LOGIN“ขอบพระทัยชินอ๋องที่เมตตาตระกูลหลี่เพคะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันเดินไปส่งที่หน้าจวนเพคะ” หลังจากนั้นหลี่ฮูหยินก็พาผู้สูงศักดิ์ไปส่งที่หน้าประตูจวน
เมื่อได้ข่าวว่าชินอ๋องเดินทางออกจากเมืองหลวงพร้อมด้วยรองเจ้ากรมโยธาหาน หลี่เย่หรงจึงเอายาถอนพิษสือเจียวที่มีอยู่ป้อนให้ผู้เป็นบิดาพร้อมกับยาถอนพิษร้อยแปด ซึ่งท่านหมอว่าสามารถกินร่วมกันได้ทั้งยังทำให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ได้ยินมารดาเล่าว่าชินอ๋องรับปากว่าจะช่วยหาตัวคนลงมือวางยาพิษบิดา นางบอกได้เลยว่าไม่มีทางหาเจอเพราะยาพิษนี้เป็นพิษที่นางปรุงขึ้นเองจากความทรงจำในชาติก่อนที่นางอ่านตำราปรุงพิษมากมายหวังสร้างพิษเอาไว้ป้องกันตนเอง ไม่คิดเลยว่ายังไม่ทันปรุงพิษสำเร็จนางก็ต้องตายเสียก่อน
และแม้จะเป็นพิษที่นางฝึกปรุงขึ้นแต่ทว่านางได้ทดลองกับหนึ่งในหนอนที่ท่านแม่หาเจอ ทั้งการออกฤทธิ์และการใช้ยาถอนพิษซึ่งเรื่องนี้นางค่อยสารภาพกับบิดามารดาภายหลัง
“ฮูหยิน เหตุใดเจ้าถึงทำหน้าเช่นนั้น” เสียงแหบแห้งของหลี่จื่อห่าวดังขึ้นดึงความสนใจของหลี่ฮูหยินที่นั่งเหม่อมองสีหน้าไม่ใคร่แจ่มใส
“ท่านพี่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว” จินเฟยจูพุ่งตัวเข้าไปโอบกอดผู้เป็นสามีด้วยความรู้สึกยินดี
“เป็นอันใดไปหรือ” ท่านเจ้ากรมโยธาคล้ายจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้
“ท่านพี่โดนวางยาพิษเจ้าค่ะ ท่านหลับไปสามวันสามคืนทำข้าใจคอไม่ดี”
“สามวันสามคืนหรือ แล้วเรื่องที่จะต้องเดินทางไปเมืองหลัวตงกับท่านอ๋องเล่า”
“รองเจ้ากรมโยธาหานเดินทางไปแทนท่านแล้วเจ้าค่ะ”
“อ่า...เช่นนั้นพอหายป่วยพี่คงต้องไปขอรับโทษจากฮ่องเต้”
“ท่านพ่อรักษาตนให้หายก่อนเถิดเจ้าค่ะ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องใด” สตรีที่กำลังเดินเข้ามากล่าวขึ้น
“ลูกพูดถูกเจ้าค่ะ ท่านพี่อย่าได้คิดเรื่องใดเลย ยามนี้ร่างกายท่านสำคัญที่สุด รู้หรือไม่วันนั้นข้าใจคอไม่ดีเพียงใด ข้ากลัวเหลือเกินว่าความตายจะมาพรากเราจากกัน”
“พี่ขอโทษที่ทำให้เจ้ากังวลใจ”
“ความรักของพวกท่านทำให้บุตรสาวเช่นข้าโดดเดี่ยวยิ่งนัก เชิญพวกท่านออดอ้อนกันตามสบายเจ้าค่ะ ข้าไปเป็นสาวใช้ต้มยาให้ท่านพ่อดีกว่า” กล่าวจบนางก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจพลางนึกขอโทษผู้ให้กำเนิดทั้งสองที่จำเป็นต้องทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้
“ขอบคุณเย่หรง” หลี่จื่อห่าวส่งยิ้มอ่อนแรงให้บุตรสาว การล้มหมอนนอนเสื่อครั้งนี้ทำให้เขาได้ตระหนักถึงความรักและความสำคัญของตนเองต่อฮูหยินและบุตรสาว
