"หน็อย! ไม่เปิดใช่ไหม"
สาวใช้ไม่รีรอใช้ลำตัวอ้วนตันพุ่งเข้าหาประตูหวังจะชนแรงๆ ให้เปิดออก ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกจากข้างในทำให้เมิ่งฉีเสียหลักล้มคะมำไปกองอยู่ที่พื้นห้อง เสียงดังโครมอย่างแรงครั้งเดียวตามมาด้วยร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นถิงถิงยืนกอดอกจ้องตนอยู่ สาวใช้แก่ยกมืออันสั่นเทาขึ้นชี้หน้าพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“คุณหนูใหญ่ ท่าน! ท่าน!”
“จะนอนอยู่ตรงนี้อีกนานหรือไม่”
“อู้ย เจ็บๆ”
สาวใช้แก่พยายามพยุงร่างลุกขึ้นยืน บีดนวดตัวเองอยู่สองสามครั้งก่อนจะเอาสายวัดตัวออกมาจากแขนเสื้อ
“อนุเหมยหลินบอกให้ข้ามาวัดตัวและจดขนาดตัวไปให้ช่างตัดเสื้อ”
คิดไม่ถึงว่าแม่เลี้ยงผู้นั้นจะตัดชุดผ้าไหมล้ำค่าให้จริงๆ แต่ก็เอาเถิด ไหนๆ ของล้ำค่าที่ว่านี้ก็เป็นของท่านแม่ หากได้มาตัดชุดก็ถือว่ารักษาสิ่งของเอาไว้ได้ชิ้นหนึ่ง
ถิงถิงคิดในใจ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเพื่อที่เมิ่งฉีจะได้รับวัดตัวได้สะดวก ขณะที่วัดตัวอยู่นั้นเมิ่งฉีก็แสยะยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“ผ้าไหมล้ำค่าพอได้มาอยู่บนตัวคุณหนูใหญ่ไม่รู้ว่าจะคู่ควรหรือไม่นะ”
“ไม่ใช่เรื่องที่สาวใช้จะมาสอดปาก”
“ทะ…ท่านว่าอะไรนะ!”
ถูกตอบโต้อย่างตรงไปตรงมาเมิ่งฉีถามกลับเสียงสั่น ถิงถิงแย้มยิ้มอย่างไม่อาทรร้อนใจหมุนตัวหันหลังให้นางวัดตัวต่อแล้วกล่าวว่า
“ถึงข้าไม่มีอำนาจแต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนนี้ แล้วเจ้าเป็นใคร…คนเทกระโถนฉี่ของเหมยหลินอย่างนั้นหรือ”
“ท่าน!” เมิ่งฉีปากคอสั่น ใบหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ
“ข้าตบเจ้าไม่มีความผิด แต่ถ้าหากเจ้าตบข้าคืนแล้วเรื่องถึงทางการเจ้าจะมีความผิดใหญ่หลวง เท่านี้เจ้าก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าตนเองอยู่ห่างชั้นกับข้าเพียงใด ในตอนที่ท่านแม่ของข้ายังอยู่ก็เลี้ยงดูเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะเป็นสุนัขเปลี่ยนนายข้าก็ไม่ได้ติดใจอะไรนักหรอก แต่ถ้าหากจะวกกลับมาแว้งกัดลูกสาวของคนที่เคยให้ข้าวรับรองได้เห็นดีกัน”
เมิ่งฉีเดือดดาลจนควันออกหู พยายามข่มอารมณ์โกรธแล้ววัดตัวให้ถิงถิงต่อจนเสร็จ พอเสร็จแล้วก็พูดจากระแทกแดกดัน
“เสร็จแล้ว!"
