี่เอ่ยออกมาทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น ฟิ้วววว!!! สายลมแรงพาดผ่านจนทำให้ต้นอวี้หลันที่ยืนต้นอยู่ในขณะนั้น พลิ้วไหวไปมาตามกระแสแรงลมพร้อมกลิ่นหอมฟุ้งรัญจวนใจเริ่มตลบอบอวลแผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ เป็นเหตุให้ลี่มี่มี่เงยหน้าขึ้นมอง “ต้นอวี้หลัน!”ลี่มี่มี่เอ่ยออกมาทันที่เมื่อได้เห็นต้นไม้มงคลและถ้อยคำดังกล่าวทำให้ลี่มี่มี่ขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “นอกจากตู้เหมิ่งห้าวแล้วพรรคพวกของมันยังมีเหล่าขุนนางผู้ใดบ้างเจ้าคะที่ร่วมมือด้วย”หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “ซือหม่าฉีและเว่ยชุน รวมไปถึงซือกงกง ขันทีที่ทำตนเป็นนกสองหัว หมาสองรางผู้ใดให้ประโยชน์สูงสุดก็จะอยู่กับคนผู้นั้นไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจึงไว้วางพระทัยให้คอยรับใช้อย่างใกล้ชิด”ลี่มี่มี่นั่งเอามือเท้าคางพร้อมใช้มือจับปลายคางตัวเองพลางครุ่นคิดตาม “แล้วซือหม่าเยี่ยคังไม่ได้ร่วมมือด้วยอย่างนั้นเหรอเจ้าคะท่านน้า ในเมื่อซือหม่าฉีเป็นพวกเดียวกับตู้เหมิ่งห้าว”หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้อะไรบางอย่าง “ตงฉ่างโหวไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจของขุนนางคนใด เพราะเป็นคนมีอุดมการณ์และหนักแน่น ถวายความจงรักภักดีและรับคำสั่งจากฮ่องเต้เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นนอกนั้นอย่าหวังว่าจะชี้นิ้วสั่งได้ และเพราะท่านโหวเป็นแบบนี้ไงตู้เหมิ่งห้าวจึงพยายามที่จะยัดเยียดตู้หรูอี้ให้มาเป็นฮูหยิน พยายามที่จะเข้าครอบงำอำนาจหน้าที่ขององครักษ์เสื้อแพรซึ่งมีสิทธิขาดในการไล่ล่า ไต
“นะ..นี่เจ้าคือ...ก็คือคุณหนูสิบหกหลินลี่ชาจริงๆ อย่างนั้นหรอกเหรอ แต่ว่าตระกูลหลินไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลยนะ ผู้คนภายในจวนทั้ง 228 ชีวิตถูกประหารจนหมดสิ้น และคุณหนูสิบหกก็ถูกไฟคลอกตายพร้อมคุณหนูสิบเจ็ดภายในบ่อน้ำ”ฉู่ฉิงเยี่ยนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เด็กสาวตรงหน้าบอกกับนาง “ก็เหมือนที่ท่านเป็นภรรยาลับที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เช่นกัน จึงทำให้รอดชีวิตมาได้ ส่วนข้านั้นที่ผู้คนบอกว่าถูกไฟคลอกตาย สภาพศพจะต้องไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโกจนไม่เหลือร่องรอยของข้าอยู่เลยใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นแน่ใจได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วข้านั้นตายจริง” ลี่มี่มี่ตั้งใจให้ตัวของเธอที่กลับชาติมาเกิดใหม่ในยุคอนาคตเข้ามาแทนที่ตัวเองในภพชาติอดีต