บทที่ 5
หลังจากวันนั้นไม่นานการันต์ก็เล่นป่าวประกาศว่าตนและชลินนั้นได้คบหาดูใจกันอยู่ ตอนแรกก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าชลินกับการันต์จะคบกันได้ เพราะว่าทั้งสองคนชอบหาเรื่องทะเลาะกันอยู่ตลอดยามที่ทั้งสองคนได้เจอหน้ากัน แต่เพราะชายหนุ่มยังคงยืนยันคำเดิมแถมยังจูบเธอโชว์ต่อหน้าพนักงานทุกคนภายในบริษัทของเขาอีก จึงทำให้ทุกคนเชื่ออย่างสนิทใจในวินาทีต่อมา ส่วนมินตราที่ได้รับรู้เรื่องนี้เข้าก็โทรหาชลินเพื่อนสาวของเธอไม่หยุด แต่พอเธอได้คำตอบจนพอใจของเธอแล้ว เธอจึงเหลือไว้แต่เพียงอาการอยากแซวเพื่อนของเธอเท่านั้น แต่ทว่าแซวมากก็ไม่ได้เพราะกลัวเพื่อนจะงอนเอา เธอจึงเลือกแซวพอเป็นพิธี " ชลินไปทานข้าวกัน " การันต์เดินเข้ามาภายในห้องทำงานของชลินอย่างถือวิสาสะ ชลินช้อนตาขึ้นมองแขกผู้มาเยือนที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องของเธออย่างเสียมารยาท " ฉันยังไม่หิว นายหิวก็ไปทานก่อนสิ " " ไม่ฉันจะรอไปทานข้าวพร้อมเธอ " " การันต์นายเลิกก่อกวนกับฉันสักพักจะได้ไหม นายไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังใช้สมาธิในการทำงานอยู่น่ะ " ตวัดตาใส่อีกคนเขม็ง " ให้ฉันช่วยไหมล่ะหืม? " ชันแขนไปกับโต๊ะพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาว " ไม่ต้องไปนั่งดี ๆ เลย " ชลินเอ่ยขึ้นอย่างคนอ่อนล้า " หึ ตามนั้นก็ได้ที่รัก รีบทำเร็ว ๆ ล่ะ ฟอด! " พูดจบก็ฟัดเข้าที่แก้มนิ่มของชลินหนึ่งฟอด แล้วเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาอย่างอารมณ์ดี " การันต์! " เสียงหวานถูกเปล่งออกมาอย่างขุ่นเคือง มองค้อนอีกคนเขม็ง " รีบทำสิที่รัก ถ้าช้ากว่านี้ฉันจะกินที่รักแทนข้าวแล้วนะ " กระตุกยิ้มอย่างร้ายกาจ จ้องมองหญิงสาวอย่างเจ้าเล่ห์ " อื้อรีบทำอยู่นี้ไง เลิกกวนได้ปะ " " หึ เค ๆ ฉันไม่กวนแล้วรีบทำสิ " ชลินหันมาทำงานของเธอต่อ โดยไม่หันไปสนใจการันต์อีกจนงานทุกอย่างของเธอเสร็จ เธอจึงหยิบกระเป๋าสะพายข้างของเธอเดินตรงมาหาชายหนุ่ม " ลุกสิจะไปกินไหมข้าวอ่ะ " " จูบก่อนสิเดี๋ยวลุก " ยิ้มกรุ่มกริ่ม " การันต์เร็ว ๆ " ชลินเอ่ยเร่งอีกคนที่เอาแต่ยึกยักไม่ยอมขยับตัวลุกขึ้นมาเสียที " จูบก่อนสิ เดี๋ยวลุกให้ " ยังคงพูดคำเดิมซ้ำ ๆ " การันต์ฉันไม่เล่นด้วยหรอกนะ ลุกขึ้นมาเร็ว " ชลินยื่นมือมาฉุดดึงแขนการันต์ หวังให้อีกคนลุกขึ้นจากโซฟา แต่ทว่าการันต์กลับขึงแขนของเขาเอาไว้จนชลินไม่สามารถเขยื้อนตัวของอีกคนได้เลย " การันต์ " " อืม " ครางตอบในลำคอ " เออยอมก็ได้ไอ้บ้า! " เพียะ...