Masuk“ผมยังไม่อิ่ม…”
คนโอหังเอ่ยอย่างหน้าไม่อาย อาการอยากจัดๆ เพราะขาดผู้หญิงมานานนับเดือนทำให้เจ้าของร่างทรงพลังไม่คิดจะฟังคำทัดทานใดๆ ทั้งสิ้น เอาไว้ให้เขา ‘เสร็จสม’ และ ‘อิ่มเอม’ ก่อนแล้วกัน อีกทั้งรอให้ไฟมาก่อนค่อยดู ว่าแม่ลูกหมูน้อยหุ่นอวบอั๋นใต้ร่างเป็นใครกันแน่ เป็นคนที่ไอ้เพื่อนตัวดีส่งมาบรรณาการ แต่โคตรเล่นได้สมบทบาทเหมือนว่าไม่ได้ถูกจ้างมาเพื่อการนี้ หรือว่าเป็นใครสักคนที่โดนวางยาปลุกเซ็กส์แล้วดันเข้าห้องผิดจริงๆ
“จะเอายังไงก็ว่ามา”
“ก็ไม่เอายังไง…”
วาจาโต้กลับฟังดูไม่ยี่หระ จนคนที่เฝ้ารอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อแทบไปไม่เป็น หากไม่เกรงใจวัยของตัวเองนางคงเต้นผาง หรือไม่ก็ตีอกชกลมให้มันรู้แล้วรู้รอด
การตอบโต้ด้วยแรงอารมณ์ที่เหมือนจะไม่จบไม่สิ้นนั้น ทำให้คนที่คิดว่าตัวเองไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย แถมยังเพลียจัดจนนึกอยากนอนแบบยาวๆ เริ่มรู้สึกตัว
บ้าจริง! ใครมาพูดอยู่บนหัวเธอ คนจะหลับจะนอนไม่รู้หรือไง…วะ?
ฮึ่ยยยย…ขอใช้คำหยาบหน่อยเถอะ!
หลังจากบ่นงึมงำในใจด้วยความหงุดหงิดกับการถูกรบกวนเวลานอน ปานระพีก็มุดซีกหน้ายุ่งเหยิงลงไปกับหมอนใบโต ทว่าเสียงทุ่มเถียงที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ยังคงดังขึ้นไม่ขาดสาย
ฮื่อ…คิดไปคิดมามันคงเป็นแค่ความฝันล่ะมั้ง ใครมันจะบ้ามาเถียงกันในห้องนอนคนอื่นกันเล่า แต่ทำไมเสียงในความฝันมันถึงได้คุ้นหูอะไรเช่นนี้
โดยเฉพาะฝ่ายชาย น้ำเสียงฟังดูไว้ตัว เกรี้ยวกราด เย่อหยิ่ง และจองหองสิ้นดี
“ผมไม่แต่ง!”