จึงต้องสร้างสถานการณ์เท็จขึ้น “เป็นจริงหรือนี่! ที่คุณหนูสิบหกยังไม่ตายเหลือเชื่อเสียจริงเหลือเชื่อจริงๆ ”ฉู่ฉิงเยี่ยนกล่าวออกมาอยู่เช่นนั้นก่อนจะเอ่ยถามกลับไป “แล้วนี่เจ้ารอดตายมาได้อย่างไรกัน”เจ้าหอเลี่ยงเฟิ่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “ปาฏิหาริย์จากสวรรค์เบื้องบน ซึ่งมันยากที่จะอธิบายให้ผู้ใดเข้าใจได้ แต่ท่านน้าจงเชื่อเถอะว่าข้าคือหล
ยามโหย่วณ.หอเลี่ยงเฟิ่ง ร่างสูงระหงเดินไปตามทางที่ทอดยาวมุ่งหน้าไปยังห้องพักของตัวเอง หอเลี่ยงเฟิ่งในเวลานี้มีแต่ความเงียบงันด้วยเป็นช่วงเวลาหยุดพักผ่อนเป็นเวลา 15 วัน เพื่อให้บรรดาคณะงิ้วได้กลับบ้านไปพักผ่อนกับครอบครัว บางคนที่บ้านเกิดอยู่ไกลและต้องเสียเวลาเดินทางทั้งไปและกลับซึ่งใช้เวลานานก็จะไม่ไปไหน ต่างพากันใช้เวลาว่างไปทำประโยชน์อย่างอื่นที่นอกเหนือจากการนอนหลับเอาแรงจนเต็มที่แล้ว ด้วยเหตุนี้ตามห้องพักของแต่ละคน บางห้องก็มืดมิดเพราะกลับบ้านและบางห้องก็มีแสงสว่างจากโคมไฟซึ่งปรากฏให้เห็นเพียงไม่กี่ห้องอยู่ในขณะนี้รวมไปถึงห้องพักของลี่มี่มี่ด้วยเช่นกันที่ภายในห้องปรากฏแสงสว่างจากโคมไฟกำลังลุกโชนอยู่ในขณะนั้น ลี่มี่มี่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องพักของตัวเองที่เห็นแสงสว่างปรากฏขึ้นอยู่ภายในห้องด้วยความแปลกใจ ดวงตากลมโตคู่งามมองลอดผ่านหน้าต่างที่เปิดแง้มเอาไว้เพียงน้อยนิดและพบว่า ภายในห้องนั้นมีร่างของฉู่ฉิงเยี่ยนกำลังนั่งหันหลังมาทางประตูอยู่ในขณะนั้นอยู่เพียงลำพัง “ท่านน้ารออยู่ในห้องเสียด้วย
“อดีตฮ่องเต้ทรงมีเงินในท้องพระคลังหลวงมากมายถึงเพียงนี้เลยเหรอ ถ้าเช่นนั้นจะต้องมีคนบางกลุ่มต้องการเงินมหาศาลก้อนนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ หากข้าเดาไม่ผิด”ลี่มี่มี่เอ่ยขึ้นตามความคาดเดา แต่แล้วกลับต้องขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีเพราะโรงแลกเงินจินหมิงตามที่เธอล่วงรู้มาผู้ที่เป็นเจ้าของไม่ใช่ราชสำนักของอดีตฮ่องเต้เจี้ยนเหวิน “ท่านน้ามีบางอย่างที่ข้าสงสัยเกี่ยวกับโรงแลกเงินจินหมิง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าล่วงรู้มาเป็นเรื่องจริงหรือว่ามีการบันทึกบิดเบือนไปจากความเป็นจริงที่ถูกต้อง”ลี่มี่มี่เอ่ยถามกลับไป “เจ้าสงสัยสิ่งใดถามมาได้เลย หากข้าล่วงรู้ก็จะตอบเจ้าตามความเป็นจริง”เจ้าพอเลี่ยงเฟิ่งตอบกลับไป ลี่มี่มี่พยักหน้าขึ้นลงครั้นได้ยินเช่นนั้นพร้อมเอ่ยขึ้น “ที่ข้าล่วงรู้มาก็คือเจ้าของโรงแลกเงินจินหมิงคือตระกูลเว่ย แต่ในความเป็นจริงแล้วก็คือตู้เหมิ่งห้าว หัวหน้าสภาขุนนางในราชสำนักของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่ใช่เหรอท่านน้า คำถามของลี่มี่มี่ทำให้ฉู่ฉิงเยี่ยนมองหน้านางเขม็งเพราะความจริงของเรื่องนี้เกี่ยวกับโรงแลกเงินจินหมิงมีเพียงเกาจิ้งหยวนและหลินเ
