"ขอรับ จริงขอรับ"
"ถ้าอย่างนั้น...เจ้ามีสตรีในดวงใจหรือยัง?"
"ยังขอรับท่านแม่ แต่หากจะจับคู่ให้ข้า ท่านคงต้องผิดหวังแล้ว"
"ข้ามองนางเป็นดังน้องสาวขอรับ"
ฮูหยินเจียงส่งค้อนให้ลูกชายแล้วหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า
"หลินเอ๋อร์ เจ้าอยากไปดูเรือนพักของเจ้าก่อนไหม? ป้าจะพาเจ้าไปเอง "
หลินหลินส่ายหน้า
"ท่านลุงกับท่านป้ายังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยเจ้าค่ะ"
"พวกเรามาทานอาหารกันก่อนดีกว่าไหมเจ้าคะ มื้อนี้ข้ามีของอร่อยอีกเพียบเลยนะเจ้าค่ะ"
"ดี ดี ลุงอยากกินอาหารของหลินเอ๋อร์ อาหารเจ้าอร่อยยิ่งนัก"
ทั้งสามคนลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาหาร ท่านป้าเลิกแกล้งพี่เจียงเหวินเถอะเจ้าค่ะ ดูเขาทำหน้าเศร้าสิเจ้าคะ
"ฮ่าๆๆๆ"
ทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
เจียงเหวินยิ้มอบอุ่น มองทั้งสามหัวเราะ เขาจะจดจำภาพนี้ฝังไปในใจเขาตลอดไป หากวันหนึ่งเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เขาก็หวังว่านางจะยังคงรักบิดามารดาเขาบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี ให้พวกท่านได้อยู่บนโลกนี้ต่อไปได้
เจียงเหวินหลบสายตามองลงพื้น เขาไม่กล้าบอกบิดามารดา ว่าเขาทำงานพลาด และโทษใหญ่หลวงกำลังรอเขาอยู่ เขาขอเวลาท่านแม่ทัพไว้ 10 วัน
ตอนนี้เขาเหลือเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น เขาทบทวนดีแล้วว่าเวลา5 วันนี้เขาขออยู่กับครอบครัว เมื่อคิดได้เขาขอเข้าพบท่านแม่ทัพและตัดสินใจเดินทางออกจากเมืองหลวงมายังเมืองบ้านเกิด
หลินหลินเก็บสายตากลับ นางเห็นสายตาเศร้าใจ หนักใจ ทุกข์ใจ ตั้งแต่เจอเขาครั้งแรกที่หน้าจวนแล้ว คนคนนี้ต้องเจอปัญหาที่ใหญ่แค่ไหนกันนะถึงได้แสดงออกทางแววตาขนาดนั้น
ฮูหยินเจียงเผลอกำข้อมือหลินหลินจนมีรอยแดงโดยที่นางไม่รู้ตัว สายตาหลินหลินหันไปมองใบหน้าของป้าเจียงก็พบความกลัวในแววตา
นางเลื่อนไปมองลุงเจียงที่ตอนนี้เข้มขรึมต่างจากก่อนหน้านี้ ใบหน้าแสดงออกถึงความเครียดแต่พยายามเก็บซ่อนไว้ หลินหลินปลดปลง แสดงว่าทุกคนรับรู้ได้เหมือนนางสินะ
เมื่อมาถึงห้องอาหาร เจียงเหวินเข้ามานั่งเป็นคนสุดท้าย สีหน้าเขาไม่ดีเลย บรรยากาศชวนอึดอัดใจ นางคือคนนอก นางไม่ควรนั่งอยู่ตรงนี้
"ท่านป้า ดูแล้วพวกท่านคงมีเรื่องต้องคุยกัน ข้าจะออกไปรอข้างนอกนะเจ้าคะ"
หลินหลินเตรียมตัวจะลุกขึ้น
"เจ้านั่งลงเถอะเพราะข้ามีสิ่งที่อยากจะขอร้องเจ้าเช่นกัน ต้องขอโทษด้วยที่พบกันครั้งแรก ข้าก็มีเรื่องรบกวนเจ้าแล้วน้องสาว"
หลินหลินนั่งลงยังที่เดิมเงียบๆ นางรู้สึกคุ้นใจ รู้สึกถึงความผูกพันกับทั้งสามคนมากๆ แต่นางนึกไม่ออก ว่าพวกเขาคือใครในอดีตของนาง ยกเว้นแต่ครูกัลยาที่หน้าเหมือนแม่นมจางเป็นคนคนเดียวกัน
"อาเหวิน...เจ้าไม่คิดจะบอกพ่อหรือ"
น้ำเสียงของนายท่านเจียงสั่นเครือ
"ข้าเป็นบิดาเจ้า เหตุใดจะไม่รู้ว่าเจ้ามีเรื่องทุกข์ใจ"
ดวงตาของเจียงเหวินแดงก่ำ
"ท่านพ่อ..."
"และเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เป็นแน่ เจ้าถึงกลับบ้านมาก่อนกองทัพจะเดินทางกลับมา "
นายท่านเจียงเว้นวรรค
"บอกพ่อมาเถิดว่ามีเรื่องอันใด ทุกปัญหาเราจะผ่านมันไปด้วยกัน อยู่ก็อยู่ด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน อย่าได้คิดจะแบกรับมันไว้คนเดียว"
"ข้าคือบิดาของเจ้า ข้าย่อมพร้อมที่จะแบกรับทุกสิ่งบนบ่าเจ้าเช่นกัน"
เจียงเหวินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาพยายามแล้ว พยายามที่จะเข้มแข็งแต่ปัญหาครั้งนี้มันหนักหนาเกินกว่าที่เขาจะแบกรับไหว มันไม่มีทางออก นอกจากความตายของเขาเท่านั้น
เขาไม่ต้องการให้บิดามารดามารับรู้ เขาก็อยากที่จะเป็นลูกที่เก่งที่ดีของพวกท่าน...แต่เขากลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้ ความสิ้นหวังกัดกินหัวใจของเขาราวกับเถาวัลย์ที่รัดรึง บีบเค้นจนแทบหายใจไม่ออก
"ข้าไม่ขอปิดบังพวกท่าน..."
เจียงเหวินหลับตาลง ใบหน้าแดงก่ำดูก็รู้ว่าเขาอดกลั้นอย่างมาก
"เสบียงที่ถูกส่งไปแดนเหนือเกิดปัญหา สินค้าหายไปกว่าครึ่ง และข้าคือหนึ่งในผู้คุ้มกันสินค้าขบวนนั้น จึงถูกสงสัยว่าก่อกบฏ หรือลักลอบนำสินค้าไปขาย ตอนนี้ทางการกำลังตามสืบขอรับ"
เขาไม่กล้าพูดต่อ...ว่าตอนนี้บทลงโทษออกมาแล้ว หากพวกเขาไม่สามารถอธิบายว่าเสบียงหายไปไหนได้ โทษเบาสุดคือประหารแค่ตัวเขา รองแม่ทัพและผู้คุ้มกันขบวน 10 นาย และโทษสูงสุด...คือประหารทั้งตระกูลของผู้กระทำผิด มือของเจียงเหวินกำเข้าหากันแน่น เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
เขาต้องหาข้อแก้ตัวทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่คนผิด การถูกปรักปรำตราหน้าว่าขายแผ่นดิน ทั้งๆที่ชีวิตนี้เขาอุทิศให้แว่นแคว้นมาตลอด มันน่าอดสู เจ็บปวดและสิ้นหวัง
"ความผิดพลาดครั้งนี้...มีเบื้องบนมาเกี่ยวข้อง..แล้วคนธรรมดาอย่างพวกเรา...จะไปแก้ตัวได้อย่างไร"
"ท่านป้า!!"
