"นายน้อยขอรับสตรีผู้นี้เป็นคนรักขององค์ชายสามนะขอรับ แล้วทำไมเขาต้องแต่งงานกับนายน้อยด้วยหรือขอรับ "
ซูเสวี่ยถามผู้เป็นนายขึ้น "ก็เรื่องเมื่อคืนนั่นแหละ มันเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยที่ข้าต้องแต่งกับสตรีผู้นี้ หรือเจ้าอยากให้ข้าผิดใจกันกับแม่ทัพหลิวซึ่งเขาเป็นหัวหน้าของหองกำลังทหารองครักษ์ที่อยู่ในวังหลวง ถึงแม้ว่าเราจะมีกองทัพในมือหลายกองแต่ข้าว่าเราก็ไม่ควรที่จะผิดใจกับกองกำลังรักษาวังหลวงหรอกเอาเป็นว่าเจ้าไปสืบเรื่องของฮองเฮาและองค์ชายสามมาก็แล้วกัน" หนามกงฟู่กล่าวขึ้น เขาไม่เคยให้ลูกน้องคนสนิทของเขาเรียกเขาว่าองค์ชายรัชทายาทให้เรียกนายน้อยแทนเพราะว่าเวลาที่เขาออกไป ณ สถานที่ต่างๆกับลูกน้องคนที่สนิทเขาจำเป็นที่จะต้องปิดบังตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทไว้ แม้นกับวังหลวงในครั้งนี้ซูเสวี่ยต้องออกไปสืบสถานการณ์ต่างๆอยู่บ่อยๆ เขาก็ไม่ค้านที่จะทำเพื่อเจ้านายของตัวเองเขาเต็มใจไปสืบด้วยตัวเองเนื่องจากว่าข้อมูลจะได้ไม่ผิดพลาด และไม่ไว้ใจคนอื่นอีกด้วย ที่เขาไปสืบเรื่องขององค์ชายสามอาจเป็นเพราะว่าสตรีผู้นั้นชอบพอกับองค์ชายสามอยู่ เขาแอบตามองค์ชายสามก็พบว่าองค์ชายสามได้จองโรงเตี๊ยมเพื่อไปดื่มน้ำชากับใครสักคน ซูเสวี่ยจึงเข้าห้องข้างๆที่พวกเขาจองไว้ และสั่งน้ำชาและขนมมาสักเล็กน้อย และสั่งให้คนอย่ารบกวนเพราะเขานัดสหายไว้ "คุณชายขอรับข้ายังไม่อาจเชิญสหายของท่านมาได้เพราะตอนนี้องค์ชายสามเสด็จมา และได้จองห้องข้างๆไว้ ถ้าหากท่านยังไม่เข้ามาข้าเกรงว่าคงไม่ได้รับอณุญาติให้เข้าแล้ว วันนี้ข้าถือว่าข้าเสียมารยาทแต่ท่านเห็นแก่หน้าข้าสักหน่อยเถอะนะ ท่านช่วยอยู่ในนี้ด้วยท่าทีที่สงบเสงี่ยมด้วยเถอะขอรับ แล้อาหารมื้อนี้จะให้ท่านทานไม่คิดเบี้ย" เฒ่าแก่โรงเตี๊ยมพูดขึ้น ซูเสวี่ยพยักหน้าทำท่าราวกับจนใจ "แล้วเจ้าไม่ต้องไล่ข้าออกหรอกหรือ" ซูเสวี่ยถามขึ้น "ไล่ได้ที่ไหนล่ะขอรับ องค์ชายสามกำลังขึ้นมาแล้วหากเขาเห็นทางก็คงสั่งคนจับท่านไปประหารสิ ท่านอยู่ที่นี้อย่าส่งเสียงนะขอรับ" เฒ่าแก่โรงเตี้ยมกล่าว และเร่งที่จะออกไป ซูเสวี่ยจึงใช้หลอดดักฟังพวกเขาคุยกัน พอเฒ่าแก่เดินออกไปเขาก็ติดตั้งมันไว้แล้วมานั่งดื่มอย่างเงียบฉี่ เขาไม่ต้องการให้ใครมารบกวนอยู่แล้ว เมื่อนั่งจิบน้ำชาอยู่ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆมีความเคลื่อนไหว "หวังว่าเจ้าคงไม่ต้อนรับแขกผู้อื่นหรอกนะ เจ้าคงรู้ว่าข้าไม่ชอบมานั่งจิบน้ำชาร่วมกับแขกผู้อื่น แล้วผู้ที่จข้านัดมาหรือยังหากนางขึ้นมาด้านบนแล้วห้ามผู้ใดขึ้นมาด้านบนเป็นเด็ดขาด" เสียงองค์ชายสามดังขึ้น "ขอรับองค์ชายสามไม่มีใครอยู่ณโรงเตรี๊ยมแห่งนี้เลยขอรับ" เสียงผู้ให้บริการกล่าวขึ้น เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่ามีคนที่อยู่ข้างๆห้อง ที่องค์ชายสามอยู่หรือไม่เพราะเฒ่าแก่ได้กันไม่ให้ทุกคนเข้าโรงเตรียมนานแล้วเมื่อองค์ชายสามมาถึง ซูเสวี่ยได้ฟังคนพูดก็หยิบหลอดดักฟังขึ้นมาเอาอีกด้านใส่หูของตัวเอง ไม่นานก็มีเสียงประตูเปิดขึ้น "คารวะองค์ชายสามเพคะ" เสียงสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นซึ่งซูเสวี่ยเองไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด เสียงสตรีผู้นั้นก้าวเข้ามาด้านในและนั่งลงที่จุดไหนสักที่หนึ่ง และเสียงรินน้ำชาเสียงทุกอย่างแม้อยู่ห้องข้างๆก็ยังได้ยินชัดเจน "เรื่องของเสียงเหย่า ไปถึงไหนแล้วเพคะ ครั้นข้าจะไปเยี่ยมนางที่จวนตระกูลหลิว ก็ห้ามมิให้ข้าเข้าไปเยี่ยม ข้าจึงไม่รู้เลยว่านางเป็นเยี่ยงไรบ้างแล้วนางจะทำตามแผนเราหรือไม่เพคะ" เสียงสตรีผู้นั้นกล่าวขึ้น แผนมันเป็นแผนขององค์ชายสามกับคู่รักคู่นั่นหรือที่ทำให้เจ้านายตัวเองต้องลำบากขนาดนี้ "นางหัวอ่อนจะตายเดี๋ยวข้าจะเข้าไปเยี่ยมเองแล้วบอกกับนางว่านางต้องทำอย่างไรให้บิดาของนางเอาเรื่องเจ้าองค์ชายรัชทายาทจนมันต้องสละตำแหน่งนี้ถึงมันไม่สละพวกเราก็ต้องบีบมันบีบให้เสด็จพ่อสละให้มันเอง และอีกอย่างแม่ทัพหลิวนั้น รักบุตรีมากไม่ยอมให้บุตรีตัวเองเสียเปรียบบุรุษผู้ใดหรอก ขั้นนี้เจ้าองค์ชายรัชทายาทนั้นจบเห่เลยทีเดียว" เสียงองค์ชายสาม ดังขึ้น ทำให้ซูเสวี่ยคิดเดือดดาลอยู่ในใจแต่เขาเป็นชายชาตินักรบย่อมที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เขาถือจอกน้ำชาโดยไม่วางเพราะเขารู้ดีว่าหากวางตอนนี้มันจะทำให้ผู้ที่อยู่ห้องข้างต้องรู้ว่าเขามีตัวตน แอบฟังขนาดนี้ต้องโดนตัดหัวเป็นแน่เรื่องสำคัญอยู่ไม่น้อย "แล้วท่านก็คงจะแต่งกับเสียงเหย่าแทนองค์ชายรัชทายาทถึงเพคะ" เสียงสตรีผู้นั้นเก่าขึ้น "เจ้าก็รู้แล้วนี่ว่าสตรีผู้นั้นก็เป็นดังบุปผาที่ต้องมือชายแล้วเสด็จแม่ข้าเป็นถึงฮองเฮาจะให้เขามาเป็นชายาอีกได้อย่างไร ถ้าแต่งเข้ามานางก็ได้เป็นแค่อนุเท่านั้น เจ้าต่างหากที่สำคัญกับข้ามาก