“เสร็จแล้วก็ออกไป”
หญิงสาวผายมือไปทางประตู เมิ่งฉีเดินหน้าตึงออกไปทันที ขณะนั้นลู่ชิงก็หอบผ้าห่มที่เพิ่งซื้อกลับมาด้วยสองผืน ตอนที่เดินเข้ามาในเรือนนางสวนทางกับเมิ่งฉี เห็นท่าไม่ดีจึงรีบวางผ้าห่มแล้ววิ่งพรวดมาหาถิงถิงด้วยความเป็นห่วง
"เมิ่งฉีเข้ามาทำอะไรคุณหนูหรือเปล่าเจ้าคะ”
“นางไม่กล้าหรอก ว่าแต่เจ้าเถอะได้ของมาไหม”
“ได้มาเจ้าค่ะ”
สาวใช้กลับไปหอบผ้าห่มที่ซื้อใหม่มาไว้บนเตียง ถิงถิงได้ผ้าห่มแล้วก็ลูบไล้อย่างเบามือ สัมผัสอ่อนนุ่มของเส้นทอละมุนคล้ายขนเป็ด ราคาของผ้าค่อนข้างสูงคุณภาพก็จัดว่าดีระดับหนึ่ง ก่อนหน้านั้นถิงถิงเคยขอเบิกผ้าห่มผืนใหม่กับเหมยหลินไปแล้วสองครั้ง แต่ถูกเหมยหลินบอกปัดจนนานวันเข้าก็ทำทีเป็นแกล้งลืม ในยามนั้นถิงถิงยังเด็กและใสซื่อเกินกว่าจะรู้ว่าเหมยหลินจงใจทำให้ตนต้องอยู่อย่างยากลำบาก ตั้งแต่เล็กจนโตถิงถิงเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่เมื่อถูกกระทำหนักเข้านิสัยของนางก็เริ่มแข็งกร้าวและเปลี่ยนแปลงไปทีละนิด
“หากรออนุเหมยหลินเบิกให้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรเราจะได้นอนอุ่นนะเจ้าคะ”
“เมื่อพึ่งพาคนอื่นไม่ได้ก็จงหาวิธีช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด”
“ทั้งๆ ที่คุณหนูเป็นบุตรที่เกิดจากฮูหยินเอกแท้ๆ นายท่านกลับลำเอียงบุตรอนุมากกว่ามีที่ใดเขาทำกัน หึ…ใจร้ายเกินไปแล้ว”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ใกล้จะได้เวลาอาหารค่ำเจ้ารีบไปห้องครัวก่อน เดี๋ยวทางฝั่งนั้นจะอ้างว่าอาหารหมดแล้วให้น้ำข้าวเรามาแค่คนละชามอีก”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ลู่ชิงออกจากเรือนตะวันตกก็ตรงไปที่ห้องครัวทันที ภายในห้องครัวบ่าวไพร่กำลังรับแจกอาหาร ส่วนอาหารของเจ้านายถูกจัดไว้เป็นสำรับรอให้บ่าวของแต่ละเรือนมาเอาไป ถิงถิงตัวคนเดียวอาหารที่ได้ก็ลดหลั่นลงมาจากเรือนหลักตามลำดับ แม่ครัวได้จัดผัดผัก ข้าวสวย และน้ำแกงให้เรือนตะวันตก
ขณะที่กำลังยกสำรับออกจากห้องครัวบังเอิญเมิ่งฉีเดินสวนมาพอดี สาวใช้แก่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยื่นเท้าออกมาขัดขาลู่ชิงหวังจะให้ล้มลง ทว่าแผนตื้นๆ เช่นนี้ลู่ชิงไม่หลงกลอีกแล้ว เมิ่งฉีเคยกลั่นแกล้งได้ครั้งหนึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะแกล้งได้ตลอด ลู่ชิงยกเท้ากระทืบแรงๆ ที่เท้าของเมิ่งฉีจนนางส่งเสียงร้องโอ้ยดังลั่น จากนั้นลู่ชิงก็หัวเราะเย้ยแล้วเดินเร็วๆ กลับเรือนตะวันตก
