로그인บทที่ 4.1 ไม่ใช่ความฝัน
สิบสามปีต่อมา
“จัดให้ดี ๆ นะ ขยับตัวอักษรลงมาให้ตรงเลย ใช่ ๆ อย่างนั้นแหละ”
คุณนายจิตตาลงมาคุมงานด้วยตนเองหลังจาก ‘คิมหันต์’ ลูกชายที่ไปเรียนต่ออเมริกาและอยู่ทำงานต่อที่นั่นหลายปีตัดสินใจย้ายกลับประเทศไทยถาวร จึงตั้งใจจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเขาอย่างเอิกเกริกที่บ้าน
ก่อนหน้านี้เขามีบินกลับมาเยี่ยมมารดาบ้างปีละสามถึงสี่ครั้งในช่วงเทศกาล แต่มันก็ไม่ได้ทำให้คนเป็นแม่หายคิดถึงได้เท่ากับการที่ลูกชายคนเดียวยอมย้ายกลับมาแน่นอน
“ดีจังเลยนะคะคุณป้า ในที่สุดพี่คิมก็ยอมกลับมาแล้ว”
“ใช่จ้ะ ป้าดีใจที่สุด จะได้เอากลับมาขัดเกลาให้เป็นผู้เป็นคนเสียที”
หันไปยิ้มให้กับณัฐนิชาที่ตอนนี้โตเป็นสาวสวยสะพรั่งในวัยยี่สิบแล้ว เธอสอบติดมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก็จริง แต่ทุกวันหยุดหรือเทศกาลหยุดยาวก็จะกลับมาหาคุณนายจิตตาเพื่อคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอ
หล่อนเสียมารดาไปตอนอายุใกล้จะสิบแปดด้วยโรคร้ายพรากเอาไป จากนั้นก็ได้คุณนายจิตตาคอยดูแลเลี้ยงดูและส่งเสียต่อตามเจตนารมณ์ของนันทพรที่อยากเห็นลูกสาวเรียนจนจบปริญญา ช่วงเวลาที่คิมหันต์ไม่ได้เป็นคนดูแลมารดาด้วยตนเองก็มีเธอนี่แหละ คอยเป็นกำลังสำคัญทำให้แม่ของเขาผ่านความเหงามาได้
“เรื่องอาหารหนูเข้าไปจัดการเรียบร้อยแล้วนะคะ รับรองว่ามีแต่ของโปรดของพี่คิมแน่นอนค่ะ”
“นอกจากป้าแล้วก็คงมีแต่หนูนิชานี่แหละ ที่รู้ว่าคิมหันต์ชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร ไม่รู้ว่าเจ้าลูกชายตัวดีของป้าจะรู้บ้างไหม ว่ามีนางฟ้าแสนดีคนนี้มาโปรดอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา”
มือลูบไปที่ศีรษะของหญิงสาวด้วยความเอ็นดู นอกจากจะเห็นมาตั้งแต่อายุยังน้อย นิสัยใจคอของณัฐนิชาเองก็เรียบร้อยถอดแบบคุณนายจิตตามาอีกด้วย ไม่ว่างานบ้านงานเรือนหรือการเรียนก็ทำได้ดีทั้งนั้น
ไม่มีอะไรให้หล่อนต้องกังวลเลยสักนิด
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะคุณป้า คนที่ถูกเทวดากับนางฟ้ามาโปรดคือหนูมากกว่า คุณป้าก็คือนางฟ้า ส่วนพี่คิมก็...”
“เป็นซาตานล่ะสิไม่ว่า”
คุณนายจิตตาช็อตฟีลลูกชายด้วยตนเอง ในสายตาของณัฐนิชาเขาคือเทวดาลงมาเกิดเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ หนี้ชีวิตที่อีกฝ่ายได้ช่วยหล่อนเอาไว้เมื่อตอนเป็นเด็กยังไม่ได้ชดใช้กันเลย
“ว่าใครเป็นซาตานครับคุณแม่ นี่ถ้าคนอื่นมาได้ยินเข้าคงคิดว่าผมเป็นศัตรูแทนที่จะเป็นลูกชายนะครับเนี่ย”
“ตาคิม!”
