Masuk"ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช้แผนการของข้าแต่อย่างใดท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าแค่รู้บางสิ่งมาแต่มันก็สายไปเสียแล้ว คราวนี้ทำตามที่ข้าได้แจ้งท่านก็จะรอดแล้วปลอดภัย หากว่าท่านไม่ทำตามแล้ว ณืเวลานี้ท่านก็จะมีแต่เสียกับเสีย คนวางแผนนั้นต้องการให้ท่านทิ้งตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทไป ข้าก็ต้องเสียกองกำลังรักษาการวังหลวงไป ข้าเองคิดว่าเรามาร่วมมือกันจะดีเสียกว่า"
องค์ชายรัชทายาทอ่านจดหมายที่ลายมือของนางนั่นช่างอ่อนช้อยและแข็งแกร่งไปในตัว "ซูเสวี่ยเจ้าไปสืบประวัติของบุตรีของแม่ทัพหลิว หลิวเสียงเหย่ามาได้หรือไม่ หาทางลอบออกจากตำหนักไปยังทิศในวังไม่น่าจะมีผู้ใดเฝ้าอยู่" องค์ชายรัชทายาทหนามกงฟู่บอกลูกน้องคนสนิทไปตามสืบ ไม่นานเขานั้นก็หายตัวไปทันที "เราเคยเจอกันในค่ายทหารของท่านพ่อ ที่อยู่ในวังหลวงเมื่อสามปีก่อนท่านได้เข้ามาเยี่ยมเยียนภายในค่ายแห่งนี้ เราทั้งสองชอบพอกันแต่ท่านก็มีเหตุที่ต้องไปประจำตำแหน่งที่ค่ายด้านเหนือจึงทำให้เราไร้การติดต่อกัน" รัชทายาทหนามกงฟู่อ่านมาถึงท่อนนี้ก็รู้สึกน้ำเน่าสิ้นดี เหตุใดเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนหรือว่าเมื่อสามปีที่แล้วเขาจะพบกับสตรีที่ค่ายองครักษ์แล้วชอบนาง "แล้วค่ากับท่านก็มาพบกันในวันที่ท่านเข้าวังหลวงมาเราได้พูดคุยกันจึงทำให้นึกถึงความหลังแต่เราก็ต้องแยกย้ายกัน เมื่อถึงวันงานเทศกาลปีใหม่เราก็พบกันในงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เราทั้งสองนั้นได้พูดคุยและแรกของแทนใจกัน ข้าสาบานกับท่านถึงแม้ตอนนี้เหมือนว่าข้ากับองค์ชายสามจะชอบพอกัน แต่ข้าก็ขอเป็นของท่านและต่อไปนี้ข้าก็จะไม่แต่งงานกับผู้ใด ขอให้ครั้งนี้ของพวกเรา เป็นครั้งเดียวตลอดไป ข้าได้ให้สัญญากับเจ้าไว้เยี่ยงนี้" องค์ชายรัชทายาทหนามกงฟู๋อ่านจดหมาย ก็เกิดสงสัยอยู่หลายจุดแม่นางคนนี้ต้องการให้เขาช่วย และตัวนางก็ช่วยเขานั้น นางรู้แล้วหรือว่าใครกันที่ต้องการที่จะทำร้ายชื่อเสียงของเขา แต่เขาเองก็ไม่สนใจตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทอยู่แล้ว แต่ทำไมบุตรของแม่ทัพหลิวจะสูญเสียกองกำลังได้อย่างไรกัน เขาได้แต่อ่านทวนไปทวนมาแล้วก็ขบคิด พูดตามตรงเรื่องที่อยู่ในวังแห่งนี้เขารู้จักมันน้อยมาก แต่หากเรื่องที่อยู่ในสนามรบเขาย่อมไม่แพ้ใครทั้งสิ้น ไม่นานซูเสวี่ยก็กลับมา "องค์ชายรัชทายกขอรับแม่นางผู้นี้คือบุตรีของท่านแม่ทัพหลิว คนที่ข้าไปสอบถามมาบอกอีกว่าเขาได้ชอบพอกับองค์ชายสามนางกงเฉียว