หลินหลินนั่งคุยกับป้าเจียงเพลิน เผลอลืมบุรุษ 3 คนที่นั่งรอนางอยู่หน้าเรือนไปเสียสนิท
" ท่านป้า ข้าขอไปสั่งงานคนของข้าสักครู่นะเจ้าคะ"
ฮูหยินเจียงยิ้มรับรู้
"เจ้าไปเถอะ เดี๋ยวสักพักแม่นมจางคงมาหาป้าที่จวนนี้เป็นแน่"
" แม่นมจาง? เป็นแม่นมของป้าเอง ไว้ป้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นางเป็นคนที่จิตใจดีมากทีเดียว"
"เจ้าค่ะ"
หลินหลินยิ้มหวานก่อนเดินออกมาหน้าเรือน เห็นท่านปูหลิวนั่งรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ มีสือหย่งและหานเซียวนั่งขนาบข้าง พอพวกเขาเห็นนางก็รีบลุกและเดินมาหา
" ขอโทษที่ให้รอนานเจ้าค่ะ"
หลินหลินยื่นส่งเงิน ให้ทุกคนคนละ 5 ตำลึงเงินตามที่นางให้สัญญาไว้
" วันนี้พวกท่านกลับบ้านได้เลยนะเจ้าคะ และอย่าลืมหาที่ปลอดภัยถอดแหวนกับชุดเก็บไว้ใส่ในวันพรุ่งนี้ ก่อนมาหาข้า พรุ่งนี้ข้าจะจ้างพวกท่านอีก 1 วัน มีใครมาไม่ได้ไหมเจ้าคะ"
" มาได้ขอรับ..."
ทั้งสามตอบด้วยสีหน้าดีใจยิ้มกว้าง จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร รับงานนี้พวกเขาได้เงินมากถึง 10 ตำลึงภายใน 2 วัน
หลินหลินส่งห่อผ้าที่ข้างในมีซาลาเปาไส้ผัก ไส้หมู ไส้หมูแดง รวมๆ กันห่อละ 10 ลูก ให้พวกเขาทั้ง 3 คน
" นำกลับไปให้คนที่บ้านกินนะเจ้าคะ และพรุ่งนี้เจอกันต้นยามเหม่า (05.00 น.) เจ้าค่ะ"
" ได้ขอรับคุณหนู...ขอบคุณคุณหนูขอรับ"
หลินหลินกำลังจะหมุนตัวเดินเข้าเรือนอีกครั้ง ก็มีเสียงเรียกของหญิงชราขึ้นมาก่อน หลินหลินหมุนตัวกลับไปกลับต้องชะงัก....
"คุณหนูเจ้าคะ ข้าเป็นคนของฮูหยินเจียงขอเข้าไปด้านในนะเจ้าคะ"
นางจางรู้ว่านายหญิงของนางมาต้อนรับแขกคนสำคัญ
นางรอที่จวนหลายชั่วยามยังไม่เห็นมีใครกลับมา ใจก็นึกหวั่นว่านายท่านและนายหญิงจะเป็นอะไรหรือไม่ นางจึงตัดสินใจมาที่นี่เพื่อดู หากไม่มีปัญหาใดนางจะรีบกลับจวน ไม่อยู่รบกวนพวกนายท่าน
"แม่นมจางใช่ไหมเจ้าคะ ท่านป้าอยู่ข้างในเจ้าค่ะ"
ระหว่างที่ตอบหลินหลินก็เดินไปประคองแม่นมจางเข้ามาด้วย อะไรจะบังเอิญขนาดนี้กันนะ แม่นมจางหน้าเหมือนครูที่เคยดูแลนางตอนเด็กๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
หลินหลินยืนนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด สายตาจับจ้องที่ไฝเม็ดเล็กหลังคอของหญิงชราเบื้องหน้า แม้แต่ตำแหน่งของไฝยังตรงกัน...
น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้เอ่อล้นขึ้นมาจนได้ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในอก ทั้งดีใจ ตื้นตัน คิดถึง โหยหา...
