“อย่างไรหรือเจ้าคะ”
หลี่ชิงเหมียวแสดงสีหน้าสงสัยออกมา หลัวอี้เฉินจึงยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มนางอย่างมันเขี้ยว ผู้ที่ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว ถึงกับตาเบิกโพลง ก่อนที่นางจะแกล้งเอ่ยปากเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน“หลัวอี้เฉิน!!!”ชายหนุ่มยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วจึงเอนกายราบลงไปบนเตียง ใช้ตักของนางแทนหมอนหนุน หลี่ชิงเหมียวไม่ได้ขยับหนี นางยังคงจ้องหน้าเขา เพื่อรอคอยคำตอบ หลัวอี้เฉินนอนหลับตา ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา“ก็ให้ท่านแม่รองของเจ้าแกล้งป่วยหนัก จากนั้นก็เชิญท่านหมอเข้ามาตรวจดูอาการ แล้วให้เขาเปิดเผยว่านางถูกพิษ ทว่ายังไม่ต้องบอกว่าเป็นพิษจากสิ่งใด ให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังร้อนตัว แล้วรีบกลับมาจัดการทำลายหลักฐาน พวกเราก็ใช้โอกาสนั้น จับตัวคนเอาไว้” หลี่ชิงเหมียวคิดตาม ก็มองว่าแผนการที่หลัวอี้เฉินกล่าวมานี้ไม่เลว สมแล้วที่เขาได้เป็นหัวหน้ามือปราบตั้งแต่อายุยังน้อย“ดีเจ้าค่ะ” นางมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาชื่นชม หลัวอี้เฉินลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะจับนางพลิกกายลงไปนอน ส่วนร่างหนาคร่อมร่างบางของนางเอาไว้หลี่ต้าถงหันไปมองบุตรชายทั้งสอง ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่ง พวกเขาอาจจะต้องพบเจอ กับสถานการณ์เช่นนี้ เขาเป็นบิดา ย่อมใช้โอกาสนี้ในการอบรมสั่งสอนบุตรชายทั้งสองเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โตยิ่งนัก เพราะคนที่ตายไปคือบุตรีของเขา หากเขาไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาด ย่อมถูกคนนอกอย่างใต้เท้าอสุรา หัวหน้ามือปราบแห่งสำนักพิทักษ์เมฆา มองว่าเขาเป็นคนไม่เที่ยงธรรม ตัดสินเรื่องราวอย่างไม่ยุติธรรมเป็นแน่“เหนียนซื่อ… มีความผิดโทษฐานเป็นผู้ออกคำสั่งให้สังหารทายาทของบัณฑิต วางแผนเอาชีวิตภรรยารองของสามี ข้าในฐานะผู้นำตระกูลหลี่ ขอมอบผ้าขาวสามฉื่อให้นาง เพื่อใช้จบชีวิตด้วยตนเอง ภายในสามวันนี้”เหนียนซื่อร้องไห้ พลางเอ่ยปากด่าทอหลี่ต้าถงออกมาทันที ที่ได้ยินเขาตัดสินโทษของตนออกมาเช่นนั้น หลี่ต้าถงไม่อาจทนฟังเสียงด่าทอ ที่แสบแก้วหูของภรรยาได้อีกต่อไป เขาจึงเดินออกจากห้อง พร้อมกับสั่งให้คนคอยจับตาดูฮูหยินใหญ่ให้ดี จนกว่าจะครบกำหนดสามวัน ที่เขาจะส่งผ้าขาวมาให้นางหลังจากการตัดสินใจของหลี่ต้าถง หลี่ต้าหวังกับหลี่ชิงชิง สองพี่น้องก็พากันคุกเข่าเพื่ออ้อนวอนบิดา ขอความเมตตา ลดโทษ