แต่เมื่อคืนเหมือนมีเหตุอะไรสักอย่างเกิดขึ้นทำให้นางได้กับจวนตอนรุ่งเช้า แต่ข่าวนั้นก็ยังไม่ได้ชัดว่าเป็นสิ่งใด แต่ก่อนนางชอบไปยังค่ายฝึกทหารของแม่ทัพหลิวอยู่บ่อยๆ แต่หลังจากคบหากับองค์ชายสามราวๆกกเดือนที่ผ่านมานางก็ไม่ได้ไปที่ค่ายอีกขอรับ " ซูเสวี่ยกล่าวขึ้น จึงทำให้หนามกงฝู่รู้สึกแปลก ในเมื่อสตรีผู้นี้รักอยู่กับน้องสาม แล้วทำไมถึงเป็นเยี่ยงนี้ ใครกันที่อยู่เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องเมื่อคืน เขาคิดว่าสตรีผู้นี้น่าจะรู้ดี ถึงเป็นแบบนี้หรือไม่ก็ตัวสตรีผู้นี้เองซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใด แต่เขาก็ยังไม่ปักใจเชื่อในจดหมายที่สตรีผู้นี้เขียนมา แต่ถามว่าเขาจะลองทำตามไหม แน่นอนเพราะเขาก็ได้แต่งงานแล้ว ถ้าหากเขาไม่ทำตามน้ำไปก่อน เขาต้องมีปัญหากับแม่ทัพหลิวและทำให้เขาหลุดจากตำแหน่งองค์ชายรัชชายาท ถึงแม้ว่าเขาไม่ต้องการ แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วมันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรสักอย่าง เอาไว้ได้โอกาสที่เหมาะสมแล้วเขาต้องไปถามสตรีผู้นั้นอีกแน่นอน ทางด้านหลิวเสียงเหย่าไม่นานก็ถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้าพบ นางเข้าเฝ้าฮ่องเต้และมองหน้าฮ่องเต้แล้วทำให้น้ำตาออกมาคลอที่มวยตาทำให้ดูน่าสงสาร "ถวายบังโคมเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันผิดเองเจ้าคะ ที่มิห้ามใจตัวเองได้ ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันจะไม่รักนวนสงวนตัวแต่หม่อมฉันเป็นลูกของทหารทำอะไรหม่อมฉันก็จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด หม่อมฉันคิดว่าหม่อมฉันทำถูกและตอนนี้ในทางกลับกัน องค์ชายรัชทายาทเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แต่หม่อมฉันก็ไม่ได้ต้องการที่จะเรียกร้องสิ่งใด เพียงแค่ผ่านเรื่องเมื่อคืนแล้วเราสองคนก็คิดที่จะจบความสัมพันธ์ เพราะยังไงองค์ชายรัชทายาทก็กล่าวอยู่แล้วว่าเขาต้องการที่จะกลับไปยังค่ายทิศเหนือ ข้าจึงตั้งปณิธานว่าจะไม่ออกเรือนกับผู้ใดเจ้าค่ะ" หลิวเสียงเหย่าขึ้น เขาไม่รู้ว่าถ้าออกมาพูดแบบนี้แล้วเรื่องจะเป็นอย่างไร แต่ขออย่างเดียวคือเขาไม่ต้องการที่จะเป็นอนุขององค์ชายสามเพียงเท่านั้น บุรุษที่นางเกลียดสุดในหัวใจเนื่องจากได้ทำลายชีวิตนาง แม้แต่หน้าตอนนี้นางก็ไม่อยากจะมองบุรุษผู้นั้นเลย "จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าให้คนไปเรียกเจ้าองค์ชายรัชทายาทแล้ว ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าเสียชื่อเสียงหรอก เจ้าเป็นถึงบุตรตรีของแม่ทัพหลิว