“ครับนาย”
ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปเพราะไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับคนที่มีส่วนทำให้แม่ของเขาต้องตาย
เลนินลูกน้องผู้เป็นมือขวาของมาเฟียอย่างฟีนิกส์พอได้รับคำสั่งของเจ้านายมาแล้วทุกข้อ ก็พาตัวหญิงสาวเข้าไปขังเอาไว้ในห้องนอนของแขก ปิดประตูลงกลอนล็อกอย่างแน่นหนา มีคนเฝ้าทั้งด้านในด้านนอก
“หนูคิดถึงแม่กับคุณลุงจังเลย หนูอยากตามแม่กับคุณลุงไปอยู่ที่นั่นจังเลย”
ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นห้องภายในห้องที่เธอไม่ได้คุ้นชินหรือรู้จักเลยแม้แต่น้อย เธอไม่เคยมาที่นี่มาก่อน
ปากก็พร่ำบ่นถึงคนที่เธอนั้นคิดถึงสุดหัวใจของเธอ และอยากเจอพวกเขาอีกสักครั้งถ้ายังมีโอกาสนั้นอยู่
กอดตัวเองแล้วร้องไห้เบาๆ ไม่กล้าส่งเสียงดังออกไป กลัวว่าคนที่อยู่ด้านนอกจะได้ยิน กลัวว่าเขาคนนั้นที่เธอเคยหลงคิดว่าใจดีจะเข้ามาทำร้ายเธออีก
“หนูจะไม่ยอมแพ้ หนูจะอยู่จนกว่าวันที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง”
เข็มขาวผล็อยหลับไปด้วยอาการหมดแรงจากการร้องไห้ที่เรียกได้ว่าหนักหนาจนตาบวม เธอตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันหรือคงเป็นเวลาเที่ยงวันได้แล้วมั้งจากการที่เธอนั้นคาดเดาด้วยตัวเอง
หอบร่างกายที่เต็มไปด้วยความหิวโหยเข้าไปภายในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนที่เธอถูกจับมาขังเอาไว้ ด้วยความหวังที่ว่าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อพบเจอกับชีวิตที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้อย่างสวยหรู
เธอเข้าไปกินน้ำจากก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าเพื่อประทังความหิวโหย และเพิ่มเติมน้ำให้กับร่างกาย ก่อนที่จะขาดน้ำจนตายไปจริงๆ
รู้ดีว่ามันไม่ใช่น้ำที่สะอาดพอที่จะดื่มกินได้ แต่มันก็ดีกว่าทนหิวต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คนใจร้ายพวกนั้นจะให้เธอได้กินข้าวสักคำ
เข็มขาวอดทนอยู่แบบนั้นจากฟ้าที่สว่างจนมีแสงสาดส่องผ่านช่องหน้าต่างกระจกเข้ามาสว่างไปทั่วทั้งห้อง จนกระทั่งหมดท้องฟ้ามืดมิดแสงที่สาดส่องผ่านช่องหน้าต่างนั้นก็หายไป แสงสว่างจากธรรมชาติถูกแทนที่ด้วยแสงไฟ
เธอก็ยังคงถูกขังอยู่ในห้องนอนเล็กๆ นั้น และยังคงไม่มีอะไรตกถึงท้องสักคำ มีเพียงน้ำจากก๊อกเล็กๆ นั้นช่วยลูบท้องคลายหิวไปได้เท่านั้นเอง
“ไปพาตัวคุณหนูเข็มขาวออกมา กูจะจัดโต๊ะเลี้ยงข้าวคุณหนูเขาสักหน่อย”