ตบเข้าที่ท่อนแขนของอีกคนอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยอมทำในสิ่งที่อีกฝ่ายขอ " เร็วสิรออยู่ " พูดขึ้นยียวน จนชลินบุ๋ยหน้าใส่ ชลินหย่อนก้นนั่งทับตักของการันต์ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นประคองใบหน้าคมสันของอีกคนตรึงไว้ จากนั้นจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วประทับริมฝีปากบางของเธอเข้ากับริมฝีปากหยักหนาของเขา การันต์เมื่อได้สัมผัสริมฝีปากบางนุ่มเขาจึงเผยริมฝีปากของเขาออกก่อนจะขบเม้มริมฝีปากบางนุ่มอย่างหยอกล้อ เมื่อริมฝีปากบางเผยออกเขาจึงรีบส่งลิ้นหยาบหนาเข้าไปดูดซับไล่ตวัดเกี่ยวพัวพันลิ้นบางไม่หยุด ช่วงชิงลมหายใจและความหอมหวานจากหญิงสาวอย่างเพลิดเพลินตะกละตะกราม จนเธอแทบหมดลมหายใจ วินาทีต่อมาเธอถึงกับต้องส่งเสียงร้องอื้ออื้อดังอยู่ในลำคอ เพื่อประท้วงชายหนุ่มและหวังให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าเธอนั่นกำลังจะขาดอากาศหายใจในไม่ช้านี้แล้ว " อื้อ...อื้อส์! " จ๊วบ จ๊วบ จุ๊บ! " แฮ่ก แฮ่ก นี้นายจะฆ่าฉันหรือไงการันต์ " ก่อนจะใช้มือบางที่กำลังขยำเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่ม ก่อนหน้ากำทุบลงไปที่อกของเขาดังตุบ ด้วยความหมั่นไส้ที่เขาเอาแต่ยกยิ้มกรุ่มกริ่มให้กับเธอ " ปล่อยเลยจะไปทานไหมข้าวฮะ? " พร้อมแสดงใบหน้ามุ่ยให้กับคนตรงหน้า " หึ น้องชลินก็ลุกออกจากตักของพี่สิครับ " " จิ " ส่งเสียงไม่พอใจ ก่อนจะขยับตัวออกจากตักของเขามายืนรอเขาแทน " หึ หึ " ยกยิ้มมุมปากออกมาอย่างพึงพอใจในการกระทำของเธอ ชลินจ้องมองการันต์อย่างขุ่นเคือง หันขวับแล้วเดินนำหน้าเขาออกจากห้องทำงานของเธอไปยังลิฟต์ทันที พอประตูลิฟต์เปิดออกเธอก็เดินเข้าไปโดยไม่สนใจที่จะรอเขา ไม่ว่าเขาจะตามเธอมาทันหรือไหมก็ตาม " ทำไมเดินไม่รอพี่ครับ หื้ม? " เดินเข้ามายืนประกบข้างหญิงสาว มือทั้งสองสอดเข้าไปในถุงกางเกงอย่างเคยชิน " แล้วทำไมฉันต้องรอนายด้วยไม่ทราบ " ตอบออกไปโดยไม่มองหน้าชายหนุ่มข้างกาย " หึ ใจร้ายจังเลยนะ " " ใช่ฉันมันคนใจร้าย ฉันไม่ได้เป็นคนใจดีเหมือนข้าวจ้าวนี้ ทำอะไรก็มีแต่คนว่าดีไปหมด เฮ้อะ! " น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ดังขึ้นจากริมฝีปากบางของชลิน พลางคิดในใจว่า ' ถ้าเขาต้องการคนจิตใจดี มีเมตตา มีสัมมาคารวะ แล้วเขาจะมายุ่งเกี่ยวกับคนใจร้ายอย่างเธอทำไมล่ะ ทำไมเขาไม่ไปหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอ มัวแต่เอาเวลามายุ่งเกี่ยวกับนางร้ายอย่างเธออยู่ได้ ไอ้พระรองบ้าเอ๊ย...' " เธออย่าเอาตัวที่สกปรกจิตใจต่ำตมต่ำช้าของเธอไปเปรียบเทียบกับข้าวจ้าวเลยชลิน เพราะเธอกับข้าวจ้าวมันคนละระดับมาตรฐานกัน " การันต์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา " แตะต้องไม่ได้เลยสินะคนของพวกนายน่ะ " หันขวับไปมองค้อนใส่หนึ่งที " ใช่ มันแน่นอนอยู่แล้ว " " ได้! ต่อไปนี้นายก็เลิกมายุ่งวุ่นวายกับฉันสักที ขอให้ต่างคนต่างอยู่ ในเมื่อเห็นฉันเป็นนางมารร้ายแล้วก็ขอให้อยู่ให้ห่างจากนางมารร้ายอย่างฉันก็แล้วกัน " ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีอีกคนพร้อมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลรินออกมาอย่างสุดความสามารถของเธอเท่าที่จะทำได้ ภายในโต๊ะอาหารเงียบสงัด ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างทานอาหารที่ตนเองสั่งมา บรรยากาศอึมครึมรายล้อมโต๊ะอาหานที่เธอและเขานั่งด้วยกัน ชลินเอาแต่เงียบมาตั้งแต่ที่รถเคลื่อนตัวออกจากบริษัทของเธอ ซึ่งต่างจากชายหนุ่มที่โม้เม้ว่าตนเองเป็นคนรักของเธอพยายามเอ่ยกวนเธออยู่ตลอดจนสุดท้ายก็ต้องเงียบงันตามเธอไปโดยปริยาย " อาหารร้านนี้ถูกปากไหม? " เสียงทุ้มเอ่ยถามหลังจากเงียบงันอยู่นาน " ค่ะ " เสียงหวานตอบกลับเพียงเท่านั้น แล้วทานอาหารของเธอต่อ " ชลินเรื่องเมื่อกี้ฉันข- " " อ้าว...สวัสดีค่ะพี่การันต์ วันนี้พี่การันต์มาทานอาหารที่ร้านทำไมไม่โทรมาบอกข้าวจ้าวหรือพี่ชรันก่อนล่ะค่ะ ข้าวจ้าวกับพี่ชรันจะได้เตรียมอาหารพิเศษของทางร้านให้พี่การันต์ได้ทานด้วยนะคะ " การันต์ยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงหวานของคนมาใหม่ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน " สวัสดีครับน้องข้าวจ้าว สวัสดีชรัน " " อืมสวัสดีเพื่อน สวัสดีชลิน " " สวัสดีค่ะคุณชรัน ดิฉันต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ " ชลินฝืนยิ้มให้กับอดีตคู่หมั้น ก่อนจะขยับตัวลุกออกจากเก้าอี้ " อ้าวพี่ชลินมากับพี่การันต์ด้วยเหรอคะ ข้าวจ้าวต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีข้าวจ้าวไม่ทันได้มองนะคะ " ข้าวจ้าวเอ่ยขอโทษแต่ทว่าสายตาของเธอมันกลับเยาะหยันชลินออกมาอย่างชัดเจน " ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวนะคะ " ว่าจบก็เดินออกมาจากโต๊ะอาหารทันที การที่เธอเลือกออกมาเพราะเธอไม่อยากจะมีเรื่องกับแม่นางเอกจอมตอแหลอย่างข้าวจ้าวนั้นต่างหากล่ะ ชลินยืนรอรถแท็กซี่อยู่สักพักก็ไม่เห็นมีผ่านมาสักคัน เธอจึงหยิบโทรศัพท์หมายจะโทรหาคนขับรถประจำบ้านของเธอ แต่พอเธอจะกดโทรออกกลับมีรถคันหรูมาจอดตรงหน้าของเธอก่อน ซึ่งรถคันนี้ก็ไม่พ้นรถของคุณพระรองปากหมาอีกนั้นแหละ " ชลินรีบขึ้นรถสิ เธอลืมแล้วไงว่าเธอมากับฉันนะ " เสียงทุ้มเข้มเอ่ยขึ้นกับหญิงสาวที่ยืนจ้องมองมายังเขา ใบหน้าสวยหวานเรียบจนเขาไม่สามารถที่จะเดาอารมณ์ของเธอได้ในตอนนี้ " ..... " " ขึ้นรถชลิน เธอจะขึ้นเองหรือเธอจะให้ฉันอุ้มขึ้น " เอ่ยขู่หญิงสาว " นายหยุดวุ่นวายกับฉันสักทีการันต์ " เสียงสั่นเครือของชลินดังขึ้น ทำให้การันต์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเปิดประตูรถลงเดินมาหาหญิงสาวที่ยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ " ขึ้นรถครับ " การันต์เอ่ยขึ้นเสียงอ่อน ยื่นมือไปจับข้อมือบางของเธอเอาไว้เบา ๆ " อย่ามายุ่งกับฉัน " ชลินสะบัดข้อมือออกจากการจับกุมจากชายหนุ่ม " ชลิน มานี่มา " สวบ พรึ่บ ย่อตัวช้อนร่างของหญิงสาวไว้แนบอกแล้วเดินตรงมาที่รถของตน เปิดประตูแล้ววางหญิงสาวลงนั่งบนเบาะนั่งข้างคนขับ " ขอโทษ เราคืนดีกันนะ " การันต์ยกยิ้มให้กับชลินที่นั่งอยู่ข้างเขาแถมตอนนี้เธอยังคงทำหน้าบึ้งตึงใส่เขาอยู่ " .... " ชลินก็ยังคงเงียบ " โอเคไว้ชลินอารมณ์ดีแล้ว เราค่อยมาพูดคุยปรับความเข้าใจกันนะ " " ..... " การันต์ขับรถมาส่งชลินที่บริษัท จากนั้นจึงกลับมายังบริษัทของตัวเอง เขาเคลียร์เอกสารต่าง ๆ โดยที่เขาไม่มีสมาธิเลยด้วยซ้ำ เมื่อเห็นว่าไม่ไหวเขาจึงละมือหยุดทุกอย่างลง ยกมือขึ้นมานวดขมับของตัวเองเบา ๆ เนื่องจากเขาเอาแต่คิดถึงเรื่องของหญิงสาวที่เขานั้นเคยเกลียดชังมากมาก่อน แต่ตอนนี้เขากลับไม่นึกรังเกียจหรือเกลียดชังหญิงสาวเลยสักนิด แถมเขายังแคร์ความรู้สึกของเธอมากกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย " เฮ้อ..." เสียงถอนหายใจดังขึ้นออกมาอย่างกลัดกลุ้มใจ ชลินนั่งเงียบพลางคิดเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เธอหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายที่เธออ่านและตั้งแต่ที่เธอได้เจอกับพระเอกนางเอกและพระรอง ชีวิตเธอที่เหมือนจะสงบสุขกลับกลายเป็นไม่สงบสุขและทุกข์ใจเสียอย่างนั้น ทั้งที่เธอตั้งใจและพยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากเจอะเจอไม่อยากพบเจอ ไม่อยากสุงสิงกับตัวละครเอกของเรื่องแล้วนะ แต่ทำไมตัวละครเอกพวกนั้นถึงได้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอด้วย " เฮ้อ...นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันกันเนี่ย อุตส่าห์อยู่เฉย ๆ แล้วนะยังจะมายุ่งวุ่นวายกับฉันอยู่ได้ น่ารำคาญเสียจริง " ชลินพึมพำกับตัวเอง " ขอโทษแล้วยังไงนึกว่าฉันจะให้อภัยนายได้ง่าย ๆ เหรอ ฝันไปเถอะ ไอ้พระรองบ้า ไอ้พระรองเฮงซวย " กอดอกทำหน้าตาบึ้งตึง ในห้องทำงานภายในร้านอาหารที่มีร่างเล็กเพรียวบางกำลังยืนพิงโต๊ะทำงานของชายหนุ่มร่างสูงที่ตอนนี้กำลังนั่งทำงานของตนอยู่ " ข้าวจ้าวครับ เมื่อกี้ข้าวจ้าวไม่ควรพูดแบบนั้นกับชลินนะครับ มันดูเป็นการเสียมารยาทรู้ไหมครับ? " เอ่ยตักเตือนคนรักด้วยความหวังดี " แต่ที่ข้าวจ้าวพูดมันจริงนี่ค่ะ " เอ่ยขึ้นเสียงอ้อมแอ้ม " แต่มันก็ไม่ควรครับ ถ้าเกิดว่าเรื่องพวกนี้มันไปเข้าหูของแม่พี่เข้า คนที่จะดูไม่ดีมันเป็นข้าวจ้าวเองนะครับ ที่พี่พูดพี่ไม่ได้เข้าข้างชลินนะครับแต่เพราะพี่เป็นห่วงและหวังดีกับข้าวจ้าวต่างหาก พี่ถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา " เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องใบหน้าหวานของคนรักอย่างจริงจัง " ค่ะข้าวจ้าวเข้าใจในสิ่งที่พี่รันพูดค่ะ ข้าวจ้าวขอโทษนะคะ ข้าวจ้าวน่าจะคิดให้มากกว่านี้ " พูดอย่างรู้สึกผิด แต่ใจจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยสักนิด " ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเรื่องในครั้งนี้เป็นบทเรียนให้กับเรานะครับ " ยกยิ้มให้กับคนรัก " ค่ะพี่รัน " ยิ้มหวานตอบกลับคนรักคืน ทว่ายามที่คนรักหันกลับไปทำงานของเขาต่อ รอยยิ้มของเธอมันกลับกลายเป็นแสยะยิ้มในทันที...บทที่ 8 เมื่อชายหนุ่มเคลียร์ทุกอย่างให้แก่หญิงสาวคนรักเสร็จ ทั้งสามคนจึงปรึกษาหารือกันต่อว่าจะเอายังไงต่อกันดี สุดท้ายก็ได้คำตอบคือต้องหาคนที่ทำมาลงโทษให้ได้ มุกดาที่เข้าใจชลินผิดรีบเอ่ยขอโทษญาติผู้น้อง ส่วนชลินไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องนี้เลยไม่ติดใจอะไรยอมให้อภัยแก่หญิงสาวญาติผู้พี่ของนางร้ายในนิยายที่เธอชอบอ่านอย่างง่ายดาย " ตามนี้นะครับคุณมุกดา " " ค่ะคุณการันต์ ชลินฉันสักจะอิจฉาเธอแล้วสิ " หญิงสาวหันมายิ้มกริ่มให้กับญาติผู้น้องอย่างหยอกเย้า " มันน่าอิจฉาตรงไหนมุกดา เธอไม่เห็นหรือไงว่าเขา อ้ะ! พี่การันต์เจ้าเล่ห์แค่ไหนกันหน่ะ " เมื่อเธอพูดผิดจึงรีบแก้พร้อมปรายตามองเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ " หึ " การันต์ยกยิ้มมุมปากให้กับหญิงสาวคนรักให้กับท่าทีปฏิกิริยาของเธอ " ฉันไม่เห็นนะฉันเห็นแค่คุณการันต์คนดี คนเก่ง เท่านั้นเอง " " เฮ้อ! " ชลินทำเสียงขึ้นจมูกในสิ่งที่หญิงสาวญาติผู้พี่พูด " คุณการันต์ไม่น่าตาบอดมาหลงรักยายชลินเลยนะคะ " " หึ ผมหลงไปแล้วจะให้ทำยังได้ล่ะครับคุณมุกดา " " ฮึ นั้นสินะคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวกลับไปทำงานของดิฉันต่อก่อนนะคะ " มุกดาเอ่ยขอตัวกับทั้งสองคน " ครับ "
บทที่ 7 หญิงสาวที่นั่งรอคนรักอยู่บนเตียงนอน พลางวางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัวเมื่อคนรักเดินเข้ามาหา เธอยกยิ้มอ่อนหวานให้กับคนรัก พยายามทำตัวใสซื่อที่สุดเท่าที่จะทำได้ แถมมันยังใช้ได้ผลกับพวกคนโง่พวกนั้นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งคนตรงหน้าของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน เสียดายอย่างเดียวที่พ่อแม่ของอีกคนไม่ได้โง่เหมือนลูกชายไม่อย่างนั้นเธอได้อยู่สุขสบายไปนานแล้ว " ทำไมยังไม่นอนอีกครับ ฮึ่ม? " " ข้าวรอพี่รันอยู่ไงค่ะ " ยกยิ้มหวานปนยั่วยวนคนรักที่เธอไม่เคยรักเขาเลยแม้แต่นิด ที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพื่อความอยู่รอด อยู่สุขสบายของเธอและครอบครัวของเธอก็เท่านั้น แต่คนที่เธอรักและอยากจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตของเธอที่มีอยู่ด้วยก็คือการันต์เพื่อนสนิทของอีกคนต่างหาก " งั้นเหรอครับ แล้วถ้าตอนนี้พี่ยังไม่อยากนอนแต่อยากทำอย่างอื่นแทนล่ะ ข้าวจ้าวจะว่ายังไงครับ " ส่งสายตาแพรวพราวให้หญิงสาวคนรักที่เขารักหมดทั้งหัวใจตั้งแต่แรกเห็น " แล้วพี่รันอยากจะทำอะไรล่ะค่ะ ข้าวพร้อมทำตามใจพี่รันเสมออยู่แล้วล่ะค่ะ " เธอพูดบดชายหนุ่มคนรักอย่างชรันออกไป พร้อมกับไล่ปลายนิ้วสัมผัสไปกับแผ่นอกของเขาอย่างยั่วยวน " หึ อย่ายั่วพี่