ยังไงข้าก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่เขา" ฮ่องเต้กล่าวขึ้นไม่นานองค์ชายรัชทายาทก็ถูกเรียกเข้าพบ เขาเดินมาในตำหนักหลักโดยข้างหลังมีลูกน้องคนสนิทเพียงคนเดียว แม่ทัพหลิวเองที่เห็นองค์ชายรัชทายาทเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ครั้งก่อนกับตอนนี้ช่างแตกต่างกันยิ่งนัก ครั้งก่อนเหมือนว่าเขายังไม่มีสติมากพอ ใบหน้าก็ดูอ่อนล้ากว่านี้ แต่ตอนนี้เดินมาด้วยท่าทีแข็งแกร่งเหมาะที่จะดูแลบุตรสาวของตนอย่างมาก หลิวเสียงเหย่าคำนับองค์ชายรัชทายาทเล็กน้อย "เจ้าฟู่บิดาของเจ้าและบิดาของแม่นางหลิวรับดูแล้วว่าพวกเจ้าชอบพอกัน ครั้งนี้จะไม่มีใครมาขัดขวางเรื่องที่พวกเจ้าชอบพอกันได้ ฮองเฮาจะไม่สามารถยื่นมือเข้ามาก้าวก่ายได้อีกแล้วเราขอประทานพระราชสมรสให้กับเจ้าทั้งสอง" ฮ่องเต้กล่าวขึ้น หนามกงฟู่เองไม่ได้มีท่าทีดีใจและเสียใจแม้แต่น้อย หลิวเสียงเหย่าเองก็ถือว่าทำเรื่องเกินคาดไว้มาก เพราะในอดีตบุรุษผู้นี้ก็รักนางและบุตรชายมาก นางไม่แสดงสีหน้าใดๆทั้งสิ้น ทำให้ฮ่องเต้ที่ตรัสออกมาถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว "น้อมรับบรรชาพะยะค่ะ/น้อมรับบรรชาเพคะ" ทั้งสองคนกล่าวขึ้น "หากไม่มีเรื่องสิ่งใดแล้วลูกขอตัวพะยะค่ะ" องค์ชายรัชทายาทหนามกงฟู่แค่รับรู้และก็ขอตัวกลับตำหนัก ผู้ที่ตกใจคือลูกน้องคนสนิทขององค์ชายรัชทายาทต่างหากเพราะที่สืบมาสตรีผู้นี้เป็นคนรักขององค์ชายสาม ไม่ใช่หรือ "องค์ชายรัชทายาทคงจะไม่พอใจในตัวหม่อมฉันเพคะเพราะที่เราคุยกันแล้ว องค์ชายรัชทายาทก็ต้องจากไปทำศึกทางค่ายทิศเหนือ จึงยังไม่อยากที่จะสมรสกับกระหม่อม กระหม่อมเข้าใจเขาดีเพคะ" หลิวเสียงเหย่ากล่าวขึ้น "ไม่ได้หรอกยังไงข้าก็ต้องการให้องค์ชายรัชทายาทนั้นกลับมาประจำที่วังแล้ว ในการที่สมรสกับเจ้ามีข้อดีเช่นกันเขาจะได้อยู่ในวังไม่ไปไหนแล้ว" ฮ่องเต้กล่าวขึ้น "ไม่ได้นะเพคะฮ่องเต้หม่อมฉันคิดว่า หม่อมฉันต้องการที่จะให้เสด็จพี่นั้นไปออกรบอยู่ เนื่องจากเขาชอบกระทำสิ่งนั้น หม่อมฉันรักในตัวเขาและอยากให้เขามีความสุขที่สุดที่จะทำได้เพคะ และอีกอย่างจะได้เป็นขวัญและกำลังใจของแม่ทัพต่างๆส่วนเรื่องสมรสนั้นเมื่อมันจะเป็นการฉุดรั้งเขาไว้มองฉันก็จะไม่ยินยอมสมรสเพคะ" หลิวเสียงเหย่ารีบกล่าวเพาะเขารู้ดีว่าหากครั้งนี้องค์ชายรัชทายาทไม่ออกไปรบด้วยตัวเอง ก็จะถูกตีค่ายจนแตด ไม่แน่ว่าเมืองหลวงอาจแตกด้วยก็ได้ เมื่อนางแค่ต้องการเปลี่ยนชีวิตตัวเองใหม่ แต่ไม่ต้องการเปลี่ยนบทบาทของเขาให้มากนัก ให้เขาป้องกันบ้านเมื่อ ชาติที่แล้วเขาเอาชนะข้าศึกกลับมาทันนางคลอดบุตรพอดี