หลังจากกลับมาจากการเข้าไปพบท่านแม่ทัพหยางหรง ท่านท้าวซู ก็เรียกพบฮูหยินเอกและบุตรีคนโตที่เขาฝากความหวังในครั้งนี้ไว้กับนาง นาม ซูหนี่ว์ฮวา นางผู้มีความงามเย้ายวนและงดงามที่สุดในบรรดาบุตรีทั้งหมด การวางตัวนั้นสมเป็นบุตรีของท่านเจ้าเมืองที่เกิดจากฮูหยินเอก
"พรุ่งนี้ เจ้าต้องมัดใจท่านแม่ทัพให้จงได้รู้หรือไม่ฮวาเอ๋อ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้บิดาผู้นี้ผิดหวัง"
"เจ้าค่ะ ท่านพ่อ"
เสียงหวานกล่าวขึ้นอย่างมีจริต ใบหน้างามแดงก่ำอย่างเขินอาย
ท่านท้าวซูพยักหน้าอย่างพอใจ เขาคงสมปรารถนาและเพิ่มอำนาจบารมีของตัวเองได้อีกมากนัก หากมีบุตรเขยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้น เมื่อมีขุมอำนาจหนุนหลังจะทำการใดย่อมสำเร็จลุล่วง ใบหน้าแสนเจ้าเล่ห์กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างลำพองใจนัก
ปลายยามอิ๋นของวันรุ่งขึ้น แม่ทัพหยางหรงก็มาเยือนจวนเจ้าเมืองพร้อมองครักษ์คนสนิท นาม เฉินฟู่ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากจวนเจ้าเมือง
"คารวะ ท่านแม่ทัพ นับเป็นเกียรติต่อข้ายิ่งนัก"
"คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ ข้าน้อยซูฮูหยิน ยินดียิ่งนักที่ได้ต้อนรับท่านและนี่บุตรีของข้า ซูหนี่ว์ฮวาเจ้าค่ะ"
สตรีแสนงดงามที่ตั้งใจประทินโฉมอยู่หลายชั่วยามในชุดเลอค่าสีชมพูดูอ่อนหวานน่าทะนุถนอมตอนนี้หัวใจนางเต้นแรงนัก ท่านแม่ทัพช่างดูหล่อเหลา จนนางคิดว่าได้เจอชายในฝันแล้ว ยอบตัวลงทำความเคารพอย่างอ่อนช้อย
" ฮวาเอ๋อ คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ"
เสียงหวานเอ่ยขึ้นพลางช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายแล้วแสร้งหลบตาอย่างเอียงอาย
หากเป็นบุรุษอื่นคงยินดีตอบรับไมตรีหญิงงาม แต่กับแม่ทัพหยางหรง สตรีคือสิ่งต้องห้ามที่มิควรอยู่ใกล้ เพราะภายใต้ใบหน้างดงามนั้นมักซ่อนหนามแหลมไว้เสมอ
" เชิญท่านแม่ทัพด้านในเถอะเจ้าค่ะ วันนี้ฮวาเอ๋อได้เตรียมการแสดงไว้ต้อนรับท่านด้วยเจ้าค่ะ"
ฮูหยินซูรีบทำหน้าที่มารดาที่รู้ใจบุตรยิ่งนัก เพียงเห็นใบหน้าบุตรสาวก็รู้ว่านางพึงใจในบุรุษตรงหน้าเพียงไร
"ใช่หรือไม่ฮวาเอ๋อ"
"เจ้าค่ะท่านแม่"
"ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปเตรียมตัวก่อนเถอะ"
"เจ้าค่ะ ขอตัวเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"
เสียงหวานเอ่ยบอกพร้อมส่งยิ้มเอียงอายไปให้
" เชิญตามสบาย คุณหนูซู"
เมื่อร่างบอบบางถอยออกไป ท่านท้าวซูจึงเอ่ยเชื้อเชิญแขกคนสำคัญ
