“ยังจะมาทำหน้าใสซื่อใส่ฉันอีก อีมารหัวขน อีชิงหมามาเกิด”
ด้วยความโมโหขึงขังจนควบคุมตัวเองไม่ได้และยิ่งมาเห็นหน้าของคนที่ทำให้ทั้งชีวิตของเธอพังอย่างอีเข็มขาว อีนังลูกที่เธอไม่อยากให้มาเกิด
หญิงวัยกลางคนตัวเล็กๆ อย่างกุ้งนางก็เข้าไปดึงถึงศีรษะของลูกสาวในทันที ท่ามกลางสายตาของพวกแม่บ้านที่กำลังช่วยเธอขนกระเป๋าขึ้นรถอยู่
แต่ก็ไม่ได้มีใครคิดช่วยหญิงสาวเลยแม้แต่คนเดียว เพราะภาพเหล่านี้ลับหลังเจ้าของบ้านหลังใหญ่นี้อย่างคุณวิลล์เป็นภาพที่ชินตาไปแล้ว ด้วยแม่ใจร้ายคนนี้ชอบสั่งสอนลูกแบบนี้เสมอๆ
“หนูขอโทษค่ะ”
เข็มขาวยกมือขึ้นไหว้ขอโทษอีกฝ่ายพัลวันไปหมดเพื่อให้ความเจ็บปวดที่ถูกดึงทึงผมยาวๆ จนศีรษะโยกคลอนไปมานั้นจบลง
เธอไม่รู้หรอกว่าความผิดในตอนนี้ของเธอมันคืออะไรนัก แต่เพราะเพียงเกิดมาเป็นเธอนี่ก็นับว่าเป็นความผิดแล้ว และการจะให้รอดไปจากเงื้อมมือของคนเป็นแม่ก็ต้องจำยอมขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่าเท่านั้น
กุ้งนางจำใจปล่อยศีรษะของลูกสาวออกจากมือแบบไม่เต็มใจนักเพราะเธอยังระบายอารมณ์ไม่พอ แต่เพราะกลัวสามีผู้ร่ำรวยของเธอจะออกมาเห็นเหตุการณ์เข้าเสียก่อนเธอเลยหยุดมือลง แล้วก้มหน้าลงจัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้เข้าที่ตามเดิม
เข็มขาวทำได้แค่เดินไปแอบให้พ้นสายตาของคนเป็นแม่เพื่อไม่ให้ต้องกลับไปเจ็บตัวอีก ทั้งใบหน้าทั้งศีรษะของเธอทั้งเจ็บทั้งแสบไปหมดคงเป็นเพราะโดนเล็บของคนเป็นแม่ข่วนเข้าให้นั่นแหละ
แต่ก็ไม่อาจไปหาทางตรวจดูได้ว่ามันเกิดแผลขึ้นตรงไหนบ้าง ทำได้แค่ทนและหลบให้พ้นสายตาของคนเป็นแม่ ไม่อย่างนั้นอาจโดนแบบเมื่อตะกี้ได้อีก
“มาลาฉันเหรอ ไม่ต้องหรอกมั้ง ฉันไปแค่นี้เองแกก็บินไปเยี่ยมฉันได้สบายๆ อยู่แล้ว”
ร่างหนาที่ค่อนข้างท่วมไปตามวัยหกสิบกว่าๆ ของวิลล์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองเพื่อร่ำลามันเป็นครั้งสุดท้ายเอ่ยพูดขึ้นกับลูกชายเพียงคนเดียวของเขาเมื่ออีกฝ่ายกำลังเดินตรงเข้ามาหา
เขากับลูกชายมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะดีต่อกันมากนักโดยเฉพาะเรื่องภายในครอบครัว คำพูดคำจาที่ใช้ต่อกันเลยไม่จำเป็นที่จะต้องถนอมน้ำใจอะไรกันให้มากความ
อีกอย่างเขาเป็นคนฝึกลูกชายให้เป็นมาเฟียมาด้วยตัวเอง ก็ไม่เคยมีคำพูดที่มันหวานหูมอบให้อยู่แล้ว มีแต่ประเคนสิ่งที่มันชั่วร้ายมอบให้ไปมากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพื่อหล่อหลอมให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งเหนือคนธรรมดาทั่วไป
“แต่คุณพ่อจะไม่กลับมาเมืองไทยอีกแล้ว”