ครั้งนั้นเขาทำชื่อเสียงจึงได้ถูกอภัยโทษและถูกสอบตะแหน่งให้เป็นอ๋อง แต่ตอนนั้นนางก็ได้เป็นอนุขององค์ชายสามแล้วแสงอาทิตย์แรกของวันแหวกทะลุม่านหมอกบางที่ลอยคลุมเหนือทุ่งหญ้ากว้าง เสียงนกป่าขานรับรุ่งอรุณกลายเป็นเพียงความทรงจำอันแผ่วเบา เมื่อเสียงกลองศึกดังสนั่นขึ้นจากแนวหน้าทัพ กองธงของแคว้นตงปลิวสะบัดรับลมเช้า แสงแดดย้อมเกราะโลหะให้เปล่งประกายดั่งเพลิงอรุณ พลทหารทั้งหลายเรียงแถวแน่นขนัด ดวงตาทุกคู่สะท้อนความมุ่งมั่นและความหวาดหวั่นปะปนกัน“ขึ้นม้า!” เสียงองค์ชายสี่หนามกงหยุ่นตะโกนก้อง วันนี้เขาจะประกาศศักดาผู้ที่ดูถูกเขา ฝุ่นดินปลิวฟุ้งขณะม้าศึกนับพันกระทืบพื้นพร้อมกัน เสียงเกือกเหล็กกระแทกดินดังระรัวราวกับสายฟ้าที่โหมกระหน่ำลงบนแผ่นดิน กลิ่นเหล็ก กลิ่นเหงื่อ และกลิ่นหญ้าที่เพิ่งถูกเหยียบย่ำผสมปนเปกันเป็นกลิ่นของสงครามที่ไม่อาจลืมเลือน เมื่อดวงอาทิตย์ยกตัวขึ้นเหนือขอบฟ้า เสียงเป่าหอยศึกก็ประกาศเริ่มการรบ กลุ่มอัครราชทูตกลับไปกองทัพของแคว้นเป่ยได้ทันก่อนที่กองทัพของแคว้นตงจะบุกเข้ามา "ห๊ะอะไรกองกำลังจากวังหลวงของแคว้นตงจะเข้ามาสมทบ แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกนั้นเรียกกองกำลังไปกี่พันนาย แล้วองค์ชายสี่ไม่รับข้อเสนอของเราหรือ เราสามารถสนับสนุนให้เขาเป็นฮ่องเต้ได้"เสียงแม่ทัพแคว้นเป่ยกล่าวขึ้น"
ทางด้านตะวันตกก็ไม่ต่างกัน ข้าศึกแคว้นเป่ยตรึงกำลังมานานแล้ว ข่าวของแคว้นตงเปลี่ยนขั้วอำนาจมาถึง องค์ชายสี่หนามกงหยุ่นรู้สึกว่าเป็นธรรมอยากมาก เขาอยากให้เสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทเป็นฮ่องเต้นานแล้ว แต่ก่อนตำแหน่งแม่ทัพของเขาเป็นแม่ทัพลำดับสองของแคว้นตง ต่อไปนี้เขาจะได้เป็นแม่ทัพที่เก่งลำดับที่หนึ่งแล้วละ เขายินดีเป็นอย่างมาก"ท่านแม่ทัพข้ามีเรื่องเกี่ยวกับค่ายใหม่ของแคว้นตงของเราพะยะค่ะ ค่ายใหม่ของแคว้นตงอยู่ทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นน่านน้ำนำทัพโดยองค์ชายรัชทายาทหนาวกงฟู่ ในบันทึกศึกมีแคว้นจิ้นและแคว้นอี้ที่ร่วมมือกันบุกมายังน่านน้ำและถูกตอบโต้โดยองค์ชายรัชทายาทจนในที่สุดพระองค์สามารถจับแม่ทัพฉี่ฉ่างของแคว้นจิ้นได้ และกุมตัวไปวังหลวงและต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นฮ่องเต้พะยะคะ"รองแม่ทัพรายงานขึ้น"ขนานนี้ยังจะสร้างชื่อเสียงส่งท้ายอีกนะเสด็จพี่ แล้วเรื่องขององค์ชายสามละ ไหนว่าถูกประหารชีวิต"องค์ชายสี่หนามกงหยุ่นถามขึ้น"ได้ข่าวว่าถูกข้อหากบฏพะยะคะ เป็นองค์ชายรัชทายาทใส่ร้าย"รองแม่ทัพกล่าวขึ้น"แล้วเจ้าคิดว่าเสด็จพ่อของข้าไม่มีหัวสมองเลยหรือ มีคนโดนใส่ร้ายก็จะไม่รู้ถึงขึ้นประการชีวิตขนาดนั้น"องค