ผู้เป็นแม่ตะโกนเรียกชื่อลูกชายด้วยตกใจเมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง คนตัวเล็กตาเป็นประกายที่ได้เห็นชายหนุ่มอีกครั้งหลังไม่ได้เจอมาหลายเดือน
เขาไม่ต่างไปจากเดิมสักเท่าไหร่ เพิ่มเติมคือตัวสูงขึ้น หุ่นล่ำขึ้น แล้วยังดูดีขึ้นทุกครั้งที่กลับมาอีกด้วย ณัฐนิชาอดแสดงความดีใจออกทางสีหน้าไม่ได้ เธอยิ้มกว้างไม่หุบเพราะความสุขที่ได้เจอเขามันล้นไปหมด จากนี้ไปก็จะไม่ต้องทนคิดถึงหรือดูรูปเขาผ่านไอจีอีกแล้ว
เพราะตัวเป็น ๆ กลับมาให้ได้มองด้วยตนเอง
“สวัสดีครับคุณแม่ คิดถึงจังเลย”
เขาตรงเข้ามากอดมารดา สองแม่ลูกกอดกันด้วยความคิดถึง โดยเฉพาะคุณนายจิตตาที่ถึงกับหลั่งน้ำตา
“พ่อตัวดี ไหนบอกจะมาถึงค่ำ ๆ ไม่ใช่เหรอ”
“พอดีจัดการธุระทางนั้นเสร็จไว เลยรีบขับรถมาเลยครับ ผมคิดถึงคุณแม่ อยากกอดคุณแม่จะแย่ นี่อุตส่าห์จอดรถไว้หน้าบ้านแล้วเดินเข้ามาเลยนะ อยากจะเซอร์ไพรส์”
ชายหนุ่มยังไม่เลิกออดอ้อน เขากลับมาเมืองไทยได้เกือบอาทิตย์แล้ว แต่ก็มัวยุ่งวุ่นวายเรื่องธุรกิจการเปิดผับที่กรุงเทพฯ เลยไม่ได้ตรงกลับมาหามารดาก่อน
บทที่ 17 ข้อแลกเปลี่ยนเหตุการณ์เมื่อคืนทำเอาอ่อนแรงจนไม่สามารถตื่นเช้าได้อย่างปกติ ณัฐนิชาลืมตาขึ้นมาในตอนสายของอีกวัน แสงจากพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง สิ่งแรกที่หล่อนมองหาคือคิมหันต์ ทว่ากลับว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของอีกฝ่าย มีแค่เธอที่นอนหลับคนเดียวบนเตียงนี้หลงนึกว่าจะได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเขาเสียอีก...คนตัวเล็กลุกจากที่นอนเพื่อกลับห้องของตนเอง สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับคิมหันต์คงเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของอีกฝ่ายบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์เท่านั้น ความเศร้าเสียใจกับเรื่องของมารดาทำให้ชายหนุ่มขาดความยับยั้งชั่งใจ เพราะหากเป็นตัวเขาในแบบปกติ หล่อนเชื่อว่าเขาคงรังเกียจที่จะสัมผัสตัวของเธอณัฐนิชายืนมองเงาะสะท้อนของเธอในกระจก ยังคงหลงเหลือร่องรอยที่คิมหันต์ทิ้งเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตรงไหน หล่อนล้วนจำทุกสัมผัสได้ดี มันถูกตอกลงในหัวใจและความรู้สึกจนยากจะลืมสำหรับเขาอาจเป็นความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวด้วยความเมา ทว่าสำหรับหญิงสาวแล้ว...มันคือการเต็มใจให้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
