สามพ่อแม่ลูกมองหน้ากัน ยามนี้ทั้งสามคนจะต้องสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรื่องราวเลวร้ายในครั้งนี้จึงจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น
ผ่านไปนานถึงห้าวันนอกจากจะพบบ่าวรับใช้ไร้ที่มาแน่ชัดถึงสามคนแล้ว เจ้ากรมโยธายังได้บัญชีและสมุดลับที่ลูกน้องคนสนิทในกรมโยธาของเขาทำแยกเอาไว้ เพื่อมอบเอาไว้ให้ใครบางคน
“เย่หรง พ่อควรทำอย่างไรต่อไป” หลี่จื่อห่าวไว้ใจลูกน้องคนสนิทของตนมากเพราะทำงานด้วยกันตั้งแต่ที่เขายังเป็นแค่ขุนนางตัวเล็ก ๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหักหลังตนเช่นนี้
“ท่านพ่อควรขอเข้าพบชินอ๋องเป็นการส่วนตัวเจ้าค่ะ แล้วเขาจะพาท่านไปสนทนากับฮ่องเต้” อย่างไรเรื่องนี้ก็ควรยืมมือเขา เนื่องจากฮ่องเต้ไว้ใจน้องชายร่วมบิดามารดาคนนี้ที่สุด
“ได้! พ่อเชื่อวาจาของเจ้า เช่นนั้นพ่อจะรีบไปขอพบชินอ๋องที่ตำหนัก”
“ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะท่านพ่อ เพราะในตำหนักชินอ๋องก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ทุกคน”
“เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องราวในตำหนักชินอ๋อง” หลี่ฮูหยินเอ่ยถามบุตรสาว
“เรื่องราวในราชสำนักแม้จะไม่มีใครกล่าวถึงแต่ทว่าย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างไทเฮาและฮ่องเต้กับชินอ๋องนั้นเป็นเรื่องจริง ดังนั้นข้าจึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าเพื่อจับตาดูในจวนของชินอ๋องหรือแม้แต่ตำหนักบูรพาของฮ่องเต้ย่อมมีคนของไทเฮาอยู่”
“นี่เจ้าจะบอกว่าเขาทำงานให้...” หลี่ฮูหยินเอ่ยเสียงดังด้วยความตกใจ
“ท่านแม่อย่าได้เสียงดังไปสิเจ้าคะ กำแพงมีหู พูดจาต้องระวัง”
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าพ่อควรไปที่ใด จึงจะได้พบเจอท่านอ๋องด้วยตัวเอง”
“โรงประมูลเฉียนเหลยเจ้าค่ะ” ที่นั่นทุกคนล้วนเป็นคนของเขา ดังนั้นน่าจะปลอดภัยที่สุดหากท่านพ่อจะไปเอ่ยเรื่องสำคัญ
“ได้ พ่อเชื่อเจ้า”
“ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ”
คล้อยหลังหลี่จื่อห่าวไม่นาน หลี่ฮูหยินก็มองบุตรสาวอย่างครุ่นคิดก่อนจะทอดถอนใจออกมา
“ท่านแม่อย่าได้กังวลเลยเจ้าค่ะ ตราบใดที่เรารักใคร่กลมเกลียวกันเช่นนี้ย่อมไม่มีใครสามารถทำร้ายเราได้”
“แม่ก็หวังว่าเราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างปลอดภัย” ตนกับสามีหรือก็อายุมากแล้ว ห่วงก็แต่เพียงบุตรสาว หากตระกูลหลี่ไม่อาจหลีกหนีเรื่องนี้พ้น บุตรสาวที่ยังไม่ออกเรือนย่อมได้รับโทษไปด้วย แม้แต่ตระกูลจินก็อาจจะถูกดึงมาเกี่ยวข้องด้วย
‘ข้าสัญญาว่าจะทำให้ท่านพ่อท่านแม่ยังอยู่กับข้าเช่นนี้ไปอีกนาน’ หลี่เย่หรงกล่าวพลางนึกขอบคุณสวรรค์ที่ให้โอกาสนางได้กลับมาช่วยเหลือคนที่รักนางอย่างไร้เงื่อนไข
ชาติก่อนเอาแต่วิ่งไล่ตามบุรุษหวังให้เขาหันมามองเพียงครู่เดียวก็พอใจแล้ว ได้รับโอกาสเกิดใหม่อีกครั้ง นางจะไม่ทำเรื่องเสียเวลาเช่นนั้นอีก
“ท่านแม่ ท่านสอนข้าตรวจบัญชีร้านได้หรือไม่”
“หืม…เจ้ากินสิ่งใดผิดสำแดงมาหรือไม่ มิใช่เคยบอกว่าไม่ชอบ”