“ท่านแม่…” หลี่ต้าหวัง เรียกมารดาออกมาด้วยความปวดใจเช่นเดียวกันความผิดของมารดานั้น ยิ่งใหญ่เหลือเกิน หาใช่เพียงแค่บงการ ให้คนลอบทำร้ายท่านแม่รองไม่ แต่นี่ถึงกับอยู่เบื้องหลังการตายของน้องหญิงรองด้วย ท่านแม่ที่อ่อนโยน จิตใจดีของเขาไปที่ใดเสียแล้ว“บุรุษเช่นพวกเจ้าจะไปเข้าใจอันใด ฮ่าๆๆๆ” เหนียนซื่อหันหน้ากลับมาจ้องสามีตาเขม็ง ก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน และหัวเราะออกมาราวกับเสียสติ นางชี้นิ้วไปทางจ้าวซื่อ“หากไม่มีสตรีนางนั้นสักคน ชีวิตของข้าจะเดินมาถึงขั้นนี้รึ นางบีบบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นคนที่โหดเหี้ยม ไม่ใช่สิ…เป็นเพราะท่านต่างหาก หลี่ต้าถง ท่านไม่รักษาสัญญา ที่จะมีแต่ข้าเพียงผู้เดียว นอกจากนางแล้ว ท่านก็ยังมีสตรีอื่นตามมาอีก วันแล้ววันเล่า พวกนางให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาว ท่านก็เอาใจออกหากข้าไปทุกที ท่านจำได้หรือไม่ ก่อนที่จะแต่งข้าเข้ามา ท่านเคยสัญญากับข้าว่าอย่างไร”เหนียนซื่อหลั่งน้ำตาลงมา ยามที่กล่าวถึงจุดเริ่มต้น ที่ทำให้นางต้องกลายมาเป็นสตรีที่มีจิตใจโหดเหี้ยม สังหารได้แม้กระทั่งเด็กสาวคนหนึ่งหลี
ภายในเรือนต้าชางเหนียนซื่อที่เพิ่งกลับมาจากเรือนเอ้อชางของฮูหยินรอง ก็มานั่งเอนกายอยู่บนเตียงอุ่น พลางยกถ้วยชาที่แม่นมโจวรินให้ ขึ้นมาจิบอย่างใจเย็น ไม่นานนักเสี่ยวซิง อดีตสาวรับใช้ข้างกายของแม่นมโจวก็มาถึง นางเข้ามาคำนับฮูหยินใหญ่ และแม่นมโจวตามลำดับ“เป็นเช่นไรบ้าง เจ้าทำลายหลักฐานเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่” เหนียนซื่อเอ่ยถามสาวรับใช้ตรงหน้าออกมาก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าแม่นมโจว จะไม่รายงาน เรื่องที่ตนสั่งก่อนที่จะเข้าไปภายในห้องนอนของจ้าวซื่อ ทว่านางยังคงอยากได้ยินกับหู ว่าเสี่ยวซิงทำงานเรียบร้อยดีแล้ว“บ่าวจัดการตามคำสั่งของฮูหยินใหญ่เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ" เสี่ยวซิงเน้นว่านางทำตามคำสั่งของฮูหยินใหญ่"ดี!! แล้วตกลงว่า อาการของนางเป็นอย่างไรกันแน่ นางยังจะฟื้นขึ้นมาได้อยู่หรือไม่" เหนียนซื่อรู้สึกพอใจกับการทำงานของเสี่ยวซิง ก่อนที่จะถามอาการ ของสตรีนางนั้นออกมาเพื่อความมั่นใจ"เป็นเพราะฮูหยินรอง นางสูดดมกลิ่นเกสร ของดอกไป๋หลานเข้าไปทุกวัน ทำให้ร่างกายของนางอ่อนแอลงเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าคุณหนูสามจะเชิญท่านหมอเทวดาสวี่มารักษา ก็มิอาจทำให้นางฟื้นคื