บทที่ 16 ปลอบ NCคิมหันต์ผละอ้อมกอดของคนตัวเล็กออก อาจเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือความอ่อนแอในหัวใจ ชายหนุ่มรู้สึกว่าคนตรงหน้าคือที่พึ่งสุดท้ายในตอนนี้ ดวงตาคมที่มักมองหล่อนอย่างดุดันเสมออ่อนลงกว่าเดิมเยอะ คนถูกมองใจเต้นระส่ำแม้จะรู้ว่าเวลานี้ไม่ควร ทว่าท่าทีที่แปลกไปของเขากลับสร้างความหวามหวั่นในใจไม่น้อย“พี่คิม...ทะ...ทำไมจ้องหนูแบบนั้นล่ะคะ”“เธอ...โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”ถามเสียงเบา เอาแต่จ้องหญิงสาวไม่ละสายตาไปไหน เขาเอาแต่คิดถึงภาพของณัฐนิชาในชุดแต่งงาน ถึงจะพยายามปฏิเสธมาตลอดแต่ดูเหมือนตอนนี้คงได้เวลาต้องยอมรับความจริงเสียทีว่าหล่อนเติบโตมากพอแล้ว...หมับ...“พี่คะ...อื้อ...”มือแกร่งประคองใบหน้าเล็กเข้ามาจูบ คนถูกจู่โจมหลับตาปี๋แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนปล่อยให้ชายหนุ่มทำตามใจ ปากหยักค่อย ๆ แทะโลมทีละนิด ลิ้นชื้นชอนไชเปิดโพรงปากนุ่ม ไม่อาจห้ามความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมาในตอนนี้ได้เลย เขารู้แต่เพียงว่าต้องการจะสัมผัสจนอดใจไม่ไหว“อื้อ…”
บทที่ 15 อ้อมกอดร่างของคุณนายจิตตาถูกนำใส่โลงสวยงาม เต็มไปด้วยดอกไม้มาวางไว้ที่สวนของบ้าน เพื่อให้ญาติพี่น้องและผู้คนที่ตั้งใจมาร่วมงานได้จุดธูปเคารพศพ ณัฐนิชาและคิมหันต์อยู่ในชุดสีดำคอยยืนไหว้แขกที่มา ใบหน้าหมองคล้ำเต็มไปด้วยความเศร้าโดยเฉพาะหญิงสาวที่ยังมีน้ำตาไหลนองหน้าตลอดเวลาร่มโพธิ์ร่มไทรของเธอจากไปแล้ว...ตอนรู้ข่าวจากทางโรงพยาบาลก็เหมือนวิญญาณถูกกระชากออกไป ไม่นานมานี้หล่อนยังยิ้มแย้มหัวเราะกับคุณนายจิตตาอยู่เลย ยังได้กินของอร่อยด้วยกัน ไปข้างนอกด้วยกัน อ่านหนังสือด้วยกัน ได้ทำหลาย ๆ อย่างด้วยกันจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว การสูญเสียครั้งนี้หนักหนาพอๆ กับครั้งที่ณัฐนิชาสูญเสียมารดาไป“เสียใจด้วยนะคิมหันต์”ญาติพี่น้องพากันมองเขาด้วยสายตาเวทนา นอกจากจะเสียพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ก็ต้องมาเสียแม่ต่อทั้งที่ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น ชายหนุ่มไม่พูดคุยกับใครอีกเลยตั้งแต่มารดาจากไปเมื่อวานซืนเขายังปากดีต่อล้อต่อเ
บทที่ 14 แม่รักคิมนะลูก“หนูขอตัวก่อนนะคะ”เมื่อมาถึงบ้าน หญิงสาวก็แยกตัวกลับไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนทันที คิมหันต์เองก็เช่นกัน เขากลับขึ้นไปบนห้องของตนเอง ถอดสูทตัวนอกออกแล้วนั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ในหัวคิดถึงคำพูดของณัฐนิชาตอนอยู่บนรถ‘คนเราแค่เป็นหวัดยังรู้สึกเหนื่อยและไม่สบายตัวเลยไม่ใช่หรือคะ นับประสาอะไรกับโรคมะเร็ง...’