แต่ฟีนิกส์กลับยิ้มตอบกลับคำพูดของอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ภายใต้รอยยิ้มของเขาที่ไม่ปรากฏให้ใครได้เห็นบ่อยนักเคลือบไปด้วยความร้ายกาจที่ไม่มีใครคาดเดาได้
“ฉันวางมือแล้ว ก็อยากจะพักผ่อนให้มันเต็มที่ ฝากแกดูแลทุกอย่างแทนฉันด้วยนะ”
วิลล์เอ่ยพูดขึ้นอย่างคนพยายามตัดใจที่จะบอกลางานทั้งหมดเพื่อไปใช้ชีวิตที่แสนสงบที่บ้านเกิดในต่างประเทศกับภรรยาของเขา
ทั้งที่ใจเขาไม่ได้อยากไป และก็ยังคงคิดถึงการทำงานบนโต๊ะทำงานนี้เสมอไม่เคยคิดว่าจะลืมมันได้เลย
แต่เพราะเขาทำงานมามากพอแล้ว และก็อยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวได้ขึ้นเป็นใหญ่โดยที่ไม่ต้องมาคอยก้มหัวให้กับเขาให้คนอื่นมันเอาไปนินทาได้ว่ามีพ่อคอยช่วยเหลือ เขาเลยจำใจเกษียณตัวเองไปซะ
“ผมได้ข่าวว่าพ่อจะพาเด็กนั้นไปด้วย”
ร่างสูงสง่าราวกับซาตานปลอมกายเป็นเทพบุตรหย่อนก้นนั่งลงตรงเก้าอี้ที่มีไว้สำหรับรับแขกตรงข้ามกับผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวประจำ
เอ่ยพูดถึงหญิงสาวที่เขาเพิ่งจะเดินสวนกับเธอตรงบริเวณห้องโถงของบ้านเมื่อตะกี้นี้ทั้งที่เขาแทบจะไม่เคยพูดถึงเธอมาก่อนให้ต้องระคายปากเขา เหมือนกับที่เขาไม่อยากพูดถึงแม่ของเธอนั่นแหละ
“อืม เข็มขาวควรได้ไปมีอนาคตที่ดี ที่นั่นจะให้การศึกษาที่ดีและก็งานที่ดีกับเด็กนั้นได้”
วิลล์รู้ดีว่าลูกชายเขากำลังพูดถึงใคร และเขาก็วางอนาคตของเด็กคนนั้นเอาไว้แล้ว ด้วยเพราะเขาไม่มีทางทิ้งเด็กน่าสงสารคนนั้นเอาไว้ที่นี่เพียงลำพังหรอก ยังไงก็ต้องพาไปด้วย
“แต่เธอยังเรียนไม่จบ พ่อจะให้เธอย้ายมหาลัยกลางคันเลยเหรอครับ”
สายตาคมจ้องมองไปยังผู้เป็นพ่อ ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่าไม่มีความคิดใดๆ แสดงออกมาตามแบบฉบับมาเฟียผู้เลือดเย็นตามที่พ่อของเขาเพียรพยายามสั่งสอนเขามานั่นแหละ
“ยังไม่ถึงกับย้ายไปหรอก แค่ให้ไปปรับตัวก่อนเพราะช่วงนี้มันก็ปิดเทอมพอดี ถ้าทุกอย่างมันลงตัวฉันถึงจะให้ย้ายไป”
เขานั้นรู้ดีว่าการจะย้ายบ้านสักครั้งหนึ่งมันยากแค่ไหน และเขาก็เตรียมการทุกอย่างสำหรับเรื่องใหญ่แบบนั้นกับเด็กคนนั้นเอาไว้แล้ว
“ถ้างั้นก็ทิ้งเด็กนั้นไว้กับผม เดี๋ยวผมจะดูแลให้ จะได้ไม่ต้องย้ายไปย้ายมา”
ฟีนิกส์เอ่ยพูดขึ้นอย่างคนมีน้ำใจผิดกับนิสัยที่แสนร้ายกาจนั้น แล้วปกปิดทุกอย่างด้วยรอยยิ้มที่เพียงแค่ยกมุมปากให้สูงเข้าไว้แต่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ส่งออกมา
“ไม่ดีกว่า”