“ฮือๆๆๆ คุณหนูสาม บ่ะ….บ่าว…บ่าวถูกบังคับเจ้าค่ะ”“ใครบังคับเจ้า” หลี่ชิงเหมียวเค้นต่อ ดวงตาของนางวาวโรจน์ เสี่ยวซิงเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งหวาดกลัว“คะ…คือ….” เสี่ยวซิงอึกอัก ไม่กล้าเอ่ยชื่อออกมา“พูด!!!” หลี่ชิงเหมียวตวาดเสียงดังวันนี้หลัวอี้เฉิน นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ไม่คิดว่าภรรยาตัวน้อยของเขา จะมีด้านที่โหดร้ายเช่นนี้ด้วย ทว่าคิดย้อนกลับไป นางก็คือหลูชิงเหลียน ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพราะหลูชิงเหลียนนั้น คลุกคลีอยู่กับพวกบุรุษมาตั้งแต่เยาว์วัย ย่อมมีความห้าวหาญอยู่ในจิตวิญญาณ“ฮะ…ฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ” เสี่ยวซิงรับสารภาพ ก่อนที่จะก้มหน้าลงจรดพื้นเป็นคำตอบที่หลี่ชิงเหมียวรู้อยู่แก่ใจแล้ว ในจวนตระกูลหลี่นี้ ผู้ใดกันที่ไม่ชอบหน้าจ้าวซื่อ และผู้ใดกันที่อิจฉาริษยาจ้าวซื่อ ถึงขนาดชิงชังบุตรชายบุตรสาวของนาง ก็มีเพียงฮูหยินใหญ่เหนียนซื่อแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ทว่าเหตุใดนางถึงได้ใจกล้าถึงเพียงนี้ คงคิดว่าตนเองฉลาดมากพอ จนผู้อื่นไม่อาจล่วงรู้ ถึงแผนการเลวร้ายของตนไ
“อย่างไรหรือเจ้าคะ”หลี่ชิงเหมียวแสดงสีหน้าสงสัยออกมา หลัวอี้เฉินจึงยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มนางอย่างมันเขี้ยว ผู้ที่ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว ถึงกับตาเบิกโพลง ก่อนที่นางจะแกล้งเอ่ยปากเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน“หลัวอี้เฉิน!!!”ชายหนุ่มยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วจึงเอนกายราบลงไปบนเตียง ใช้ตักของนางแทนหมอนหนุน หลี่ชิงเหมียวไม่ได้ขยับหนี นางยังคงจ้องหน้าเขา เพื่อรอคอยคำตอบ หลัวอี้เฉินนอนหลับตา ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา“ก็ให้ท่านแม่รองของเจ้าแกล้งป่วยหนัก จากนั้นก็เชิญท่านหมอเข้ามาตรวจดูอาการ แล้วให้เขาเปิดเผยว่านางถูกพิษ ทว่ายังไม่ต้องบอกว่าเป็นพิษจากสิ่งใด ให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังร้อนตัว แล้วรีบกลับมาจัดการทำลายหลักฐาน พวกเราก็ใช้โอกาสนั้น จับตัวคนเอาไว้” หลี่ชิงเหมียวคิดตาม ก็มองว่าแผนการที่หลัวอี้เฉินกล่าวมานี้ไม่เลว สมแล้วที่เขาได้เป็นหัวหน้ามือปราบตั้งแต่อายุยังน้อย“ดีเจ้าค่ะ” นางมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาชื่นชม หลัวอี้เฉินลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะจับนางพลิกกายลงไปนอน ส่วนร่างหนาคร่อมร่างบางของนางเอาไว้