หลี่เย่หรงส่งยิ้มให้บิดาและทอดสายตามองความรักที่ทั้งสองมีให้แก่กัน ทำให้นางรู้สึกยินดียิ่งนักที่ได้เกิดมาท่ามกลางความรักของทั้งสอง
ความรักที่ไร้เงื่อนไขเช่นนี้มีอยู่ในจวนตระกูลหลี่แล้ว ใยนางต้องไปแสวงหาจากผู้อื่นอีก และเชื่อเถิดว่าไม่มีบุรุษใดจะดีงามเทียบเท่าบิดาของนางแล้ว
ในขณะที่ร่างกายของเจ้ากรมโยธาหลี่กำลังดีขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะได้รับการเอาใจใส่จากบุตรสาวและฮูหยิน สถานการณ์ทางเมืองหลัวตงกลับไม่ใคร่จะสู้ดี
แม้การล้อมจับจะถูกเตรียมการเอาไว้แต่ทว่ากลับคล้ายจะมีคนอีกกลุ่มหวังฉวยโอกาสจากความวุ่นวายสังหารชินอ๋องหม่าเซี่ยอวี้แต่ทว่ากลับถูกหานกั๋วชิ่งรองเจ้ากรมโยธาเข้าขัดขวางเป็นเหตุให้ธนูดอกนั้นปักเข้าจุดสำคัญถึงแก่ความตายในทันที ส่วนชินอ๋องที่ถูกผลักให้ถอยห่างกลับล้มลงศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรงหมดสติในทันที
“ท่านพ่ออย่าได้กังวลใจไปเลยเจ้าค่ะ ทุกอย่างพวกเขาล้วนเลือกเอง หาได้เกี่ยวข้องกับท่านไม่”
“พ่อไม่ได้กังวลใจเพียงแต่นึกเสียใจที่เคยไว้ใจคนผิด เกือบทำให้พวกเจ้าแม่ลูกต้องเดือดร้อนแล้ว”
“เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว เหลือเพียงท่านต้องไปขอรับการลงโทษจากฮ่องเต้ที่ละเลยหน้าที่ที่ไม่ได้เดินทางไปกับชินอ๋อง”
“อืม เรื่องนั้นพ่อคิดเอาไว้แล้ว”
“ท่านพ่อจำเรื่องที่ข้าบอกได้หรือไม่ว่า หากจบเรื่องทุจริตของเกาเจิ้งแล้ว ข้าอยากให้ท่านพิจารณาเรื่องลาออกจากการเป็นขุนนาง”
“แท้จริงตอนที่พ่อนอนอยู่บนเตียงพ่อก็คิดไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง”
“ท่านพี่ หากท่านไม่อยากลาออกข้าก็ไม่นึกโกรธเคืองเจ้าค่ะ เพียงแต่ต่อจากนี้เราต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น”
“พี่ตัดสินใจได้แล้ว สุดท้ายแล้วตำแหน่งขุนนางก็เป็นเพียงความว่างเปล่า ครอบครัวต่างหากคือความสุขที่แท้จริงของพี่ พี่ตัดสินใจได้แล้วว่าพี่จะใช้ความผิดฐานที่ละเลยต่อหน้าที่ขอฮ่องเต้ลงโทษปลดพี่ออกจากตำแหน่งขุนนาง ต่อจากนี้ต้องรบกวนฮูหยินเลี้ยงดูพี่แล้ว”
“ข้ายินดีเจ้าค่ะ ในชีวิตข้า ท่านกับลูกของเราสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดเจ้าค่ะ”
“ข้าว่าการเป็นพ่อค้าก็ดีไม่น้อยเจ้าค่ะ ร่ำรวยกว่าพวกขุนนางมากนัก”
“เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง” ที่ผ่านมาหากไม่ใช่เพราะกิจการของฮูหยิน จวนตระกูลหลี่มีหรือจะมีเงินทองให้ใช้สอยไม่ขาดมือเช่นนี้
“ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกมีอีกเรื่องจะบอกท่าน”
