Mag-log inทันใดนั้นเอง
ภาพเหตุการณ์ในครั้งอดีตปรากฏให้ลี่มี่มี่ได้เห็นขึ้นมาทันที บ้านร้างไร้สิ้นผู้คนพลันปรากฏผู้คนมากมาย เต็มไปด้วยข้าทาส บริวารและบ่าวรับใช้ เสียงเด็กน้อยหัวเราะร่วนอย่างมีความสุขและเสียงหัวเราะของสตรีสาววัยกลางคนสวมอาภรณ์เลอค่าผู้หนึ่งกำลังนั่งปลูกต้นไม้กับบุตรสาววัยย่างเข้าดรุณีแรกแย้มของนางอยู่ตรงบริเวณท้ายจวนห้อมล้อมไปด้วยบ่าวรับใช้ ที่กำลังช่วยกันคนละไม้คนละมือปลูกต้นอวี้หลันอยู่ในเวลานั้น “ท่านแม่ชอบต้นอวี้หลันสีอะไรเจ้าคะ ช่าช่าชอบสีม่วงที่สุดเลยเจ้าค่ะดูลึกลับ มีเสน่ห์และหอมมากด้วย”เสียงลูกสาวตัวน้อยของนางส่งเสียงถามเจื้อยแจ้ว ซึ่งในขณะนั้นเพิ่งจะมีอายุสิบสี่ปี “แม่ก็ชอบสีม่วงเหมือนกัน แต่ดอกอวี้หลันยังมีอีกหลายสีนะลูกนอกจากสีม่วงแล้ว ยังมีสีขาว สีเหลือง สีชมพูก็มีนะแต่ไม่ว่าจะเป็นสีอะไรล้วนแล้วสวยงามทั้งสิ้น ส่งกลิ่นหอมเช่นกันแม่ได้พันธ์สีม่วงกับสีขาวมา เดี๋ยวเรามาช่วยกันปลูกเว้นระยะห่างไม่ให้เบียดกันไปตามแนวกำแพงจวน และแบ่งไปปลูกตรงประตูด้านหน้าจวนสักสองสามต้น”ฮูหยินเซียวบอกบุตรสาวของนาง “เจ้าค่ะท่านแม่..เดี๋ยวข้าช่วยปลูกแล้วอีกนานไหมกว่าจะได้เห็นดอกอวี้หลัน”หลินลี่ชาถามมารดากลับไป “ปีที่สามก็ได้เห็นดอกอวี้หลันแล้วลูก ถึงตอนนั้นตามแนวกำแพงจวนของเราจะเต็มไปด้วยดอกสีม่วงและสีขาวส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณนี้ไปหมดเลยเชียวละ”ฮูหยินเซียวบอกบุตรสาวของนางรอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏให้เห็นอยู่บนใบหน้าของทุกคน ต้นอวี้หลันพันธุ์สีม่วงเป็นดอกไม้มงคลที่นิยมปลูกภายในบริเวณบ้านที่มีพื้นที่ ดอกไม้สัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ดอกอวี้หลันมีหลายหลากสี มีทั้งสีขาว เหลือง ชมพูและม่วง ซึ่งดอกอวี้หลันสีม่วงนี้เป็นสีโปรดของฮูหยินเซียวและหลินลี่ชาบุตรสาวเพียงคนเดียวของนาง ฮูหยินเซียวและหลินลี่ชา ช่วยกันปลูกดอกอวี้หลันสีม่วงนี้ไว้ตามริมกำแพงจวนไปตลอดแนวจนถึงประตูทางเข้าแต่เป็นประตูหลังของจวนสกุลหลิน ถัดจากกำแพงจวนคือชุมชนขนาดใหญ่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมายและบ้านเรือนของผู้คนทั่วไปที่อยู่ในอีกสังคมหนึ่งซึ่งไม่ใช่ชนชั้นขุนนาง บ่อน้ำร้างตรงหน้าคือสิ่งที่อยู่คู่มากับจวนสกุลหลินมาตั้งแต่มีการสร้างจวนในสมัยแผ่นดินต้าหยวน ซึ่งก่อนหน้านั้นคือจวนขุนนางในสมัยราชวงศ์หยวนซึ่งมีเชื้อสายมองโกล ก่อนจะล่มสลายไป หลังจากปฐมกษัตริย์แห่งต้าหมิงสามารถกอบกู้แผ่นดินของชาวฮั่นกลับคืนมาจากมองโกลได้เป็นสำเร็จ สกุลหลินได้เข้าถวายการรับใช้ในราชสำนักต้าหมิง หลินโม่คือบิดาของหลินเหยียนเจิ้ง เสนาบดีใหญ่ในรัชสมัยของจักรพรรดิหงอู่ได้รับพระราชทานจวนนี้ ซึ่งมีความดีความชอบที่ช่วยพระองค์บริหารบ้านเมืองหลังจากต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของมองโกลนานกว่าร้อยปี สกุลหลินเข้าถวายการรับใช้ราชสำนักต้าหมิงด้วยความจงรักภักดีมาโดยตลอดเรื่อยมาจวบจนกระทั่ง มาถึงในรัชสมัยของจักรพรรดหมิงเฉิงจู่หรือฮ่องเต้หยงเล่อ สกุลหลินก็สูญสิ้นลงไปเพียงชั่วพริบตาถูกสังหารจนสิ้นตระกูลภายในคืนเดียวเท่านั้น 228 ศพไม่มีผู้ใดรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว ร่างไร้วิญญาณถูกทยอยนำออกไปจากจวนเมื่อเช้าในวันรุ่งขึ้นมาเยือน และบ่อน้ำร้างที่มีควันลอยออกมาจากก้นบ่อลึกซึ่งมีศพถูกไฟคลอกดำเป็นตอตะโก นอนคดคู้กอดกันอยู่บริเวณก้นบ่อเป็นที่น่าเวทนาต่อสายตาของผู้ที่ได้มาพบยิ่งนัก พรึบ! ภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตค่อยๆ เลือนหายไปโดยพลันต่อหน้าต่อตาลี่มี่มี่ แปะ! หยาดน้ำตาไหลหลั่งรินออกมาจากขอบตาทันใดเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ในอดีตที่หวนกลับมาให้เธอได้เห็นอีกครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือดวงวิญญาณของ 228 ศพในสกุลหลินกำลังพยายามร้องขอความยุติธรรมและความบริสุทธิ์กลับคืนสู่วงศ์ตระกูลโดยผ่านทางลี่มี่มี่ แล้วเธอเล่าคือใครจะเป็นไปได้อย่างนั้นเหรอว่าแท้จริงแล้วนี่คือเหตุการณ์ในอดีตชาติของลี่มี่มี่ ที่เคยถือดำเนิดเป็นหลินลี่ชาแห่งสกุลหลินที่ประสบชะตากรรมวิบัติร้ายเช่นนี้ ตุบ! ร่างงามระหงยืนโงนเงนไปมาก่อนจะทรุดฮวบลงนั่งกอดเข่ามองบ่อน้ำตรงหน้าด้วยความโศกเศร้าเป็นที่สุด “ท่านแม่!”เสียงร้องเรียกฮูหยินเซียวมารดาในภพชาติอดีตดังออกมาพร้อมหยาดน้ำตาไหลหลั่งรินออกมาจากขอบตาทั้งสองข้างของลี่มี่มี่ ก่อนจะร่ำไห้ออกมาจนใจแทบขาดเสียให้ได้ ท่ามกลางความเงียบงันที่แผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ ห้องสมุดประชาชนอวี้หลันหรือแท้จริงแล้วคือจวนสกุลหลินในอดีตได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อหกร้อยกว่าปีก่อน นำหญิงสาวนางหนึ่งในยุคปัจจุบันกลับคืนสู่เหตุการณ์ในอดีตที่มีการประหารล้างตระกูลซึ่งระยะเวลาดังกล่าวเพิ่งผ่านไปหกเดือน โลกคู่ขนานระหว่างอดีตและปัจจุบันปรากฏขึ้นอยู่ทุกที่ไม่ตายตัวว่าจะเกิดขึ้นในแห่งหนใด แต่ในขณะนี้โลกคู่ขนานปรากฏขึ้นที่จวนสกุลหลินในอดีตผ่านดอกอวี้หลันสีม่วง ดอกไม้สีม่วงพร้อมกลิ่นหอมรัญจวน คือภาพสุดท้ายก่อนที่หลินลี่ชาจะจบชีวิตลงในกองไฟพร้อมกับน้องสาว ดอกไม้มงคลสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ได้หวนคืนกลับมาหานางอีกครั้งในชาติปัจจุบันของนางนั่นก็คือลี่มี่มี่ หญิงสาวผู้มีดวงชะตาแรงกล้าถูกนำกลับมาในชาติอดีตของเธอเองเมื่อหกร้อยกว่าปีก่อนอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องความบริสุทธ์และความยุติธรรมกลับคืนสู่สกุลหลิน