LOGIN"นายน้อยขอรับสตรีผู้นี้เป็นคนรักขององค์ชายสามนะขอรับ แล้วทำไมเขาต้องแต่งงานกับนายน้อยด้วยหรือขอรับ "
ซูเสวี่ยถามผู้เป็นนายขึ้น "ก็เรื่องเมื่อคืนนั่นแหละ มันเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยที่ข้าต้องแต่งกับสตรีผู้นี้ หรือเจ้าอยากให้ข้าผิดใจกันกับแม่ทัพหลิวซึ่งเขาเป็นหัวหน้าของหองกำลังทหารองครักษ์ที่อยู่ในวังหลวง ถึงแม้ว่าเราจะมีกองทัพในมือหลายกองแต่ข้าว่าเราก็ไม่ควรที่จะผิดใจกับกองกำลังรักษาวังหลวงหรอกเอาเป็นว่าเจ้าไปสืบเรื่องของฮองเฮาและองค์ชายสามมาก็แล้วกัน" หนามกงฟู่กล่าวขึ้น เขาไม่เคยให้ลูกน้องคนสนิทของเขาเรียกเขาว่าองค์ชายรัชทายาทให้เรียกนายน้อยแทนเพราะว่าเวลาที่เขาออกไป ณ สถานที่ต่างๆกับลูกน้องคนที่สนิทเขาจำเป็นที่จะต้องปิดบังตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทไว้ แม้นกับวังหลวงในครั้งนี้ซูเสวี่ยต้องออกไปสืบสถานการณ์ต่างๆอยู่บ่อยๆ เขาก็ไม่ค้านที่จะทำเพื่อเจ้านายของตัวเองเขาเต็มใจไปสืบด้วยตัวเองเนื่องจากว่าข้อมูลจะได้ไม่ผิดพลาด และไม่ไว้ใจคนอื่นอีกด้วย ที่เขาไปสืบเรื่องขององค์ชายสามอาจเป็นเพราะว่าสตรีผู้นั้นชอบพอกับองค์ชายสามอยู่ เขาแอบตามองค์ชายสามก็พบว่าองค์ชายสามได้จองโรงเตี๊ยมเพื่อไปดื่มน้ำชากับใครสักคน ซูเสวี่ยจึงเข้าห้องข้างๆที่พวกเขาจองไว้ และสั่งน้ำชาและขนมมาสักเล็กน้อย และสั่งให้คนอย่ารบกวนเพราะเขานัดสหายไว้ "คุณชายขอรับข้ายังไม่อาจเชิญสหายของท่านมาได้เพราะตอนนี้องค์ชายสามเสด็จมา และได้จองห้องข้างๆไว้ ถ้าหากท่านยังไม่เข้ามาข้าเกรงว่าคงไม่ได้รับอณุญาติให้เข้าแล้ว วันนี้ข้าถือว่าข้าเสียมารยาทแต่ท่านเห็นแก่หน้าข้าสักหน่อยเถอะนะ ท่านช่วยอยู่ในนี้ด้วยท่าทีที่สงบเสงี่ยมด้วยเถอะขอรับ แล้อาหารมื้อนี้จะให้ท่านทานไม่คิดเบี้ย" เฒ่าแก่โรงเตี๊ยมพูดขึ้น ซูเสวี่ยพยักหน้าทำท่าราวกับจนใจ "แล้วเจ้าไม่ต้องไล่ข้าออกหรอกหรือ" ซูเสวี่ยถามขึ้น "ไล่ได้ที่ไหนล่ะขอรับ องค์ชายสามกำลังขึ้นมาแล้วหากเขาเห็นทางก็คงสั่งคนจับท่านไปประหารสิ ท่านอยู่ที่นี้อย่าส่งเสียงนะขอรับ" เฒ่าแก่โรงเตี้ยมกล่าว และเร่งที่จะออกไป ซูเสวี่ยจึงใช้หลอดดักฟังพวกเขาคุยกัน พอเฒ่าแก่เดินออกไปเขาก็ติดตั้งมันไว้แล้วมานั่งดื่มอย่างเงียบฉี่ เขาไม่ต้องการให้ใครมารบกวนอยู่แล้ว เมื่อนั่งจิบน้ำชาอยู่ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆมีความเคลื่อนไหว "หวังว่าเจ้าคงไม่ต้อนรับแขกผู้อื่นหรอกนะ เจ้าคงรู้ว่าข้าไม่ชอบมานั่งจิบน้ำชาร่วมกับแขกผู้อื่น แล้วผู้ที่จข้านัดมาหรือยังหากนางขึ้นมาด้านบนแล้วห้ามผู้ใดขึ้นมาด้านบนเป็นเด็ดขาด" เสียงองค์ชายสามดังขึ้น "ขอรับองค์ชายสามไม่มีใครอยู่ณโรงเตรี๊ยมแห่งนี้เลยขอรับ" เสียงผู้ให้บริการกล่าวขึ้น เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่ามีคนที่อยู่ข้างๆห้อง ที่องค์ชายสามอยู่หรือไม่เพราะเฒ่าแก่ได้กันไม่ให้ทุกคนเข้าโรงเตรียมนานแล้วเมื่อองค์ชายสามมาถึง ซูเสวี่ยได้ฟังคนพูดก็หยิบหลอดดักฟังขึ้นมาเอาอีกด้านใส่หูของตัวเอง ไม่นานก็มีเสียงประตูเปิดขึ้น "คารวะองค์ชายสามเพคะ" เสียงสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นซึ่งซูเสวี่ยเองไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด เสียงสตรีผู้นั้นก้าวเข้ามาด้านในและนั่งลงที่จุดไหนสักที่หนึ่ง และเสียงรินน้ำชาเสียงทุกอย่างแม้อยู่ห้องข้างๆก็ยังได้ยินชัดเจน "เรื่องของเสียงเหย่า ไปถึงไหนแล้วเพคะ ครั้นข้าจะไปเยี่ยมนางที่จวนตระกูลหลิว ก็ห้ามมิให้ข้าเข้าไปเยี่ยม ข้าจึงไม่รู้เลยว่านางเป็นเยี่ยงไรบ้างแล้วนางจะทำตามแผนเราหรือไม่เพคะ" เสียงสตรีผู้นั้นกล่าวขึ้น แผนมันเป็นแผนขององค์ชายสามกับคู่รักคู่นั่นหรือที่ทำให้เจ้านายตัวเองต้องลำบากขนาดนี้ "นางหัวอ่อนจะตายเดี๋ยวข้าจะเข้าไปเยี่ยมเองแล้วบอกกับนางว่านางต้องทำอย่างไรให้บิดาของนางเอาเรื่องเจ้าองค์ชายรัชทายาทจนมันต้องสละตำแหน่งนี้ถึงมันไม่สละพวกเราก็ต้องบีบมันบีบให้เสด็จพ่อสละให้มันเอง และอีกอย่างแม่ทัพหลิวนั้น รักบุตรีมากไม่ยอมให้บุตรีตัวเองเสียเปรียบบุรุษผู้ใดหรอก ขั้นนี้เจ้าองค์ชายรัชทายาทนั้นจบเห่เลยทีเดียว" เสียงองค์ชายสาม ดังขึ้น ทำให้ซูเสวี่ยคิดเดือดดาลอยู่ในใจแต่เขาเป็นชายชาตินักรบย่อมที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เขาถือจอกน้ำชาโดยไม่วางเพราะเขารู้ดีว่าหากวางตอนนี้มันจะทำให้ผู้ที่อยู่ห้องข้างต้องรู้ว่าเขามีตัวตน แอบฟังขนาดนี้ต้องโดนตัดหัวเป็นแน่เรื่องสำคัญอยู่ไม่น้อย "แล้วท่านก็คงจะแต่งกับเสียงเหย่าแทนองค์ชายรัชทายาทถึงเพคะ" เสียงสตรีผู้นั้นเก่าขึ้น "เจ้าก็รู้แล้วนี่ว่าสตรีผู้นั้นก็เป็นดังบุปผาที่ต้องมือชายแล้วเสด็จแม่ข้าเป็นถึงฮองเฮาจะให้เขามาเป็นชายาอีกได้อย่างไร ถ้าแต่งเข้ามานางก็ได้เป็นแค่อนุเท่านั้น เจ้าต่างหากที่สำคัญกับข้ามาก ข้าแค่ต้องการกองกำลังสนับสนุนของทหารรักษาการณ์วังหลวงแค่เท่านั้น" องค์ชายสามกล่าวขึ้นอีก