กว่าที่หลัวอี้เฉินจะขอตัวกลับออกมาจากงานเลี้ยงได้ ก็ล่วงเข้าสู่วันใหม่ไปแล้ว เขาเดินกลับมาถึงเรือนนอนของภรรยา ก็เห็นว่าหลี่ชิงเหมียวนอนหลับอยู่บนเตียงเดิมทีนางก็ยังคงรอเขาอยู่ ทว่าสุดท้ายก็พ่ายแพ้ ให้กับความเหน็ดเหนื่อย จากการที่ต้องช่วยมารดา เตรียมพิธีแต่งงานของพี่ชาย และดูแลแขกเหรื่อที่มาร่วมพิธีหลัวอี้เฉินเดินไปนั่งลงบนเตียงเบาๆ ทว่าร่างเล็กที่หลับไปแล้ว ได้พลิกกายกลับมา ชายหนุ่มจึงยื่นมือออกไป ใช้นิ้วเรียวยาวของตน เขี่ยปอยผมที่ปิดบังดวงหน้างาม หลี่ชิงเหมียวถึงได้รู้สึกตัว เปลือกตาบางค่อยๆ เปิดออก“ท่านพี่…กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านจะอาบน้ำหรือไม่ ข้าจะให้อี้เหลียนสั่งบ่าวเตรียมน้ำอุ่นให้ท่าน” นางพยายามลุกขึ้นนั่ง ทว่ามือหนากลับจับไหล่ของนาง ดันให้นางนอนลงไปเช่นเดิม“ไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก อี้เหลียนจัดการเรียบร้อยแล้ว” หลัวอี้เฉินบอกนางยิ้มๆ หลี่ชิงเหมียวย่นจมูก เพราะกลิ่นของสุราจากตัวเขา ยามนี้ได้ลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง“ท่านดื่มไปเท่าใดกันแน่เจ้าคะ เหตุใดถึงได้กลิ่นแรงเช่นนี้” หลัวอี้เฉินได้ยินคำถามของภรรยาตัวน้อย
หลังจากงานเลี้ยงผ่านพ้นไป หลี่ชิงเหมียวก็แวะไปเยือนที่เรือนเอ้อชาง เพื่อดูอาการของมารดา สองวันที่ผ่านมานางสำรวจข้าวของเครื่องใช้ ภายในเรือนเอ้อชางอย่างละเอียดแล้ว จนได้พบกับดอกไม้ชนิดหนึ่ง ที่ถูกวางอยู่ภายในห้องรับรอง ซึ่งมารดามักจะไปนั่งเย็บปัก อยู่ที่นั่นเป็นประจำคราแรกนางก็ไม่นึกสงสัยอันใด จนเมื่อวานนี้ ที่นางได้เชิญท่านหมอเทวดาสวี่ เข้ามาตรวจอาการให้แก่มารดา โดยอ้างว่าให้เขามาตรวจอาการให้หลัวอี้เจ๋อ เพราะบุตรชายมีอาการป่วยเล็กน้อย จากการเดินทางไกล ทำให้เหนียนซื่อไม่นึกสงสัยอันใดผลจากการตรวจรักษาโรคโดยท่านหมอเทวดาสวี่ คือจ้าวฉิงถูกพิษจากการสูดดมเกสรของดอกไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกลิ่นหอม คนธรรมดาที่มีชี่เป็นปกติ จะไม่เกิดอันตรายใด ทว่าจ้าวฉิงกลับต่างออกไป เพราะนางผ่านการคลอดบุตรมาแล้วถึงสองคน ทำให้ร่างกายเกิดชี่พร่อง ไม่อาจกำจัดพิษเหล่านั้นไปได้เองหลี่ชิงเหมียวจึงสั่งให้สาวรับใช้ของจ้าวซื่อ นำกระถางดอกไม้ที่นางสงสัย มาให้ท่านหมอเทวดาสวี่ตรวจสอบดู ปรากฏว่าเป็นดอกไม้ชนิดนี้จริงๆครั้นได้รู้สาเหตุแล้ว ท่านหมอเทวดาสวี่ จึงได้ทำการฝังเข็ม เพื่อกำจัดพิษในร่างกายของจ้าวซื่อ และเขียนใบสั่งยาใ
