Masuk“ไม่!!!” ชินอ๋องส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดและทำท่าจะกระโดดตามนางลงไปทำให้องครักษ์ต้องพากันจับตัวเอาไว้
เมื่อสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่ารอบกายนางมองใบหน้าของบุรุษที่ห่างออกไปก่อนจะหลับตาลงภาพที่ผ่านมาพลันปรากฏขึ้นในห้วงความคิด
‘เจ้ารักนางก็ยอมรับมาเสียเถิด’
‘เจ้าคิดว่าข้าจะรักสตรีที่วางยาปลุกกำหนัดข้าเพื่อปีนป่ายขึ้นที่สูงเช่นนั้นหรือ สตรีชั่วช้าเช่นนี้หรือจะคู่ควรกับตำแหน่งพระชายาของข้า’
‘เจ้าบอกไม่ได้รักนาง แต่เจ้ากลับไปค้างคืนที่เรือนของนางทุกค่ำคืนตั้งแต่กลับตำหนักอ๋อง’
‘แล้วอย่างไร นางเป็นอนุฯ ของข้า นอนกับนางก็ดีกว่าไปปลดปล่อยอารมณ์กำหนัดกับนางโลม’
‘ที่แท้ในใจของเจ้า หลี่เย่หรงก็ดีกว่านางโลม’
‘เพียงเล็กน้อยเท่านั้น’ บทสนทนาของบุรุษทั้งสองทำให้หัวใจที่ปวดร้าวของนางแตกสลาย ก่อนที่เขาจะเหยียบย่ำความรู้สึกของนางด้วยการแต่งพระชายาเอกและชายารองเข้าตำหนักอีกสามนาง
ไม่รัก! นางพอเข้าใจแต่ทว่าสตรีที่เขาเลือกกลับเป็นเฉวียนซูลี่ที่เขารู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ถูกกับนาง การถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจตั้งแต่เริ่มเข้ามาเป็นอนุฯ ในตำหนักอ๋องก็ล้วนเป็นฝีมือของบุตรสาวฮูหยินรองตระกูลเฉวียนผู้นี้ คล้ายกับการจงใจทำให้นางทรมานทั้งเป็นหวังให้นางชดใช้ที่บังอาจปีนเตียงเขาที่ค่ายทหารในวันนั้น
หนึ่งปีกับการไร้ตัวตนในตำหนักอ๋องที่นางเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอติดตามเขาเอง และอีกหนึ่งปีกับการเป็นอนุฯ ที่ถูกทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ
ความรู้สึกนางถูกเหยียบย่ำแตกสลายนับครั้งไม่ถ้วนเพราะเขา ยามนี้มลายหายไปเหลือเพียงความว่างเปล่าและรู้สึกผิดต่อลูกในท้อง
‘แม่ขอโทษที่ทำให้เจ้าไร้โอกาสในการลืมตาดูโลก’ แต่หากต้องเกิดมาแล้วทุกข์ทรมานนางก็ไม่ปรารถนาจะให้เขาเกิดมา ให้เรื่องราวทั้งหมดจบลงที่นางเพียงคนเดียว
เขาไม่รัก ก็ไม่ผิด ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นนางฝืนใจเขา เฉวียนซูลี่กล่าวถูกแล้ว บุรุษสูงศักดิ์และเก่งกาจเช่นเขาน่ะหรือจะโน้มกายลงมาหาบุตรสาวของขุนนางที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต
หากย้อนเวลาไปได้คงดีไม่น้อย...
