Masuk“ได้เจอพวกท่านข้าดีใจยิ่ง” หลังสิ้นบิดามารดา ชีวิตนางก็คล้ายจะสูญสิ้นตามนอกจากจะไม่ได้ทวงความยุติธรรมให้บิดาแล้ว ทรัพย์สมบัติยังถูกยึด เนื่องจากไม่เคยสนใจเรื่องในจวนจึงไม่รู้ว่าเงินทองของตระกูลหลี่มีมากมายเท่าใด เครื่องประดับล้ำค่าที่นางเคยมีก็ถูกใช้เป็นของกำนัลยามต้องขอความช่วยเหลือซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมมีวันหมดไป สุดท้ายการได้เข้าใกล้บุรุษที่นางพึงใจกลับทำให้นางไม่หลงเหลือสิ่งใดเลย แม้แต่ชีวิต
“ดีใจถึงเพียงนั้นเชียว” หลี่ฮูหยินรู้สึกงุนงง
“พ่อก็ดีใจที่ได้เจอเจ้า ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง อยากได้สิ่งใดหรือไม่ พ่อจะหามาให้เจ้า” เนื่องจากตนเป็นเจ้ากรมโยธามักจะต้องเดินทางไปต่างเมืองอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บุตรสาวคนเดียวของเขาได้มีของหายากและล้ำค่าอยู่ในครอบครองไม่น้อย
“ข้าอยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่เลี้ยงข้าไปชั่วชีวิตเจ้าค่ะ” นางจะไม่ออกเรือน จะอยู่กับบิดามารดาหวงแหนช่วงเวลาที่ล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้ให้นานที่สุด
“หากเจ้าไม่อยากออกเรือนพ่อย่อมไม่คัดค้าน” นายท่านของจวนกล่าวกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ได้อย่างไรกันเจ้าคะ เป็นสตรีก็ต้องออกเรือน ประเดี๋ยวคนก็เอาไปเล่าลือเสียหาย”
“หากลูกไม่อยากออกเรือนเจ้าก็อย่าบังคับเลย มาเถิดเย่หรง มารับสำรับกับพ่อและแม่เจ้า” หลี่จื่อห่าวประคองบุตรสาวให้ลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้ข้างกายที่ว่างอยู่
“ท่านก็เป็นเช่นนี้ ชอบตามใจบุตรสาวจนนางแทบจะเมินเฉยต่อคำสั่งสอนของข้าแล้ว” จินเฟยจูบ่นอย่างไม่จริงจังนัก
“เรามีบุตรสาวคนเดียว หากนางไม่อยากออกเรือน ก็ไม่เป็นไร บุตรสาวคนเดียวข้าเลี้ยงได้สบาย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ” นางโผกอดบิดาด้วยความรู้สึกรักและคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่น แม้จะเป็นเวลาแค่สองปีที่นางต้องทุกข์ระทมในตำหนักอ๋อง แต่ทว่ามันกลับเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึก
“ข้าจนใจจะต่อว่าพวกท่านพ่อลูกแล้ว” หลี่ฮูหยินยกมือนวดขมับคล้ายจนใจ
“ท่านพ่อในจวนของเรามีผู้คุ้มกันหรือไม่เจ้าคะ” นางผละออกห่างก่อนจะเอ่ยถามบิดา
“ย่อมมี เพื่อความปลอดภัยของพวกเจ้าทั้งสอง จวนตระกูลหลี่จึงต้องมีผู้คุ้มกัน”
“แล้วผู้คุ้มกันเหล่านั้นมาจากที่ใดหรือเจ้าคะ สามารถเชื่อใจได้หรือไม่” สิ้นวาจาของบุตรสาว สองสามีภรรยาหันมองหน้ากันด้วยความสงสัย
“ผู้คุ้มกันเป็นคนที่ท่านตาของเจ้าชุบเลี้ยงเอาไว้ แม้ฝีมือจะไม่เก่งกาจเทียบเท่าองครักษ์หลวงแต่ทว่าก็ไม่อาจดูแคลนได้” เป็นหลี่ฮูหยินที่กล่าวขึ้น
“เช่นนั้นท่านแม่คิดว่าบ่าวรับใช้ในจวนของเราไว้ใจได้มากน้อยเพียงใด”
“เจ้าอยากบอกเรื่องใดกันแน่ พูดจาให้มันชัดเจนได้หรือไม่”
“ท่านพ่อท่านแม่ ข้าขอให้พวกท่านเชื่อในสิ่งที่ข้าจะบอกสักครั้งนะเจ้าคะ เมื่อทุกอย่างกระจ่างชัดข้าถึงจะบอกที่มาที่ไปของมัน”
“อืม” เจ้ากรมโยธามีสีหน้าเคร่งเครียดในทันที
“อีกสิบวันข้างหน้าสะพานที่เพิ่งสร้างเสร็จที่เมืองหลัวตงจะถูกน้ำป่าพัดพังเสียหายเจ้าค่ะ”
“เจ้าหมายถึงสะพานที่เพิ่งสร้างเสร็จไปเมื่อเดือนก่อน”
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้กังวล พ่อไปตรวจสอบแล้วมันแข็งแรงมากทีเดียว”
“ที่ท่านพ่อกล่าวมาไม่ผิด สะพานมันแข็งแรงมาก แต่ทว่าอีกสิบวันมันจะพังเพราะมีคนจงใจใส่ร้ายว่าท่านพ่อทุจริตยักยอกเงินมาใช้ส่วนตัว นอกจากเราจะต้องเตรียมคนไปล้อมจับผู้ที่จะลงมือทำลายสะพานแล้ว ท่านพ่อยังต้องหาหนอนบ่อนไส้ข้างกายที่สามารถปลอมแปลงลายมือของท่านพ่อได้เจ้าค่ะ”
“นี่มันเรื่องอันใดกัน ข้างงไปหมดแล้ว” เป็นหลี่ฮูหยินที่เอ่ยวาจาออกมาอย่างรู้สึกงุนงง
“ท่านพ่อท่านแม่ ได้โปรดเชื่อใจข้าโดยไร้เงื่อนไขสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ การป้องกันเอาไว้ย่อมดีกว่าการแก้ไขเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็ลุกจากเก้าอี้แล้วทรุดกายคุกเข่าลงบนพื้น
“ลุกขึ้นมาสนทนากันดี ๆ เถิด”
“ท่านพ่อท่านแม่ได้โปรดเชื่อข้าสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ พ่อจะเชื่อที่เจ้ากล่าว เจ้าบอกกล่าวพ่ออีกครั้งได้หรือไม่ว่าพ่อต้องทำสิ่งใดบ้าง”
“สิ่งแรกที่ท่านพ่อต้องทำคือหาหนอนบ่อนไส้ที่อยู่ใกล้ตัวท่านพ่อ คนผู้นั้นต้องรู้จักลายมือท่านพ่อเป็นอย่างดี และสามารถเข้าออกห้องทำงานของท่านพ่อได้ง่ายดายเพื่อสะดวกแก่การซุกซ่อนหลักฐานทุจริตเท็จที่พวกเขาสร้างขึ้นมา”
“ได้พ่อจะทำตามที่เจ้าแนะนำ แต่เจ้าพอจะบอกได้หรือไม่ว่าคนพวกนั้นต้องการสิ่งใดจากการใส่ร้ายป้ายสีพ่อ” ยามอยู่ในท้องพระโรงเขาก็ไม่เคยเลือกข้างใดข้างหนึ่งชัดเจน จึงไม่กระจ่างในใจจริง ๆ ว่าคนที่บุตรสาวกล่าวถึงจะทำไปเพื่ออันใด
“ตำแหน่งเจ้ากรมโยธาของท่านพ่ออย่างไรเจ้าคะ ท่านพ่อลองไตร่ตรองดูเถิด หากไม่มีท่านพ่อแล้วใครจะได้ประโยชน์มากที่สุด ราชสำนักเวลานี้ก็ใช่ว่าจะสงบสุข ดังนั้นหากท่านพ่อและตระกูลหลี่รอดพ้นเรื่องนี้ไปได้ ข้าอยากให้ท่านพ่อคิดเรื่องลาออกจากตำแหน่งเจ้าค่ะ” สีหน้าจริงจังของบุตรสาวทำให้เจ้ากรมโยธาและฮูหยินมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น
“...”