ลมหายใจสุดท้ายก่อนจะหลุดลอยออกจากร่าง หลินลี่ชาในวัยสิบสี่ปีซึ่งถูกไฟคลอกตายภายในก้นบ่อพร้อมกับหลินซูเจินน้องสาวของนางได้เห็นบริเวณปากบ่อถูกเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมร่างสูงใหญ่ทะมึนของบุรุษสวมเครื่องแบบขุนนางสีแดงปักด้วยไหมสีทอง เป็นลวดลายมัจฉาเหินปรากฏกายขึ้นในขณะนั้น ซือหม่าเยี่ยคัง!!!! เสียงห้าวของบุรุษอีกผู้หนึ่งร้องเรียกชื่อของบุรุษที่ยืนอยู่บริเวณปากบ่อดังกึกก้องอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ข้าจะกลับมาหาเจ้าอย่างแน่นอนซือหม่าเยี่ยคัง ข้าจะต้องได้กลับมาแน่!!! หลินลี่ชาลั่นวาจาเอาไว้ก่อนสิ้นใจ เปลวเพลิงโหมกระหน่ำอย่างแรงกล้าจนหลินลี่ชาไม่สามารถรับรู้สิ่งใดทั้งสิ้น นางสิ้นใจตายอย่างน่าเวทนาภายในกองเพลิงพร้อมกับน้องสาวหลินซูเจิน ร่างถูกเพลิงเผาผลาญจนไหม้ดำเป็นตอตะโกพร้อมจิตสุดท้ายที่ได้เห็นและได้ยินชื่อของผู้ชายที่ยืนมองดูนางกับน้องสาวถูกไฟคลอกตายอย่างเลือดเย็นห้าปีผ่านไป จวนตงฉ่าง จวนตงฉ่างในเวลานี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กเล็กๆกำลังส่งเสียงหัวเราะไม่เว้นแต่ละวัน จวนตงฉ่างหรือจวนสกุลหลินในอดีตเต็มไปด้วยเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลด บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงันและความหดหู่ปกคลุมไปทั่วจวบจนกระทั่งจวนสกุลหลินได้กลายมาเป็นจวนตงฉ่าง ซึ่งเจ้าของจวนเป็นถึงผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร และจากเหตุการณ์ในอดีตซึ่งมีเรื่องราวสลับซับซ้อนได้ถูกเปิดเผย จนทำให้ล่วงรู้ว่าอดีตเสนาบดีเกาจิ้งหยวนเจ้ากรมคลังและอดีตเสนาบดีหลินเหยียนเจิ้งเจ้ากรมพลเรือน แท้จริงแล้วคือขุนนางผู้ภักดีแต่ความภักดีนั้นกลับทำให้เกิดเรื่องน่าสลดเพราะถูกให้ร้ายจากคนโฉด และมลทินทั้งหลายได้ถูกชะล้างไปหมดสิ้นเมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย ด้วยเหตุนี้สกุลหลินและสกุลเกาจึงได้รับความบริสุทธิ์กลับคืน ลี่มี่มี่คือทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของสกุลหลินเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ทำให้ตระกูลของเธอได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมา
คุกตงฉ่าง สตรีร่างเล็กในชุดนักโทษกำลังนั่งตัวชาในท่านั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นห้องขัง ตู้หรูอี้แทบสิ้นสติเมื่อได้ยินเสียงประกาศราชโองการขององค์จักรพรรดิถูกนำมาคุกตงฉ่างหลังจากที่ได้นำไปประกาศที่จวนเซี่ยเสิ้งกั๋วกง โดยเจิ้งหลี่เม่าเป็นผู้ประกาศราชโองการดังกล่าว ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโวยวายของอดีตคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ไม่ยอมรับความจริงกับชะตากรรมของตระกูลที่เกิดขึ้นและจบลงในเวลาอันรวดเร็ว “ท่านพ่อของข้าถูกใส่ร้าย! ข้าไม่เชื่อ! พ่อข้าไม่ใช่กบฏ..