ข้าแค่ต้องการกองกำลังสนับสนุนของทหารรักษาการณ์วังหลวงแค่เท่านั้น" องค์ชายสามกล่าวขึ้นอีก ซูเสวี่ยสมน้ำหน้าหลิวเสียงเหย่าอยู่ในใจ สตรีผู้นี้บังอาจทำร้ายเจ้านายน้องของเขา แต่สุดท้ายนางก็ถูกหลอกใช้หลังจากที่คุยกันได้สักพัก ซูเสวี่ยเอ็งก็ปะติปะต่อแล้วรู้แจ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่อดทนให้ทั้งสองออกจากห้องแล้วเขาจะได้จากไป "เดี๋ยวท่านจะไม่จัดการนางหรือเพคะ จะให้นางอยู่เป็นหนามตำอกของหม่อมฉันหรือเพคะ" เสียงสตรีผู้นั้นดังขึ้นอีก "ข้าต้องจัดการนางอยู่แล้วแต่ตอนนี้นางยังมีประโยชน์ครั้งนี้หากจัดการองค์ชายรัชทายาทได้ให้สละตำแหน่งแล้ว สักวันเขาก็ต้องมาทวงตำแหน่งคืนเพราะฉะนั้นบุตรที่อยู่ในครรภ์ของสตรีผู้นั้นย่อมมีประโยชน์กับพวกเราในภายหลัง เจ้าเองก็ต้องทำดีกับนาง ไว้หากเราได้ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทเมื่อใดกำจัดนางแน่ ตอนนี้ข้ายังหาวิธีที่จะกำจัดองค์ชายรัชทายาทนั้นให้สิ้นซากไม่ได้ เพราะถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นข้าก็จะเข้าไปรับผิดชอบเสียงเหย่าทำให้องค์ชายรัชทายาทนั้นถูกปลดเพียงแค่ถูกปลดแต่เขาก็ยังไม่ได้ตายเสียหน่อย เพราะคงไม่มีเหตุผลอะไร ความผิดแค่นี้ ไม่ถึงกับประหารชีวิต" เสียงองค์ชายสามดังขึ้นมาอีก ถึงขนาดต้องฆ่ากันเลยหรือซูเสวี่ยได้แต่คิด "นางจะมีบุตรได้อย่างไรในเมื่อนั้นท่านให้นางดื่มยาหยุดตั้งครรภ์แล้วนี่" เสียงสตรีผู้นั้นดังขึ้น "ข้าก็บอกเจ้าอยู่ไงว่าสตรีผู้นั้นมันหน้าโง่บอกว่ายาหยุดตั้งครรภ์มันก็คิดว่าเป็นยาหยุดตั้งครรภ์มันจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่ายานั้นเป็นยาบำรุงครรภ์ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ตั้งครรภ์ก็จะทำให้มันตั้งครรภ์อยู่ดี" เสียงองค์ชายสามดังขึ้นอีก หลังจากการสนทนาผ่านไปสักพักเขาก็ได้ยินความเคลื่อนไหวของห้องนั้นเปลี่ยนออกไปเสียงเหมือนมีอะไรเสียดสีกับพื้นและสักพักก็เหมือนได้ยินเสียงหายใจที่หื่นหอบไม่นานนักก็ได้ยินเสียงสตรีคราง ซูเสวี่ยจึงดึงหลอดดักฟังออกจากหูและเก็บมันเข้าในย่านทันที"คุณหนูเจ้าคะมีคนจากทางการติดตามเรามาเจ้าค่ะ พวกเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ"บ่าวรับใช้ที่เดินทางมาด้วยกันถามผู้เป็นคุณหนูขึ้น"พวกเราแค่ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักเต๋าก็ไม่น่าจะมีผู้ใดว่าเราหรอกไปกันเถอะช่างคนของทางการเถอะ เพราะช่วงนี้พวกเขาก็ต้องทำงานของเขา"หลู่ชิงเหยากล่าวขึ้นแบบไม่ร้อนใจอะไรเลยสักนิด ไม่นานคุณหนูตระกูลหนูก็ไปถึงสำนักเต๋า"ท่านอาจารย์เจ้าคะช่วงนี้วังหลวงมีเรื่องราวมากมายเลยเจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากจะให้ท่านอาจารย์ถอนของที่ทำให้องค์ชายสามผู้นั้นตกหลุมรัก เพราะช่วงนี้องค์ชายสามช่างทำตัวเหลวไหลไม่เป็นดังที่ข้าปรารถนาเสียเลยเจ้าคะ"หลู่ชิงเหยากล่าวขึ้นทันทีที่มาถึง "หลังจากที่ข้านั่งดูมาสักพักมันก็ไม่ยากหรอกที่จะทำให้บุรุษผู้นั้นลืมเลือนความสัมพันธ์ของพวกเจ้าทั้งสองในอดีต แต่เจ้าตัดสินใจดีแล้วใช่หรือไม่ บุรุษผู้นี้ยังมีประโยชน์ต่อเจ้าไม่มากก็น้อย"ท่านนักพรตกล่าวถามขึ้น"ตัดสินใจดีแล้วเจ้าค่ะท่านอาจารย์ ถึงเขาจะมีประโยชน์ต่อถ้าไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้ถ้าข้ายังติดต่ออยู่กับเขาก็เกรงว่าข้าจะถูกลากตัวลงไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แคว้นถูกศัตรูทำลายได้เลยนะเจ้าคะ"หลู่ชิงเหยากล่าว
"ท่านพ่อเจ้าค่ะลูกมีสิ่งใดจะขอร้องท่านพ่อสักหน่อย ตอนนี้องค์ชายรัชทายาทออกไปรบซึ่งมีแนวโน้มที่จะชนะกลับมาเจ้าค่ะ ลูกจึงอยากจะขอเสด็จพ่อให้เสด็จพ่อทูลขอกลับฮ่องเต้ให้ลูกนั้นแต่งเป็นชายารองขององค์ชายรัชทายาทสักคนนะเจ้าคะ"หลู่ชิงเหยากล่าวกับบิดา"อะไรของเจ้าลูกผู้นี้ ทั้งที่แต่ก่อนก็ตามติดองค์ชายสาม ซึ่งเมื่อก่อนนั้นเหมือนว่าองค์ชายสามกับพระชายาหลิวนั้นชอบพอกัน เจ้าก็ตามติดพวกเขา และครั้งนี้พระชายาได้ตกแต่งกับองค์ชายรัชทายาทแล้วเจ้าก็หันมาหาองค์ชายรัชทายาท ผู้เป็นบิดาแบบข้าก็ต้องการให้เจ้านั้นได้ดิบได้ดีก็จริง แต่เมื่อเจ้าทำแบบนี้มันไม่งามเอาเสียเลย"อัครฝ่ายซ้ายหลู่กล่าวกับบุตรสาวอย่างไม่พอใจเพราะครั้งก่อนนั้นบุตรสาวให้เขาสนับสนุนองค์ชายสาม แต่เมื่อครั้งนี้องค์ชายรัชทายาทนั้นออกไปรบแทนที่จะกลัวว่าองค์ชายรัชทายาทนั้นจะสิ้นพระชนม์ระหว่างรบ กับบอกให้เขาเข้าไปกราบทูลขอฮ่องเต้ให้พระราชทานสมรสให้ลูกสาวของตัวเอง นั้นเป็นอนุภรรยาซึ่งไม่มีใครต้องการให้บุตรสาวของตัวเองเป็นอนุภรรยาแม้แต่อย่างใด แต่ในทางกลับการซึ่งองค์ชายรัชทายาทนั้นมีหวังที่จะได้ตำแหน่งฮ่องเต้ แต่ตำแหน่งภรรยารองนั้นเขาเองก็ไม่ได้