"เชิญขอรับท่านแม่ทัพ"
ท่านท้าวซูเอ่ยพร้อมนำไปยังห้องรับรองที่ถูกจัดเตรียมอย่างใส่ใจนัก เมื่อทุกคนเข้าประจำที่ บรรดาเหล่าข้ารับใช้ก็นำน้ำชารสเลิศอย่างดีมารับรองพร้อมของว่าง ตามมาด้วยสุราอย่างดี เหล่าสาวงามก็ออกมาร่ายรำ และร่างงามเย้ายวนในชุดสีแดงบางเบาก็ออกมาร่ายรำดูโดดเด่นกว่านางทุกผู้พร้อมส่งยิ้มเย้ายวนไปให้บุรุษตรงหน้าอย่างยั่วยวน สตรีนางนี้คือ คุณหนู ซูหนี่ว์ฮวานั่นเอง
แม่ทัพหยางหรงที่ชมการแสดงอยู่นั้นแม้สายตาจะมองโฉมงามที่ถือว่างามอยู่มากนักและสุราในมือก็รสเลิศ แต่เขาก็เข้าร่วมงานสังสรรค์ทำนองนี้อยู่บ่อยครั้ง จึงเริ่มเบื่อหน่ายเขาชมชอบที่จะอยู่แบบสงบๆ มากกว่า แต่ก็ไม่อาจขอตัวกลับไวเกินไปนัก นั่งจิบสุรารสเลิศไปได้สักพักก็รับรู้ถึงอาการผิดปกติของร่างกาย มองจอกเหล้าในมือแล้วกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง จนทุกสิ่งพลันเงียบลงในพริบตา เขาโดนเฒ่าเจ้าเล่ห์ลูบคมเสียแล้ว ร่างกายที่ร้อนรุ่มขึ้นรู้ได้ในทันทีว่าคงโดนฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัด พลางตวัดสายตาไม่พอใจไปให้เจ้าเมืองเฒ่า
ท่านท้าวซูที่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ทำไมยาจึงออกฤทธิ์เร็วนัก อายสังหารที่แผ่ออกมาทำให้แข้งขาสั่นทรุดลงกับพื้น
"ท่านแม่ทัพคงมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นแน่ขอรับ"
"เฉินฟู่ ตรวจสอบเสีย แล้วจัดการตามสมควร"
"ขอรับ"
แม่ทัพหยางหรงที่สั่งเสร็จก็หันหลังกำลังจะออกไปให้พ้นจากตรงนี้พลันชะงัก
"ท่านแม่ทัพเดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ อย่าพึ่งไป"
ร่างงามเย้ายวนที่โถมกายเข้ามาบดเบียดสร้างความทรมานให้กายแกร่งยิ่งนัก
"เมตตาฮวาเอ๋อด้วยเจ้าค่ะ"
มือบางที่ลูบไล้อกแกร่งเหมือนดังถ่านร้อน
จึงรีบสลัดนางออกจนร่างบางล้มลงไปแต่ก็หาสนใจไม่รีบทะยานออกจากจวนแม่ทัพอย่างรวดเร็ว
ร่างบอบบางบนชุดมงคลสีแดงของเจ้าสาวที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงด้วยความตื่นเต้นนัก วันนี้เป็นวันที่นางเฝ้ารอคอยมาอย่างใจจดใจจ่อตลอดการเดินทางในระยะเวลาสองเดือนท่านพี่ฉีฟงดูแลนางเป็นอย่างดีและให้เกียรตินางมาตลอดไม่เคยล่วงเกินนางอีกเลยจะมีก็แต่กอดหอมแก้มและจูบนิดหน่อยเท่านั้น ในวันมงคลของนางนางอยากให้สามีของนางมีความสุขที่สุดและคืนเข้าหอของนางจะต้องเร่าร้อนที่สุดสามีนางจะต้องอยู่ในกำมือนาง