แม่ทัพหยางหรงที่ตอนนี้กำลังทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างของโรงเตี๊ยม ชื่นชมบรรยากาศตอนพลบค่ำของเมืองหนานหยางที่ดูงดงาม ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ดูคล้ายคลึงกับเมืองหลวงนัก เห็นโคมไฟหลากสีของร้านรวงต่างๆ ดูงดงามต่างจากตอนกลางวันไปอีกแบบหนึ่ง
"ท่านแม่ทัพขอรับ แม่นางซือจี๋ มาขอพบขอรับ"
"เชิญเข้ามา"
เสียงเปิดและตามด้วยเสียงปิดประตูทำให้ร่างสูงสง่าหันหน้ามาหาผู้มาใหม่
"คารวะ ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ"
พยักหน้ารับพร้อมกล่าว
"แม่นางซือจี๋ เชิญนั่ง ท่านมีอะไรจะคุยกับข้าหรือ"
ซือจี๋เมื่อนั่งลงเรียบร้อยก็เอ่ยเข้าเรื่องทันที เพราะเกรงใจเจ้าของห้องว่าคงอยากจะพักผ่อนแล้ว
"ข้ามีเรื่องอยากรบกวนท่านแม่ทัพสักเรื่องได้หรือไม่เจ้าคะ"
" ท่านลองว่ามาสิ"
"คือข้ามีคนรู้จักอยู่คนหนึ่ง เป็นเด็กผู้ชายที่พึ่งได้รับเคราะห์กรรมไฟไหม้บ้าน ทำให้มารดาถูกไฟคลอกเสียชีวิตแต่เขาหนีรอดมาได้จึงอยากจะไปตามหาบิดาที่เมืองหลวง เพราะบิดาของเขาจากไปเมืองหลวงหลายเดือนแล้ว จึงอยากฝากฝังท่านแม่ทัพให้เขาร่วมเดินทางไปกับท่านด้วยได้หรือไม่ เพราะตัวข้าก็นึกเวทนาเด็กนั่นนัก"
" อืม เอาสิไม่ได้ลำบากอะไรนักแค่เด็กคนเดียว"
" เอ่อ หากจะให้ท่านช่วยดูแลเป็นพิเศษหน่อยจะได้หรือไม่เพราะร่างกายเด็กนั่นไม่ใคร่จะแข็งแรงนัก"
เอ่ยออกไปอย่างเกรงใจ
" ได้ข้ารับปาก ว่าจะดูแลให้ ท่านก็ให้เขาเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะให้นั่งไปกับรถม้าบรรทุกเสบียงก็แล้วกัน เพราะในนั้นคงจะมีที่ว่างพอสำหรับเด็ก"
" ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านมาก"
บอกพร้อมรอยยิ้มยินดี เมื่อหมดธุระจึงขอตัวกลับ แต่ท่านแม่ทัพกลับเอ่ยถาม
" แม่นางซือจี๋ ท่านได้กำยานกลิ่นนี้มาจากที่ใดหรือ"
" เอ่อ ทำไมหรือเจ้าคะ หรือท่านไม่ชอบข้าจะให้เด็กมาเปลี่ยนให้ใหม่"
" หามิได้ ข้าชอบมากต่างหากเล่า เลยสอบถามเพราะอยากจะซื้อกลับไป"
"ข้าไม่ได้ซื้อมาหรอกเจ้าค่ะ เป็นเฟย เอ่ออาเฟยที่คิดขึ้น"
"อาเฟย"
ถามพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
" อาเฟย เด็กที่ข้าจะฝากท่านไปอย่างไรเล่าเจ้าคะ"
" เด็กผู้ชายนี่นะ ที่คิดกลิ่นนี้ขึ้น ข้านึกว่าเป็นสตรีเสียอีก"
" เอ่อ ขอเรียนท่านแม่ทัพตามตรง อาเฟยนั้นถึงร่างกายจะเป็นบุรุษ แต่จิตใจเขาค่อนข้างจะอ่อนแอ อ่อนหวานคล้ายสตรี รูปลักษณ์ก็อ้อนแอ้นนัก หวังว่าท่านจะไม่รังเกียจที่เขาผิดแผก"
" อ้อ เป็นเช่นนั้น ท่านอย่าได้กังวล ข้าไม่ใช่คนจิตใจคับแคบ"
" ขอบพระคุณเจ้าค่ะ งั้นข้าจะนำกำยานแบ่งให้กับท่าน หากถึงเมืองหลวงก็สามารถให้อาเฟยเขียนสูตรให้ได้เขาไม่ได้หวงเจ้าค่ะ"
ซือจี๋เมื่อเดินออกมาจากห้องพักท่านแม่ทัพก็เร่งเดินไปหาหลี่หลินเฟย แล้วแจ้งทุกอย่างให้ทราบ
" โอ้ นี่ข้าต้องแสร้งเป็นต้วนซิ่ว ด้วยหรือนี่ แต่ก็ดีข้าออกจะอ้อนแอ้น บอบบางขนาดนี้หากบอกว่าเป็นชายชาตรี คงไม่มีผู้ใดเชื่อเป็นแน่"