"ท่านพ่อเจ้าค่ะตอนนี้เสด็จพี่ก็ได้เป็นฮ่องเต้แล้วข่าวนี้น่าจะแพร่ออกไปในไม่ช้า ท่านพ่อน่าจะมอบกำลังทหารให้ฮ่องเต้เพื่อที่จะไปเป็นกองทัพหนุนหลังให้กองทัพทัพหลัก เพราะหากข่าวนี้แพร่ออกไปแล้วอาจจะมีบางแคว้นที่ใช้เหตุการณ์นี้เข้ามาโจมตีแคว้นของเรา เนื่องจากว่าภายในนั้นก็น่าจะยังไม่มั่นคงพอ ด้านนอกจึงคิดจะมาแทรกแซงได้ง่าย เพราะลูกเองก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพต่างๆนั้นส่วนมากจะเป็นองค์ชายเขาจะยินยอมกับเรื่องนี้หรือไม่"หลิวเสียงเหยากล่าวกับแม่ทัพหลิว ขนะที่เขาเข้ามาดูหลานชาย"เรื่องนี้พ่อกับฮ่องเต้องค์เดิมจัดการแล้วเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงตอนนี้เจ้าคือฮองเฮาเจ้าเป็นสตรีวังหลัง เจ้าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านเมืองได้อย่างไร"แม่ทัพหลิวกล่าวขึ้น เพราะเรื่องนี้เขาคุยกับฮ่องเต้คนเก่าแล้วและได้จัดการเรียบร้อยแล้วตอนนี้กองทัพน่าจะกำลังไปถึงชายแดนต่างๆ ส่วนแม่ทัพทางตะวันออกนั้นยังปรึกษาหารือไม่ลงตัว เมื่อหลายแคว้นรับรู้ถึงเรื่องนี้ก็เกิดการปั่นป่วนจริงๆเนื่องจากว่า ผู้ที่เป็นแม่ทัพนั้นก็คือองค์ชายสองและองค์ชายสี่เมื่อพวกเขารับรู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงในวังขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบนี้ และอีกอย่างองค์ชายสามนั้นก็ถูกประ
รุ่งเช้า ณ ท้องพระโรงทุกคนต่างเข้ามาประชุมก็เห็นสามคนที่นั่งอยู่กลางท้องพระโรง พวกเขานั้นถูกมัดไว้ราวกับนักโทษ เดิมองค์ชายรัชทายาทเองยังไม่อยากที่จะออกจากตำหนักเนื่องจากว่าพระโอรสของเขาพึ่งลืมตาดูโลกเขาต้องการจะอยู่ต่อ แต่ด้วยราชกิจที่บิดาบอกว่าเขาจำเป็นต้องมาด้วยตนเอง เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสายลับผู้นั้นเขาจึงต้องจำใจจากโอรสน้อยมา เมื่อเขามานั่งบัลลังก์รองและมองลงไปก็เห็นทั้งสามที่ถูกจับไว้อยู่กลางท้องพระโรง ฮ่องเต้เองก็เหนื่อยๆกับเรื่องนี้เต็มทน หากเขาไม่จัดการบทพรุ่งนี้ก็จะกำเริบสืบสาน แต่คดีนี้เป็นคดีใหญ่คดีกบฏขนาดนี้ผู้เป็นบุตรชายจะต้องถูกประหาร เขาเองก็ไม่รีรอเนื่องจากว่าถ้าทนเห็นความเจ็บปวดของลูกเขาเองก็จะเจ็บปวดเขาจึงยื่นจดหมายให้ทันทีข้างกายเพื่อให้เขาอ่านออกไป"เสียงเหย่าลูกรัก หากจดหมายฉบับนี้ของแม่ได้ส่งถึงมือเจ้าแล้วเจ้าคงจะรู้แล้วว่าแม่ผู้นี้ไม่ใช่แม่แท้ๆของเจ้า แม่ขอโทษที่พรากพวกเจ้าออกจากกันเมือหลายปีก่อน จนแม่ได้เข้ามาอยู่ในจวนได้รู้ถึงความรักและความผูกพัน แม่เองเป็นคนของแคว้นอื่น คราแรกแม่เต็มใจที่จะเข้ามาเป็นสายลับเข้ามาหวังจะสืบข้อมูลในตระกูลหลิวของเจ้า เป็นบิด
เมื่อหลู่ชิงเหยาเข้ามาในวังก็เป็นไปตามที่ท่านยายนั้นกล่าวไว้ คือว่าตำหนักองค์ชายรัชทายาทปิดไม่ให้ผู้ใดเข้าเลยสักคน นางพยายามร้องตะโกนว่านางคือจะสหายของพระชายาแต่ก็ไม่มีผู้ใดเปิดให้นาง นางจึงตัดสินใจเข้าพระราชวังเพื่อไปหาฮองเฮา แต่ก็พบว่าฮองเฮาทรงเสวยพระยาหารกับฮ่องเต้อยู่ นางจึงตั้งใจที่จะรอ เมื่อทั้งสองเสวยพระยาหารเสร็จก็ออกจากตำหนักก็พบว่าหลู่ชิงเหยารออยู่แล้ว"ถวายพระพรฮ่องเต้ ถวายพระพรฮองเฮาเพค่ะ พอดีหม่อมฉันจะมาดูว่าพระชายานั้นคลอดแล้วหรือยัง แต่ตอนนี้ตำหนักขององค์ชายรัชทายาทปิดไม่ให้ผู้ใดเข้าไปได้เลยเพคะ"หลู่ชิงเหยากล่าวขึ้น"เจ้ากลับไปก่อนนะ พอดีวันนี้มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยเกี่ยวกับคนของตำหนักองค์ชายรัชทายาทรวมไปถึง พระชายากำลังจะคลอดจึงดูคนเข้าออกได้ยาก ทั้งตำหนักก็คงจะปิดเพื่อมิให้คนนอกเข้า และหาการคลอดออกมาไม่ราบรื่นก็คงจะปิดเพื่อไม่ให้คนในออก"ฮ่องเต้กล่าวขึ้นและเดินจากไป หลู่ชิงเหยามองพระพักตร์ฮองเฮานางก็ได้แต่ยิ้มแล้วเดินจากไปเพราะนางต้องเอาเรื่องที่องค์ชายรัชทายาทนั้นจะต้องกลับค่ายอีกครั้งไปบอกกับบุตรชายของเขา เพราะเขาจะได้จัดการกับองค์ชายรัชทายาท หลู่ชิงเหยาได้แต่เดิน
ในตำหนักขององค์ชายรัชทายาทครึกครื้นขนาดนั้นจึงทำให้ฮองเฮารู้ว่าพระชายาหลิวกำลังใกล้จะคลอดแล้ว นางจึงอยากไปดูด้วยตาตัวเองว่าเป็นพระราชธิดาหรือพระราชโอรสเขาจึงมุ่งไปตำหนักขององค์ชายรัชทายาททันที เสี่ยวไป๋กับซูเสวี่ยไม่กล้าที่จะห้ามปลาม เข้าทั้งสองจึงต้องจำใจปล่อยให้ฮองเฮาเข้าไปข้างใน ทั้งสองมองหน้ากันเพราะตัวเองเป็นผู้น้อยจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย "เสด็จพี่อยู่ที่นี่นี่เองหม่อมฉันได้ข่าวว่าลูกสะใภ้กำลังจะคลอดจึงรีบมาเพคะ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างเพคะ ลูกสะใภ้เราได้เพราะราชโอรสหรือพระราชธิดาเพค่ะ"ฮองเฮากล่าวขึ้น เมื่อฮ่องเต้มองเห็นฮ่องเฮาก็ทรงตกพระทัยเล็กน้อย"ยังไม่คลอดเลยทั้งหมอหลวงกับหมอตำแยพึ่งเข้าไปเมื่อครู่หมอหลวงยังไม่ออกมาเลย ข้าว่าเราไปรอที่ตำหนักของพวกเราดีกว่า หากพระชายาคลอดแล้ว เจ้าอย่าลืมส่งคนไปแจ้งพ่อนะว่าได้พระราชโอรสหรือพระราชธิดา พ่อจะได้ให้คนนำของมารับขวัญหลาน"ฮ่องเต้พูดขึ้นและพาฮ่องเฮาจากไป จึงทำให้องค์ชายรัชทายาทหลังกงฟู่รู้สึกสงสัยเนื่องจากว่าท่านพ่อพูดคุยกับเขาเหมือนท่านพ่อจะรอให้หมอหลวงออกมาก่อน แล้วท่านพ่อค่อยไปแต่นี้หมอหลวงยังไม่ออกมา ท่านพ่อก็จากไปแล้วหรือว่ามีค