จนลืมการร่วมหอครั้งแรกไปเลยถึงเขาจะบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยาปลุกกำหนัดและเล่ห์กลของสตรีเท่านั้นแต่นางไม่มีทางยอมเด็ดขาด เสี่ยวหลานที่นั่งคิดอย่างหมายมั่นนัก มีอยู่ครั้งหนึ่งนางได้ช่วยเหลือนางคณิกานางหนึ่งไว้ด้วยความบังเอิญจากการโดนฉุด นางจึงให้ตำราไว้เล่มหนึ่งบอกว่าเป็นตำราหายากมากเป็นสินน้ำใจ นางจึงรับไว้แต่พอเปิดดูนางเกือบจะหยุดหายใจเพราะเป็นตำราวสันต์จึงได้เก็บซ่อนเอาไว้และไม่เคยเปิดอ่านอีกเลย จนเมื่อไม่นานมานี้นางได้นำออกมาศึกษาจนแตกฉานเพื่อใช้ในคืนเข้าหอของนางโดยเฉพาะและที่สำคัญนางยังได้ถ่ายทอดเคล็ดลับให้พี่สะใภ้คนงามของนางอีกด้วย เมื่อนึกถึงพี่สะใภ้เสี่ยวหลานถึงกับหัวเราะออกมาอย่างล
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง เสียงกระดิ่งข้อเท้าและเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังใกล้เข้าทำให้ปาอ๋องและพระชายาซือเซียน บุตรชาย บุตรเขย ที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากันอยู่นั้นหันไปมองสาวน้อยวัยสี่หนาวและสามหนาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูนัก ร่างกลมป้อมสองร่างที่จูงมือกันวิ่งเข้ามาพร้อมใบหน้าแดงก่ำชื้นเหงื่อเพราะพากันวิ่งเล่นจนเหนื่อย"ท่านย่าหลานอยากกินขนมจังเจ้าค่ะ"อู๋ไป๋หลินที่มาถึงก็ป่ายปีนขึ้นมานั่งข้างพระชายาซือเซียนออดอ้อนอย่างน่าเอ็นดูนัก"หลานก็อยากกินนักเจ้าค่ะท่านยาย"หานหลันซี บุตรีวัยสามหนาวของกุนซือฉีฟงและเสี่ยวหลานที่ปีนมานั่งอีกด้านก็ไม่น้อยหน้าช่างออดอ้อนเหมือนญาติผู้พี่มิมีผิดเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนกับความน่ารักน่าชังของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี"ช่างน่าน้อยใจนักไม่มีใครสนใจคนแก่ผู้นี้เลยหรือ หลินเอ๋อก็ไม่สนใจปู่ ซีเอ๋อก็ไม่สนใจตา มันน่าน้อยใจจริงๆ ไม่มีใครรักข้าเลยหรือนี่" เสียงตัดพ้อไม่ค่อยจริงจังที่เอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนอมยิ้มกับท่าทางของคนแก่ที่น่าโหดแต่พยายามทำเสียงเล็กเสียงน้อยเรียกร้องความสนใจจากหลานๆ ที่พอได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้าไปโอบกอดและหอมแก้มฟอดใหญ่ ให้คนแก่ชื่นใจนัก "หลินเอ๋อรักท่