“อีกไม่นานข้าก็จะต้องเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว ข้าตระหนักได้แล้วว่าอย่างไรเงินทองก็สำคัญที่สุด หากไม่มีเงินข้าจะหาซื้อของล้ำค่าที่ตนชอบได้อย่างไร”
“สุดท้ายไม่พ้นอยากใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แต่ก็เอาเถิดถือเป็นเรื่องดีที่อยากหาเงินใช้จ่ายเอง”
“เช่นนั้นท่านแม่เริ่มสอนข้าเลยได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ย่อมได้” หลี่ฮูหยินไม่คิดว่าบุตรสาวจะใจร้อนเช่นนี้ แต่ถือว่าเป็นเรื่องดี อย่างน้อยกิจการของนางก็จะมีคนสานต่อแล้ว
นับว่าเป็นโชคของหลี่จื่อห่าวที่ได้พบชินอ๋องตามที่ตั้งใจไว้ เมื่อแจ้งถึงจุดประสงค์ของการมาพบ เขาจึงถูกเชิญไปที่ห้องด้านในทันที
เจ้ากรมโยธานำบัญชีลับและจดหมายสั่งการทั้งหมดที่เขาสั่งให้คนไปคัดลอกมาจากเกาเจิ้งวางตรงหน้าก่อนจะเล่าเรื่องราวคล้ายกับว่าตนสงสัยในตัวของลูกน้องคนสนิทนำไปสู่การค้นหาความจริง รวมทั้งเรื่องที่พวกนั้นกำลังเตรียมการจะทำลายสะพานโดยนำมันผสมผสานกับคำกล่าวของบุตรสาว
“เรื่องนี้เปิ่นหวางจะนำไปหารือกับฮ่องเต้ ส่วนท่านเพื่อความโปร่งใสและบริสุทธิ์ใจวันที่จะนำกำลังไปล้อมจับ ท่านยินดีจะไปด้วยหรือไม่”
“กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เมื่อหารือกับฮ่องเต้เสร็จ เปิ่นหวางจะส่งคนไปแจ้งท่าน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จงจำเอาไว้ว่าหากไม่ใช่เขาทั้งสอง ย่อมไม่ใช่ข้าที่จะส่งไป”
“พ่ะย่ะค่ะ” วาจาของชินอ๋องบอกได้เป็นอย่างดีว่า เรื่องนี้อาจจะอยากมีคนยื่นมือมาแทรกแซงก็เป็นได้
“วันนี้ท่านมาถึงโรงประมูลแล้ว หากกลับไปมือเปล่าย่อมถูกสงสัยได้ อย่างไรประมูลยาถอนพิษไปสักขวดเถิด”
“ยาถอนพิษหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ได้ยินว่าวันนี้มียาถอนพิษร้อยแปดเข้าร่วมประมูล ราคาไม่สูงมากนัก ท่านมีบุตรสาว หากมีพกติดตัวไว้ยามเข้าร่วมงานเลี้ยงย่อมดีมิใช่หรือ”
“ขอบพระทัยที่ชี้แนะพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ส่งมอบหลักฐานตามที่บุตรสาวแนะนำเจ้ากรมโยธาก็แสร้งประมูลยาถอนพิษร้อยแปดมาหนึ่งขวดเพื่อไม่ให้มีพิรุธ
แน่นอนว่าพอกลับถึงจวน หลี่จื่อห่าวก็เรียกหาบุตรสาวคนเดียวทันทีพร้อมเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้สนทนากับชินอ๋องให้นางทราบ
“ท่านพ่อต้องเดินทางไปเมืองหลัวตงด้วยหรือเจ้าคะ”
“อืม เพื่อความบริสุทธิ์ใจพ่อต้องไปด้วย ซึ่งพ่อก็เห็นด้วยกับชินอ๋องเพราะไม่ว่าจะเป็นเกาเจิ้งหรือหานกั๋วชิ่งทั้งสองคนล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อ การที่พวกเขาร่วมมือกันทำเรื่องไม่ดี พ่อย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบ”
‘แต่หากท่านพ่อเดินทางไปที่นั่น ทุกอย่างก็จะจบไม่ต่างจากเดิม’ ไม่ได้การแล้วข้าต้องหาทางแก้ไขในเรื่องนี้
“เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ยามไปโรงประมูลพ่อจึงประมูลยาถอนพิษร้อยแปดมาหนึ่งขวด เจ้าเอาติดตัวไว้เถิด”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นัยน์ตาเมล็ดซิ่งของคุณหนูหลี่ที่จ้องมองขวดยาถอนพิษคล้ายปรากฏแววยินดีชั่วครู่