"ท่านพ่อให้คนไปบอกเขาว่า ข้าพระชายาองค์ชายรัชทายาทเรียกตัวคนผู้นั้นเข้าพบ พรุ่งนี้เช้าจะเชิญตัวมาเข้าวัง ท่านให้ทหารพูดให้มากความหน่อย ให้แถบนั้นรู้กันและลองซุ้มดักดู หากเราไม่มีหลักฐานและบุรุษผู้นั้นไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง หากทรงมอบให้ฮ้องเต้จัดการก็คงไม่พ้นถูกตำหนิแน่ แต่หากเรื่องที่บุรุษผู้นั้นจะถูกนำตัวเข้าพระราชวังในวันพรุ่งนี้เช้า แพ่งพายออกไปกลุ่มบุรุษที่อยู่ด้านนอกก็น่าจะเกิดการเคลื่อนไหวแล้วล่ะ"หลิวเสียงเหย่ากล่าวขึ้น ผู้เป็นพ่อจึงกลับไปทำตามที่บุตรีพูดทันที ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาผู้เป็นพ่อไม่เคยที่จะขัดเรื่องที่บุตรีของเขานั้นต้องการสิ่งใด แม้บุตรีจะตามใจตัวเองสักเท่าไหร่ แต่นางก็ย่อมมีเหตุผลอยู่ทุกที ทางด้านองค์ชายสามเมื่อรู้ถึงข่าวว่าองค์ชายรัชทายาทนั้นบุกไปทางด้านทิศตะวันออกของแคว้นแล้ว และทางนั้นเขาก็รู้ดีว่าจะมีข้าศึกบุกมาฝั่งนี้จึงทำให้เขาต้องวางแผนการใหม่เสียแล้ว แต่ตอนนี้ผู้คนที่จะออกจากเมืองได้นั้นก็จะมีคนจับตามองเป็นอย่างดี"ผู้ที่ถูกจับได้นั้นพรุ่งนี้เช้ามันต้องไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเรื่องต้องไปถึงท่านพ่อแน่ๆไปจัดการแล้วพวกที่เหลืออยู่ด้านนอกนั้นก็จัดการให้หม
"ใต้เท้าปล่อยลูกข้า หากท่านปล่อยลูก ข้าจะบอกกับท่านทุกอย่าง"สตรีผู้นั้นกล่าวขึ้น พลางกับดึงมือบุรุษชายตัวเล็กที่กำลังร้องไห้โฮอยู่ บุรุษที่บอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันขว้าเด็กนั้นไวทันที"ปล่อยลูกข้าเดียวนี้นะ ปล่อยๆๆๆ อย่าใายุ่งกับลูกข้านะ ไหนเจ้าบอกว่าถ้าออกไปแล้วจะไม่ทำร้ายพวกข้า เจ้าจะไม่ทำให้ข้าเดือดร้อนไง ปล่อยลูกข้าเดียวนี้"เมื่อถูกดึงบุตรชายจึงทำให้สตรีผู้นั้นโวยวายขึ้น นางทั้งร้องไห้และโวยวายจนทหารต้องแยกบุตรของนางออกมา เพียงรำพังและปิดปากเด็กไว้ เพราะเด็กผู้นั้นร้องไห้เสียจนน่ารำคาญ "ไปถ้าเจ้าพูดความจริงลูกของเจ้าจะปลอดภัย มา"ทหารลากตัวเด็กออกมาเพื่อให้สตรีผู้นั้นยอมพูดออกมา ผู้เป็นมารดายอมให้ทหารลากตัวบุตรชายออกไป และตัวเองก็เดินตาม"้จ้าต้องการบอกสิ่งใดกับท่านแม่ทัพ พวกข้าจะให้เจ้าได้พูด"ทหารที่ลากตัวสองแม่ลูกออกไปพูดกับสตรีผู้นั้น หลังจากที่ลากมาห้องสอบสวนข้างๆที่แม่ทัพหลิวรออยู่ เพราะเห็นว่าสตรีผู้นี้น่าจะกล่าวเรื่องมีประโชยน์ทหารจึงรีบนำตัวมาให้แม่ทัพหลิว"มีผู้อื่นๆที่ต้องการออกจากวังหลวงในช่วงนี้อีกหรือไม่"แม่ทัพหลิวถามขึ้น"ช่วงนี้ไม่มีแล้วขอรับ ตั้งแต่ครั้งที่ม