หลินหลินร้องเรียก รับร่างที่โอนเอียงมาทางนาง
"ท่านป้าใจเย็นๆ เจ้าค่ะ หายใจลึกๆ เจ้าค่ะ"
หลินหลินเอายาดมออกมาจากมิติให้ฮูหยินเจียงสูดดม
"เราจะทำอย่างไรกันดีท่านพี่"
ฮูหยินเจียงเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ ใบหน้าซีดเผือด
"ฮือ...ฮืออ "
"ปกป้องลูกด้วย..ช่วยลูกเราด้วยเจ้าค่ะ "
"ฮือ..ฮืออ"
ฮูหยินเจียงร่ำไห้ปานจะขาดใจ น้ำตาไหลอาบแก้ม เปรอะเปื้อนไปด้วยเครื่องประทินโฉม
"น้องหญิงเจ้าใจเย็นก่อน ลูกของเราต้องปลอดภัย"
นายท่านเจียงปลอบภรรยา แต่ในใจก็ร้อนรุ่ม สับสน
"เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น ที่จะละเลยหน้าที่ อาเหวิน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าคนที่เอาเสบียงไปเป็นใคร เจ้าถึงคิดจะรับผิดโดยไม่แก้ตัวแบบนี้"
นายท่านเจียงถามลูกชาย
เขาฟังวิเคราะห์ตามคำพูดแล้วมันมีช่องโหว่หลายเรื่อง เรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา เสบียงเยอะแยะขนาดนั้นจะหายไปได้อย่างไร
"ขอรับ ท่านแม่ทัพกำลังหาทางช่วยข้าอยู่ ตอนนี้สืบไปถึงต้นตอแล้ว...แต่กลับเป็นบุคคลที่เราไม่สามารถจัดการได้ในทันทีขอรับ ต้องรอเวลา...ข้าจึงขอท่านแม่ทัพว่า...หากจัดการเรื่องนี้ไม่ทันจริงๆโทษในครั้งนี้ข้าขอรับแต่เพียงผู้เดียว ไม่ให้โทษมาถึงพวกท่านขอรับ "
"อาเหวิน...ฮือ...ฮือ...ลูกแม่..."
ฮูหยินเจียงรีบลุกไปกอดลูกชายของนาง เขาคือลูกของนาง...ลูกที่นางรักสุดหัวใจ หากไม่มีเขานางก็ไม่ขออยู่บนโลกนี้อีกต่อไป....
เจียงเหวินรีบไปโอบกอดมารดา น้ำตาของเขาไหลอาบหน้า แต่กลับไม่มีเสียงร้องออกมา
"ข้าขอโทษขอรับท่านแม่..."
"ฝากดูแลพวกท่านด้วย เมื่อข้าไม่อยู่คงต้องหวังพึ่งเจ้าแล้ว "
สายตาอ้อนวอนขอร้องมองมาทางหลินหลิน ก่อนจะหลับตาลงกอดมารดาที่ร้องไห้จมไปกับอกเขา
หลินหลินนิ่งไปสักพัก
" ปัญหาติดอยู่ที่ใดเจ้าคะ ในเมื่อไม่สามารถกล่าวโทษคนคนนั้นได้ ทำไมไม่รีบหาซื้อเสบียงทดแทนเจ้าคะ"
เจียงเหวินลืมตาที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างช้าๆปากหนากล่าวอย่างใจเย็นกับหลินหลินว่า
"ปัญหาไม่ได้ติดที่เงิน"
"ท่านแม่ทัพมีเงินมากมาย แต่มันติดตรงไม่มีใครมีเสบียงเยอะขนาดนั้นตามกำหนดเวลาต่างหาก พวกเราถูกใส่ร้าย พวกนั้นทำเพื่อ ตัดกองกำลังของท่านแม่ทัพ "
"ถ้าหากเป็นเช่นที่ท่านกล่าว ก็เลิกร้องไห้ได้เลยเจ้าค่ะ ข้าพอช่วยได้เจ้าค่ะ"
"เจ้าพูดสิ่งใดออกมาหลินเอ๋อร์ เสบียงกองทัพไม่ใช่น้อยๆ เจ้าอย่าพูดออกมา เดี๋ยวจะพลอยพาเจ้าเดือดร้อนไปด้วย"
ท่านลุงลูบหัวนางด้วยความเมตตา
ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าพอท่านลุงฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ตัดใจไม่ต่างจากเจียงเหวิน คงขอยอมตายพร้อมลูกชายกระมัง
"ข้าจะให้คนไปส่งเจ้าที่โรงเตี๊ยม เจ้าไม่ควรอยู่ตระกูลเจียงเพราะอาจจะทำให้เจ้าเดือดร้อนไปด้วย ต้องขอโทษที่ลุงต้องทำแบบนี้ หวังว่าหลินเอ๋อร์จะเข้าใจพวกเรา"
"ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ เข้าใจดีเลย "
"หลินเอ๋อร์ ป้าขอโทษเจ้าด้วย ป้าคงไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับเจ้าแล้ว"
หลินหลินยื่นมือไปจับมือป้าเจียงและบีบเบาๆ
"ท่านป้า ท่านเชื่อในตัวข้าไหมเจ้าคะ ข้าช่วยพวกท่านได้จริงๆ พวกท่านสบายใจได้เลยเจ้าค่ะ หากข้าวสาร ธัญพืชไม่เกิน 1000 กระสอบข้าย่อมมี เรามีทางออกแล้วเจ้าค่ะ"
ฮูหยินเจียง รีบก้าวไปข้างหน้าแต่ร่างกายกลับซวนเซไปข้างหลัง ดีที่เจียงเหวินรับไว้ทัน
"ท่านป้า/ท่านแม่/น้องหญิง!!! "
"ท่านป้านั่งก่อนเจ้าค่ะ"
"หลินเอ๋อร์ เจ้าช่วยพี่เขาได้จริงหรือ เจ้าอย่าหลอกให้ป้าสบายใจนะ ป้าไม่พร้อมเสียเขาไป ป้ายังไม่พร้อม..."