“แต่เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคิดก็ได้เจ้าค่ะ ท่านพ่อมีเวลาไม่ถึงสิบวันในการสังเกตจับตามองคนรอบตัวรวมทั้งค้นหาหลักฐานเท็จที่ข้าไม่แน่ใจว่าคนพวกนั้นได้เอามาซ่อนไว้หรือยัง”
“เช่นนั้นเราคงต้องใช้คนของท่านพ่อ ท่านพี่มิต้องห่วงเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะส่งม้าเร็วไปที่จวนตระกูลจินที่ซีเหลียงไม่เกินวันพรุ่งนี้คนของท่านพ่อน่าจะเดินทางมาถึง”
“ท่านพ่อท่านแม่ต้องกระทำการทุกอย่างให้เงียบที่สุดเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากให้นกขมิ้น[1]ที่เฝ้ารออยู่บินหนีไปเสียก่อน”
“ได้ พ่อจะจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ”
“แม่ก็จะทำความสะอาดจวนของเราให้เรียบร้อยไม่หลงเหลือหนอน[2]แม้แต่ตัวเดียว”
“ในระหว่างที่รอคนของท่านตา วันนี้หากท่านพ่อไม่ได้ไปที่ใด เรามาเริ่มจากการตรวจสอบห้องทำงานของท่านพ่อที่อยู่ในจวนก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“ย่อมได้”
สามพ่อแม่ลูกมองหน้ากัน ยามนี้ทั้งสามคนจะต้องสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรื่องราวเลวร้ายในครั้งนี้จึงจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น
[1] มาจากสำนวนที่ว่า ตั๊กแตนจับจักจั่นนกขมิ้นรออยู่ด้านหลัง
[2] ในที่นี้ขออนุญาตใช้แทนคำว่า ‘ไส้ศึก’
“ใครก็ได้ พาคุณหนูจินเข้าจวน” สิ้นเสียงของชินอ๋องเป็นพ่อบ้านที่อยู่บริเวณนั้นรีบสั่งสาวใช้สองคนเข้าไปประคองคุณหนูของจวนที่ยืนเซไปมาอยู่หน้าประตูจวน “ปล่อยข้านะ พวกเจ้ามาจับข้าด้วยเหตุใด” จินจือเหมยที่เมามายหนักโวยวาย “ม่อฉิน จัดการ” สิ้นเสียงกล่าวเจ้าของนามปรากฏตัวก่อนจะเอามือสับบริเวณคอของอีกฝ่ายแล้วกลับไปเร้นกายต่อ “เอ่อ...ขอบพระทัยชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเฉิงกล่าวก่อนจะรีบส่งสายตาให้สาวใช้รีบหิ้วปีกคุณหนูจินเข้าจวนอย่างเร่งด่วน “พี่หญิงจือเหมย ท่านเป็นอันใดหรือไม่” หลี่เย่หรงที่คล้ายจะเข้าสู่ห้วงฝันไปชั่วครู่ตกใจตื่นหลังจากได้ยินเสียงโวยวายของลูกพี่ลูกน้องจึงรีบเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างรถม้าเพื่อดู&nb
อ่า...เขายังจำได้ติดตาถึงสายตาเกรี้ยวกราดของผู้สูงศักดิ์ที่เห็นน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้เมามาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้เล่าให้กับจินจือเหมยฟัง สหาย เจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวแล้ว ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเจ้าของเขาหวงแหนมาก “นานหลายปีที่เราไม่ได้เจอกัน วันนี้ไม่เมาไม่เลิก” เสียงที่ดังอยู่ในห้องทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปหยุดสตรีทั้งสองที่กำลังร่ำสุรากันอยู่ “อย่าเพิ่ง! เอ่อ จือเหมย ข้าว่าเจ้าควรพาเย่หรงกลับจวนได้แล้ว” จะเรียกพระชายาก็คงไม่เหมาะ หากใครทราบเข้าว่าสตรีที่กำลังนั่งเมามายที่นี่เป็นใคร มิแคล้วจะเสื่อมเสียชื่อเสียง “จะกลับได้อย่างไร สุราหรือก็เพิ่งสั่งมา” “แต่เจ้ามิควรพาน้องสาวมาดื่มสุ