‘เพื่อช่วยให้พวกเราทุกคนหลุดออกจากชะตาเดิม ข้าจำต้องลงมือกับท่านพ่อแล้ว’ หลี่เย่หรงคิด สิ่งที่นางทำล้วนเป็นเพราะหวังดีกับผู้ให้กำเนิด
สามพ่อแม่ลูกมองหน้ากัน ยามนี้ทั้งสามคนจะต้องสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรื่องราวเลวร้ายในครั้งนี้จึงจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น ผ่านไปนานถึงห้าวันนอกจากจะพบบ่าวรับใช้ไร้ที่มาแน่ชัดถึงสามคนแล้ว เจ้ากรมโยธายังได้บัญชีและสมุดลับที่ลูกน้องคนสนิทในกรมโยธาของเขาทำแยกเอาไว้ เพื่อมอบเอาไว้ให้ใครบางคน “เย่หรง พ่อควรทำอย่างไรต่อไป” หลี่จื่อห่าวไว้ใจลูกน้องคนสนิทของตนมากเพราะทำงานด้วยกันตั้งแต่ที่เขายังเป็นแค่ขุนนางตัวเล็ก ๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหักหลังตนเช่นนี้ “ท่านพ่อควรขอเข้าพบชินอ๋องเป็นการส่วนตัวเจ้าค่ะ แล้วเขาจะพาท่านไปสนทนากับฮ่องเต้” อย่างไรเรื่องนี้ก็ควรยืมมือเขา เนื่องจากฮ่องเต้ไว้ใจน้องชายร่วมบิดามารดาคนนี้ที่สุด “ได้! พ่อเชื่อวาจาของเจ้า เช่นนั้นพ่อจะรีบไปขอพบชินอ๋องที่ตำหนัก” “ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะท่านพ่อ เพราะในตำหนักชินอ๋องก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ทุกคน” “เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องราวในตำหนักชินอ๋อง” หลี่ฮูหยินเอ่ยถามบุตรสาว “เรื่องราวในราชสำนักแม้จะไม่มีใครกล่าวถึงแต่ทว่าย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรื่องราว
“ได้เจอพวกท่านข้าดีใจยิ่ง” หลังสิ้นบิดามารดา ชีวิตนางก็คล้ายจะสูญสิ้นตามนอกจากจะไม่ได้ทวงความยุติธรรมให้บิดาแล้ว ทรัพย์สมบัติยังถูกยึด เนื่องจากไม่เคยสนใจเรื่องในจวนจึงไม่รู้ว่าเงินทองของตระกูลหลี่มีมากมายเท่าใด เครื่องประดับล้ำค่าที่นางเคยมีก็ถูกใช้เป็นของกำนัลยามต้องขอความช่วยเหลือซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมมีวันหมดไป สุดท้ายการได้เข้าใกล้บุรุษที่นางพึงใจกลับทำให้นางไม่หลงเหลือสิ่งใดเลย แม้แต่ชีวิต “ดีใจถึงเพียงนั้นเชียว” หลี่ฮูหยินรู้สึกงุนงง “พ่อก็ดีใจที่ได้เจอเจ้า ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง อยากได้สิ่งใดหรือไม่ พ่อจะหามาให้เจ้า” เนื่องจากตนเป็นเจ้ากรมโยธามักจะต้องเดินทางไปต่างเมืองอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บุตรสาวคนเดียวของเขาได้มีของหายากและล้ำค่าอยู่ในครอบครองไม่น้อย “ข้าอยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่เลี้ยงข้าไปชั่วชีวิตเจ้าค่ะ” นางจะไม่ออกเรือน จะอยู่กับบิดามารดาหวงแหนช่วงเวลาที่ล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้ให้นานที่สุด “หากเจ้าไม่อยากออกเรือนพ่อย่อมไม่คัดค้าน” นายท่านของจวนกล่าวกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ได้อย่างไรกันเจ้าคะ เป็นสตรีก็