มหรรณพ นิธิธาดา ประกาศกร้าว แค่โดนพ่อบังคับมางานเปิดกิจการของญาติทางฝั่งแม่เขาก็หัวเสียมากพอแล้ว แต่พอลืมตาขึ้นมาในตอนเช้า แล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่กับ ‘ใคร’ เขาก็ยิ่งเกรี้ยวกราด อีกทั้งยังนึกอยากจะอาละวาดให้รีสอร์ตของเพื่อนรักพังพินาศ ทว่ายังไม่ทันจะจับต้นชนปลาย ยังไม่ทันได้โทรไปถามไถ่ถึงเด็กที่เพื่อนส่งมาให้เมื่อคืน ประตูห้องก็ถูกเคาะ แล้วถือวิสาสะเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของคุณหญิงแม้นมาศ
“แต่หลานต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป”
คุณหญิงแม้นมาศ พงศ์วิริยะสกุล ยืนกรานเสียงแข็ง
“งั้นก็บอกมา ว่าอยากได้เท่าไหร่ ผมจะเขียนเช็กให้” คนโอหังเอ่ยหน้าตาย
“อย่ามาใช้นิสัยเอาเงินฟาดหัวคนอื่นแบบนี้นะ!” คราวนี้คนแก่ชักเสียงแข็งด้วยความไม่ชอบใจ “แม่เราสอนมายังไงถึงได้กลายเป็นคนนิสัยเสียแบบนี้”
“อย่ามาพาดพิงถึงแม่ผม! เพราะท่านสอนผมมาดี แต่สันดานผมมันเป็นแบบนี้…ช่วยไม่ได้” ชายหนุ่มลอยหน้าไหวไหล่ พร้อมเอ่ยอย่างพาลๆ เพราะไม่ลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไรเขาจึงไม่คิดจะถนอมน้ำใจคนฟัง
“ยังไงหวงก็ต้องแต่งงานกับยายแพร”
“อย่ามายัดเยียดเด็กในปกครองของคุณให้ผม!” เสียงห้วนเข้มตอกกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่หวงทำน้องเสียหาย หวงต้องรับผิดชอบ”
“คุณก็น่าจะรู้นี่ ว่าผมไม่มีทางเอายัยเด็กกะโปโลนั่นทำเมีย”
เสียงกร้าวกระด้างสวนกลับด้วยความฉุนเฉียว ไร้ซึ่งความเกรงใจผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยาย ด้วยแทบไม่มีความผูกพันใดๆ ยกเว้นสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเขา
“ยายจะไปรู้เหรอ ได้ข่าวว่าเรามั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้านี่”
“ถึงผมจะติดเซ็กส์ ผมก็เลือก และไม่คิดจะเอาเด็กนั่นมาทำเมีย เด็กเนิร์ดหัวอ่อน ว่านอนสอนง่ายจนเหมือนหุ่นยนต์แบบนั้น ไม่ใช่สเปกผม ถ้าต้องเอากับยัยนั่น ‘ช่วยตัวเอง’ เสียยังดีกว่า”
วาจาหน้าไม่อายในตอนท้ายทำให้คนฟังอ้าปากค้าง ก่อนจะสวนกลับด้วยความหมั่นไส้
“เอาไม่เอา หวงก็ทำให้น้องตกเป็นเมียแล้ว”
“นั่นเพราะผมคิดว่าเธอคือ ‘เด็ก’ ที่เพื่อนผมส่งมาให้ต่างหากล่ะ ถ้ารู้ว่าเป็นเด็กคุณผมไม่มีทางแตะต้องเด็ดขาด”
“จะยังไงก็ช่าง ยายขอสั่งให้หวงแต่งงานกับยายแพร” ครั้นเห็นว่าใช้ไม้อ่อนกับคนเย่อหยิ่ง จองหอง และทิฐิแรงกล้าไม่ได้ นางจึงหยิบยกเอาไม้แข็งขึ้นมาใช้
“หึ…คิดหรือไง ว่าจะบังคับผมได้”
“ก็ถ้าอยากลองดีกับยายก็เชิญก้าวขาออกไปจากห้องนี้เลยสิ”