เป็นคำตอบที่ไม่ได้อธิบายชัดเจนแต่กลับทำให้เขาเข้าใจได้ว่าที่ผ่านมามารดาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ภาพตอนเด็ก ๆ เวลาชายหนุ่มไม่สบาย เป็นไข้ที่ถึงแม้จะเพียงน้อยนิด แต่ผู้เป็นแม่ก็คอยดูแลเช็ดตัวเป็นอย่างดีไม่เคยห่าง ทุกครั้งที่ลูกชายไม่สบาย คุณนายจิตตาจะแทบไม่ได้นอนนอกจากต้องคอยวัดไข้ป้อนยาแล้ว ยังต้องเช็ดตัวตลอดเพื่อให้ไข้ลด มันคือสิ่งที่มารดาของเขาทำเป็นประจำตั้งแต่คิมหันต์ยังเด็ก ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ชายหนุ่มควรได้ดูแลเวลาแม่ป่วยไข้บ้างกลับไม่ได้ทำสิ่งนั้น ความคิดที่ว่าท่านคือบ้าน คือคนที่หันมาเมื่อไหร่ก็เจอเป็นความคิดที่ผิดแบบสุด ๆคิมห
บทที่ 13 แม่ของผมณัฐนิชาคอยดูแลปรนนิบัติคุณนายจิตตาเป็นอย่างดีหลังมาถึงโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา คนป่วยปลอดภัยแล้วจึงถูกย้ายมาห้องพักพิเศษ ก่อนหน้านี้ทนายไตรรัตน์โทรมาบอกหล่อนว่าคิมหันต์กำลังนั่งเครื่องบินกลับมาตามไฟลท์ที่เขาจองให้ อีกสักพักก็คงจะถึงโรงพยาบาลแล้ว หญิงสาวยังอยู่ในชุดแต่งงานอยู่เลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนชุดด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องผมเผ้าไม่ต้องพูดถึง...เละเทะเหมือนคนไม่ได้แตะหวีมาสามชาติ“คุณแม่อยากดื่มอะไรหน่อยไหมคะ”“ไม่เป็นไรจ้ะ”เจ้าของใบหน้าซีดไร้เลือดฝาดตอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าเพราะยังเจ็บปวดใจกับเรื่องของคิมหันต์ไม่หาย วิกผมที่ใส่มาตลอดถูกนำออกไปแล้ว ตอนนี้บนศีรษะของคุณนายจิตตาจึงไม่มีผมอยู่เลยสักเส้น“พี่คิมกำลังจะกลับมาหาคุณแม่ ทำใจให้สบาย อย่าคิดมากและรอพี่คิมมาหานะคะ”“แม่ต้องขอบคุณหนูนิชามาก ๆ เลยน
บทที่ 12 ดื้อดึง“แม่ขอโทษหนูนะลูก ที่ทำให้หนูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แม่สัญญา แม่จะทำให้พี่เขากลับมาแต่งงานกับหนูให้ได้”คุณนายจิตตาได้แต่มองดูณัฐนิชาด้วยความสงสาร คิดไม่ถึงเลยว่าคิมหันต์จะกล้าถึงขนาดเทงานแต่ง“อย่าเลยค่ะคุณแม่ หนูไม่อยากให้พี่คิมเกลียดหนูไปมากกว่านี้แล้ว”“เกลียดอะไรกัน แม่เป็นแม่ของตาคิม ไม่ว่าอย่างไรตาคิมก็จะต้องตกหลุมรักหนูอย่างแน่นอน เชื่อแม่สิ”คนฟังได้แต่ทำหน้าเศร้า ทั้งลังเลและไม่คาดหวังด้วย ผู้หญิงจืดชืดไร้เสน่ห์อย่างหล่อนไม่มีวันมัดใจผู้ชายไม้เลื้อยอย่างเขาได้อยู่แล้ว“คุณนายครับ ผมตรวจสอบดูเรียบร้อยแล้วนะครับ ตอนนี้คุณคิมหันต์ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย”“อะไรนะ!”คุณนายจิตตาลมแทบจับ ก่อนนี้คิดว่าอย่างมากคงหนีไปนอนกกผู้หญิงอยู่ไหนสักแห่งในประเทศ ไม่คิดเลยว่าจะถึงขั้นหนีออกนอกประเทศอย่างนี้ สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นลูกของเธอ วางแผนการไว้รอบคอบเพราะรู้ดีว่าถ้าหนีไปไม่ไกลพอคงถูกลากตัวกลับได้ง่าย ๆ“ต่อสายหาคิมหันต์เดี๋ยวนี้ บอกไปเลยว่า