ซูเสวี่ยสมน้ำหน้าหลิวเสียงเหย่าอยู่ในใจ สตรีผู้นี้บังอาจทำร้ายเจ้านายน้องของเขา แต่สุดท้ายนางก็ถูกหลอกใช้หลังจากที่คุยกันได้สักพัก ซูเสวี่ยเอ็งก็ปะติปะต่อแล้วรู้แจ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่อดทนให้ทั้งสองออกจากห้องแล้วเขาจะได้จากไป "เดี๋ยวท่านจะไม่จัดการนางหรือเพคะ จะให้นางอยู่เป็นหนามตำอกของหม่อมฉันหรือเพคะ" เสียงสตรีผู้นั้นดังขึ้นอีก "ข้าต้องจัดการนางอยู่แล้วแต่ตอนนี้นางยังมีประโยชน์ครั้งนี้หากจัดการองค์ชายรัชทายาทได้ให้สละตำแหน่งแล้ว สักวันเขาก็ต้องมาทวงตำแหน่งคืนเพราะฉะนั้นบุตรที่อยู่ในครรภ์ของสตรีผู้นั้นย่อมมีประโยชน์กับพวกเราในภายหลัง เจ้าเองก็ต้องทำดีกับนาง ไว้หากเราได้ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทเมื่อใดกำจัดนางแน่ ตอนนี้ข้ายังหาวิธีที่จะกำจัดองค์ชายรัชทายาทนั้นให้สิ้นซากไม่ได้ เพราะถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นข้าก็จะเข้าไปรับผิดชอบเสียงเหย่าทำให้องค์ชายรัชทายาทนั้นถูกปลดเพียงแค่ถูกปลดแต่เขาก็ยังไม่ได้ตายเสียหน่อย เพราะคงไม่มีเหตุผลอะไร ความผิดแค่นี้ ไม่ถึงกับประหารชีวิต" เสียงองค์ชายสามดังขึ้นมาอีก ถึงขนาดต้องฆ่ากันเลยหรือซูเสวี่ยได้แต่คิด "นางจะมีบุตรได้อย่างไรในเมื่อนั้นท่านให้นางดื่มยาหยุดตั้งครรภ์แล้วนี่" เสียงสตรีผู้นั้นดังขึ้น "ข้าก็บอกเจ้าอยู่ไงว่าสตรีผู้นั้นมันหน้าโง่บอกว่ายาหยุดตั้งครรภ์มันก็คิดว่าเป็นยาหยุดตั้งครรภ์มันจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่ายานั้นเป็นยาบำรุงครรภ์ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ตั้งครรภ์ก็จะทำให้มันตั้งครรภ์อยู่ดี" เสียงองค์ชายสามดังขึ้นอีก หลังจากการสนทนาผ่านไปสักพักเขาก็ได้ยินความเคลื่อนไหวของห้องนั้นเปลี่ยนออกไปเสียงเหมือนมีอะไรเสียดสีกับพื้นและสักพักก็เหมือนได้ยินเสียงหายใจที่หื่นหอบไม่นานนักก็ได้ยินเสียงสตรีคราง ซูเสวี่ยจึงดึงหลอดดักฟังออกจากหูและเก็บมันเข้าในย่านทันทีแสงอาทิตย์แรกของวันแหวกทะลุม่านหมอกบางที่ลอยคลุมเหนือทุ่งหญ้ากว้าง เสียงนกป่าขานรับรุ่งอรุณกลายเป็นเพียงความทรงจำอันแผ่วเบา เมื่อเสียงกลองศึกดังสนั่นขึ้นจากแนวหน้าทัพ กองธงของแคว้นตงปลิวสะบัดรับลมเช้า แสงแดดย้อมเกราะโลหะให้เปล่งประกายดั่งเพลิงอรุณ พลทหารทั้งหลายเรียงแถวแน่นขนัด ดวงตาทุกคู่สะท้อนความมุ่งมั่นและความหวาดหวั่นปะปนกัน“ขึ้นม้า!” เสียงองค์ชายสี่หนามกงหยุ่นตะโกนก้อง วันนี้เขาจะประกาศศักดาผู้ที่ดูถูกเขา ฝุ่นดินปลิวฟุ้งขณะม้าศึกนับพันกระทืบพื้นพร้อมกัน เสียงเกือกเหล็กกระแทกดินดังระรัวราวกับสายฟ้าที่โหมกระหน่ำลงบนแผ่นดิน กลิ่นเหล็ก กลิ่นเหงื่อ และกลิ่นหญ้าที่เพิ่งถูกเหยียบย่ำผสมปนเปกันเป็นกลิ่นของสงครามที่ไม่อาจลืมเลือน เมื่อดวงอาทิตย์ยกตัวขึ้นเหนือขอบฟ้า เสียงเป่าหอยศึกก็ประกาศเริ่มการรบ กลุ่มอัครราชทูตกลับไปกองทัพของแคว้นเป่ยได้ทันก่อนที่กองทัพของแคว้นตงจะบุกเข้ามา "ห๊ะอะไรกองกำลังจากวังหลวงของแคว้นตงจะเข้ามาสมทบ แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกนั้นเรียกกองกำลังไปกี่พันนาย แล้วองค์ชายสี่ไม่รับข้อเสนอของเราหรือ เราสามารถสนับสนุนให้เขาเป็นฮ่องเต้ได้"เสียงแม่ทัพแคว้นเป่ยกล่าวขึ้น"
ทางด้านตะวันตกก็ไม่ต่างกัน ข้าศึกแคว้นเป่ยตรึงกำลังมานานแล้ว ข่าวของแคว้นตงเปลี่ยนขั้วอำนาจมาถึง องค์ชายสี่หนามกงหยุ่นรู้สึกว่าเป็นธรรมอยากมาก เขาอยากให้เสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทเป็นฮ่องเต้นานแล้ว แต่ก่อนตำแหน่งแม่ทัพของเขาเป็นแม่ทัพลำดับสองของแคว้นตง ต่อไปนี้เขาจะได้เป็นแม่ทัพที่เก่งลำดับที่หนึ่งแล้วละ เขายินดีเป็นอย่างมาก"ท่านแม่ทัพข้ามีเรื่องเกี่ยวกับค่ายใหม่ของแคว้นตงของเราพะยะค่ะ ค่ายใหม่ของแคว้นตงอยู่ทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นน่านน้ำนำทัพโดยองค์ชายรัชทายาทหนาวกงฟู่ ในบันทึกศึกมีแคว้นจิ้นและแคว้นอี้ที่ร่วมมือกันบุกมายังน่านน้ำและถูกตอบโต้โดยองค์ชายรัชทายาทจนในที่สุดพระองค์สามารถจับแม่ทัพฉี่ฉ่างของแคว้นจิ้นได้ และกุมตัวไปวังหลวงและต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นฮ่องเต้พะยะคะ"รองแม่ทัพรายงานขึ้น"ขนานนี้ยังจะสร้างชื่อเสียงส่งท้ายอีกนะเสด็จพี่ แล้วเรื่องขององค์ชายสามละ ไหนว่าถูกประหารชีวิต"องค์ชายสี่หนามกงหยุ่นถามขึ้น"ได้ข่าวว่าถูกข้อหากบฏพะยะคะ เป็นองค์ชายรัชทายาทใส่ร้าย"รองแม่ทัพกล่าวขึ้น"แล้วเจ้าคิดว่าเสด็จพ่อของข้าไม่มีหัวสมองเลยหรือ มีคนโดนใส่ร้ายก็จะไม่รู้ถึงขึ้นประการชีวิตขนาดนั้น"องค