น้ำคำท้าทายทำให้ชายหนุ่มกระตุกมุมปากนิดๆ ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แล้วเตรียมจะก้าวขาออกจากห้องหรูของรีสอร์ต หากว่าเสียงของอีกฝ่ายจะไม่ดังขึ้นสำทับเสียก่อน
“แต่ออกไปแล้ว ก็ช่วยหาคำตอบดีๆ ให้นักข่าวที่หน้ารีสอร์ตด้วยล่ะ เพราะถ้าตอบคำถามไม่เนียนงานนี้นักข่าวได้เล่นข่าวของเราไม่เลิกแน่ๆ”
หลังจากยืนหันหลังบดกรามกับวาจาที่เปรียบเสมือนหมัดฮุกกลางอากาศ เพราะเขาไม่ถูกกับนักข่าว ร่างสูงสง่าก็หันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย แล้วเอ่ยวาจาเรียบนิ่ง
“หึ…จะบอกอะไรให้นะ” เขาเว้นระยะห่าง แค่นยิ้ม แล้วเอ่ยต่อด้วยท่าทางสุดแสนจะโอหัง “เด็กคุณน่ะโดนวางยาปลุกเซ็กส์ แล้วมาหลอกอึ๊บผม”
วาจาโจ๋งครึ่มทำให้คุณหญิงยกมือขึ้นทาบอก หน้าร้อนวาบ นึกไม่ถึงเลยว่าหลานชายจะเอานิสัยฝรั่งมังค่ามาใช้แบบนี้ แต่จะโทษใครได้ ความผิดส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนางเอง หากนางไม่เอาแต่ทิฐิเป็นที่ตั้ง ไม่ตัดเป็นตัดตายกับแม่ของมหรรณพ นางคงมีโอกาสได้สอนหลานชายในวัยเด็ก ในช่วงเวลาที่เด็กน้อยเคว้งคว้างเพราะขาดแม่ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ และหว้าเหว่เมื่อพ่อเอาแต่ตรากตรำทำงานเพื่อให้ลืมแม่
“หลานสาวยายเป็นผู้ถูกกระทำต่างหากล่ะ ยายแพรถูกเราข่มเหงทั้งที่เพิ่งเด็กอยู่แท้ๆ แล้วเรายังมีหน้ามาปัดความรับผิดชอบอย่างนี้ มันใช้ได้ที่ไหน”
วาจาท้วงติงแกมตำหนิของคนแก่ทำให้เขาเหยียดปากเป็นรอยยิ้มหยัน
หึ…หลานยายงั้นเหรอ?
แล้วเขาล่ะวะ?
เขาก็เป็นหลานของอีกฝ่ายเหมือนกันนั่นแหละ ถึงแม้จะไม่อยากเป็นก็เถอะ
ใช่ เขาไม่เคยอยากเป็นหลานของผู้หญิงใจร้ายตรงหน้าเลยสักนิด นั่นก็เพราะว่าคุณหญิงแม้นมาศเป็นแม่แท้ๆ ของมารดาของเขา แต่ที่ร้ายสุดคืออีกฝ่ายเป็นสาเหตุให้แม่ของเขาตรอมใจตาย เพราะความเจ้ายศเจ้าอย่าง อยากให้ลูกสาวได้สามีสูงศักดิ์ มากกว่าชายที่ย้ายถิ่นฐานไปทำธุรกิจในเมืองฝรั่งมังค่าอย่างพ่อของเขา จึงกีดกันความรักของทั้งคู่ทุกวิถีทาง ที่สุดแม่ของเขาก็ตัดสินใจหนีตามพ่อไป จนกระทั่งมีเขา ท่านจึงได้หวนกลับมาขอขมาคุณหญิง แต่หญิงผู้สูงศักดิ์กลับไม่ให้อภัย มิหนำซ้ำยังลั่นวาจาให้แม่เลิกกับพ่อ แต่แม่ก็ยังยืนกรานที่จะเลือกพ่อ สุดท้ายคุณหญิงจึงตัดแม่ตัดลูก และลั่นวาจาว่าห้ามให้แม่ของเขามาเหยียบที่บ้านอีกเป็นอันขาด