“ขอโทษเจ้าค่ะคุณหนู ข้าไม่ทันระวังทำถ่านเปียกหมดแล้ว”ถิงถิงคว่ำหน้าตำราที่กำลังอ่านไว้บนโต๊ะ หลุบตามองถ่านในถังถามกลับน้ำเสียงราบเรียบ“เปียกได้อย่างไร”“เมิ่งฉีจงใจทำชาหกใส่ ถ่านเปียกจุดไฟไม่ติดแน่ๆ”“ไม่เป็นไร วันนี้เรามีผ้าห่มหนา เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าค่อยเอาถ่านออกผึ่งแดดแล้วสะสมไว้ใช้วันต่อไป”ลู่ชิงพยักหน้าหงึกๆ ยกถังถ่านไปไว้มุมห้อง จากนั้นปูที่นอนของตนเองไว้ข้างๆ เตียงของเจ้านาย ตบฝ่ามือลงบนม้วนผ้าห่มผืนใหม่จนเกิดเสียงดังปุๆ ถิงถิงมองแล้วก็ยิ้มตาม เดาว่าสาวน้อยนางนี้คงดีใจมากที่ได้ผ้าห่มใหม่อยู่เป็นแน่ แต่ไม่นานรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าก็จางไป ความเศร้าใจแทรกซึมเข้ามาอย่างช้าๆ หากมารดายังอยู่ทั้งตนและลู่ชิงก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ หยู่ถิงจะไม่ยอมให้ใครกลั่นแกล้งพวกนางทั้งสองเป็นแน่ บัดนี้มรสุมชีวิตถาโถมอย่างหนักหน่วง แม้แต่สาวใช้ก็ไม่ให้ความยำเกรงหาเรื่องกลั่นแกล้งได้ทุกวี่ทุกวันแค่กๆถิงถิงส่งเสียงไอกระเสาะกระแสะ มือเรียวยกขึ้นมาปิดริมฝีปาก ลู่ชิงจึงรีบดีดตัวลุกจากที่นอนแล้ววิ่
“เจ้าทำเช่นนั้นจริงหรือ”“จริงสิเจ้าคะ บ่าวอยากให้คุณหนูได้เห็นหน้าเมิ่งฉีในตอนนั้นจริงๆ นางร้องดังยิ่งกว่าหมูถูกเชือดอีก”พอกลับมาถึงเรือนตะวันตกนางก็รีบเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่หน้าห้องครัวให้เจ้านายฟัง ถิงถิงหัวเราะขำขันพลางเปิดสำรับออกดูก่อนจะหันไปถาม“แล้วของเจ้าเล่า”“ของบ่าวเป็นหมั่นโถวกับผักต้ม”“แม่เลี้ยงข้านี่ช่างตระหนี่ถี่เหนียวเสียเหลือเกิน เช่นนั้นเจ้าก็มานั่งกินกับข้า วันนี้ข้าได้ผัดผักกับข้าวสวย มีน้ำแกงไก่ด้วยนะ”ถิงถิงเปิดฝาอาหารแต่ละอย่างแล้วไล่ชื่ออาหารเหล่านั้นให้ฟัง สาวใช้จึงวางหมั่นโถวและผักต้มลงบนโต๊ะ นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับถิงถิง หยิบตะเกียบขึ้นมาพลางจ้องมองอาหารแต่ละอย่างตาละห้อย“เจ้าอยากกินข้าวสวยอย่างงั้นหรือ” เห็นแววตาของสาวใช้ ถิงถิงอดที่จะถามไม่ได้“เอ่อ…”“เช่นนั้นเอาข้าวสวยไปแล้วส่งหมั่นโถวมาให้ข้า"“แต่…”“กินไปเถิด วันนี้ข้าเบื่อข้าวสวย