หลินเฟยที่คล่อมอยู่เหนือร่างหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแกร่งสะบัดผมยาวสลวยไว้ด้านหลังมองคนใต้ร่างด้วยสายตายั่วยวนนัก ใช้นิ้วเรียวเล็กไล้ตั้งแต่จมูกโด่งได้รูปมายังริมฝีปากหนาที่นางรู้ว่าร้ายกาจเพียงใดบดคลึงแผ่วเบาจนคนใต้ร่างครางอือแม่ทัพหยางหรงหรี่ตามองภรรยารักด้วยสายตาเร่าร้อนนักทั้งตื่นเต้นว่านางจะทำอะไรและแปลกใจหนักหนาว่าเฟยเอ๋อของเขาไปได้ท่าทางแสนยั่วยวนนี้มาจากที่ใดกันแม้จะดูขัดเขินแต่เขากลับพอใจนัก มองดูนิ้วเล็กขาวผ่องลากไล้สันกรามแกร่งมาตามลำคอล่ำสันใช้สองมือบอบบางแหวกชุดคลุมตัวในออกเผยให้เห็นแผงอกแกร่งกำยำหนั่นแน่นแต่งแต้มด้วยรอยแผลประปรายดูน่าหลงใหลนัก มือเรียวเล็กนุ่มนิ่มลูบไล้แผ่นอกกว้างกำยำจนร่างหนากล้ามเนื้อหดเกร็งกัดกรามแกร่งแน่นด้วยความซ่านเสียว เห็นมือบางยกขึ้นปลดชุดนอนบางเบาออกจากร่างงามเย้ายวนเหลือแค่เอี๊ยมบังทรงสีแดงตัวน้อยที่แทบไม่ช่วยอะไรเลยตัดกับผิวขาวผ่องนวลเนียนทำให้เขาแทบหยุดหายใจ มือใหญ่จึงรีบเอื้อมไปเพื่อดึงเอี๊ยมตัวน้อยที่ช่างเกะกะนักแต่ถูกมือเล็กตะครุบไว้"ไม่เอาจะถอดเอง"เสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นอย่างสั่นไหวจนเขารู้สึกได้หึหึ เสียงหัวเราะของคนใต้ร่างจึงดัง
อู๋ไป๋หลินอายุเข้าสองเดือนพอดิบพอดีกับที่จวนอ๋องจะมีงานมงคลของท่านอาหญิงของเจ้าตัวเล็ก จึงทำให้ทุกคนต่างวุ่นวายกันยกใหญ่ พระชายาซือเซียนแม่สามีดูจะตื่นเต้นกว่าใครเพราะบุตรสาวจะได้ออกเรือนเสียทีหลังจากรอคอยอย่างหวาดผวาว่าบุตรสาวจะมิได้ออกเรือนเพราะนางนั้นทโมนนักไม่เหมือนบุตรีจวนอื่นที่เรียบร้อยอ่อนหวาน เย็บปักถักร้อยล้วนเป็นเลิศแต่บุตรของนางเอาเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ไปทั่ว ผิดกับปาอ๋องพ่อสามีที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด หนวดกระตุกเพราะความไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้เพราะภรรยาได้ใส่พานถวายเสียอย่างนั้น หึ เจ้าฉีฟงไม่นึกว่าเจ้านั่นจะมาเป็นบุตรเขยพระองค์ ช่างแสบนัก แล้ววันมงคลก็มาถึงแม่ทัพหยางหรงที่มองภรรยาที่แต่งตัวงดงามนักตาปรอย ร่างที่ดูอวบอิ่มขึ้นอยู่ในชุดสีส้มอมแดงที่พออยู่บนร่างสมส่วนนั้นช่างขับผิวให้ดูขาวผ่องนวลเนียนนัก"เฟยเอ๋อ คืนนี้เราเข้าหอกันนะ"หลินเฟยหันมองร่างสูงตาโต พลันใบหน้าร้อนผ่าว"ท่านพี่พูดอะไรเจ้าคะ""ก็ท่านหมอบอกว่าสามารถทำได้แล้ว แต่พี่เห็นเจ้ายุ่งๆ อยู่กับงานมงคลของหลานเอ๋อ เลยไม่อยากให้เจ้าเหนื่อยนัก วันนี้ก็เสร็จเรียบร้อยดีทุกอย่าง เข้าหอพร้อมกันดีงามนัก"พูดขึ้นตาหวานฉ่