ให้ตาย! เขาโทรหายัยเด็กดื้อเงียบนั่นตั้งเกือบห้าสิบสาย คนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์สบถในใจด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน และเพราะมัวแต่สนใจเครื่องมือสื่อสารที่ว่า เขาจึงไม่รับรู้ถึงการมาของลูกน้องคนสนิท “ผมไม่เคยเห็นนายหมกมุ่นกับเรื่องของผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน”น้ำคำเหมือนชวนคุยแต่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างมากล้น ทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาต่อสายโทรศัพท์ชะงัก เงยขึ้น สีหน้าไม่สบอารมณ์พลันเฉยชาในบัดดล “ฉันให้แกมารายงานเรื่องที่ให้ไปสืบ ไม่ใช่ให้มาตั้งคำถาม” เสียงห้วนจัดรวนกลับ “คนนี้จริงจังใช่ไหมครับ”ร่างสง่าที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยกมืนขึ้นกอดอกถ่วงเวลาด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย เล่นกับความรู้สึกคนรอท่าคำตอบ แล้วถึงขยับปากเอ่ยออกมา “นั่นเมียกูไหม”“ก็ไหนว่าไม่เต็มใจจดทะเบียนสมรสไงครับ”ไอ้ลูกน้องเวร! มันยังไม่เลิกเซ้าซี้อีก“มึงจะมาอยากรู้อะไรนักหนาวะ”“งั้นนายก็ตอบมาสิครับ ผมจะได้ไม่ถามให้รำคาญอีก”หึ! ได้คืบจะเอาศอก “ถ้ามึงไม่พูดเรื่องที่กูให้ไปจัดการ ก็ไสหัวไปไกลๆ ตีน”มหรรณพเอ่ยอย่างเฉียบขาด เขาไม่คิดจะอธิบายเรื่องส่วนตัวให้ลูกน้องฟังอยู่แล
“เอ่อ…พี่แพรกับคุณหวงไม่ได้รักกันหรอกเหรอคะ”หลังจากอึ้งไปอึดใจปิยฉัตรก็เอ่ยถามอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทกับการละลาบละล้วง อีกอย่างก็กลัวจะไปกระทบจิตใจอีกฝ่ายเข้า “ถ้าจะรัก ก็คงมีแค่พี่ที่แอบรักสามีตัวเองข้างเดียวมาตั้งแต่เล็กจนโต รักทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ รักจนยอมสละไตข้างหนึ่งให้เขาในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุปางตาย”“การสละไตข้างหนึ่งที่ทำให้หมอคนที่เพิ่งไปกับคุณหวงเป็นข่าว และถูกยกย่องว่าเป็นนางฟ้าชุดกาวน์ใช่ไหมคะ”ปิยฉัตรละล่ำละลักอย่างตกใจ เริ่มเดาได้ว่าสาวสวยที่เพิ่งจากไปคือคนที่มาชุบมือเปิบเอาความดีความชอบที่ปานระพีสมควรจะได้รับไปอย่างหน้าตาเฉย “ฮื่อ…”“แล้วทำไมพี่แพรไม่บอกความจริงกับคุณหวงไปตรงๆ ล่ะคะ” ปิยฉัตรเริ่มเป็นเดือดเป็นร้อนแทน รู้สึกสงสารคนที่ทำตัวปิดทองหลังพระเช่นปานระพีจับจิต “มันไม่มีประโยชน์หรอก เขาไม่ได้รักพี่ และเราสองคนก็กำลังจะหย่ากัน”ปานระพีส่ายหน้า แล้วยิ้มเศร้า จากนั้นก็ปรับทุกข์กับอีกฝ่ายอีกนิดหน่อย ส่วนปิยฉัตรก็เล่าถึงสาเหตุที่เธอต้องมาขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย ตบท้ายด้วยการขอร้องให้ปานระพีช่วยบอกเธอ หากว่าเห็นอะไรไม่