"ท่านพ่อเจ้าค่ะตอนนี้เสด็จพี่ก็ได้เป็นฮ่องเต้แล้วข่าวนี้น่าจะแพร่ออกไปในไม่ช้า ท่านพ่อน่าจะมอบกำลังทหารให้ฮ่องเต้เพื่อที่จะไปเป็นกองทัพหนุนหลังให้กองทัพทัพหลัก เพราะหากข่าวนี้แพร่ออกไปแล้วอาจจะมีบางแคว้นที่ใช้เหตุการณ์นี้เข้ามาโจมตีแคว้นของเรา เนื่องจากว่าภายในนั้นก็น่าจะยังไม่มั่นคงพอ ด้านนอกจึงคิดจะมาแทรกแซงได้ง่าย เพราะลูกเองก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพต่างๆนั้นส่วนมากจะเป็นองค์ชายเขาจะยินยอมกับเรื่องนี้หรือไม่"หลิวเสียงเหยากล่าวกับแม่ทัพหลิว ขนะที่เขาเข้ามาดูหลานชาย"เรื่องนี้พ่อกับฮ่องเต้องค์เดิมจัดการแล้วเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงตอนนี้เจ้าคือฮองเฮาเจ้าเป็นสตรีวังหลัง เจ้าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านเมืองได้อย่างไร"แม่ทัพหลิวกล่าวขึ้น เพราะเรื่องนี้เขาคุยกับฮ่องเต้คนเก่าแล้วและได้จัดการเรียบร้อยแล้วตอนนี้กองทัพน่าจะกำลังไปถึงชายแดนต่างๆ ส่วนแม่ทัพทางตะวันออกนั้นยังปรึกษาหารือไม่ลงตัว เมื่อหลายแคว้นรับรู้ถึงเรื่องนี้ก็เกิดการปั่นป่วนจริงๆเนื่องจากว่า ผู้ที่เป็นแม่ทัพนั้นก็คือองค์ชายสองและองค์ชายสี่เมื่อพวกเขารับรู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงในวังขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบนี้ และอีกอย่างองค์ชายสามนั้นก็ถูกประ
รุ่งเช้า ณ ท้องพระโรงทุกคนต่างเข้ามาประชุมก็เห็นสามคนที่นั่งอยู่กลางท้องพระโรง พวกเขานั้นถูกมัดไว้ราวกับนักโทษ เดิมองค์ชายรัชทายาทเองยังไม่อยากที่จะออกจากตำหนักเนื่องจากว่าพระโอรสของเขาพึ่งลืมตาดูโลกเขาต้องการจะอยู่ต่อ แต่ด้วยราชกิจที่บิดาบอกว่าเขาจำเป็นต้องมาด้วยตนเอง เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสายลับผู้นั้นเขาจึงต้องจำใจจากโอรสน้อยมา เมื่อเขามานั่งบัลลังก์รองและมองลงไปก็เห็นทั้งสามที่ถูกจับไว้อยู่กลางท้องพระโรง ฮ่องเต้เองก็เหนื่อยๆกับเรื่องนี้เต็มทน หากเขาไม่จัดการบทพรุ่งนี้ก็จะกำเริบสืบสาน แต่คดีนี้เป็นคดีใหญ่คดีกบฏขนาดนี้ผู้เป็นบุตรชายจะต้องถูกประหาร เขาเองก็ไม่รีรอเนื่องจากว่าถ้าทนเห็นความเจ็บปวดของลูกเขาเองก็จะเจ็บปวดเขาจึงยื่นจดหมายให้ทันทีข้างกายเพื่อให้เขาอ่านออกไป"เสียงเหย่าลูกรัก หากจดหมายฉบับนี้ของแม่ได้ส่งถึงมือเจ้าแล้วเจ้าคงจะรู้แล้วว่าแม่ผู้นี้ไม่ใช่แม่แท้ๆของเจ้า แม่ขอโทษที่พรากพวกเจ้าออกจากกันเมือหลายปีก่อน จนแม่ได้เข้ามาอยู่ในจวนได้รู้ถึงความรักและความผูกพัน แม่เองเป็นคนของแคว้นอื่น คราแรกแม่เต็มใจที่จะเข้ามาเป็นสายลับเข้ามาหวังจะสืบข้อมูลในตระกูลหลิวของเจ้า เป็นบิด