ฟีนิกส์กลับเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ที่ซึ่งเป็นบ้านของเขาเองในช่วงเช้าของอีกวัน หลังจากหายตัวไปจากบ้านหลังนี้ยี่สิบสี่ชั่วโมงกว่าๆ เห็นจะได้
เขากลับมาพร้อมกับอารมณ์ที่ดีขึ้น และเสียงที่ดังเรียกหาลูกน้องคนสนิทอย่างเลนินดังมาแต่ไกล
พร้อมกับมีลูกน้องอีกสองคนช่วยกันยกข้าวต้มกุ้งหม้อใหญ่เดินผ่านหน้าเข้าไปยังห้องอาหารตามคำสั่งของเขาก่อนหน้านี้ที่เขาจะกลับเข้ามาภายในบ้าน
“ครับนาย”
เลนินก้มหน้าเล็กน้อยรับคำสั่งนั้น แล้วก็รีบเดินไปทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างรวดเร็ว ตามแบบฉบับลูกน้องดีเด่น
“นั่งสิ จะได้กินข้าวกัน”
ไม่นานเข็มขาวก็ถูกพาตัวออกมาจากห้องนอนที่เคยใช้เป็นที่กักขังเธอ พร้อมกับถูกเชื้อเชิญให้นั่งลงกินอาหารร่วมโต๊ะกับเจ้าของบ้าน ราวกับเธอเป็นแขกคนสำคัญของเขา
“ค่ะ”
หญิงสาวรีบนั่งลงในทันที เพราะจากการถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากคนอย่างเขาทำให้เธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเลยว่า ไม่ควรขัดใจคนอย่างเขาไม่อย่างนั้นอาจจะเจ็บตัวเข้าให้อีก
“หวังว่าเธอคงจะกินข้าวต้มธรรมดาๆ ได้นะ คงไม่ต้องเป็นอาหารหรูหราระดับห้าดาว”
ชายตามองหญิงสาวที่แสนน่าสมเพชนั้นด้วยสายตาแสนเกลียดชังเธอ สภาพเธอกับเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นชุดเดิมจนต้องเอาเสื้อคลุมของเขามาสวมทับ มันช่างเหมาะกับเธอที่เป็นสาเหตุทำให้แม่ของเขาต้องตรอมใจจนฆ่าตัวตาย
เขาจะกดเธอให้จมดิน จนสุดท้ายเธอจำต้องฆ่าตัวตายแบบแม่ของเขา ชดใช้ในสิ่งที่เธอกับแม่ของเธอทำเอาไว้
“กินได้ค่ะ”
คนตัวเล็กก้มหน้าตอบเขาด้วยความหิวโหย ท้องของเธอตอนนี้ร้องดังสนั่นราวกับจะออกมาตักอาหารกินด้วยตัวเองให้ได้อยู่แล้ว
“ตักข้าวต้มให้คุณหนูเขา”
พยักหน้าให้ลูกน้องเริ่มเสิร์ฟมื้อเช้าที่เขาสั่งเตรียมมาเป็นอย่างดีนั้นได้แล้ว
“ครับนาย”
“เน้นกุ้งให้คุณหนูเขาด้วยนะ”
“ข้าวต้มกุ้ง!”
พอได้กลิ่นข้าวต้มหอมๆ ตรงหน้า เข็มขาวก็รีบเงยหน้าขึ้นมองอาหารนั้นในทันที
คนตัวเล็กถึงกับหน้าถอดสี เมื่ออาหารที่ถูกเสิร์ฟมานั้นเธอกลับกินมันไม่ได้ ด้วยเธอแพ้กุ้งอย่างรุนแรง ชนิดที่ว่าแตะต้องกุ้งไม่ได้เลยจะมีอาการแพ้ในทันที
“กินสิ ถ้าไม่อยากตาย”
เห็นอาการของหญิงสาวแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าตกใจ มาเฟียตัวร้ายอย่างเขาก็ไม่พลาดที่จะซ้ำเติมลงไปอีก เพราะดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังหิวโซและต้องการจะกินมากแค่ไหน
“แต่ว่า....