บ่ายวันนั้น หลังจากตรวจคนไข้ที่โรงพยาบาลรักษ์เสร็จ ปานระพีก็ถูกมหรรณพลากติดมือไปขึ้นรถ ครั้นจะหาทางหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะพ่อคุณดันมานั่งเฝ้าหน้าห้องตรวจก่อนเวลาตั้งสองชั่วโมง ด้วยกลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้าดีเดือดตามที่ได้ข่มขู่ไว้ เธอจึงไม่กล้าโวยวายและขัดขืน แต่น่าแปลก!มหรรณพดูมึนตึง เย็นชา และหมางเมินจนน่าใจหาย มันเกิดอะไรขึ้น? ถ้าว่าเขาทำตามแผนที่คุณย่าโทรมาเล่าให้ฟังในตอนเที่ยง มันจะเวอร์ไปหน่อยไหม ในเมื่อคณิสราไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเสียหน่อย แล้วเขาจะเล่นละครไปเพื่ออะไร เอ๊ะ! หรือว่าเขาจะโกรธเธอเรื่องหย่าที่ฝากคนเป็นย่าไปบอก โกรธแล้วยังไง?ต่อให้ยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เธอก็จะหย่าอยู่ดี ตอนแรกนั้นปานระพีงงหนักมาก ที่อยู่ๆ มหรรณพก็พามาที่ค่ายมวยแห่งหนึ่ง กระทั่งได้พบและทำความรู้จักอย่างเป็นทางการกับจอมพล อาศิระ เจ้าพ่อมาเฟียแดนใต้ และแพทย์หญิงปิยฉัตร สิทธิประเสริฐ ซึ่งสาวห้าวที่ว่ามาสมทบทีหลัง จริงๆ ปานระพีพอจะรู้จักสองคนอยู่ก่อนแล้ว เธอได้มีโอกาสรู้จักจอมพลผ่านทางนลินนิภา ส่วนปิยฉัตรนั้นก็เป็นรุ่นน้องสมัยเรียน ทำงานที่โรงพยาบาลรักษ์เหมือนกัน แถมยังเคยอยู่ในเหตุการณ์
“มันหนาว ขอกอดหน่อย”ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ วงแขนแกร่งกระชับเอวคอดมากยิ่งขึ้น แล้วเอ่ยเหมือนชวนคุย “เมื่อกี้เกือบไม่เสร็จแน่ะ ต้องหลับตานึกถึงหน้าแดงๆ ของแพรตอนผมขึ้นขี่แบบเมื่อคืนแทบแย่”อึ๋ยยย ดูพูดเข้า! คนอะไรไร้ยางอายสิ้นดี! “ทุเรศ! น่าเกลียดที่สุด!”“น่าเกลียดตรงไหน ‘ช่วยตัวเอง’ เป็นเรื่องธรรมดาจะตาย โลกสวยด้วยมือเราน่ะเคยได้ยินไหม”ทนความไร้ยางอายของอีกฝ่ายไม่ไหว ปานระพีก็หลับตาลงเป็นเชิงยุติบทสนทนา ซึ่งเขาก็กอดกระชับเอวคอดมากยิ่งขึ้น แล้วพึมพำนัดหมาย ว่าจะพาเธอไปที่ไหนสักแห่งในวันพรุ่งนี้ ตบท้ายด้วยการจุมพิตหน้าผากมนอย่างแผ่วพลิ้ว ทำเอาคนแสร้งหลับตัวเกร็ง ใช้เวลาทำใจให้สงบอยู่นานกว่าจะหลับลง รุ่งเช้าลูกน้องของมหรรณพก็มาเคาะประตูห้อง เอาเสื้อผ้ามาให้เจ้านาย อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ เจ้าของร่างทรงพลังก็เดินผิวปากออกมาจากห้องน้ำ โดยมีผ้าขนหนูของเธอที่พอไปพันอยู่ตรงเอวสอบกลับดูสั้นจู๋ไปถนัดตา ส่วนมือก็ใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมด้วยท่าทีสบายๆ ยืนอวดหุ่นทรมานใจอย่างหน้าตาเฉย “งายยยย…ชอบที่เห็นไหมพิกกี้” น้ำคำสัพยอกทำให้คนที่เอาแต่นอนจ้องเขาได้สติ กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะอุบอิบออกมา “บ้