ภาพความทรงจำในอดีตชาติ ณ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของหลินหลินอย่างแจ่มชัด
" หลิน มากินข้าวเร็วลูก ครูตักกับข้าวไว้ให้แล้ว"
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกหลินหลินตัวน้อยที่กำลังง่วนอยู่กับการวาดรูป
เด็กน้อยหลินหลินเงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มกว้าง ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าไปหาครูกัลยา ครูผู้แสนใจดี
หลินเป็นเด็กกำพร้า ถูกทิ้งไว้หน้าประตูโรงเรียนตั้งแต่แบเบาะ ครูกัลยาเป็นผู้ดูแลหลินหลิน ประคบประหงม มอบความรักความอบอุ่นให้ ดุจดังแม่แท้ๆ หลินหลินจึงรักและผูกพันกับครูกัลยามากกว่าใคร
" วันนี้ครูทำแกงส้มชะอมไข่ กับข้าวสวยนิ่มๆของโปรดของหลิน เลยนะ"
ครูกัลยาตักแกงส้มใส่จานข้าวของหลินหลิน
" ขอบคุณค่ะครูขา"
หลินหลินรับจานข้าวมา ตักแกงส้มเข้าปาก
" อร่อยมั้ยคะ"
ครูกัลยาถามด้วยรอยยิ้ม
" อร่อยที่สุดในโลกเลยค่ะ"
หลินหลินตอบ พลางตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
แม้ในโลกนี้แม่นมจางจะไม่ใช่ครูกัลยา แต่หลินหลินก็สัมผัสได้ถึงความคุ้นเคย ความผูกพันธ์ ราวกับได้พบเจอคนในครอบครัวอีกครั้ง
หลินหลินฝืนยิ้ม พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ
" รบกวนคุณหนูต้องมาห่วงคนแก่ๆ แบบบ่าวแล้วเจ้าคะ"
หญิงชราเอ่ยอย่างเกรงใจ
" ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ แม่นมจางเข้าไปนั่งด้านในก่อน ข้าขอพยุงท่านเข้าไปนะเจ้าค่ะ"
หลินหลินตอบรับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แต่แววตาของนางกลับฉายแววความโศกเศร้า ความรู้สึกโดดเดี่ยวและความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะได้รับความรัก
ขณะที่ประคองแม่นมจาง หลินหลินแอบมองสายตาที่แม่นมจางทอดมองท่านป้าเจียง สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ความรักใคร่ มันทำให้หลินหลินรู้สึกสะท้อนใจ ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกโหยหาในใจของนาง
นานเพียงใดแล้วนะ...ที่ข้าคนนี้ไร้ซึ่งครอบครัว นานเพียงใดแล้วนะ...ที่ข้าคนนี้ไม่มีใครห่วงหา จะมีใครสักคนไหม...ที่จะมองข้าด้วยสายตาแบบนั้นบ้าง
หลินหลินถอนหายใจเบาๆ ...แค่ใครสักคน...
" แม่นม ท่านมาแล้ว ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ ว่าท่านต้องมา"
หลินหลินมองท่านป้าเจียงที่เข้ามาประคองแม่นมจางต่อ รอยยิ้มของนางบ่งบอกว่าทั้งสองไม่เคยห่างกัน
" นี่สินะ การมีคนให้รัก.....และการมีคนที่รักเราอย่างใจจริง"
หลินหลินพึมพำกับตัวเอง น้ำตาคลอหน่วยอีกครั้ง
"ฮูหยิน บ่าวแค่มาดูความเรียบร้อยเจ้าค่ะ ไม่มีอะไรให้ห่วงบ่าวก็จะกลับไปรอที่เรือนเจ้าค่ะ"