“พ่อรอฟังอยู่” เขาก็อยากรู้เช่นกันว่าบุตรสาวรู้เรื่องราวเช่นนี้ได้อย่างไร
“แม่ก็รอฟังเช่นกัน”
“ก่อนอื่นข้าต้องขออภัยที่ข้าวางยาท่าน” กล่าวจบนางก็ทรุดกายคุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่เศร้าหมองลงในทันใด
“ใครก็ได้ พาคุณหนูจินเข้าจวน” สิ้นเสียงของชินอ๋องเป็นพ่อบ้านที่อยู่บริเวณนั้นรีบสั่งสาวใช้สองคนเข้าไปประคองคุณหนูของจวนที่ยืนเซไปมาอยู่หน้าประตูจวน “ปล่อยข้านะ พวกเจ้ามาจับข้าด้วยเหตุใด” จินจือเหมยที่เมามายหนักโวยวาย “ม่อฉิน จัดการ” สิ้นเสียงกล่าวเจ้าของนามปรากฏตัวก่อนจะเอามือสับบริเวณคอของอีกฝ่ายแล้วกลับไปเร้นกายต่อ “เอ่อ...ขอบพระทัยชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเฉิงกล่าวก่อนจะรีบส่งสายตาให้สาวใช้รีบหิ้วปีกคุณหนูจินเข้าจวนอย่างเร่งด่วน “พี่หญิงจือเหมย ท่านเป็นอันใดหรือไม่” หลี่เย่หรงที่คล้ายจะเข้าสู่ห้วงฝันไปชั่วครู่ตกใจตื่นหลังจากได้ยินเสียงโวยวายของลูกพี่ลูกน้องจึงรีบเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างรถม้าเพื่อดู&nb
อ่า...เขายังจำได้ติดตาถึงสายตาเกรี้ยวกราดของผู้สูงศักดิ์ที่เห็นน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้เมามาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้เล่าให้กับจินจือเหมยฟัง สหาย เจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวแล้ว ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเจ้าของเขาหวงแหนมาก “นานหลายปีที่เราไม่ได้เจอกัน วันนี้ไม่เมาไม่เลิก” เสียงที่ดังอยู่ในห้องทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปหยุดสตรีทั้งสองที่กำลังร่ำสุรากันอยู่ “อย่าเพิ่ง! เอ่อ จือเหมย ข้าว่าเจ้าควรพาเย่หรงกลับจวนได้แล้ว” จะเรียกพระชายาก็คงไม่เหมาะ หากใครทราบเข้าว่าสตรีที่กำลังนั่งเมามายที่นี่เป็นใคร มิแคล้วจะเสื่อมเสียชื่อเสียง “จะกลับได้อย่างไร สุราหรือก็เพิ่งสั่งมา” “แต่เจ้ามิควรพาน้องสาวมาดื่มสุ
“นอนเถิด พี่จะกล่อมเจ้านอน” เขาเอ่ยเสียงเบาพลางเอามือตบที่หลังนางอย่างแผ่วเบา “นี่ท่านเมาจริงหรือเจ้าคะ ช่างเป็นเรื่องที่เห็นได้ยาก” “วันนี้พี่มีความสุขยิ่งนัก” “ข้าก็มีความสุขเช่นกันเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะซุกใบหน้าในอ้อมกอดของผู้เป็นสามี เมื่อภายในห้องมืดลง เหล่าลูกน้องที่เฝ้าคุ้มครองอยู่ด้านนอกก็สับเปลี่ยนกันไปพักผ่อน พลางคิดไปว่าในสายตาพวกเขานี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เห็นผู้เป็นนายเมามายมากเช่นนี้ แต่ทว่าก็ไม่แปลกที่จะเมามายในเมื่อสุราที่นายท่านจินสั่งมามากเกือบห้าสิบไห หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ช่างเป็นตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยมีเงินถุงเงินถังเสียจริง แค่งานเลี้ยงเล็ก ๆ ในครอบ