เข็มขาวมองไปยังชามข้าวต้มที่เต็มไปด้วยกุ้งอย่างอึดอัดใจเป็นที่สุด ทั้งหิวทั้งกลัวจนไม่กล้าขยับตัว
“ยอมอดตายงั้นสิ”
แววตาเย็นชาเหยียดมองไปยังเธอ ที่ก็คงรักตัวกลัวตายไม่กล้ากินและก็ไม่กล้าอดตาย รักชีวิตของตัวเองยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้นอย่างคนเห็นแก่ตัว แต่กลับทำให้แม่ของเขาต้องตาย
“หนูกินได้ค่ะ”
เธอรีบตักข้าวต้มในชามตรงหน้าเข้าปากในทันทีด้วยความหิวโหย ตักคำโตๆ ใส่ปากคำแล้วคำเล่า เคี้ยวตุ้ยๆ จนสองแก้มป่องออกมา
หวังให้ตัวเองอิ่มท้องไปได้อีกสักมื้อ ภาวนาไม่ให้อาการแพ้กุ้งมันกำเริบออกมาในตอนนี้
~ เพล้ง ~
ช้อนในมือของหญิงสาวร่วงหล่นลงพื้น เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องกินข้าวนั้น เมื่อช้อนกระทบเข้ากับพื้นกระเบื้อง
ทำเอาสายตาทุกคู่ที่เป็นของลูกน้องมาเฟียหันมาจ้องมองหญิงสาวไปในทางเดียวกัน ด้วยกลัวจะมีเหตุร้ายกับเจ้านาย
แต่หญิงสาวกลับไม่รู้อะไรเลย เธอกลับกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดจากอาการแพ้กุ้งที่กินเข้าไปแทน
สองมือช่วยกันกดนวดไปที่หน้าอก หวังช่วยให้ตัวเธอเองนั้นหายจากอาการแน่นหน้าอกที่กำลังก่อตัวขึ้นมา
“ใกล้ตายหรือยัง”
มาเฟียหนุ่มมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าคนที่เสแสร้งอ่อนแอแบบนั้นแพ้กุ้ง
พร้อมกันนั้นเขาก็ยังคงนั่งกินข้าวต้มในชามของเขาต่อหน้าตาเฉยราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
คนตัวเล็กเริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามใบหน้าและลำตัวลงไปนั่งกองกับพื้นด้วยนั่งบนเก้าอี้ไม่ไหว
ริมฝีปากบางเริ่มเปิดเผยอกว้างขึ้นเพื่อหายใจ เมื่ออาการแน่นหน้าอกมันหนักหนาขึ้นจนหายใจทางจมูกไม่ไหวแล้ว
“หึๆ”
มาเฟียหนุ่มกลั้วหัวเราะในลำคอด้วยความสะใจออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายใกล้ตายสมใจเขาเต็มแก่แล้ว
“ชะๆ ช่วย...
คนตัวเล็กตะเกียกตะกายเข้าไปหาเข้าที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ไกลจากตรงที่เธออยู่นัก หวังไปไหว้ขอร้องอ้อนวอนให้เขาพาไปหาหมอ
แต่เธอก็ยังไม่ได้ไม่ถึงไหน สติก็ดับวูบลงไปเสียก่อน
“เฮ้อ พาไปหาหมอแล้วก็พากลับไปขังไว้ที่บ้านพ่อกู อย่าให้หนีไปไหนได้”
คนกำลังสนุกถึงกับทอดถอนหายใจยาวอย่างหมดอารมณ์ออกมาเมื่อร่างเล็กๆ นั้นหมดสติตรงหน้า
เขาหันไปสั่งลูกน้องเสียงดังก่อนจะลุกออกจากโต๊ะอาหารที่กำลังกินมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยนั้นไป
“ครับนาย”
“ห้ามให้ค้างที่โรงพยาบาล ใครขัดคำสั่งกูฆ่าทิ้งให้หมด”
แต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็นึกขึ้นได้ว่า ผู้หญิงมารยาคนนั้นอาจหาทางหนีไปจากเขาได้ด้วยการไปขอร้องให้คนอื่นช่วย