มือของตัวเองเข้าหากันจนแน่น เพื่อไม่ให้บ่าวไพร่ต่างพากันมองนางว่าเป็นสตรีที่เต็มไปด้วยความร้ายกาจ รวมไปถึงบ่าวจากจวนตงฉ่างที่กำลังยืนตัวลีบตัวงอด้วยความตกใจและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอยู่ในขณะนั้น “พูดต่อไป! ข้าบอกให้เจ้าหยุดตั้งแต่เมื่อไรกันเชียว”ตู้หรูอี้พยายามปรับเสียงของนางให้กลับมาเป็นปกติดั่งเดิม “จะ..จะ..เจ้าค่ะ!”บ่าวคนดังกล่าวรับคำเสียงเบาก่อนจะรีบรายงานเหตุการณ์ตามที่นางได้เห็นเต็มสองตา “ท่านโหวไม่มีท่าทีขับไล่นางให้ห่างออกจากกายเลยเจ้าค่ะ มิหนำซ้ำยังให้นางสัมผัสชนิดที่ว่าถึงเนื้อถึงตัวได้เช่นกัน สองมือของนางเฝ้าคอยประคองใบหน้าของท่านโหวอยู่บ่อยครั้งด้วยเจ้าคะ” ตู้หรูอี้ถึงกับสูดลมหายใจเขาปอดด้วยความโกรธและริษยาสตรีที่กำลังกล่าวถึงอย่างยิ่งยวด ในขณะที่ตัวนางเองนั้นจะเข้าใกล้ท่านโหวหนุ่มในรัศมีสิบฉื่อยังไม่สามารถทำได้แม้แต่น้อย ด้วยเพราะตงฉ่างโหวจะทำตัวไม่เคยว่างทุกครั้ง เวลาที่นางไปเยี่ยมฮูหยินฮัวที่จวนผิงอันกั๋วกง ก่อนจะเอ่ยถามกลับไปในสิ่งที่นางต้องการล่วงรู้ “เจ้าล่วงรู้หรือไม่ว่าหญิงผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน บุตรีขอ
จวนสกุลตู้ เรือนส่วนตัวของคุณหนูคนงามตู้หรูอี้ ถูกสร้างขึ้นอย่างหรูหราเต็มไปด้วยความประณีตและงดงามวิจิตรยิ่งนัก เทียบเท่ากับตำหนักในพระราชวังหลวงก็ว่าได้ ทุกอย่างต้องดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นเครื่องเรือน อาภรณ์ที่สวมใส่และเครื่องประดับอันมีค่า ตู้เหมิ่งห้าวเลือกเฟ้นมาประเคนให้แก่บุตรสาวคนโปรดชนิดที่ว่านางอยากได้อะไรไม่มีคำว่าไม่ได้แต่อย่างใดในชีวิตของนาง “เจ้าว่าอะไรนะ!”เสียงแหลมสูงของคุณหนูคนสวยดังแทรกขึ้นมาทันที ภายในเรือนนอนส่วนตัว เมื่อบ่าวที่นางใช้เงินซื้อข่าวเพื่อให้รายงานความเคลื่อนไหวทุกอย่างของตงฉ่างโหว หลังจากที่ได้รับพระราชทานจวนพำนักมาจากองค์จักรพรรดิแยกมาอยู่ต่างหาก จากจวนของสกุลซือหม่าหรือที่รู้จักกันดีนั่นก็คือคือจวนผิงอันกั๋วกง ซึ่งเป็นลุงแท้ๆ ของตงฉ่างโหวหรือซือหม่าเยี่ยคังนั่นเอง ซึ่งเดิมทีมีคนของตู้หรูอี้คอยส่งข่าวภายในจวนดังกล่าวมาให้นางล่วงรู้อยู่ทุกวี่วันเป็นประจำ ไม่ว่าจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไรตลอดจนถึงเรื่องของฮูหยินฮัว ท่านแม่ของตงฉ่า