LOGIN“ข้าสัญญา ท่านพ่อจะต้องไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ ข้าจะให้คนช่วยสืบเสาะหายาถอนพิษสือเจียวมาช่วยอีกแรง”
“อืม...หากไม่มีพ่อเจ้า แม่ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร” นัยน์ตาของจินเฟยจูทอดมองผู้เป็นสามีที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างโศกเศร้า
“ท่านแม่อย่าได้กังวลใจเลยเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกกับข้าแล้วว่ายาถอนพิษที่ท่านพ่อมอบให้ข้าสามารถทำให้ท่านพ่อปลอดภัยได้ แม้จะฟื้นตัวช้าไปหน่อยก็ตาม แต่ทว่าข้าสัญญาเจ้าค่ะ ข้าจะหายาถอนพิษสือเจียวมาให้ท่านพ่อให้ได้ ท่านพ่อจะได้ลุกมาปรนนิบัติท่านแม่เหมือนดั่งเคย”
“ขอบคุณเจ้ามากเย่หรง ยามนี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว”
‘ข้าขอโทษนะเจ้าคะท่านแม่ที่ทำให้ท่านเสียใจ แต่การที่ท่านพ่อล้มป่วยที่จวนเช่นนี้ย่อมดีกว่าการถูกดึงกลับเข้าจุดจบเช่นเดิม’ นางนึกขอโทษมารดาก่อนจะช่วยดูแลมารดาและบิดาที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง
วันต่อมาชินอ๋องหม่าเซี่ยอวี้ที่ได้นัดหมายไว้กับเจ้ากรมโยธาก็เสด็จมาเยือนจวนตระกูลหลี่อย่างเปิดเผยด้วยจุดประสงค์ที่ว่าได้นัดหมายไว้ว่าจะเดินทางไปตรวจสอบสะพานที่เพิ่งสร้างเสร็จด้วยกัน
“ขออภัยเพคะ ที่สามีของหม่อมฉันกลายเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว”
“เปิ่นหวางพอจะทราบข่าวมาบ้างแล้ว จึงได้นำหมอหลวงมาด้วยเผื่อจะมีทางรักษา” ทั้งจะได้ยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสร้งทำ ทั้งยังสามารถสืบหาหลักฐานเพื่อจัดการคนลงมือ
“ขอบพระทัยเพคะ” สิ้นเสียงตอบรับของหลี่ฮูหยิน ชินอ๋องก็พยักหน้าให้หมอหลวงเข้าไปตรวจเจ้ากรมโยธา
“หลี่ฮูหยินอยู่จวนตามลำพังหรือ”
“มิได้เพคะ บุตรสาวของหม่อมฉันอยู่เฝ้าบิดาทั้งคืน หม่อมฉันเพิ่งให้นางไปเมื่อครู่นี้เองเพคะ ต้องขอพระราชทานอภัยด้วยเพคะที่นางไม่อาจอยู่ต้อนรับพระองค์ได้”
“มิเป็นไร เปิ่นหวางเข้าใจ” หม่าเซี่ยอวี้ตอบรับพลางนึกแปลกใจเพราะก่อนหน้านี้เขามักจะพบนางที่โรงประมูลอยู่หลายครั้ง ยามนี้เขามาเยือนจวนนางด้วยตนเองเหตุใดถึงไม่ออกมาต้อนรับ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ เฝ้าบิดาทั้งคืนคงเหนื่อยล้าไม่น้อย
ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจหมอหลวงออกมาถวายการรายงานแก่ผู้สูงศักดิ์ว่าเจ้ากรมโยธาถูกวางยาพิษจริงและดูเหมือนจะได้รับยาถอนพิษไปบ้างแล้ว
“ท่านหมอที่หม่อมฉันเชิญมาได้แนะนำให้เราป้อนยาถอนพิษร้อยแปดเป็นเวลาสามวันเพคะ”
“ยาถอนพิษร้อยแปดหรือ” เป็นตัวเขาเองที่แนะนำให้อีกฝ่ายประมูลติดมือกลับไปเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธ มิคาดคิดว่าจะได้ใช้รวดเร็วเพียงนี้
หากวันนั้นเป็นเจ้ากรมโยธาหลี่จงใจประมูลยาถอนพิษเอง เขาคงคิดว่าเรื่องนี้ถูกเตรียมการเอาไว้แล้ว
“เพคะ เห็นเย่หรงกล่าวว่าบิดาประมูลยาถอนพิษร้อยแปดมาให้นางเอาไว้ติดตัวเพคะ”