เมื่อหลู่ชิงเหยาเข้ามาในวังก็เป็นไปตามที่ท่านยายนั้นกล่าวไว้ คือว่าตำหนักองค์ชายรัชทายาทปิดไม่ให้ผู้ใดเข้าเลยสักคน นางพยายามร้องตะโกนว่านางคือจะสหายของพระชายาแต่ก็ไม่มีผู้ใดเปิดให้นาง นางจึงตัดสินใจเข้าพระราชวังเพื่อไปหาฮองเฮา แต่ก็พบว่าฮองเฮาทรงเสวยพระยาหารกับฮ่องเต้อยู่ นางจึงตั้งใจที่จะรอ เมื่อทั้งสองเสวยพระยาหารเสร็จก็ออกจากตำหนักก็พบว่าหลู่ชิงเหยารออยู่แล้ว"ถวายพระพรฮ่องเต้ ถวายพระพรฮองเฮาเพค่ะ พอดีหม่อมฉันจะมาดูว่าพระชายานั้นคลอดแล้วหรือยัง แต่ตอนนี้ตำหนักขององค์ชายรัชทายาทปิดไม่ให้ผู้ใดเข้าไปได้เลยเพคะ"หลู่ชิงเหยากล่าวขึ้น"เจ้ากลับไปก่อนนะ พอดีวันนี้มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยเกี่ยวกับคนของตำหนักองค์ชายรัชทายาทรวมไปถึง พระชายากำลังจะคลอดจึงดูคนเข้าออกได้ยาก ทั้งตำหนักก็คงจะปิดเพื่อมิให้คนนอกเข้า และหาการคลอดออกมาไม่ราบรื่นก็คงจะปิดเพื่อไม่ให้คนในออก"ฮ่องเต้กล่าวขึ้นและเดินจากไป หลู่ชิงเหยามองพระพักตร์ฮองเฮานางก็ได้แต่ยิ้มแล้วเดินจากไปเพราะนางต้องเอาเรื่องที่องค์ชายรัชทายาทนั้นจะต้องกลับค่ายอีกครั้งไปบอกกับบุตรชายของเขา เพราะเขาจะได้จัดการกับองค์ชายรัชทายาท หลู่ชิงเหยาได้แต่เดิน
ในตำหนักขององค์ชายรัชทายาทครึกครื้นขนาดนั้นจึงทำให้ฮองเฮารู้ว่าพระชายาหลิวกำลังใกล้จะคลอดแล้ว นางจึงอยากไปดูด้วยตาตัวเองว่าเป็นพระราชธิดาหรือพระราชโอรสเขาจึงมุ่งไปตำหนักขององค์ชายรัชทายาททันที เสี่ยวไป๋กับซูเสวี่ยไม่กล้าที่จะห้ามปลาม เข้าทั้งสองจึงต้องจำใจปล่อยให้ฮองเฮาเข้าไปข้างใน ทั้งสองมองหน้ากันเพราะตัวเองเป็นผู้น้อยจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย "เสด็จพี่อยู่ที่นี่นี่เองหม่อมฉันได้ข่าวว่าลูกสะใภ้กำลังจะคลอดจึงรีบมาเพคะ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างเพคะ ลูกสะใภ้เราได้เพราะราชโอรสหรือพระราชธิดาเพค่ะ"ฮองเฮากล่าวขึ้น เมื่อฮ่องเต้มองเห็นฮ่องเฮาก็ทรงตกพระทัยเล็กน้อย"ยังไม่คลอดเลยทั้งหมอหลวงกับหมอตำแยพึ่งเข้าไปเมื่อครู่หมอหลวงยังไม่ออกมาเลย ข้าว่าเราไปรอที่ตำหนักของพวกเราดีกว่า หากพระชายาคลอดแล้ว เจ้าอย่าลืมส่งคนไปแจ้งพ่อนะว่าได้พระราชโอรสหรือพระราชธิดา พ่อจะได้ให้คนนำของมารับขวัญหลาน"ฮ่องเต้พูดขึ้นและพาฮ่องเฮาจากไป จึงทำให้องค์ชายรัชทายาทหลังกงฟู่รู้สึกสงสัยเนื่องจากว่าท่านพ่อพูดคุยกับเขาเหมือนท่านพ่อจะรอให้หมอหลวงออกมาก่อน แล้วท่านพ่อค่อยไปแต่นี้หมอหลวงยังไม่ออกมา ท่านพ่อก็จากไปแล้วหรือว่ามีค