" แม่นมอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนเจ้าค่ะ ข้าชวนท่านลุงท่านป้าให้ทานข้าวเย็นที่นี่ หากแม่นมไม่รังเกียจข้า ข้าขอเชิญแม่นมทานข้าวด้วยกันด้วยเลยเจ้าคะ"
" บ่าวจะรังเกียจได้อย่างไรเจ้าคะ คนแก่คนนี้มีแต่จะมีความสุขที่คุณหนูเมตตาเจ้าค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นเรามาจัดโต๊ะอาหารกันเจ้าค่ะ ข้ามีอาหารมากมายให้พวกท่านลองชิม"
หลินหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้สัมผัสถึง ความอบอุ่นของครอบครัวอีกครั้ง
หลินหลินมองโต๊ะกลางห้อง มันมีขนาดเล็กไป นางจึงเอาโต๊ะในมิติออกมา นางหันไปดูท่านป้าและแม่นม ทั้งสองไม่ได้ตกใจอะไร แสดงว่าที่นี่มีคนใช้ถุงมิติพอสมควร หลินหลินเชิญท่านป้าและแม่นมนั่งยังโต๊ะอาหารตัวใหม่
" หลินหลิน เจ้าต้องระวังตัวให้มาก การที่เจ้ามีถุงมิติมันไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด แต่การที่เจ้าเป็นสตรีครอบครองของวิเศษ แล้วต้องเดินทางมันอันตรายมาก ข้ารู้มาว่าเจ้าจะอยู่นี่อีกเพียงแค่คืนนี้ เจ้าจะไปที่ใดต่อบอกป้าได้หรือไม่"
" ข้าตั้งใจว่าจะเดินทางลงใต้เจ้าค่ะ หาเมืองสักเมืองซื้อจวนอยู่ที่นั่นเจ้าค่ะ"
"เดินทางคนเดียวหรือเจ้าคะคุณหนู มันอันตรายมากเลยเจ้าค่ะ"
สายตาห่วงใยของแม่นมทำให้หลินหลินดวงตาสั่นเครือ ในจิตใจของนางสั่นไหวอย่างรุนแรง นางก็อยากอยู่ อยู่ในที่ที่มีใครสักคนห่วงใย
" เจ้าค่ะ ข้าอยากไปตั้งรกรากทางใต้ อยากไปอยู่ในเมืองที่สามารถทำการค้าได้"
" เอ่อ...หลินเอ๋อร์ แล้วบิดา มารดาของเจ้ายอมให้เจ้าออกเดินทางคนเดียวเช่นนี้หรือ เจ้าได้บอกกล่าวพวกท่านหรือยัง"
หลินหลินส่ายหน้า....
"ท่านพ่อท่านแม่ข้าจากไปนานแล้วเจ้าค่ะ ข้าตัวคนเดียว ไม่มีญาติที่ไหน จึงจะออกเดินทางไปหาที่ตั้งรกรากเจ้าค่ะ"
ฮูหยินเจียงได้ยินดังนั้นก็ดึงหลินหลินเข้ามากอดไว้ การโอบกอดครั้งนี้ ไม่ใช่เยี่ยวยาแต่หลินหลิน...แต่นางทำเพื่อเยี่ยวยาบาดแผลในจิตใจของนางด้วยเช่นกัน
ความอบอุ่นที่ได้รับกะทันหัน ทำให้หลินหลินมีหยาดน้ำตาสายหนึ่งไหลออกมา หลินหลินค่อยๆ หลับตาซึมซับความรู้สึกอบอุ่นนี้
" หลินเอ๋อร์ ป้าเคยสูญเสียลูกสาวไป เห็นเจ้าแล้วเหมือนเห็นนางอีกครั้ง เจ้าอยู่กับป้าดีหรือไม่ ตัวป้าไม่คิดร้ายต่อเจ้า ป้าสามารถสาบานต่อสวรรค์ได้"
น้ำเสียงที่สั่นเครือของป้าเจียง ทำให้หลินหลินลืมตามอง
ใบหน้าของหญิงกลางคนอาบไปด้วยน้ำตา สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังนั้น ทำให้นางหวั่นใจ หลินหลินจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้ป้าเจียงอย่างแผ่วเบา
" ท่านป้า หลินเอ๋อร์ขอขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะที่รักและเมตตาหลินเอ๋อร์ แต่ตัวข้านี้มีสิ่งที่ตั้งใจไว้หลายสิ่งเหลือเกิน คงเลี่ยงการเดินทางไม่ได้ ขอท่านป้าโปรดอภัยให้ข้าด้วย แต่หากข้าเดินทางมาที่เมืองนี้เมื่อใด ข้าสัญญาจะมาหาท่านแน่นอนเจ้าค่ะ"
ฮูหยินเจียงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก ราวกับต้องการจะเก็บเกี่ยวความอบอุ่นจากสตรีตรงหน้าให้นานที่สุด หลินหลินกอดตอบ ทั้งสองกอดกันแน่น เหมือนเพื่อให้ได้จดจำห้วงเวลานี้เอาไว้
แม่นมจางมองภาพนี้ด้วยน้ำตา นางสงสารทั้งสองคนเหลือเกิน คนหนึ่งก็สูญเสีย จนไม่อาจหักใจ ส่วนอีกคนก็โหยหาความรัก แต่กลับมีกำแพงในใจที่ยากจะข้ามผ่าน
แม่นมจางผ่านโลกมามาก ย่อมมองออกว่าหลินหลินก็โหยหาความรัก ความอบอุ่น แต่คงมีบาดแผลในใจบางอย่าง ที่ทำให้ไม่กล้าเปิดรับใครเข้ามาง่ายๆ
" เรามาตั้งโต๊ะอาหารรอท่านลุงกันเถอะเจ้าค่ะท่านป้า เดี๋ยวท่านลุงมาจะได้ไม่รอนานเจ้าค่ะ"
หลินหลินเปลี่ยนเรื่องและทำตัวสดใสเพื่อไม่ให้ท่านป้าเจียงจมดิ่งไปกับเหตุการณ์เก่าๆ อีก
" ได้ ได้ ให้ป้าช่วยอะไรเจ้าดี"
" ท่านป้าแค่นั่งรอเจ้าค่ะ"
หลินหลินวาดมือบนโต๊ะอาหาร คริคริ อาหารหลายอย่างหน้าตาน่าทานก็ปรากฏจนเต็มโต๊ะ
หลินหลินเลือกอาหารจากในมิติ อาหารของนางอิงจากการแปรรูปในระบบ หลินหลินไม่แน่ใจว่าที่ยุคนี้บางอย่างมีแล้วหรือยัง และนี่คือเหตุผลที่หลินหลินชวนลุงเจียงทานข้าว
เพราะประการแรกนางตั้งใจขอบคุณลุงเจียงที่ยื่นมือช่วยเหลือเรื่องที่พักของนาง และสองลุงเจียงเป็นพ่อค้าเดินทางบ่อยครั้ง ต้องผ่านการกินอาหารมามาก นางสามารถสอบถามจากเขาได้
หลินหลินเลือกเป็น เป็ดย่างหนังกรอบเนื้อนุ่ม ต้มจืดปลาหมึกยัดไส้หมูสับ ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง เกี๊ยวกุ้งน้ำชามใหญ่ ปลากะพงนึ่งซีอิ้วพร้อมผักนึ่ง ข้าว 1 โถ นางเสริมข้าวต้มปลาผสมธัญพืชแปดเซียนมาให้แม่นมจางเป็นทางเลือกหากแม่นมอยากทานอาหารอ่อนๆ
" หลินเอ๋อร์ อาหารพวกนี้น่าทานมาก เจ้าซื้อมาจากเมืองใดกัน"
กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยขึ้นมาทำให้ฮูหยินเจียงท้องร้องเบาๆ
" ท่านป้าต้องอดใจรอให้ท่านลุงกลับมาก่อนนะเจ้าคะ"
หลินหลินนำน้ำใบเตยออกมาจากมิติ ส่งให้ท่านป้าและแม่นม (ตอนที่เห็นต้นใบเตยถูกประมูลขายในมิติ นางส่งข้อความไปหาผู้ถูกเลือกลายนั้นทันที ว่ามีอะไรขายให้นางอีกบ้างแต่น่าเสียดาย ผู้ถูกเลือกรายนั้นกลับไม่ค่อยมีอะไรให้นางซื้อเลย)
"อืม....ชาอะไรหรือหลินเอ๋อร์ หอมยิ่งนัก"
" เป็นน้ำต้มสมุนไพรเจ้าค่ะท่านป้า เรียกว่าน้ำใบเตย มีสรรพคุณช่วยเรื่องแก้อ่อนเพลีย บำรุงประสาท..เอ่อบำรุงร่างกาย
เมื่อดื่มแล้วจึงช่วยให้สดชื่นขึ้น บรรเทาอาการอ่อนเพลียได้เจ้าค่ะ เท่านั้นยังไม่พอนะเจ้าคะ หากมีบาดแผลบนผิว ที่เกิดจากการไหม้ ตันนี้ก็ช่วยสมานแผลบนผิวได้เจ้าค่ะ แต่ไม่ได้ช่วยทั้งหมดนะเจ้าคะ แค่ช่วยเล็กน้อยเท่านั้นเจ้าค่ะ"
"ฮะแฮ่ม...พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่หรือ..."
แม้ปากของท่านลุงเจียงจะพูดแบบนั้น แต่ตาของท่านลุงไม่ละออกจากอาหารบนโต๊ะเลยแม้แต่น้อย.....