“ใครโทรมาวะ”ฟีนิกส์ที่กำลังนั่งดื่มเหล้าอย่างออกรสจนเริ่มออกอาการเมามายเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองหน้าลูกน้องที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเขานักด้วยความหงุดหงิดเมื่อหูของเขาได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามารบกวนในช่วงที่กำลังกินเหล้าอย่างเพลิดเพลินนี้“นายใหญ่ครับ”เลนินรีบหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของเจ้านายที่ถูกวางคว่ำหน้าอยู่ไม่ไกลจากมือเขานักขึ้นมาดูว่ามีใครโทรเข้ามา แล้วก็รีบรายงานออกไป“โทรมาจนได้สินะ”สายตาคมทอดมองไปยังโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของตัวเองที่แทบไม่เคยใช้งานมันเลย นอกเสียจากสั่งงานลูกน้องแววตาแห่งความคิดถึงถูกฉายออกมาเล็กน้อยก่อนจะถูกเก็บซ่อนไปด้วยแววตาเย็นชาของคนไร้ความรู้สึกอย่างเขา“โทรมาแบบนี้คงอยากเห็นหน้าลูกเลี้ยงสุดที่รักนั้นสินะ”แล้วเขาก็กลบเกลื่อนความรู้สึกของคนเป็นลูกอย่างเขาด้วยคำพูดที่มันแสนประชดประชันนั้น“นายใหญ่วางสายไปแล้วครับ”ลูกก็ทำได้แค่รายงานสถานการณ์ทุกอย่างออกไป ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ เพราะต่างร่วงรู้กันดีว่าเจ้านายนั้นแท้จริงแล้วต้องการอะไรกันแน่“มึงไปลากคุณหนูนั้นมา แล้วตามกูไปที่ห้องนั่งเล่น”มาเฟียหนุ่มลุกเดินออกจากตรงที่เขาใช้นั่งกินเหล้าไปอย่างรวดเร็
“เธอหมดลมหายใจแล้วครับนาย”เลนินเห็นร่างนั้นแน่นิ่งไปก็เข้ามาตรวจดูลมหายใจ เพราะเขาก็เห็นกับตามาโดนตลอดว่าเจ้านายเขาจับเธอกดน้ำไปก็ตั้งหลายรอบ รอบละนานสองนาน“มึงว่าอะไรนะ ตายแล้วงั้นเหรอวะ”หันไปมองร่างเล็กๆที่นอนแน่นิ่งอยู่ขอบสระในทันที มองดูไม่วางตาและไม่เชื่อว่าเธอจะตายง่ายขนาดนั้น“ครับนาย”เลนินยืนยันคำตอบของเขาอีกครั้งด้วยการพยักหน้าเบาๆ“ปั๊มหัวใจมันขึ้นมาสิวะ”เสียงหนาสั่งดังลั่นส่วนทางกับท่าทีนิ่งสงบของลูกน้องตรงหน้า“ผมไม่กล้าเตะเธอครับ”แต่ลูกน้องกลับไม่รับคำสั่งนั้น เพราะผู้หญิงที่นอนกับเจ้านายแล้วเขาไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวเธอ ลูกน้องอย่างเขาไม่ควรใช้ผู้หญิงร่วมกับเจ้านาย ของเจ้านายก็คือของเจ้านาย ลูกน้องไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว“ไอ้พวกเวร”ฟีนิกส์ด่ากราดลูกน้องหลายคนที่ยืนเรียงหน้ากันอยู่แถวๆนั้นด้วยความโมโห พร้อมกับรีบขยับตัวเข้าไปหาร่างเล็กๆนั้นด้วยความว่องไว “ฟื้นสิวะ ฟื้นขึ้นมาสิ”แล้วเป่าลมจากปากของเขาเข้าไปในปากของเธอ สลับกับปั๊มไปที่หน้าอกของเธอตรงจุดที่มีไว้ช่วยชีวิตทำวนเวียนไปมาด้วยความร้อนรนท่ามกลางสายตาของลูกน้องที่ยืนจ้องเจ้านายอย่างเขาตาไม่กะพริบกันเลยทีเดียว
“ไปได้ไกลหรือยัง”ถามกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ กับหน้าตาเรียบเฉยแทบไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย ก็เพราะพอจะเดาทางผู้หญิงแพศยานั้นออก“ยังครับ อยู่แค่ปากซอยแค่นี้เองครับ”“ส่งคนออกไปวิ่งไล่สักคนสองคน แต่ไม่ต้องจับกลับมา ให้วิ่งจนเหนื่อย”และเขาก็มีแผนสำหรับเรื่องนี้เอาไว้แล้วกับคนที่กล้ามาลองดีกับมาเฟียอย่างเขา เธอจะได้สนุกกับการหนีอย่างเต็มที่แน่นอน“ไอ้เออร์วาน ไปตามคุณหนูกลับบ้านมาสิ”ฟีนิกส์ปล่อยให้คนอยากหนีวิ่งเล่นไปได้สักพัก ก็เรียกหาลูกน้องผู้เป็นมือซ้ายที่หน้าโหดกว่าเลนินไปจัดการกับเธอ“เลนินมึงไปยกเหล้ามา”ส่วนเขานั้นก็เรียกหาเหล้ามาดื่มฆ่าเวลาที่ลูกน้องจะไปพาตัวเธอกลับมารับโทษที่กล้าดีวิ่งหนีคนอย่างเขาไป ทั้งที่เขาสั่งเธอแล้วว่าอย่าคิดทำอะไรแบบนั้นไม่เชื่อฟังก็ต้องเจอดีกลับไปบ้าง ครั้งต่อไปจะได้ไม่คิดลองดีกับมาเฟียอย่างเขาอีก“ครับนาย”ลูกน้องทั้งสองแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างที่ไม่มีใครเกี่ยงงานกับใคร เพราะถ้าใครกล้าทำแบบนั้นต่อหน้าเจ้านายเท่ากับพร้อมตายไม่พร้อมจะทำงานแล้วเลนินหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเหล้าตามที่เจ้านายสั่ง จัดเสิร์ฟในทันทีเพื่อไม่ให้เจ้านายต้องร
“กินซะ”เสียงเลนินเอ่ยดังมาแต่ไกลพร้อมกับมือข้างที่ว่างเอื้อมมาเปิดประตูออก โดยที่มืออีกข้างถือของกินที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อถุงใหญ่ที่สามารถทำให้คนตัวเล็กอิ่มท้องได้ทั้งวันพอเปิดประตูห้องออกจนกว้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็กวาดสายตามองดูไปรอบๆห้องตามประสามือขวาของมาเฟียที่มีนิสัยชอบสังเกต ว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่ก่อนจะโยนถุงใบนั้นใส่หน้าคนตัวเล็กที่ถูกขังเอาไว้ภายในห้องนอนของเธอแล้วปิดประตูลง กักขังเธอไว้ตามคำสั่งของเจ้านายตามเดิม“คุณคนส่งข้าวยังอยู่ไหมคะ”เข็มขาวเอ่ยเรียกคนด้านนอกที่เพิ่งจะปิดประตูใส่หน้าของเธออย่างไม่รู้จักชื่อแซ่ของเขา เธอไม่เคยกล้าเอ่ยถามชื่อของพวกเขาเลย ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือว่าในตอนนี้ ด้วยเกรงว่าพวกเขาอาจไม่พอใจและคิดทำร้ายเธอกลับก็เป็นได้“มีอะไร”เลนินที่มักจะอยู่ตรงบริเวณแถวๆหน้าห้องของหญิงสาวอยู่แล้วเอ่ยถามกลับไป ไม่ใช่เพราะความหวังดีเพราะเขาไม่มีนิสัยข้อนั้นอยู่แล้ว แต่เพราะเป็นหน้าที่ของเขาก็มันไม่ได้มีใครหน้าไหนในบ้านหลังนี้หนิ่ มันก็ต้องเป็นหน้าที่ของเขานั่นแหละถูกแล้ว และมันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุด“หนูขอออกไปข้างนอกสักสิบนาทีได้ไหม หรือแค่ห