หลินเฟยที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมารู้สึกได้ถึงมืออุ่นที่กอบกุมมือเล็กของนางอยู่ หันไปมองก็เห็นเป็นร่างคุ้นตาที่นอนฟุบหลับอยู่ข้างๆ นางโชคดีที่สุดที่มีบุรุษที่แสนดีผู้นี้อยู่เคียงข้าง"ท่านพี่" แม่ทัพหยางหรงที่เผลอหลับไปลืมตาขึ้นมองเจ้าของเสียงเรียกอย่างดีใจนักหลังจากคลอดบุตรคนแรกของทั้งสองนางก็สลบไปท่านหมอแจ้งว่านางเสียเลือดมากแต่ไม่เป็นอันตรายแค่หมดแรงเท่านั้น พักสักครู่ก็รู้สึกตัวแต่นางกลับหลับไปถึงหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวันเต็มๆ เขาจึงร้อนใจนัก มานั่งเฝ้านางไม่ยอมห่างเพราะกลัวว่านางจะเป็นอะไรไป เขาคงอยู่ไม่ได้แน่"เฟยเอ๋อเจ้าฟื้นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บที่ใดอีกหรือไม่ ซิ่วอิง ซิ่วอิงตามท่านหมอเร็วเฟยเอ๋อฟื้นแล้ว" คนตัวโตที่ดูร้อนรนนัก ส่งเสียงเรียกบ่าวคนสนิทของชายารักจนคนตัวเล็กต้องรีบจับมือใหญ่ไว้"ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะท่านพี่ แค่รู้สึกอ่อนแรงเท่านั้น" สิ้นเสียงอ่อนแรงท่านหมอก็เข้ามาตรวจชีพจรร่างบาง" ไม่มีอะไรน่าห่วงพ่ะย่ะค่ะดื่มยาบำรุงสักสามเทียบอาการอ่อนแรงก็จะหายหลังจากนั้นก็ดื่มยาสำหรับสตรีหลังคลอดร่างกายก็จะกลับมาเป็นปกติ" ท่านหมอจึงขอตัวกลับไปจัดยาสำหรับพระชายา" ลูกของเราเล่าเ
แม่ทัพหยางหรงที่ได้รับสาส์นด่วนจากกุนซือฉีฟงทั้งที่เขาพึ่งกลับมาถึงและต้องกุมขมับเพราะอู๋เสี่ยวหลานน้องสาวหายตัวไป และต้องกุมขมับอีกครั้งเมื่อเปิดอ่านสาส์นฉบับนั้นของสหายดี ดียิ่งเจ้าสหายน่าตายแล้วเขาจะแจ้งบิดามารดาว่าอย่างไร หลินเฟยที่เห็นสามีอารมณ์ไม่สู้ดีนักจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง"มีอะไรร้ายแรงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่" หยางหรงจึงหันมาส่งยิ้มให้ร่างอวบอิ่มที่มองมายังเขาอย่างห่วงใย จึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ภรรยาฟัง หลินเฟยถึงกับหัวเราะออกมา ท่านกุนซือฉีฟงช่างร้ายกาจจริงๆ นับถือ นับถือ"ถึงว่าท่านพี่กับท่านกุนซือถึงคบหาเป็นสหายกันได้"แม่ทัพหยางหรงได้ฟังถึงกับคิ้วกระตุกหรี่ตามองภรรยารัก"ร้ายกาจเหมือนกันมิมีผิด" พร้อมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของสามี "โอ้ะ!!!!"เสียงหัวเราะที่หยุดลงกะทันหัน พร้อมกับมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดมากมายทำให้หลินเฟยตกใจนัก"ท่านพี่ ข้าปวดท้องเจ้าค่ะ"หยางหรงที่ตกใจนักเมื่อเห็นภรรยาเจ็บปวด บั่นคอศัตรูมาเป็นร้อยเป็นพันเห็นความเจ็บปวดทรมานจนชาชิน แต่พอเห็นภรรยาเจ็บปวดหัวใจรู้สึกบีบรัดนัก รีบร้อนเรียกบ่าวไพร่ตามหมอกันจ้าละหวั่น ช้อนร่างอุ้ยอ้ายขึ้นอุ้มตรงไ