พวกเจ้าให้ร้ายตระกูลของข้า เจ้าพวกโฉดชั่ว”ตู้หรูอี้ก่นด่ากราด “จะกล่าวโทษผู้ใดก็จงดูการกระทำของเจ้าด้วยนะ สิ่งที่ทำลงไปสร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่นมากแค่ไหน สำนักรู้ได้หรือเปล่าก็ไม่ล่วงรู้ ตอนนี้เจ้าคือนักโทษประหารที่จะต้องถูกตัดหัวกลางแจ้งต่อหน้าประชาชน นี่คือสิ่งที่เจ้าและพ่อรวมไปถึงคนในตระกูลสร้างเอาไว้ตายทีเดียวสิบชั่วโคตร แต่ก่อนจะถูกประหารมีคนอยากพบเจ้าและคนผู้นี้เจ้าเองก็ลงมือสังหารนางมาแล้วถึงสองครั้งสองครา”หลี่เม่ากล่าวพร้อมก้าวเดินออกไปจากห้องคุมขังนักโทษที่ลึกอยู่ชั้นในสุดอย่างมิด
จวนเซี่ยเสิ่งกั๋วกงร่างสันทัดของตู้เหมิ่งห้าวกำลังไล่ตรวจบันทึกทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลตู้ ที่ปีนี้งอกเงยจากปีก่อนขึ้นมานับเท่าทวีคูณ ในขณะที่เรื่องราวของบุตรสาวคนโปรดยังไม่ล่วงรู้ถึงหู ด้วยเพราะนางบอกแต่เพียงว่าจะเดินทางไปปฏิบัติธรรมเพื่อบำบัดจิตใจให้คลายความทุกข์ลงไปได้บ้าง โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าบัดนี้ตู้หรูอี้ได้นำหายนะครั้งยิ่งใหญ่มาสู่ตระกูลของตัวเอง ทันทีที่เปิดเผยเรื่องราวในอดีตว่าแท้จริงแล้วเป็นนางที่วางแผนฆ่าคุณหนูสิบหก หลินลี่ชาแห่งสกุลหลิน โดยการยืมมือซือกงกงเป็นผู้สังหารเพื่อกำจัดสตรีที่ถูกจับจองให้เป็นฮูหยินข้างกายชายที่นางหลงรัก อีกทั้งลูกสมุนที่ถูกส่งไปทำงานใหญ่โดยการลักพาตัวลี่มี่มี่มากักขังไว้ในสถานที่คุมขังที่จัดเตรียมเอาไว้ก็ยังไม่ส่งข่าวมาแจ้งว่าลงมือทำงานไปถึงไหน นั่นเป็นเพราะลูกสมุนทั้งหมดถูกกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรล้อมจับเอาไว้ได้ทั้งหมด รวมไปถึงตู้หรูอี้บุตรีคนโปรดของหัวหน้าสภาขุนนางคนปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ถูกจับด้วยเช่นกัน ด้วยข้อหาฉกรรจ์เจตนาฆ่าเจ้าสาวของผู
จวนตงฉ่าง เรือนชิงเหลียน เรือนใหญ่ซึ่งถูกตกแต่งเอาไว้เป็นอย่างดี พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องเรือนมากมายที่ลี่มี่มี่เลือกจัดวางมาลงที่เรือนดังกล่าวด้วยตัวเองทั้งสิ้น ทั่วทั้งบริเวณตลอดทั้งภายนอกและภายในประดับด้วยผ้าแดงมงคลเต็มไปหมด ตลอดจนทั่วทั้งจวนด้วยในวันพรุ่งนี้ก็จะถึงพิธีสมรสของตงฉ่างโหวและพิธีขึ้นจวนใหม่ไปพร้อมกัน เรือนชิงเหลียนในอดีตนั้นก็คือที่พำนักของหลินเหยียนเจิ้งและฮูหยินเซียว บิดาและมารดาของหลินลี่ชา คุณหนูสิบหกของตระกูลหลินผู้เป็นดวงใจของพ่อและแม่ ภายในห้องนอนปรากฏร่างของลี่มี่มี่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ซึ่งจะใช้เป็นห้องหอในวันพรุ่งนี้ หญิงสาวถูกว่าที่สามีของเธอช่วยชีวิตออกมาจากโลงศพที่ต้องการฝังนางทั้งเป็น และยากเกินกว่าที่ผู้ใดจะหยั่งรู้ได้จะเป็นเพราะสวรรค์ดลใจหรือสิ่งเร้นลับบางอย่างคอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอดนั้นเรื่องนี้ก็ยา