พรึ่บ! สตรีในชุดนอนตัวในผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วดึงความสนใจของสาวใช้ที่กำลังช่วยมัดผ้าม่านล้อมเตียง
“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู” เสียงของว่านเถาที่นางไม่ได้ยินมานานแล้วทำให้นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างด้วยความดีใจ
“ว่านเถา เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย” หลี่เย่หรงพุ่งตัวเข้ากอดสาวใช้ข้างกายด้วยความคิดถึง
“ย่อมต้องเป็นบ่าวสิเจ้าคะ”
“ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก”
“คุณหนูคงไม่ได้คิดจะให้บ่าวปลอมตัวเป็นคุณหนูอีกนะเจ้าคะ” ตนรับใช้อยู่ข้างกายคุณหนูมานานเหตุใดจะไม่รู้เล่าว่าคุณหนูชื่นชอบชินอ๋องหม่าเซี่ยอวี้จนลอบไปมองอีกฝ่ายที่โรงประมูลอยู่บ่อยครั้ง จึงมักจะออดอ้อนขอให้นางปลอมตัวแสร้งพักผ่อนอยู่ในเรือนแทน
“ไม่แล้ว ข้าไม่ให้เจ้าทำเช่นนั้นแล้ว ว่านเถาข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก” คุณหนูหลี่เอ่ยบอกเสียงอู้อี้ พลางคิดถึงยามที่ว่านเถาพยายามปกป้องนางจนโดนเฉวียนซูลี่โบยจนตาย
น่าเสียดายกว่านางจะรู้ว่านิสัยแท้จริงของหานโมลี่ สตรีอ่อนหวานผู้เป็นดวงใจของชินอ๋อง นางก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตของสาวใช้คนสนิท
“คุณหนู ท่านกำลังทำบ่าวกลัวนะเจ้าคะ” เหตุใดท่าทางและวาจาของคุณหนูดูแปลก ๆ กัน
“ข้าฝันร้าย ข้าฝันว่าเจ้าตายเพราะช่วยเหลือข้า”
“ฝันก็เป็นเพียงฝันเจ้าค่ะ คุณหนูอย่าได้กังวลใจไปเลย”
“ยามนี้ข้าอายุกี่หนาวแล้ว” นางผละออกห่างก่อนจะเอ่ยถามสาวใช้คนสนิท
“ใกล้จะสิบสี่หนาวแล้วเจ้าค่ะ”
‘นี่ข้าได้รับโอกาสให้ย้อนกลับมาแก้ไขชะตาชีวิตของคนที่ข้ารักใช่หรือไม่’
“ท่านพ่อกับท่านแม่เล่า”
“นายท่านกำลังรับสำรับอยู่กับฮูหยินเจ้าค่ะ” เนื่องจากผู้เป็นนายทั้งสองตามใจบุตรสาวเพียงคนเดียว คุณหนูของตนจึงไม่จำเป็นต้องไปรับสำรับพร้อมหน้าบิดามารดาทุกวันก็ได้
“เจ้ารีบแต่งตัวให้ข้า ข้าจะไปรับสำรับกับท่านพ่อท่านแม่”
“เจ้าค่ะคุณหนู” แม้จะยังรู้สึกงุนงงกับท่าทางของคุณหนู แต่ทว่าว่านเถาก็ลงมือทำตามคำสั่งแต่โดยดี
ในเมื่อได้รับโอกาสอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาหรือว่านเถา นางจะต้องช่วยเอาไว้ให้ได้
เมื่อแต่งกายเสร็จเรียบร้อยนางก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องรับสำรับหวังจะได้พบหน้าบิดามารดาที่นางคิดถึง
“ท่านพ่อ ท่านแม่” นางส่งเสียงเรียกบุรุษสตรีที่กำลังนั่งรับสำรับไปสนทนากันไปอย่างสนุกสนาน
“เย่หรง เหตุใดวันนี้เจ้าถึงตื่นเช้าเช่นนี้” หลี่ฮูหยินเอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลกใจเนื่องจากอีกฝ่ายไม่เคยจะตื่นทันบิดาออกจากจวนเลยสักครั้ง
พรึ่บ! แทนคำตอบคุณหนูหลี่วิ่งเข้าไปสวมกอดมารดาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนจะใช้มืออีกข้างโอบกอดบิดาที่นั่งอยู่ใกล้มารดา