" แต่หวังว่าคงไม่มีชายรักชายอยู่ในขบวนนั้นด้วยหรอกนะ พูดแล้วข้ารู้สึกเสียวสันหลังนัก คิคิ"
พูดพลางหัวเราะ
"คุณหนูท่านทะลึ่งใหญ่แล้วเจ้าค่ะ"
ซิ่วอิงมองค้อนคุณหนูของนางหน้าแดงก่ำ ที่พูดจาทะลึ่งตึงตังหน้าตาเฉย
" อย่าทำเป็นเล่นไปเชียวเฟยเอ๋อ หากเป็นอย่างเจ้าว่า ป้าก็คงช่วยเจ้าไม่ได้กระมัง"
" ท่านป้า อย่าพูดให้ข้ากลัวสิเจ้าคะ"
หลินเฟยพูดแล้วทำหน้าแหยงๆ นางแค่พูดเล่นเอง
" อ้าว กลัวเป็นกับเขาด้วยหรือเจ้า ป้านึกว่าคนอย่าง หลี่หลินเฟย มิเคยเกรงกลัวสิ่งใดเสียอีก"
ซือจี๋กล่าวแล้วหัวเราะที่ทำให้เจ้าตัวแสบหน้าเสียได้
หลินเฟยได้แต่ยิ้มแห้งส่งไปให้
ร่างบอบบางบนชุดมงคลสีแดงของเจ้าสาวที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงด้วยความตื่นเต้นนัก วันนี้เป็นวันที่นางเฝ้ารอคอยมาอย่างใจจดใจจ่อตลอดการเดินทางในระยะเวลาสองเดือนท่านพี่ฉีฟงดูแลนางเป็นอย่างดีและให้เกียรตินางมาตลอดไม่เคยล่วงเกินนางอีกเลยจะมีก็แต่กอดหอมแก้มและจูบนิดหน่อยเท่านั้น ในวันมงคลของนางนางอยากให้สามีของนางมีความสุขที่สุดและคืนเข้าหอของนางจะต้องเร่าร้อนที่สุดสามีนางจะต้องอยู่ในกำมือนาง จนลืมการร่วมหอครั้งแรกไปเลยถึงเขาจะบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยาปลุกกำหนัดและเล่ห์กลของสตรีเท่านั้นแต่นางไม่มีทางยอมเด็ดขาด เสี่ยวหลานที่นั่งคิดอย่างหมายมั่นนัก มีอยู่ครั้งหนึ่งนางได้ช่วยเหลือนางคณิกานางหนึ่งไว้ด้วยความบังเอิญจากการโดนฉุด นางจึงให้ตำราไว้เล่มหนึ่งบอกว่าเป็นตำราหายากมากเป็นสินน้ำใจ นางจึงรับไว้แต่พอเปิดดูนางเกือบจะหยุดหายใจเพราะเป็นตำราวสันต์จึงได้เก็บซ่อนเอาไว้และไม่เคยเปิดอ่านอีกเลย จนเมื่อไม่นานมานี้นางได้นำออกมาศึกษาจนแตกฉานเพื่อใช้ในคืนเข้าหอของนางโดยเฉพาะและที่สำคัญนางยังได้ถ่ายทอดเคล็ดลับให้พี่สะใภ้คนงามของนางอีกด้วย เมื่อนึกถึงพี่สะใภ้เสี่ยวหลานถึงกับหัวเราะออกมาอย่างล
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง เสียงกระดิ่งข้อเท้าและเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังใกล้เข้าทำให้ปาอ๋องและพระชายาซือเซียน บุตรชาย บุตรเขย ที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากันอยู่นั้นหันไปมองสาวน้อยวัยสี่หนาวและสามหนาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูนัก ร่างกลมป้อมสองร่างที่จูงมือกันวิ่งเข้ามาพร้อมใบหน้าแดงก่ำชื้นเหงื่อเพราะพากันวิ่งเล่นจนเหนื่อย"ท่านย่าหลานอยากกินขนมจังเจ้าค่ะ"อู๋ไป๋หลินที่มาถึงก็ป่ายปีนขึ้นมานั่งข้างพระชายาซือเซียนออดอ้อนอย่างน่าเอ็นดูนัก"หลานก็อยากกินนักเจ้าค่ะท่านยาย"หานหลันซี บุตรีวัยสามหนาวของกุนซือฉีฟงและเสี่ยวหลานที่ปีนมานั่งอีกด้านก็ไม่น้อยหน้าช่างออดอ้อนเหมือนญาติผู้พี่มิมีผิดเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนกับความน่ารักน่าชังของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี"ช่างน่าน้อยใจนักไม่มีใครสนใจคนแก่ผู้นี้เลยหรือ หลินเอ๋อก็ไม่สนใจปู่ ซีเอ๋อก็ไม่สนใจตา มันน่าน้อยใจจริงๆ ไม่มีใครรักข้าเลยหรือนี่" เสียงตัดพ้อไม่ค่อยจริงจังที่เอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนอมยิ้มกับท่าทางของคนแก่ที่น่าโหดแต่พยายามทำเสียงเล็กเสียงน้อยเรียกร้องความสนใจจากหลานๆ ที่พอได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้าไปโอบกอดและหอมแก้มฟอดใหญ่ ให้คนแก่ชื่นใจนัก "หลินเอ๋อรักท่
หลินเฟยที่คล่อมอยู่เหนือร่างหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแกร่งสะบัดผมยาวสลวยไว้ด้านหลังมองคนใต้ร่างด้วยสายตายั่วยวนนัก ใช้นิ้วเรียวเล็กไล้ตั้งแต่จมูกโด่งได้รูปมายังริมฝีปากหนาที่นางรู้ว่าร้ายกาจเพียงใดบดคลึงแผ่วเบาจนคนใต้ร่างครางอือแม่ทัพหยางหรงหรี่ตามองภรรยารักด้วยสายตาเร่าร้อนนักทั้งตื่นเต้นว่านางจะทำอะไรและแปลกใจหนักหนาว่าเฟยเอ๋อของเขาไปได้ท่าทางแสนยั่วยวนนี้มาจากที่ใดกันแม้จะดูขัดเขินแต่เขากลับพอใจนัก มองดูนิ้วเล็กขาวผ่องลากไล้สันกรามแกร่งมาตามลำคอล่ำสันใช้สองมือบอบบางแหวกชุดคลุมตัวในออกเผยให้เห็นแผงอกแกร่งกำยำหนั่นแน่นแต่งแต้มด้วยรอยแผลประปรายดูน่าหลงใหลนัก มือเรียวเล็กนุ่มนิ่มลูบไล้แผ่นอกกว้างกำยำจนร่างหนากล้ามเนื้อหดเกร็งกัดกรามแกร่งแน่นด้วยความซ่านเสียว เห็นมือบางยกขึ้นปลดชุดนอนบางเบาออกจากร่างงามเย้ายวนเหลือแค่เอี๊ยมบังทรงสีแดงตัวน้อยที่แทบไม่ช่วยอะไรเลยตัดกับผิวขาวผ่องนวลเนียนทำให้เขาแทบหยุดหายใจ มือใหญ่จึงรีบเอื้อมไปเพื่อดึงเอี๊ยมตัวน้อยที่ช่างเกะกะนักแต่ถูกมือเล็กตะครุบไว้"ไม่เอาจะถอดเอง"เสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นอย่างสั่นไหวจนเขารู้สึกได้หึหึ เสียงหัวเราะของคนใต้ร่างจึงดัง
อู๋ไป๋หลินอายุเข้าสองเดือนพอดิบพอดีกับที่จวนอ๋องจะมีงานมงคลของท่านอาหญิงของเจ้าตัวเล็ก จึงทำให้ทุกคนต่างวุ่นวายกันยกใหญ่ พระชายาซือเซียนแม่สามีดูจะตื่นเต้นกว่าใครเพราะบุตรสาวจะได้ออกเรือนเสียทีหลังจากรอคอยอย่างหวาดผวาว่าบุตรสาวจะมิได้ออกเรือนเพราะนางนั้นทโมนนักไม่เหมือนบุตรีจวนอื่นที่เรียบร้อยอ่อนหวาน เย็บปักถักร้อยล้วนเป็นเลิศแต่บุตรของนางเอาเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ไปทั่ว ผิดกับปาอ๋องพ่อสามีที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด หนวดกระตุกเพราะความไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้เพราะภรรยาได้ใส่พานถวายเสียอย่างนั้น หึ เจ้าฉีฟงไม่นึกว่าเจ้านั่นจะมาเป็นบุตรเขยพระองค์ ช่างแสบนัก แล้ววันมงคลก็มาถึงแม่ทัพหยางหรงที่มองภรรยาที่แต่งตัวงดงามนักตาปรอย ร่างที่ดูอวบอิ่มขึ้นอยู่ในชุดสีส้มอมแดงที่พออยู่บนร่างสมส่วนนั้นช่างขับผิวให้ดูขาวผ่องนวลเนียนนัก"เฟยเอ๋อ คืนนี้เราเข้าหอกันนะ"หลินเฟยหันมองร่างสูงตาโต พลันใบหน้าร้อนผ่าว"ท่านพี่พูดอะไรเจ้าคะ""ก็ท่านหมอบอกว่าสามารถทำได้แล้ว แต่พี่เห็นเจ้ายุ่งๆ อยู่กับงานมงคลของหลานเอ๋อ เลยไม่อยากให้เจ้าเหนื่อยนัก วันนี้ก็เสร็จเรียบร้อยดีทุกอย่าง เข้าหอพร้อมกันดีงามนัก"พูดขึ้นตาหวานฉ่