เขาก็เลยส่งเสียงกำชับคำสั่งมาอีกรอบเพื่อความรอบคอบ แล้วก็ขึ้นไปนอนพักที่ในห้องนอนของตัวเอง ไม่ได้สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหรือตายยังไงต่อไป
“ครับนาย”
เข็มขาวถูกพาตัวไปโรงพยาบาลแบบตามมีตามเกิดโดยลูกน้องของมาเฟียใจร้ายป่าเถื่อนนั้น
เธอถูกพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เป็นโรงพยาบาลของรัฐบาลขนาดเล็ก ไม่ได้หรูหราอะไร
โชคดีที่ที่นั่นรักษาอาการของเธอได้ และเธอก็รอดชีวิตกลับบ้านได้อีกครั้ง
“พี่เลนินกับพี่เออร์วานเป็นลูกน้องคนสนิทของคุณจะให้มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กคงไม่เหมาะ หนูหาพี่เลี้ยงเองจะดีกว่า อีกอย่างหนูก็เรียนจบก็คอยดูแลลูกด้วยตัวเองได้อย่างเต็มที่ได้แล้วคุณจะได้กลับไปทำงานอย่างเต็มตัว”“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจหนู เดี๋ยวฉันจะช่วยหาอีกแรงก็แล้วกัน ว่าแต่ชุดว่ายน้ำนั้นทิ้งไปหรือยัง”เรื่องลูกคุยกันจบไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความหวงเกี่ยวกับชุดว่ายน้ำที่เธอพูดถึงเอาไว้ตั้งแต่เดินทางมาถึงใหม่ๆ“ใครๆเขามาเที่ยวทะเลก็ต้องใส่ชุดว่ายน้ำกันทั้งนั้นไม่เห็นจะแปลกอะไรเลย แต่ทำไมคุณให้หนูเอาชุดไปทิ้งล่ะคะ”ร่างเล็กเอนตัวเข้าไปซบต้นแขนหนาของผู้เป็นสามีอย่างออดอ้อน เอ่ยเสียงเบาๆตอบเขาอย่างน่ารัก“ใครๆที่ไหนก็ช่างหัวมันสิ มันจะใส่อะไรหรือจะแก้ผ้าเดินก็เรื่องของพวกมัน แต่สำหรับเมียฉันแล้วห้ามใส่อะไรพวกนั้น ความสวยงาม เรือนร่าง ร่างกายนุ่มนิ่มนี้ ฟีนิกส์มีสิทธิ์ได้เห็นคนเดียวเท่านั้น”สองมือหนาช่วยกันรวบร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆขึ้นมานั่งบนตักแกร่งของเขาได้อย่างง่ายดาย เมื่อมีโอกาสได้ใช้เวลากันตามลำพัง เขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปง่าย ต้องได้ใกล้ชิดกับเธอจนรู้สึกชุ
“ทาเล๊”เสียงของเด็กชายวัยสองขวบเอ่ยขึ้นเมื่อสายตานั้นมองเห็นผืนน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับท่าทางตื่นตาตื่นใจนี่อาจไม่ใช่การเห็นทะเลเป็นครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจนับได้สำหรับเด็กตัวน้อยๆคนนี้ด้วยพ่อของเขานั้นเป็นมาเฟียมีท่าเรือส่วนตัวเอาไว้ขนของติดกับทะเล ทำให้เขานั้นเดินทางไปทำงานกับพ่อและก็เห็นทะเลนับครั้งไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่ลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่เดือนแต่ทุกครั้งที่เด็กชายเห็นทะเลก็จะมีอาการตื่นเต้นแบบนี้ทุกครั้งไป ดูจะเป็นเด็กที่รักธรรมชาติไม่น้อยเลยในสายตาของคนเป็นพ่อกับแม่“ว้าว ทะเล”ส่วนคนเป็นแม่เองก็เก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่ไม่ต่างจากลูกชายตัวน้อยเลยสักนิด เธอนั้นตื่นตาตื่นใจกับผืนน้ำสีฟ้าสดใสและหายทรายสีขาวที่อยู่ตรงหน้าเป็นที่สุดเธอก็เหมือนกับลูกชายนั่นแหละ ได้เห็นทะเลอยู่บ่อยๆเพราะตามผู้เป็นสามีไปทำงานอยู่เป็นประจำแต่ทว่าไม่เคยเห็นทะเลที่เป็นหาดทรายสีขาวสวยแบบนี้มาก่อน ด้วยที่ท่าเรือนั้นมันมีมีหาดทรายมีแต่ผืนน้ำและก็เรือขนส่งเท่านั้น“หวังว่าหนูคงไม่เอาชุดว่ายน้ำแบบนั้นมาใส่นะ”พอเห็นลูกกับเมียดูจะมีความสุขคนเป็นหัวหน้าครอบครัวก็อดไม่ได้ที่จะ