"หน็อย! ไม่เปิดใช่ไหม"สาวใช้ไม่รีรอใช้ลำตัวอ้วนตันพุ่งเข้าหาประตูหวังจะชนแรงๆ ให้เปิดออก ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกจากข้างในทำให้เมิ่งฉีเสียหลักล้มคะมำไปกองอยู่ที่พื้นห้อง เสียงดังโครมอย่างแรงครั้งเดียวตามมาด้วยร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นถิงถิงยืนกอดอกจ้องตนอยู่ สาวใช้แก่ยกมืออันสั่นเทาขึ้นชี้หน้าพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว“คุณหนูใหญ่ ท่าน! ท่าน!”“จะนอนอยู่ตรงนี้อีกนานหรือไม่”“อู้ย เจ็บๆ”สาวใช้แก่พยายามพยุงร่างลุกขึ้นยืน บีดนวดตัวเองอยู่สองสามครั้งก่อนจะเอาสายวัดตัวออกมาจากแขนเสื้อ“อนุเหมยหลินบอกให้ข้ามาวัดตัวและจดขนาดตัวไปให้ช่างตัดเสื้อ”คิดไม่ถึงว่าแม่เลี้ยงผู้นั้นจะตัดชุดผ้าไหมล้ำค่าให้จริงๆ แต่ก็เอาเถิด ไหนๆ ของล้ำค่าที่ว่านี้ก็เป็นของท่านแม่ หากได้มาตัดชุดก็ถือว่ารักษาสิ่งของเอาไว้ได้ชิ้นหนึ่งถิงถิงคิดในใจ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเพื่อที่เมิ่งฉีจะได้รับวัดตัวได้สะดวก ขณะที่วัดตัวอยู่นั้นเมิ่งฉีก็แสยะยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ“ผ้าไหมล้ำค่าพอได้มาอยู่บนตัวคุณหนูใหญ่ไม่รู้ว่าจะคู่ควรหรือไม่นะ”
ทว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดกลับสูญเปล่า บางตระกูลเพียงแค่รับของส่งเดชแล้วก็ไม่คิดจะเชื่อมสัมพันธ์ บางตระกูลไม่อยากหักหาญน้ำใจก็รับไว้ในฐานะคนรู้จักแต่ไม่ได้มีความคิดที่จะคบค้าสมาคมด้วย สาเหตุเป็นเพราะต่างก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเหมยหลินดี จึงมองว่านางเป็นอีกาที่พยายามชุบตัวเองให้เป็นหงส์พอโต้เถียงพ่ายแพ้ทั้งสามคนก็เดินหนีไปอย่างไม่ไยดี ถิงถิงชินชากับสภาพเช่นนี้แล้ว เมื่อเห็นว่าทั้งสามจากไปลู่ชิงก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นมาหา นางเห็นว่าคุณหนูของตนกำลังถูกคนพวกนั้นข่มเหงรังแกแต่ก็ไม่กล้าทะเล่อทะล่าเข้ามาในตอนนั้น“คุณหนูเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าได้ยินว่าคุณหนูรองบาดเจ็บมีเลือดออกด้วย นายท่านได้สั่งลงโทษคุณหนูอีกหรือไม่”“แปลกมากจริงๆ ข้าเองก็นึกสงสัยเช่นกันว่าเหตุใดจึงไม่ถูกลงโทษ ช่างเถิด ไม่เจ็บตัวก็ดีแล้ว เจ้าประคองข้ากลับเรือนที”หญิงสาวส่งเสียงไอแค่กๆ สองสามครั้ง สาวใช้รีบเข้ามาประคองพาเดินกลับเรือนหลังเล็กท้ายจวน ย่างเข้าฤดูเหมันต์อาการโรคไข้ลมหนาวของถิงถิงก็กลับมากำเริบ ในฤดูเหมันต์ปกติถิงถิงจะนอนห่มผ้าอยู่ติดเตียง เรือนตะวันตกแม้จะเล็กแคบแต่ก็กันลมได้เป็นอย่างดี เสียก็แต่ผ้าห่มนั้นค่อนข้าง