ในขณะเดียวกันป่าไผ่เขียว อาชาตัวมหึมาควบห้อตะบึงมุง่หน้ามายังบริเวณป่าที่เต็มไปด้วยต้นไผ่ลำมหึมายืนต้นสูงแผ่กิ่งก้านจนบดบังแสงอาทิตย์ไม่สามารถแทงลำแสงลงสู่เบื้องล่างได้ จนทำให้ทั่วบริเวณดังกล่าวนั้นมืดครึ้มไปหมด ในขณะที่ดวงตาสีสนิมเหล็กดุจพญาเหยี่ยวของตงฉ่างโหวจับจ้องอยู่ตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาพร้อมสังเกตไปรอบกาย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อม้าคู่ใจวิ่งมาถึงลานป่าไผ่ยืนต้นสูงเรียงรายล้อมรอบเป็นวงกลมคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวล้อมรอบไปด้วยต้นไผ่เขียวมากมายยืนต้นสูง “อะไรกันนี่!”ตงฉ่างโหวเอ่ยออกมาทันที เบื้องหน้าในขณะนี้ปรากฏดอกอวี้หลันสีม่วงปกคลุมพื้นดินจนมีรูปร่างคล้ายหลุมฝังศพ ครั้นหันไปสำรวจทั่วบริเวณกลับไม่ปรากฏต้นอวี้หลันอยู่ภายในบริเวณนั้นแม้แต่น้อย ครั้นแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบนก็ไม่ปรากฏแหล่งที่มาของดอกไม้ดังกล่าวนำพาความแปลกใจให้แก่ท่านโหวหนุ่มยิ่งนัก ดวงตาคมกล้าจับจ้องอยู่แต่ดอกอวี้หลันที่อยู่ตรงหน้าเช่นนั้นและจดจำขึ้นมาได้ทันทีเมื่อดอกไม้นี้ สตรีที่อยู่ในหัวใจชอบมากที่สุด “ดอกอวี้หลันสีม่วง ดอกไม้ของมี่มี่!!!
ป่าไผ่เขียว ทั่วทั้งบริเวณของต้นไผ่ที่สูงชะลูดแข่งขันกัน แผ่กิ่งก้านที่เต็มไปด้วยใบไผ่สีเขียวปกคลุมจนทำให้มืดครึ้ม แสงแดดจากท้องฟ้าเบื้องบนสาดแสงลงสู่เบื้องล่าวได้เพียงน้อยนิด สาเหตุเพราะถูกกิ่งที่เต็มไปด้วยใบไผ่มากมายปิดบังเอาไว้ ทำให้แสงแดดของเวลากลางวันทอแสงรำไรพุ่งตรงลงสู่พื้นดินเบื้องล่างมองเห็นได้เป็นย่อมๆ เพียงเท่านั้น พื้นดินตรงบริเวณที่เป็นหลุมฝังศพของลี่มี่มี่ซึ่งถูกฝังไปเมื่อครู่ที่ผ่านมา บัดนี้ใต้พื้นดินเบื้องล่างกำลังเกิดสงครามระหว่างลี่มี่มี่กับโลงศพ เมื่อเธอถูกฝังทั้งเป็นทั้งที่ยังไม่ตาย ร่างที่กำลังห่อหุ้มอยู่ในผ้าขาวนั้นจึงพยายามดิ้นรนหาทางเอาตัวเองออกไปจากโลงแคบๆ นี้ให้ได้ถึงแม้ว่าอากาศรอดจะมีเพียงแค่ศูนย์เปอร์เซ็นต์ก็ตามแต่ลี่มี่มี่ก็ไม่ยอมแพ้ “ตู้หรูอี้! อย่าให้คนอย่างลี่มี่มี่รอดไปได้นะ ฉันจะกลับไปทวงชีวิตของแก! ต่อให้ตายเป็นผีก็จะไปหักคอแกให้ถึงที่เลยนางคุณหนูหน้าขาว!”ลี่มี่มี่ก่นด่าตู้หรูอี้พร้อมพยายามใช้มือของเธอที่ถูกมัดแน่นอยู่ในขณะนั้นล้วงเข้าไปในอกเสื้อที่ซุกซ่อนบางอย่างเอาไว้อยู่ต