แม่ทัพหลิวจัดเตรียมทหารไว้ตั้งแต่คราแรกที่อ่องเต้ได้อ่านจดหมายขององค์ชายรัชทายาทแล้ว เนื่องจากว่าบุตรรีของเขาได้กำชับกับเขาเป็นหมั้นเป็นเหมาะว่าจะต้องสนับสนุนองค์ชายรัชทายาทให้เต็มที่ เมื่อเขาต้องการคนผู้เป็นพ่อตาจึงต้องจัดเตรียมให้ แม่ทัพหลิวเข้าไปในกองทหารของตนเอง และกล่าวกับทหารทุกคนอย่างพร้อมเพรียงกัน หากผู้ใดจะออกไปรบก็ให้ร่วมลงนามเนื่องจากว่าครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นใด ผู้ที่ร่วมลงนามนั้นจะต้องพร้อมใจที่จะออกไปรับใช้บ้านเมืองเท่านั้นหากผู้ที่มีภาระอยู่ไม่ต้องออกไปลงนามทั้งสิ้น ทหารของแม่ทัพหลิวเองมีราวๆห้าหมื่นกว่านาย ผู้ที่พร้อมลงนามราวๆสามหมื่นกว่านายแต่ท่านแม่ทัพหลิวก็ยังไม่ได้ส่งทั้งสามหมื่นนายออกไปเขาจึงคำนวณอยู่ในใจว่าจะส่งไปซักสองหมื่นนายก็น่าจะเพียงพอ ส่วนเรื่องเสบี่ยงอะไรก็จนปัญญาอย่างยิ่งถ้าหากว่าฮ่องเต้ไม่ทรงอนุญาตก็คงจะต้องใช้เบี้ยของตัวเองจัดเตรียมให้ แล้ว เขาต้องการจะให้บุตรีเพียงคนเดียวของเขาสบายใจ หากสวามีของนางอยู่ยังแดนไกลแล้วไร้ทหารคอยป้องกันนาง ก็คงจะหวั่นวิตกไม่น้อย และตอนนี้นางก็ตั้งครรภ์แล้ว จะให้นางคิดหนักกับเรื่องสามีได้อย่างไรและอีกอย่างอาจคิ
"นายน้อยขอรับแล้วแบบนี้พวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นดังที่นายน้อยคิดเอาไว้ไม่มีผิดแล้วทางนี้เราก็นำทหารมาเพียงห้าร้อยนายเท่านั้นเราจะจัดการอย่างไรดี"ซูเสวี่ยกล่าวขึ้น"ท่านแม่ทัพถึงคนของเราจะน้อย แต่มีข้าผู้นึงแหละที่จะสู้แบบไม่ถอย และข้าเชื่อว่าทหารทุกคนที่อยู่ทางนี้ก็จะสู้เช่นเดียวกัน"ทหารผู้หนึ่งกล่าวขึ้นเขาเห็นพวกข้าศึกบุกมาขนาดนี้ทำให้เขาฮึกเหิมที่จะออกไปสู้รบ ทหารที่อยู่ใกล้ๆและได้ยินพยักหน้ากัน"เราเขียนจดหมายขอคนจากวังหลวงตั้งแต่ที่เราจะออกเดินทางมาตะวันออกแล้วอีกไม่นานกลุ่มนั้นน่าจะมาถึงให้ทหารหนึ่งนายที่มีความเร็ววิ่งย้อนไปเพื่อที่จะตามหากลุ่มทหารที่ส่งมาจากวังหลวงให้เร่งเดินทางมาให้เร็วที่สุด และเข้าไปแจ้งวังหลวงว่าทิศตะวันออกนั้นมีข้าศึกบุกมา ให้เขารายงานเป็นคำพูดเลย"องค์ชายรัชทายาทหนามกงฟู่กล่าวขึ้น ทหารผู้ที่กล่าวว่าเขายินดีที่จะอยู่ต่อสู้แม้คนน้อยนั้นรีบหมอบเคารพและรีบวิ่งไปหาทหารผู้หนึ่งเพื่อที่จะส่งข่าวและทหารผู้นั้นก็วิ่งออกไปทันทีทหารผู้ที่ไปส่งข่าวนั้นรีบกลับเข้ามาเพื่อที่จะฟังว่าท่านแม่ทัพจะสั่งการเช่นไรอีก ณ เวลานี้แม่ทัพใหญ่ก็คือองค์ชายรัชทายาทน