“ไม่!!!” ชินอ๋องส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดและทำท่าจะกระโดดตามนางลงไปทำให้องครักษ์ต้องพากันจับตัวเอาไว้ เมื่อสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่ารอบกายนางมองใบหน้าของบุรุษที่ห่างออกไปก่อนจะหลับตาลงภาพที่ผ่านมาพลันปรากฏขึ้นในห้วงความคิด ‘เจ้ารักนางก็ยอมรับมาเสียเถิด’ ‘เจ้าคิดว่าข้าจะรักสตรีที่วางยาปลุกกำหนัดข้าเพื่อปีนป่ายขึ้นที่สูงเช่นนั้นหรือ สตรีชั่วช้าเช่นนี้หรือจะคู่ควรกับตำแหน่งพระชายาของข้า’ ‘เจ้าบอกไม่ได้รักนาง แต่เจ้ากลับไปค้างคืนที่เรือนของนางทุกค่ำคืนตั้งแต่กลับตำหนักอ๋อง’ ‘แล้วอย่างไร นางเป็นอนุฯ ของข้า นอนกับนางก็ดีกว่าไปปลดปล่อยอารมณ์กำหนัดกับนางโลม’ ‘ที่แท้ในใจของเจ้า หลี่เย่หรงก็ดีกว่านางโลม’ ‘เพียงเล็กน้อยเท่านั้น’ บทสนทนาของบุรุษทั้งสองทำให้หัวใจที่ปวดร้าวของนางแตกสลาย ก่อนที่เขาจะเหยียบย่ำความรู้สึกของนางด้วยการแต่งพระชายาเอกและชายารองเข้าตำหนักอีกสามนาง ไม่รัก! นางพอเข้าใจแต่ทว่าสตรีที่เขาเลือกกลับเป็นเฉวียนซูลี่ที่เขารู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ถูกกับนาง การถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจต
1 ความทุกข์ระทมในอดีต หน้าผาที่ตั้งสูงตระหง่านมองลงไปเบื้องล่างเป็นหุบเหวลึกที่ยากจะคาดเดาได้ว่าเบื้องล่างมีสิ่งใดอยู่บ้าง เสียงลมที่พัดผ่านต้นไม้ใบหญ้าเกิดเสียงคล้ายภูตผีวิญญาณกำลังเรียกร้อง นัยน์ตาเมล็ดซิ่งของสตรีผู้หนึ่งที่ยืนหันหลังให้หน้าผาจ้องมองกลุ่มคนเบื้องหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย คล้ายกับไม่มีสิ่งใดจะมาทำร้ายจิตใจนางให้เจ็บปวดไปมากกว่าที่เป็นอยู่แล้ว สตรีที่สวมอาภรณ์เนื้อดีคล้ายสตรีสูงศักดิ์ยกยิ้มมุมปากคล้ายสะใจเมื่อเห็นสภาพของคนที่ตนเกลียดคล้ายตุ๊กตาผ้าที่ฉีกขาดและยับเยินไม่หลงเหลือสภาพดีงามเช่นที่เคยรู้จัก “หากจะกล่าวโทษ เจ้าก็กล่าวโทษลูกในท้องของเจ้าเถิดที่ทำให้เจ้าต้องตาย เพราะหากเจ้าไม่อาจหาญสับเปลี่ยนยาห้ามครรภ์ ท่านอ๋องมีหรือจะสั่งให้ข้าพาเจ้ามาจัดการที่นี่” “...” เมื่อถูกทำให้เสียใจอยู่นับครั้งไม่ถ้วน ในใจของนางยามนี้ก็เริ่มจะด้านชาและไม่ได้รู้สึกอันใดต่อคนพวกนี
บทนำ “เย่หรง ช่วยข้าด้วย” หม่าเซี่ยอวี้ทรุดกายนั่งลงที่ตรงขอบเตียงก่อนจะจับมือเจ้าของเรือนเขย่าเพื่อปลุกนางให้ตื่น “ชินอ๋อง! พระองค์มาได้อย่างไรเพคะ” สตรีที่เพิ่งดับไฟเข้านอนไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนผุดกายลุกขึ้นนั่งบนเตียง “เย่หรง ช่วยข้าด้วย ข้าโดนวางยา” “หา! ท่านโดนวางยา” นางกล่าวก่อนจะรีบขยับกายไปจุดไฟทันที “อ๊า! ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว เย่หรง เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่” “พระองค์โดนวางยาอะไรมา แล้วหม่อมฉันต้องช่วยพระองค์อย่างไร” นางเพ่งมองใบหน้าที่คล้ายจะแดงก่ำ แววตาที่จ้องมองนางฉายแววดุร้ายคล้ายสัตว์ป่า บนใบหน้ามีหยาดเหงื่อผุดพรายเต็มกรอบหน้า ‘หรือว่าเขาจะโดนวางยาปลุกกำหนัดมา’ พรึ่บ! แทนคำตอบเขารั้งตัวนางเข้ามากอดก่อนจะกดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่มอย่างอุกอาจ เขาเกี่ยวกระหวัดพัวพันลิ้นเล็กอย่างรุกเร้ารุนแรงและเอาแต่ใจ ลิ้นร้อนกวาดต้อนชิมความหวานจากโพรงปากนุ่มแล้วดูดดึงริมฝีปากของนางคล้ายย้ำเตือนก่อนจ