“พี่ชายรอง… เหตุใดสตรีที่เคยมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด กล้าคิดการใหญ่ กลับกลายเป็นคนจิตวิปลาสไปเสียได้ ท่านเชื่อหรือเจ้าคะ ว่าพี่หญิงรองจิตวิปลาส แล้วปลิดชีพตนเองจริงๆ” นางคิดว่าหลี่ชิงหรงอาจจะถูกกำจัด เพราะกุมความลับของใครบางคนเอาไว้“เหมียวเอ๋อร์… เรื่องนั้นมันก็ผ่านมานานแล้ว ขุดคุ้ยไปคนก็ไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ท่านแม่รองของพวกเรา มิอาจรอช้าได้ พี่จะไปเชิญท่านหมอ มาตรวจดูอาการของนางก่อน”หลี่ต้าหลุนร้อนใจ ตั้งแต่ได้ยินน้องสาวกล่าวว่า มารดาถูกวางยาพิษแล้ว เรื่องของหลี่ชิงหรงจะเป็นเช่นไร เขาไม่สนใจด้วยซ้ำ“ยามนี้ท่านยังทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ หากท่านตามหมอมายามนี้ ก็เท่ากับเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น คนที่อยู่เบื้องหลัง ก็จะไหวตัวได้ทัน” หลี่ชิงเหมียวลุกขึ้นยืน หันไปกล่าวกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หลังจากพิธีแต่งงานของท่านกับพี่หญิงโหรวผ่านไป พวกเราค่อยจัดการก็ยังไม่สาย สองสามวันนี้ข้าจะคอยช่วยดูแลท่านแม่รองเอง” หลี่ต้าหลุนรู้สึกลังเล แต่ก็ไม่อยากทำให้คนที่อยู่เบื้องหลัง ความเลวร้ายในครานี้รู้ตัวเช่นกันสองพี่น้องพูดคุยปรึกษากันอยู่อีกครู่หนึ่ง ก็แยกย้ายกันไป หลี่ต้าหลุนจำต้องเก็บเอาเรื่อง ที่มารด
หลังจากวางร่างเล็กลงบนเตียงนอนแล้ว หลี่ต้าหลุนจึงได้หันไปมองน้องสาวอย่างเต็มตา หลี่ชิงเหมียวดูเติบโตขึ้นมาก ดูสุขุมยิ่งขึ้นกว่าสองเดือนก่อน มีกิริยาท่าทาง อย่างเช่นสตรีที่ออกเรือนไปแล้วจริงๆ“เจ้าดูเหมือนว่า จะรักและเอ็นดูคุณชายน้อยหลัวมาก” เขากล่าวออกมา ยามที่ได้เห็นน้องสาว ปฏิบัติต่อเด็กชายราวกับเป็นลูกแท้ๆ ของตนเอง“เจ้าค่ะ…ท่านก็เห็นแล้ว ว่าเขาเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด อีกทั้งยังว่านอนสอนง่าย ตั้งแต่ข้าออกเรือนไปอยู่ที่นั่น ไม่เคยมีวันใดที่เหงา หรือรู้สึกเดียวดายเลยสักวัน” หลี่ชิงเหมียวห่มผ้าให้บุตรชาย ก่อนที่จะชวนพี่ชาย ออกไปคุยกันข้างนอกแทนแม่นมซิ่วกับสาวรับใช้อีกคน ที่ติดตามหลี่ชิงเหมียวมา พากันเข้าไปอยู่คอยดูแลคุณชายน้อย หลังจากที่ฮูหยินน้อยกับคุณชายรองหลี่ เดินออกจากห้องมาหลี่ต้าหลุนได้ยินน้องสาวตอบกลับออกมาเช่นนั้น ก็รู้สึกจุกแน่นอยู่ในอก เพราะถึงแม้เขาจะเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนาง ทว่าในวัยเด็กนั้น กลับไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกับกันนางสักเท่าใด นั่นก็เป็นเพราะครั้งที่นางยังเยาว์วัยนั้น นางเป็นเด็กไม่รู้ความ มีท่าทีเฉลียวฉลาด เช่นยามนี้เสียที่ใดกันโชคดีที่เขายังมีโอกาส หลังจากที่นางหา