ทำให้วันต่อมากว่าทั้งสองจะพากันไปเยือนจวนตระกูลจิน ก็กลางยามเว่ย (13.00-14.59) แล้ว “ทุกท่านอย่าได้เกรงใจ วันนี้ข้ามิได้มาเยือนตระกูลจินในฐานะชินอ๋อง เป็นเพียงหลานเขยที่มาเยี่ยมเยียนท่านตาท่านยาย และครอบครัวท่านลุงของพระชายา” ชินอ๋องบอกกล่าวอย่างเป็นกันเอง ญาติของภรรยาก็เปรียบเสมือนญาติของตน เขาจึงไม่คิดถือสา “เช่นนั้นกระหม่อมในฐานะท่านตาของเย่หรง ขอดื่มชาขอบคุณที่ท่านอ๋องทรงให้เกียรติพวกเรา” จินเป่ากล่าวก่อนจะยกจอกชาขึ้นจิบ “เย่หรง เลือกคู่ครองได้ดี” ท่านลุงจินเต๋อกล่าวพลางยกจอกชาดื่มคารวะผู้สูงศักดิ์เช่นกัน “ไม่ได้มาเยี่ยมท่านตาท่านยายของเจ้านานแล้ว อย่างไรเย็นนี้อยู่รับสำรับที่จว
เผลอเพียงชั่วพริบตาซื่อจื่อน้อยก็อายุหนึ่งหนาวครึ่งแล้ว เด็กชายที่เพิ่งเดินได้คล่อง เอาแต่ร้องไห้ยามบิดาโอบกอดมารดาก่อนจะวิ่งเข้าไปแทรกตรงกลางคล้ายหวงแหนมารดา ทำให้ชินอ๋องรู้สึกหมั่นไส้บุตรชายของตนยิ่งนัก เมื่อได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ให้เดินทางไปซีเหลียงเพื่อเยี่ยมเยียนค่ายทหารของแม่ทัพประจิมคนใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งได้ปีกว่าแล้ว ชินอ๋องจึงไม่ลังเลที่จะฝากบุตรชายเอาไว้กับท่านพ่อตาแม่ยาย “ท่านพี่ เราพาลูกไปด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ” หลี่เย่หรงส่งสายตาอ้อนวอนผู้เป็นสามี หลังจากกราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว คู่สามีภรรยาที่เคยผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจึงตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเรียบง่าย ยศถาบรรดาศักดิ์เอาไว้ให้คนนอกเรียกขาน “ซืออี้ยังเล็กนัก อาจจะไม่สบายตัวยามเดินทาง ฝากท่านพ่อท่านแม
ตั้งแต่พระชายาหลี่ตั้งครรภ์ บรรดาลูกน้องคนสนิทและเหล่าทหารที่ใกล้ชิดต่างพากันปวดหัวกับท่าทีเอาใจใส่เกินจำเป็นของผู้เป็นนาย งานทั้งหมดที่ชินอ๋องเคยทำถูกมอบหมายให้กุนซือเฉิน ผู้เป็นสหายทำแทนทั้งหมด หากไม่มีเรื่องใดสำคัญชินอ๋องจะไม่พบใครทั้งนั้น “ท่านกุนซือโปรดจงทำใจ” ม่อฉินกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอีกคน ทิ้งให้ผู้มาเยือนเดินกลับออกจากตำหนักเองเช่นทุกครั้ง “แล้วนั่นเจ้าจะรีบไปที่ใด” “ข้าจะรีบไปรับบทลงโทษที่ปล่อยให้ท่านมารบกวนท่านอ๋องขอรับ” เสียงที่ดังห่างออกไปทำให้เฉินห่าวหมิงถอนหายใจ ยามรบว่าชินอ๋องเก่งกาจและเด็ดขาดแล้ว ไม่คิดว่ายามรักก็ทุ่มเทสุดตัว นี่แห