“เด็กดี”คนได้ดั่งใจเอ่ยชมอย่างยิ้มๆ ขณะเอื้อมมือมาโยกหัวน้อยเบาๆ คนตัวเล็กเงยหน้าถลึงตาใส่ ปัดมือใหญ่ออกจากหัวตัวเอง แต่กลับต้องหลุดสะดุ้ง เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนฝ่ามือกระด้างลงมาไล้ที่ลำคอระหง “ผู้ใหญ่ให้ของต้องทำยังไงครับ” คำว่า ‘ครับ’ ง่ายๆ ที่ใครๆ ก็พูดกัน แต่พอเป็นเขาพูดเธอกลับใจสั่นซะงั้น “ไม่ได้อยากได้สักหน่อย” คนหน้าตูมย่นจมูก หลุดอุทานหน้าตื่น เมื่ออยู่ๆ อีกฝ่ายก็รั้งลำคอระหงเข้าหา ในจังหวะที่เขายื่นหน้าข้ามโต๊ะเข้ามาใกล้ แล้วทำให้เธอตัวแข็งทื่อ แทบหยุดหายใจ ด้วยการประกบปากหยักเข้ากับปากอิ่ม ปานระพีอึกอักประท้วง แต่แทนที่จะหลุดพ้นกลับโดนล้วงชิมความหวานล้ำจนหนำใจ“คราวหน้าคราวหลังถ้าผมให้อะไร ต้องขอบคุณแบบเมื่อกี้นะลูกหมูน้อย” หลังจากถอนปากห่างอย่างอ้อยอิ่ง จอมเจ้าเล่ห์ก็เอ่ยบอกอย่างครึ้มอกครึ้มใจ พลางหลิ่วตาให้ จากนั้นคนโดนปล้นจูบจนปากเจ่อก็จัดการกับของกินตรงหน้าโดยไม่พูดไม่จา ไม่ยอมสบตากับคนที่นั่งอยู่ในฝั่งตรงข้าม ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนจนมหรรณพนึกอยากจะทำอะไรบ้าๆ ลงไป “ขอชิมหน่อยสิ”เขาว่าพลางจ้องจานสลัดของเธอนิ่งๆ “คุณไม่ชอบกินผักไม่ใช่เหรอคะ”“รู้ได้ไง”
ไม่อยากจะเชื่อว่าเสาร์อาทิตย์นี้มหรรณพจะขลุกอยู่กับเธอตลอด ไล่ยังไงก็ไม่ไป แถมยังทำตัวน่าหมั่นไส้ เธอเดินไปไหนก็เดินตาม ถึงแม้จะอยู่ในห้องแคบๆ ที่แค่ปรายตามองก็รู้แล้ว ว่าเธอกำลังทำอะไร อยู่ตรงไหน แต่เขาก็ยังตามมาอยู่ใกล้ๆ นับวันยิ่งทำตัวประหลาดชวนให้ลากไปเช็กประสาทเข้าไปทุกที เมื่อเลี่ยงไม่ได้ หนีหน้าเขาก็ไม่ได้ เพราะนอกจากเธอจะทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์ เมื่อคืนยังถูกเขาสูบพลังจนแทบกระดิกนิ้วไม่ไหว ฉะนั้นที่ทำได้ก็คือหมกตัวอยู่แต่ในห้อง นอนกลางวันให้ร่างพังๆ ได้ชาร์ตพลังงาน และพยายามไม่สนใจแขกไม่ได้รับเชิญ ที่ชอบทำตัวมีปัญหาเรียกร้องความสนใจอยู่บ่อยครั้ง พอตกเย็นเธอก็ทำอาหารง่ายๆ โดยไม่ลืมเผื่อเขาด้วย ไม่ใช่ว่าเต็มใจแต่โดนคนบ้าอำนาจบังคับ “ทำอะไรกินหืม…”เสียงห้าวเจือแหบของคนที่ยืนซ้อนหลังกระซิบงึมงำชิดซีกแก้มนวลปลั่ง ก่อนจะขโมยจูบเร็วๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน ครั้นคนหน้าร้อนจี๋จะเอนตัวหนีเขาก็รวบเอวคอดเอาไว้ แล้วแถมจุ๊บให้อีกหลายหน “ว่างายยยย…ลูกหมูน้อย ถามทำไมไม่ตอบ” เธอเกลียดเสียงยานคางกวนประสาทนั่นชะมัด“ทำข้าวผัดแหนมคะ เอ่อ…คุณไปรอที่โต๊ะกินข้าวดีกว่านะคะ ทำแบบนี้ฉันไม่