“นอนเถิด พี่จะกล่อมเจ้านอน” เขาเอ่ยเสียงเบาพลางเอามือตบที่หลังนางอย่างแผ่วเบา “นี่ท่านเมาจริงหรือเจ้าคะ ช่างเป็นเรื่องที่เห็นได้ยาก” “วันนี้พี่มีความสุขยิ่งนัก” “ข้าก็มีความสุขเช่นกันเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะซุกใบหน้าในอ้อมกอดของผู้เป็นสามี เมื่อภายในห้องมืดลง เหล่าลูกน้องที่เฝ้าคุ้มครองอยู่ด้านนอกก็สับเปลี่ยนกันไปพักผ่อน พลางคิดไปว่าในสายตาพวกเขานี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เห็นผู้เป็นนายเมามายมากเช่นนี้ แต่ทว่าก็ไม่แปลกที่จะเมามายในเมื่อสุราที่นายท่านจินสั่งมามากเกือบห้าสิบไห หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ช่างเป็นตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยมีเงินถุงเงินถังเสียจริง แค่งานเลี้ยงเล็ก ๆ ในครอบ
ทำให้วันต่อมากว่าทั้งสองจะพากันไปเยือนจวนตระกูลจิน ก็กลางยามเว่ย (13.00-14.59) แล้ว “ทุกท่านอย่าได้เกรงใจ วันนี้ข้ามิได้มาเยือนตระกูลจินในฐานะชินอ๋อง เป็นเพียงหลานเขยที่มาเยี่ยมเยียนท่านตาท่านยาย และครอบครัวท่านลุงของพระชายา” ชินอ๋องบอกกล่าวอย่างเป็นกันเอง ญาติของภรรยาก็เปรียบเสมือนญาติของตน เขาจึงไม่คิดถือสา “เช่นนั้นกระหม่อมในฐานะท่านตาของเย่หรง ขอดื่มชาขอบคุณที่ท่านอ๋องทรงให้เกียรติพวกเรา” จินเป่ากล่าวก่อนจะยกจอกชาขึ้นจิบ “เย่หรง เลือกคู่ครองได้ดี” ท่านลุงจินเต๋อกล่าวพลางยกจอกชาดื่มคารวะผู้สูงศักดิ์เช่นกัน “ไม่ได้มาเยี่ยมท่านตาท่านยายของเจ้านานแล้ว อย่างไรเย็นนี้อยู่รับสำรับที่จว
เผลอเพียงชั่วพริบตาซื่อจื่อน้อยก็อายุหนึ่งหนาวครึ่งแล้ว เด็กชายที่เพิ่งเดินได้คล่อง เอาแต่ร้องไห้ยามบิดาโอบกอดมารดาก่อนจะวิ่งเข้าไปแทรกตรงกลางคล้ายหวงแหนมารดา ทำให้ชินอ๋องรู้สึกหมั่นไส้บุตรชายของตนยิ่งนัก เมื่อได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ให้เดินทางไปซีเหลียงเพื่อเยี่ยมเยียนค่ายทหารของแม่ทัพประจิมคนใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งได้ปีกว่าแล้ว ชินอ๋องจึงไม่ลังเลที่จะฝากบุตรชายเอาไว้กับท่านพ่อตาแม่ยาย “ท่านพี่ เราพาลูกไปด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ” หลี่เย่หรงส่งสายตาอ้อนวอนผู้เป็นสามี หลังจากกราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว คู่สามีภรรยาที่เคยผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจึงตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเรียบง่าย ยศถาบรรดาศักดิ์เอาไว้ให้คนนอกเรียกขาน “ซืออี้ยังเล็กนัก อาจจะไม่สบายตัวยามเดินทาง ฝากท่านพ่อท่านแม
ตั้งแต่พระชายาหลี่ตั้งครรภ์ บรรดาลูกน้องคนสนิทและเหล่าทหารที่ใกล้ชิดต่างพากันปวดหัวกับท่าทีเอาใจใส่เกินจำเป็นของผู้เป็นนาย งานทั้งหมดที่ชินอ๋องเคยทำถูกมอบหมายให้กุนซือเฉิน ผู้เป็นสหายทำแทนทั้งหมด หากไม่มีเรื่องใดสำคัญชินอ๋องจะไม่พบใครทั้งนั้น “ท่านกุนซือโปรดจงทำใจ” ม่อฉินกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอีกคน ทิ้งให้ผู้มาเยือนเดินกลับออกจากตำหนักเองเช่นทุกครั้ง “แล้วนั่นเจ้าจะรีบไปที่ใด” “ข้าจะรีบไปรับบทลงโทษที่ปล่อยให้ท่านมารบกวนท่านอ๋องขอรับ” เสียงที่ดังห่างออกไปทำให้เฉินห่าวหมิงถอนหายใจ ยามรบว่าชินอ๋องเก่งกาจและเด็ดขาดแล้ว ไม่คิดว่ายามรักก็ทุ่มเทสุดตัว นี่แห