“ทำรายงานอยู่เหรอ”นอกจากวันนี้เมียตัวน้อยจะเลิกเรียนเย็นกว่าทุกวันแล้วพอกลับมาถึงบ้านก็ยังมีรายงานต้องให้ทำต่ออีกนิดหน่อย สามีอย่างเขาก็เลยรับหน้าที่เลี้ยงลูกเป็นหลักสลับกับทำงานไปด้วยพอพาลูกเข้านอนแล้วก็ให้กล้องช่วยเลี้ยงลูกต่อ ไม่ให้ลูกคลาดสายตาแม้แต่นิดแม้จะมีลูกน้องคอยนอนเฝ้าอยู่ใกล้ๆก็ตามส่วนคนเป็นพ่อนั้นก็ได้โอกาสมาดูแลเมียต่อจากลูกบ้าง หลังจากต้องแยกกันทำหน้าที่แทบไม่ได้เจอหน้ากันแบบนานๆเลย“ค่ะ อีกนิดก็ใกล้จะเสร็จแล้ว คุณฟีนิกส์อาบน้ำนอนก่อนได้เลยค่ะ”เข็มขาวกำลังก้มหน้าก้มตาทำรายงานอย่างขะมักเขม้นในช่วงที่สมองกำลังแล่นได้ที่ ไม่ได้เงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาภายในห้องนอนแม้แต่นิด แต่ก็รู้ดีว่าเป็นเขาเพราะกลิ่นกายเขามันหอมฟุ้งมาก่อนตัวเสียอีก เธอจำได้ดี“ฉันอาบน้ำแล้ว เหลือแต่ว่าเมื่อไหร่เมียจะไปกล่อมนอนแค่นั้นเอง”เขาทำทุกอย่างพร้อมเข้านอนมาตั้งแต่อยู่ในห้องนอนที่ชั้นล่างที่เปิดขึ้นมาใหม่ตั้งแต่มีลูกนั้นแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเวลาเมื่อเจอหน้ากับเมียเพราะลูกยังเล็กมากๆทิ้งไว้คนเดียวนานก็ไม่ดี มีเวลาแค่รอบกินนมสองถึงสามชั่วโมงเท่านั้นพ่อมือโปรอย่างเขาที่เลี้ยงลูกเป็นห
“ให้ฉันช่วยแต่งตัวไหม”เสียงหนาเอ่ยขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆทางด้านหลังของเมียตัวน้อยที่กำลังยืนเช็ดตัวให้แห้งอยู่หน้ากระจกภายในห้องแต่งตัวสายตาคมพิศมองเมียจากทางด้านหลังไม่ห่างเลย แม้เธอจะเพิ่งคลอดลูกได้เพียงสามเดือนเท่านั้น แต่ทว่าทรวงทรงองค์เอวยังคงน่าเอาเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยยกเว้นอวบขึ้นมานิดหน่อย และนั้นทำให้เหมือนว่าจะจับได้ถนัดมือมากขึ้นไปอีก“ว้าย”คนตัวเล็กที่เอาแต่รีบเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แห้งถึงกับสะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจเมื่อถูกทักทายโดยผู้เป็นสามีไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาภายในนี้ตอนที่เธอกำลังโป้อยู่ เพราะก่อนหน้านี้เขายังนอนหลับอยู่กับลูกน้อยวัยสามเดือนของเธออยู่เลยหรือว่าเขาจะแกล้งหลับกันแน่ก็ไม่รู้ พ่อมาเฟียคนนี้ยิ่งร้ายๆอยู่จนเมียอย่างเธอตามไม่เคยทันเลย“ลูกยังหลับอยู่ ฉันก็ยังพอจะว่างช่วยหนูแต่งตัวได้นะ”มือหนาหยิบเอาชุดชั้นในของเมียขึ้นมาถือเอาไว้แน่น หมายมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นคนใส่ให้เมีย เพื่อการันรีว่าเขาไม่ใช่แค่จะถนัดเพียงถอดออกเท่านั้นแต่เมื่อเป็นพ่อคนแล้วแต่งตัวให้ลูกน้องมานับครั้งไม่ถ้วนได้แล้ว เขาก็แต่งตัวให้เมียได้ด้วยเช่นก