“อืม เปิ่นหวางเข้าใจแล้ว แต่ราชกิจอย่างไรก็ต้องไปทำ ประเดี๋ยวให้รองเจ้ากรมโยธาหานรับหน้าที่พาเปิ่นหวางไปตรวจสอบสะพานที่สร้างเสร็จแทนก็แล้วกัน” เพราะฮ่องเต้ประกาศในท้องพระโรงแล้วว่าจะให้เจ้ากรมโยธาพาชินอ๋องไปตรวจสอบความเรียบร้อยของสะพานที่เพิ่งสร้างเสร็จ อันเป็นหนึ่งในการตรวจสอบของผู้แทนพระองค์
“หม่อมฉันต้องขออภัยแทนสามีด้วยเพคะ”
“แล้วทราบหรือไม่ว่าใครเป็นคนลงมือวางยาพิษ”
“มิทราบเจ้าค่ะ หรืออาจจะเป็นคนที่ไม่อยากให้เจ้ากรมโยธาและท่านอ๋องไปที่สะพานแห่งนั้นก็เป็นได้จึงเลือกลงมือเช่นนี้” จินเฟยจูคาดเดา
“หลี่ฮูหยินโปรดวางใจ เปิ่นหวางจะต้องสืบหาคนลงมือให้แน่นอน” คงคิดจะปิดปากเจ้ากรมโยธาหลี่สินะ
“ขอบพระทัยชินอ๋องที่เมตตาเพคะ”
“เปิ่นหวางต้องไปที่อื่นต่อ คงต้องขอตัวแล้ว”
“ขอบพระทัยชินอ๋องที่เมตตาตระกูลหลี่เพคะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันเดินไปส่งที่หน้าจวนเพคะ” หลังจากนั้นหลี่ฮูหยินก็พาผู้สูงศักดิ์ไปส่งที่หน้าประตูจวน
“ใครก็ได้ พาคุณหนูจินเข้าจวน” สิ้นเสียงของชินอ๋องเป็นพ่อบ้านที่อยู่บริเวณนั้นรีบสั่งสาวใช้สองคนเข้าไปประคองคุณหนูของจวนที่ยืนเซไปมาอยู่หน้าประตูจวน “ปล่อยข้านะ พวกเจ้ามาจับข้าด้วยเหตุใด” จินจือเหมยที่เมามายหนักโวยวาย “ม่อฉิน จัดการ” สิ้นเสียงกล่าวเจ้าของนามปรากฏตัวก่อนจะเอามือสับบริเวณคอของอีกฝ่ายแล้วกลับไปเร้นกายต่อ “เอ่อ...ขอบพระทัยชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเฉิงกล่าวก่อนจะรีบส่งสายตาให้สาวใช้รีบหิ้วปีกคุณหนูจินเข้าจวนอย่างเร่งด่วน “พี่หญิงจือเหมย ท่านเป็นอันใดหรือไม่” หลี่เย่หรงที่คล้ายจะเข้าสู่ห้วงฝันไปชั่วครู่ตกใจตื่นหลังจากได้ยินเสียงโวยวายของลูกพี่ลูกน้องจึงรีบเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างรถม้าเพื่อดู&nb
อ่า...เขายังจำได้ติดตาถึงสายตาเกรี้ยวกราดของผู้สูงศักดิ์ที่เห็นน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้เมามาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้เล่าให้กับจินจือเหมยฟัง สหาย เจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวแล้ว ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเจ้าของเขาหวงแหนมาก “นานหลายปีที่เราไม่ได้เจอกัน วันนี้ไม่เมาไม่เลิก” เสียงที่ดังอยู่ในห้องทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปหยุดสตรีทั้งสองที่กำลังร่ำสุรากันอยู่ “อย่าเพิ่ง! เอ่อ จือเหมย ข้าว่าเจ้าควรพาเย่หรงกลับจวนได้แล้ว” จะเรียกพระชายาก็คงไม่เหมาะ หากใครทราบเข้าว่าสตรีที่กำลังนั่งเมามายที่นี่เป็นใคร มิแคล้วจะเสื่อมเสียชื่อเสียง “จะกลับได้อย่างไร สุราหรือก็เพิ่งสั่งมา” “แต่เจ้ามิควรพาน้องสาวมาดื่มสุ