บทที่ 6 การันต์เฝ้าตามง้อชลินไม่หยุด คอยซื้อโน่นซื้อนี่มาฝากเธอและครอบครัวอยู่เสมอไม่เคยขาดมือ ตกเย็นก็คอยอยู่ฝากท้องกับครอบครัวของเธออยู่ตลอด จนเธอคุ้นชิน " เย็นนี้ผมขอฝากท้องอีกนะครับคุณพ่อคุณแม่ " การันต์ " ได้สิค่ะพี่การันต์ " นันทิชา " อืม ยินดีเสมอเจ้าลูกเขย " รณพีร์ " คุณพ่อคุณแม่ค่ะ เอ่อคือว่า... " ชลินเอ่ยขึ้นหวังจะค้านแต่ทว่ากลับต้องกลืนคำเหล่านั้นลงคอไปจนหมดสิ้น " อะไรคะชลินลูก? " นันทิชา " นั้นสิลูกมีอะไรไหนบอกพ่อกับแม่มาสิ? " รณพีร์ " เปล่าคะ ไม่มีอะไรค่ะคุณพ่อคุณแม่ " ชลินยกยิ้มฝืด ๆ ให้กับพ่อแม่ของเธอ " อะไรกันลูกคนนี้เนี่ย " นันทิชา " โอเค พ่อจะเชื่อเราก็แล้วกันนะ " รณพีร์ " หึ " การันต์ ชลินจ้องหน้าคมสันของการันต์แว๊บเดียวก็หันมามองหน้าพ่อแม่ของเธอต่อ เนื่องจากเธอยังเคืองอีกฝ่ายอยู่ " ชลินลูกแม่กับพ่อจะไม่อยู่บ้านเดือนหนึ่งนะลูก พอดีแม่กับพ่อจะไปฮันนีมูนกันที่ต่างประเทศนะคะ แม่ฝากลูกดูแลบ้านด้วยน่ะ " พลางหันไปส่งยิ้มให้กับสามีของเธอ " ทำไมคราวนี้ถึงเร็วจังค่ะคุณแม่? " เธอถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะทุกครั้งพ่อและแม่ของเธอจะต้องไปทุกสิ้นปีนี้ แต่นี่มันเหลืออีก
บทที่ 5 หลังจากวันนั้นไม่นานการันต์ก็เล่นป่าวประกาศว่าตนและชลินนั้นได้คบหาดูใจกันอยู่ ตอนแรกก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าชลินกับการันต์จะคบกันได้ เพราะว่าทั้งสองคนชอบหาเรื่องทะเลาะกันอยู่ตลอดยามที่ทั้งสองคนได้เจอหน้ากัน แต่เพราะชายหนุ่มยังคงยืนยันคำเดิมแถมยังจูบเธอโชว์ต่อหน้าพนักงานทุกคนภายในบริษัทของเขาอีก จึงทำให้ทุกคนเชื่ออย่างสนิทใจในวินาทีต่อมา ส่วนมินตราที่ได้รับรู้เรื่องนี้เข้าก็โทรหาชลินเพื่อนสาวของเธอไม่หยุด แต่พอเธอได้คำตอบจนพอใจของเธอแล้ว เธอจึงเหลือไว้แต่เพียงอาการอยากแซวเพื่อนของเธอเท่านั้น แต่ทว่าแซวมากก็ไม่ได้เพราะกลัวเพื่อนจะงอนเอา เธอจึงเลือกแซวพอเป็นพิธี " ชลินไปทานข้าวกัน " การันต์เดินเข้ามาภายในห้องทำงานของชลินอย่างถือวิสาสะ ชลินช้อนตาขึ้นมองแขกผู้มาเยือนที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องของเธออย่างเสียมารยาท " ฉันยังไม่หิว นายหิวก็ไปทานก่อนสิ " " ไม่ฉันจะรอไปทานข้าวพร้อมเธอ " " การันต์นายเลิกก่อกวนกับฉันสักพักจะได้ไหม นายไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังใช้สมาธิในการทำงานอยู่น่ะ " ตวัดตาใส่อีกคนเขม็ง " ให้ฉันช่วยไหมล่ะหืม? " ชันแขนไปกับโต๊ะพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาว " ไม่ต้