“ครับนาย”ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปเพราะไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับคนที่มีส่วนทำให้แม่ของเขาต้องตายเลนินลูกน้องผู้เป็นมือขวาของมาเฟียอย่างฟีนิกส์พอได้รับคำสั่งของเจ้านายมาแล้วทุกข้อ ก็พาตัวหญิงสาวเข้าไปขังเอาไว้ในห้องนอนของแขก ปิดประตูลงกลอนล็อกอย่างแน่นหนา มีคนเฝ้าทั้งด้านในด้านนอก“หนูคิดถึงแม่กับคุณลุงจังเลย หนูอยากตามแม่กับคุณลุงไปอยู่ที่นั่นจังเลย”ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นห้องภายในห้องที่เธอไม่ได้คุ้นชินหรือรู้จักเลยแม้แต่น้อย เธอไม่เคยมาที่นี่มาก่อนปากก็พร่ำบ่นถึงคนที่เธอนั้นคิดถึงสุดหัวใจของเธอ และอยากเจอพวกเขาอีกสักครั้งถ้ายังมีโอกาสนั้นอยู่กอดตัวเองแล้วร้องไห้เบาๆ ไม่กล้าส่งเสียงดังออกไป กลัวว่าคนที่อยู่ด้านนอกจะได้ยิน กลัวว่าเขาคนนั้นที่เธอเคยหลงคิดว่าใจดีจะเข้ามาทำร้ายเธออีก“หนูจะไม่ยอมแพ้ หนูจะอยู่จนกว่าวันที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง”เข็มขาวผล็อยหลับไปด้วยอาการหมดแรงจากการร้องไห้ที่เรียกได้ว่าหนักหนาจนตาบวม เธอตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันหรือคงเป็นเวลาเที่ยงวันได้แล้วมั้งจากการที่เธอนั้นคาดเดาด้วยตัวเองหอบร่างกายที่เต็มไปด้วยความหิวโหยเข้าไปภายในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนที่เธอถูก
“ไม่ กรี๊ดดดดดเสียงเล็กๆ กรีดร้องดังลั่นด้วยความหวาดกลัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างเล็กๆ ดิ้นพล่านแทบจะตกลงไปอยู่ด้านล่างของรถ“แหกปากเข้าไป อย่าหยุดร้องล่ะ”มือหนาดึงถึงเสื้อผ้าของเธอที่เหลือติดตัวอยู่ไม่กี่ชิ้นออกอย่างไร้ความปรานี เพียงชั่วอึดใจเดียวของคนเอาแต่ใจอย่างเขา ร่างเล็กๆ นั้นก็เปลือยเปล่าต่อหน้าเขาเปิดเผยเรือนร่างที่ติดว่าผอมไปนิดต่อหน้าเขา อย่างไม่มีอะไรมาขวางกั้นให้เกะกะลูกนัยน์ตาที่เขาก็ไม่ได้สนใจพิศมองนานนัก แต่กลับงัดเอาความใหญ่โตออกมาจากภายในกางเกงแทน“อ้าส์”แล้วเสียบแทงความใหญ่โตคับเต็มกำมือของตัวเองนั้นเข้าไปในช่องทางคับแคบของเธอดันเข้าไปอย่างรุนแรง นำพาความใหญ่โตเข้าไปในตัวเธอจนสุดความยาวอย่างเอาแต่ใจ“ฮืออ ออกไปให้พ้นนะ”เสียงกรีดร้องอันแสนเจ็บปวดของหญิงสาวหายเข้าไปในลำคอ เธอเจ็บจนร้องไม่ออกอีกต่อไปแล้วมีเพียงหยดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มขาวเท่านั้นที่ยังคงไหลออกมาต่อสู้กับความเจ็บปวดที่มันถาโถมเข้ามาหาเธอครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีวันจบสิ้นนั้น“ถุย”ถ่มน้ำลายใส่ท่อนเอ็นยักษ์ของตัวเองที่เชื่อมติดกับร่างกายของหญิงสาวเพื่อเติมน้ำหล่อลื่นขยับสะโพกแกร่งเข้าหาเธอช้าๆ เพื่