หลินเฟยที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมารู้สึกได้ถึงมืออุ่นที่กอบกุมมือเล็กของนางอยู่ หันไปมองก็เห็นเป็นร่างคุ้นตาที่นอนฟุบหลับอยู่ข้างๆ นางโชคดีที่สุดที่มีบุรุษที่แสนดีผู้นี้อยู่เคียงข้าง"ท่านพี่" แม่ทัพหยางหรงที่เผลอหลับไปลืมตาขึ้นมองเจ้าของเสียงเรียกอย่างดีใจนักหลังจากคลอดบุตรคนแรกของทั้งสองนางก็สลบไปท่านหมอแจ้งว่านางเสียเลือดมากแต่ไม่เป็นอันตรายแค่หมดแรงเท่านั้น พักสักครู่ก็รู้สึกตัวแต่นางกลับหลับไปถึงหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวันเต็มๆ เขาจึงร้อนใจนัก มานั่งเฝ้านางไม่ยอมห่างเพราะกลัวว่านางจะเป็นอะไรไป เขาคงอยู่ไม่ได้แน่"เฟยเอ๋อเจ้าฟื้นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บที่ใดอีกหรือไม่ ซิ่วอิง ซิ่วอิงตามท่านหมอเร็วเฟยเอ๋อฟื้นแล้ว" คนตัวโตที่ดูร้อนรนนัก ส่งเสียงเรียกบ่าวคนสนิทของชายารักจนคนตัวเล็กต้องรีบจับมือใหญ่ไว้"ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะท่านพี่ แค่รู้สึกอ่อนแรงเท่านั้น" สิ้นเสียงอ่อนแรงท่านหมอก็เข้ามาตรวจชีพจรร่างบาง" ไม่มีอะไรน่าห่วงพ่ะย่ะค่ะดื่มยาบำรุงสักสามเทียบอาการอ่อนแรงก็จะหายหลังจากนั้นก็ดื่มยาสำหรับสตรีหลังคลอดร่างกายก็จะกลับมาเป็นปกติ" ท่านหมอจึงขอตัวกลับไปจัดยาสำหรับพระชายา" ลูกของเราเล่าเ
แม่ทัพหยางหรงที่ได้รับสาส์นด่วนจากกุนซือฉีฟงทั้งที่เขาพึ่งกลับมาถึงและต้องกุมขมับเพราะอู๋เสี่ยวหลานน้องสาวหายตัวไป และต้องกุมขมับอีกครั้งเมื่อเปิดอ่านสาส์นฉบับนั้นของสหายดี ดียิ่งเจ้าสหายน่าตายแล้วเขาจะแจ้งบิดามารดาว่าอย่างไร หลินเฟยที่เห็นสามีอารมณ์ไม่สู้ดีนักจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง"มีอะไรร้ายแรงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่" หยางหรงจึงหันมาส่งยิ้มให้ร่างอวบอิ่มที่มองมายังเขาอย่างห่วงใย จึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ภรรยาฟัง หลินเฟยถึงกับหัวเราะออกมา ท่านกุนซือฉีฟงช่างร้ายกาจจริงๆ นับถือ นับถือ"ถึงว่าท่านพี่กับท่านกุนซือถึงคบหาเป็นสหายกันได้"แม่ทัพหยางหรงได้ฟังถึงกับคิ้วกระตุกหรี่ตามองภรรยารัก"ร้ายกาจเหมือนกันมิมีผิด" พร้อมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของสามี "โอ้ะ!!!!"เสียงหัวเราะที่หยุดลงกะทันหัน พร้อมกับมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดมากมายทำให้หลินเฟยตกใจนัก"ท่านพี่ ข้าปวดท้องเจ้าค่ะ"หยางหรงที่ตกใจนักเมื่อเห็นภรรยาเจ็บปวด บั่นคอศัตรูมาเป็นร้อยเป็นพันเห็นความเจ็บปวดทรมานจนชาชิน แต่พอเห็นภรรยาเจ็บปวดหัวใจรู้สึกบีบรัดนัก รีบร้อนเรียกบ่าวไพร่ตามหมอกันจ้าละหวั่น ช้อนร่างอุ้ยอ้ายขึ้นอุ้มตรงไ