บทที่ 10 ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาการันต์ได้พิสูจน์ตัวเองให้ชลินได้รับรู้ถึงความบริสุทธิ์ใจในหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเขา ทั้งแสดงความรักอันบริสุทธิ์ที่ไร้การแก้แค้นไร้ความเกลียดชังนั้นด้วย วันนี้เป็นวันที่ทั้งสองบ้านสกุลดังจะรวมเป็นทองแผ่นเดียวกันซึ่งนั้นก็หมายความว่าวันนี้เป็นวันหมั้นหมายของชลินและการันต์นั้นเอง พิธีการต่าง ๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ข่าวที่ทั้งคู่ได้หมั้นหมายต่างถูกแพร่กระจายอยู่วนสื่อโซเชียลมีเดีย ทุกคนต่างเข้ามาร่วมแสดงความยินดีแก่ทั้งคู่ ต่างจากผู้หญิงอีกคนที่กำลังนั่งดูรายละเอียดต่าง ๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือของเธอ ก่อนจะปาโทรศัพท์ลงแหมะบนที่นอนกว้าง สองมือขยำผ้าปูเตียงจนยับยู่ยี้ ใบหน้าหวานติดน่ารักแสดงท่าทีไม่พอใจกับสิ่งที่ได้เห็นและได้รับรู้เป็นอย่างมาก จนอยากจะร้องกรี้ดออกมาให้สุดเสียงที่มีแต่ก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากแฟนหนุ่มยังอยู่ในคอนโดแห่งนี้กับเธอ " ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับข้าว? " เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงคนรัก พลางใช้ตาคมสังเกตถึงความผิดปกติของเธอไปด้วย " ข้าวไม่เป็นไรค่ะพี่รัน แล้วพี่รันจะทานข้าวเลยไหมค่ะ เดี๋ยวข้าวจะไปทำให้ทานค่ะ " พลางยิ้ม
บทที่ 4หญิงสาวที่ออกมาจากบริษัทของชายหนุ่มอดีตคู่หมั้นพร้อมกับแม่ของเธอ ซึ่งตอนนี้เธอกับแม่ของเธอกำลังตรงดิ่งไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของคลายเหงากัน พอมาถึงปุ๊บแม่ของเธอก็พาเธอมายังร้านจิวเวลรี่ร้านประจำของท่านทันที" เส้นนี้สวยไหมลูก? " นันทิชายกสร้อยคอหยดน้ำประดับพลอยเม็ดเล็กทาบบริเวณคอระหงหวังโชว์ให้ลูกสาวดู" สวยค่ะคุณแม่ มันเข้ากับคุณแม่มากเลยค่ะ "" ฉันเอาเส้นนี้ล่ะค่ะ " หันไปส่งสร้อยคอให้กับผู้จัดการของร้าน" ค่ะคุณหญิง รอดิฉันสักครู่นะคะ " " ไม่เอาสักเส้นสองเส้นหรอกชลินลูก "" ไม่ดีกว่าค่ะคุณแม่ ซื้อไปชลินก็ไม่ค่อยได้ใส่อยู่ดีค่ะ " พร้อมกับยิ้มตอบมารดา" ตามใจลูกก็แล้วกันนะ "" ขออนุญาตนะคะของคุณหญิงได้แล้วค่ะ ขอบคุณคุณหญิงที่มาอุดหนุนเครื่องเพชรและเครื่องประดับของทางร้านจิวเวลรี่ของเรานะคะ "" เครื่องประดับของที่นี่มีแต่สวย ๆ งาม ๆ ฉันจะพลาดได้ยังไงกัน ฉันกับลูกกลับก่อนนะไปกันชลินลูก "" ขอขอบคุณคุณหญิงกับคุณชลินมากนะคะ ขอบคุณค่ะ " ผู้จัดการสาวยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณทั้งสองคนอย่างนอบน้อม" ขอบคุณเช่นกันค่ะ " ชลินส่งยิ้มให้กับผู้จัดการสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนที่เธอและแม่จะเดินออก