“นี่เป็นแหวนที่ฉันตั้งใจเลือกมาเองกับมือและก็สลักชื่อฉันเอาไว้อย่างชัดเจน แหวนวงนี้มันเป็นของหนูแต่เพียงผู้เดียวนะ เหมือนที่ตัวฉันและก็หัวใจของฉันเป็นของหนูแต่เพียงผู้เดียวนั่นแหละ”รับแหวนนั้นมาจากมือลูกน้องแล้วแกะออกมาจากกล่อง มองแหวนที่ตั้งใจสั่งทำมาด้วยตัวเองอีกรอบด้วยความรักที่มีให้กับเธอแต่เพียงผู้เดียวจับมือเล็กๆของเธอข้างซ้ายขึ้นมาแล้วสวมแหวนวงนั้นให้กับนิ้วนางของเธออย่างบรรจงและเบามือที่สุดนี่แหละพิธีแต่งงานของเขาที่เขาตั้งใจจัดขึ้นมาเพื่อประกาศความรักของเขาและก็เธอ และเขาก็มั่นใจว่ามันจะส่งผ่านไปถึงเจ้าตัวน้อยที่อายุได้สามเดือนแล้วในท้องแม่นั้นด้วย“ขอบคุณนะคะ”เอ่ยขอบคุณเขาออกมาจากหัวใจและรอยยิ้มที่มีความสุข คราวนี้เธอไม่ได้ไหว้เขาอีกแล้วแต่ทว่ากลับก้มลงไปหอมแก้มเขาทั้งสองข้างแทน“แต่ว่าหนูไม่มีอะไรจะให้คุณเลย”ถ้าพูดถึงการแลกแหวนแทนใจในวันแต่งงานแบบที่เขาทำกับเธอ เธอก็ไม่มีแหวนแลกกลับไป เพราะไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อนหน้านี้เลย“ไม่เป็นไร ฉันไม่ต้องการอะไรจากหนูทั้งนั้น แค่ฉันเป็นสุดที่รักของหนูก็เพียงพอแล้ว”เขาไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอทั้งนั้น เพราะเธอคือหัวใจของเขา เขาไม
“มีที่สำคัญที่เราจะไปต้องกันคืนนี้ และก็เรื่องสำคัญที่เราจะต้องทำด้วยกัน”พอเมียตั้งท้องได้สามเดือนเข้าระยะที่ปลอดภัยดีแล้ว ฟีนิกส์ก็หาเรื่องพาเธอออกไปจากบ้านในทันที นอกเหนือจากที่ให้เธอไปเรียนที่มหาลัยทุกวันโดยเขานั้นทำตัวมีความลับ ไม่ปริปากบอกสถานที่ที่จะพาไปและก็ทำตัวแกมบังคับเธอด้วยหลังจากที่ไม่ได้ทำตัวแบบนี้กับเธอมานานมากแล้ว“อะไรเหรอคะ คุณเปิดตัวโกดังแห่งใหม่อีกเหรอคะ”เข็มขาวที่เพิ่งจะกินมื้อเย็นเสร็จกำลังช่วยแม่บ้านเก็บจานอาหารอยู่หันไปถามเขาด้วยความสงสัยว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหนกันในเวลาเริ่มมืดค่ำแบบนี้“หนูปิดตาเอาไว้ก่อน ถึงที่หมายแล้วค่อยเปิดออก”ไม่ตอบคำถามอะไรเมีย แต่กลับเอาผ้ามาปิดตาเธอแทน แล้วพาเธอไปขึ้นรถwx“ให้หนูเห็นทางไม่ได้เหรอคะ”“ไม่ได้”แล้วเขาก็รีบสั่งให้ลูกน้องเคลื่อนขบวนรถโดยเร็วที่สุด เพื่อไปให้ถึงยังโรงแรมแห่งใหม่ที่เขาเพิ่งจะซื้อมาเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง โดยที่การซื้อโรงแรมครั้งนี้เมียของเขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำเพราะเขาตั้งใจปิดเอาไว้เป็นความลับ“ใกล้ถึงหรือยังคะ”ระหว่างทางเข็มขาวพยายามถามเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น หวังว่าเขาจะบอกอะไรกับเธอบ้างเพื่อลดความตื่น