“ท่านพี่อย่าเพิ่งโมโห บาดแผลของอิ่งเอ๋อร์แค่เล็กน้อยเท่านั้น ใส่ยาสองสามวันก็หายอย่าโทษถิงถิงเลยเจ้าค่ะ ข้าว่านางไม่ได้ตั้งใจหรอก นางอาจจะแค่คิดถึงมารดาที่ตายไปแล้วจึงไม่ทันยั้งคิด เอาแบบนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ ในเมื่ออิ่งเอ๋อร์ก็ทำผิดพลาดหยิบสินเดิมของอดีตฮูหยินมาตัดชุดโดยพลการ เช่นนั้นข้าจะเป็นธุระหาช่างฝีมือดีมาตัดชุดให้ถิงถิงสักตัว ทำแบบนี้จะไม่ได้น้อยหน้ากัน”“เจ้าก็ยุติธรรมดีเช่นนี้ ลำบากเจ้าแล้ว” พอถูกเกลี้ยกล่อมเจียเฉิงก็เสียงอ่อนลง“ข้าเห็นถิงถิงเป็นเหมือนลูกสาวแท้ๆ เรื่องแค่นี้ยังจะมีอะไรต้องเกรงใจกันอีก” เหมยหลินแตะต้นแขนสามีเบาๆ แล้วหันไปพูดกับถิงถิงต่อ “ประเดี๋ยวตอนเย็นแม่รองจะให้เมิ่งฉีไปวัดตัวให้เจ้า จากนั้นค่อยจดขนาดตัวไปให้ร้านตัดเสื้ออันดับหนึ่งของอำเภอเต้าหมิงตัดเย็บให้”“แม่รอง ยามที่ข้าออกไปนอกเรือนมีเสียงซุบซิบนินทาว่าตระกูลว่านร่ำรวยแต่เลี้ยงบุตรสาวภรรยาเอกเติบโตมาอย่างอัตคัด แม้แต่เสื้อผ้าที่ข้าสวมใส่ออกจากจวนยังบ่งบอกถึงสภาพความเป็นอยู่ของข้าได้โดยที่ข้าไม่ต้องป่าวประกาศบอกผู้ใด พวกท่านคงอับอายกระมัง"“เจ้า!”เจียเฉิงเริ่มเดือดดาลขึ้นมาอีกรอบ เหมยหลินรีบส่งสายตาปรา
เหมยหลินมองดูบุตรสาวผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ด้วยแววตาปลื้มปริ่ม เมื่อชุดผ้าไหมสีฟ้าได้มาอยู่บนตัวของซืออิ่งแล้วงดงามไร้ที่ติ ดรุณีน้อยหมุนตัวหน้าคันฉ่องสองสามรอบแล้วหันมาหัวเราะคิกคักกับมารดา“หากคุณชายหานได้เห็นข้าสวมใส่ชุดนี้จะเป็นอย่างไร”“เขาคงมองเจ้าตาค้างเลยทีเดียว”“จะเป็นเช่นนั้นแน่หรือเจ้าคะ แม้แต่ท่านพ่อเอ่ยปากเชิญคุณชายหานมาที่จวนเขาก็ยังปฏิเสธ ข้ามีโอกาสได้เห็นคุณชายหานเพียงครั้งเดียว มองไกลๆ ยังรู้ว่าเป็นบุรุษรูปงามสง่าผ่าเผย”หากไม่ใช่เพราะหลายปีก่อนเจียเฉิงเคยช่วยหานอี้ควนไว้โดยบังเอิญ พอได้รู้สถานะที่แท้จริงว่าเป็นถึงคุณชายน้อยผู้สืบทอดหอคุณธรรมก็รีบเอ่ยปากทวงบุญ โดยการเรียกร้องให้หมั้นหมายกับซืออิ่ง อี้ควนเหมือนถูกมัดมือชกกลายๆ ถ้าไม่เพราะเหตุการณ์นั้นเขาก็คงไม่มีวันชายตามองตระกูลว่านเดิมทีตระกูลหานคือตระกูลสูงส่ง เป็นผู้ดีเก่าแห่งอำเภอเต้าหมิง รับหน้าที่ดูแลหอคุณธรรมมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อน หอคุณธรรมคือหอไม้สักทองขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอดีตกษัตริย์ของแคว้นฉิน ต่อมาพระราชทานให้ตระกูลหานเป็นผู้สืบทอดดูแล ระดับความสูงเก้าชั้น งดงามอลังการราวกับตำหนักสวรรค์ ตั้งตระหง่า