น้ำตาของนางไหลรินช้าๆ อีกครั้ง
"เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้หลอกพวกท่านแต่อย่างใดเจ้าค่ะ ข้าพูดจริง ทำจริง พึ่งพิงได้เจ้าค่ะ
" ฮ่าๆๆๆ "
"แต่ก่อนอื่น....ข้าหิวมากเจ้าค่ะ ท่านป้าไม่หิวหรอเจ้าคะ"
หลินหลินส่งสายตาออดอ้อน
"หิว หิว ป้าหิวแล้ว หลินเอ๋อร์มีอะไรให้ป้าทานบ้างนะ"
หลินหลินยิ้มหวานส่งให้ทุกคนก่อนนำอาหารมากมายออกมา
เจียงเหวินกินอาหารที่หลินเอ๋อร์ตักให้ รสชาติมันอร่อยมากอร่อยกว่าอาหารใดๆ ที่เขาเคยกินมาตลอดชีวิต
แต่ละคำที่เขากลืนลงคอมันไม่ได้มีเพียงรสชาติของอาหาร แต่ยังมีความรู้สึกมากมายที่บรรยายออกมาไม่ได้
น้ำตาหยดหนึ่งไหลรินลงอาบแก้ม เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อาหารมื้อนี้ถึงได้ทำให้เขาตื้นตันใจจนรู้สึกจุกในอกพูดไม่ออก
เมื่อมื้ออาหารจบลง บ่าวไพร่นำจานชามออกไปและนำน้ำชาเข้ามาแทนที่ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลินหลินก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ข้ามีข้าว ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์จำนวนมาก"
หลินหลินพูดพลางโบกมือ ข้าวสารจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นเต็มห้อง
"อืม...หากให้ข้าเทียบก็ประมาณแจกชาวบ้านทั้งแคว้นก็ยังเหลือเจ้าค่ะ"
หลินหลินมองทุกคน เมื่อเห็นว่าทุกคนนิ่งอึ้งไม่พูดหรือขยับตัว หลินหลินจึงเอามือไปโบกตรงหน้าพวกเขาแต่พวกเขาก็ยังคงนิ่งงัน
"อ้าว....วิญญาณหลุดแล้วมั้ง "
หลินเก็บข้าวเข้ามิติ ทุกคนก็ยังนิ่ง....
หลินหลินตัดสินใจตบมือดังๆ
"ท่านลุง ท่านป้า ท่านพี่"
ทันใดนั้นเอง ร่างของหลินหลินก็ลอยขึ้นจากพื้น เจียงเหวินโอบอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน หมุนตัวด้วยความดีใจ
"ขอบใจเจ้ามากนะหลินเอ๋อร์ ขอบใจเจ้าจริงๆ เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ช่วยชีวิตครอบครัวของข้าไว้"
"ปล่อยข้าลงนะท่านพี่เจียงเหวินนนน อย่าหมุน!อย่าหมุน! เดี๋ยวข้าอ๊วก..อร้ายยยย ท่านลุงช่วยด้วย ท่านป้าช่วยด้วย.....เจ้า...ค่ะ..."
"ฮ่าๆๆๆ"
เสียงหัวเราะแห่งความขอบคุณดังกึกก้อง เจียงเหวินโพล่งออกมาด้วยความตื้นตัน
"หลินเอ๋อร์ ทั้งชีวิตนี้ข้ายกให้เจ้าแล้ว!"
เจียงเหวินอุ้มหลินหลินหมุนตัวด้วยความดีใจ
"หยุดก่อน! ฮือ...จะอ้วกแล้ว เจ้าค่ะ"
หลินหลินร้องเสียงหลง มือเล็กทุบลงบนไหล่กว้าง พยายามยึดตัวเองไว้ไม่ให้ร่วงลงมา
ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น
"พรสัมฤทธิ์ผล"