“...” สองสามีภรรยามองหน้ากันด้วยความสงสัย
“ได้เจอพวกท่านข้าดีใจยิ่ง” หลังสิ้นบิดามารดา ชีวิตนางก็คล้ายจะสูญสิ้นตามนอกจากจะไม่ได้ทวงความยุติธรรมให้บิดาแล้ว ทรัพย์สมบัติยังถูกยึด เนื่องจากไม่เคยสนใจเรื่องในจวนจึงไม่รู้ว่าเงินทองของตระกูลหลี่มีมากมายเท่าใด เครื่องประดับล้ำค่าที่นางเคยมีก็ถูกใช้เป็นของกำนัลยามต้องขอความช่วยเหลือซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมมีวันหมดไป สุดท้ายการได้เข้าใกล้บุรุษที่นางพึงใจกลับทำให้นางไม่หลงเหลือสิ่งใดเลย แม้แต่ชีวิต
“ใครก็ได้ พาคุณหนูจินเข้าจวน” สิ้นเสียงของชินอ๋องเป็นพ่อบ้านที่อยู่บริเวณนั้นรีบสั่งสาวใช้สองคนเข้าไปประคองคุณหนูของจวนที่ยืนเซไปมาอยู่หน้าประตูจวน “ปล่อยข้านะ พวกเจ้ามาจับข้าด้วยเหตุใด” จินจือเหมยที่เมามายหนักโวยวาย “ม่อฉิน จัดการ” สิ้นเสียงกล่าวเจ้าของนามปรากฏตัวก่อนจะเอามือสับบริเวณคอของอีกฝ่ายแล้วกลับไปเร้นกายต่อ “เอ่อ...ขอบพระทัยชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเฉิงกล่าวก่อนจะรีบส่งสายตาให้สาวใช้รีบหิ้วปีกคุณหนูจินเข้าจวนอย่างเร่งด่วน “พี่หญิงจือเหมย ท่านเป็นอันใดหรือไม่” หลี่เย่หรงที่คล้ายจะเข้าสู่ห้วงฝันไปชั่วครู่ตกใจตื่นหลังจากได้ยินเสียงโวยวายของลูกพี่ลูกน้องจึงรีบเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างรถม้าเพื่อดู&nb
อ่า...เขายังจำได้ติดตาถึงสายตาเกรี้ยวกราดของผู้สูงศักดิ์ที่เห็นน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้เมามาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้เล่าให้กับจินจือเหมยฟัง สหาย เจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวแล้ว ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเจ้าของเขาหวงแหนมาก “นานหลายปีที่เราไม่ได้เจอกัน วันนี้ไม่เมาไม่เลิก” เสียงที่ดังอยู่ในห้องทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปหยุดสตรีทั้งสองที่กำลังร่ำสุรากันอยู่ “อย่าเพิ่ง! เอ่อ จือเหมย ข้าว่าเจ้าควรพาเย่หรงกลับจวนได้แล้ว” จะเรียกพระชายาก็คงไม่เหมาะ หากใครทราบเข้าว่าสตรีที่กำลังนั่งเมามายที่นี่เป็นใคร มิแคล้วจะเสื่อมเสียชื่อเสียง “จะกลับได้อย่างไร สุราหรือก็เพิ่งสั่งมา” “แต่เจ้ามิควรพาน้องสาวมาดื่มสุ
“นอนเถิด พี่จะกล่อมเจ้านอน” เขาเอ่ยเสียงเบาพลางเอามือตบที่หลังนางอย่างแผ่วเบา “นี่ท่านเมาจริงหรือเจ้าคะ ช่างเป็นเรื่องที่เห็นได้ยาก” “วันนี้พี่มีความสุขยิ่งนัก” “ข้าก็มีความสุขเช่นกันเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะซุกใบหน้าในอ้อมกอดของผู้เป็นสามี เมื่อภายในห้องมืดลง เหล่าลูกน้องที่เฝ้าคุ้มครองอยู่ด้านนอกก็สับเปลี่ยนกันไปพักผ่อน พลางคิดไปว่าในสายตาพวกเขานี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เห็นผู้เป็นนายเมามายมากเช่นนี้ แต่ทว่าก็ไม่แปลกที่จะเมามายในเมื่อสุราที่นายท่านจินสั่งมามากเกือบห้าสิบไห หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ช่างเป็นตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยมีเงินถุงเงินถังเสียจริง แค่งานเลี้ยงเล็ก ๆ ในครอบ