“นอนเถิด พี่จะกล่อมเจ้านอน” เขาเอ่ยเสียงเบาพลางเอามือตบที่หลังนางอย่างแผ่วเบา “นี่ท่านเมาจริงหรือเจ้าคะ ช่างเป็นเรื่องที่เห็นได้ยาก” “วันนี้พี่มีความสุขยิ่งนัก” “ข้าก็มีความสุขเช่นกันเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะซุกใบหน้าในอ้อมกอดของผู้เป็นสามี เมื่อภายในห้องมืดลง เหล่าลูกน้องที่เฝ้าคุ้มครองอยู่ด้านนอกก็สับเปลี่ยนกันไปพักผ่อน พลางคิดไปว่าในสายตาพวกเขานี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เห็นผู้เป็นนายเมามายมากเช่นนี้ แต่ทว่าก็ไม่แปลกที่จะเมามายในเมื่อสุราที่นายท่านจินสั่งมามากเกือบห้าสิบไห หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ช่างเป็นตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยมีเงินถุงเงินถังเสียจริง แค่งานเลี้ยงเล็ก ๆ ในครอบ
ทำให้วันต่อมากว่าทั้งสองจะพากันไปเยือนจวนตระกูลจิน ก็กลางยามเว่ย (13.00-14.59) แล้ว “ทุกท่านอย่าได้เกรงใจ วันนี้ข้ามิได้มาเยือนตระกูลจินในฐานะชินอ๋อง เป็นเพียงหลานเขยที่มาเยี่ยมเยียนท่านตาท่านยาย และครอบครัวท่านลุงของพระชายา” ชินอ๋องบอกกล่าวอย่างเป็นกันเอง ญาติของภรรยาก็เปรียบเสมือนญาติของตน เขาจึงไม่คิดถือสา “เช่นนั้นกระหม่อมในฐานะท่านตาของเย่หรง ขอดื่มชาขอบคุณที่ท่านอ๋องทรงให้เกียรติพวกเรา” จินเป่ากล่าวก่อนจะยกจอกชาขึ้นจิบ “เย่หรง เลือกคู่ครองได้ดี” ท่านลุงจินเต๋อกล่าวพลางยกจอกชาดื่มคารวะผู้สูงศักดิ์เช่นกัน “ไม่ได้มาเยี่ยมท่านตาท่านยายของเจ้านานแล้ว อย่างไรเย็นนี้อยู่รับสำรับที่จว
เผลอเพียงชั่วพริบตาซื่อจื่อน้อยก็อายุหนึ่งหนาวครึ่งแล้ว เด็กชายที่เพิ่งเดินได้คล่อง เอาแต่ร้องไห้ยามบิดาโอบกอดมารดาก่อนจะวิ่งเข้าไปแทรกตรงกลางคล้ายหวงแหนมารดา ทำให้ชินอ๋องรู้สึกหมั่นไส้บุตรชายของตนยิ่งนัก เมื่อได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ให้เดินทางไปซีเหลียงเพื่อเยี่ยมเยียนค่ายทหารของแม่ทัพประจิมคนใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งได้ปีกว่าแล้ว ชินอ๋องจึงไม่ลังเลที่จะฝากบุตรชายเอาไว้กับท่านพ่อตาแม่ยาย “ท่านพี่ เราพาลูกไปด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ” หลี่เย่หรงส่งสายตาอ้อนวอนผู้เป็นสามี หลังจากกราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว คู่สามีภรรยาที่เคยผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจึงตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเรียบง่าย ยศถาบรรดาศักดิ์เอาไว้ให้คนนอกเรียกขาน “ซืออี้ยังเล็กนัก อาจจะไม่สบายตัวยามเดินทาง ฝากท่านพ่อท่านแม
ตั้งแต่พระชายาหลี่ตั้งครรภ์ บรรดาลูกน้องคนสนิทและเหล่าทหารที่ใกล้ชิดต่างพากันปวดหัวกับท่าทีเอาใจใส่เกินจำเป็นของผู้เป็นนาย งานทั้งหมดที่ชินอ๋องเคยทำถูกมอบหมายให้กุนซือเฉิน ผู้เป็นสหายทำแทนทั้งหมด หากไม่มีเรื่องใดสำคัญชินอ๋องจะไม่พบใครทั้งนั้น “ท่านกุนซือโปรดจงทำใจ” ม่อฉินกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอีกคน ทิ้งให้ผู้มาเยือนเดินกลับออกจากตำหนักเองเช่นทุกครั้ง “แล้วนั่นเจ้าจะรีบไปที่ใด” “ข้าจะรีบไปรับบทลงโทษที่ปล่อยให้ท่านมารบกวนท่านอ๋องขอรับ” เสียงที่ดังห่างออกไปทำให้เฉินห่าวหมิงถอนหายใจ ยามรบว่าชินอ๋องเก่งกาจและเด็ดขาดแล้ว ไม่คิดว่ายามรักก็ทุ่มเทสุดตัว นี่แห