ทำให้วันต่อมากว่าทั้งสองจะพากันไปเยือนจวนตระกูลจิน ก็กลางยามเว่ย (13.00-14.59) แล้ว “ทุกท่านอย่าได้เกรงใจ วันนี้ข้ามิได้มาเยือนตระกูลจินในฐานะชินอ๋อง เป็นเพียงหลานเขยที่มาเยี่ยมเยียนท่านตาท่านยาย และครอบครัวท่านลุงของพระชายา” ชินอ๋องบอกกล่าวอย่างเป็นกันเอง ญาติของภรรยาก็เปรียบเสมือนญาติของตน เขาจึงไม่คิดถือสา “เช่นนั้นกระหม่อมในฐานะท่านตาของเย่หรง ขอดื่มชาขอบคุณที่ท่านอ๋องทรงให้เกียรติพวกเรา” จินเป่ากล่าวก่อนจะยกจอกชาขึ้นจิบ “เย่หรง เลือกคู่ครองได้ดี” ท่านลุงจินเต๋อกล่าวพลางยกจอกชาดื่มคารวะผู้สูงศักดิ์เช่นกัน “ไม่ได้มาเยี่ยมท่านตาท่านยายของเจ้านานแล้ว อย่างไรเย็นนี้อยู่รับสำรับที่จว
เผลอเพียงชั่วพริบตาซื่อจื่อน้อยก็อายุหนึ่งหนาวครึ่งแล้ว เด็กชายที่เพิ่งเดินได้คล่อง เอาแต่ร้องไห้ยามบิดาโอบกอดมารดาก่อนจะวิ่งเข้าไปแทรกตรงกลางคล้ายหวงแหนมารดา ทำให้ชินอ๋องรู้สึกหมั่นไส้บุตรชายของตนยิ่งนัก เมื่อได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ให้เดินทางไปซีเหลียงเพื่อเยี่ยมเยียนค่ายทหารของแม่ทัพประจิมคนใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งได้ปีกว่าแล้ว ชินอ๋องจึงไม่ลังเลที่จะฝากบุตรชายเอาไว้กับท่านพ่อตาแม่ยาย “ท่านพี่ เราพาลูกไปด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ” หลี่เย่หรงส่งสายตาอ้อนวอนผู้เป็นสามี หลังจากกราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว คู่สามีภรรยาที่เคยผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจึงตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเรียบง่าย ยศถาบรรดาศักดิ์เอาไว้ให้คนนอกเรียกขาน “ซืออี้ยังเล็กนัก อาจจะไม่สบายตัวยามเดินทาง ฝากท่านพ่อท่านแม
ตั้งแต่พระชายาหลี่ตั้งครรภ์ บรรดาลูกน้องคนสนิทและเหล่าทหารที่ใกล้ชิดต่างพากันปวดหัวกับท่าทีเอาใจใส่เกินจำเป็นของผู้เป็นนาย งานทั้งหมดที่ชินอ๋องเคยทำถูกมอบหมายให้กุนซือเฉิน ผู้เป็นสหายทำแทนทั้งหมด หากไม่มีเรื่องใดสำคัญชินอ๋องจะไม่พบใครทั้งนั้น “ท่านกุนซือโปรดจงทำใจ” ม่อฉินกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอีกคน ทิ้งให้ผู้มาเยือนเดินกลับออกจากตำหนักเองเช่นทุกครั้ง “แล้วนั่นเจ้าจะรีบไปที่ใด” “ข้าจะรีบไปรับบทลงโทษที่ปล่อยให้ท่านมารบกวนท่านอ๋องขอรับ” เสียงที่ดังห่างออกไปทำให้เฉินห่าวหมิงถอนหายใจ ยามรบว่าชินอ๋องเก่งกาจและเด็ดขาดแล้ว ไม่คิดว่ายามรักก็ทุ่มเทสุดตัว นี่แห







