Share

๒ มู่เซี่ยหยาง

last update Last Updated: 2025-11-10 22:36:11

บทที่ ๒

มู่เซี่ยหยาง

 

เกรงว่าสวรรค์คงกลั่นแกล้งให้นางได้หวนกลับมาพบเจอบุรุษต่ำทรามผู้นี้กระมัง

เมื่อได้ยินน้ำเสียงนี้อีกครั้ง จู้ซูเหยียนหยุดชะงักฝีเท้าหยุดอยู่ที่หน้าประตูพลางกำมือแน่นด้วยความเคียดแค้น นัยน์ตาเมล็ด   ซิ่งดูแข็งกร้าวขึ้นมาทันที

มู่เซี่ยหยาง…บุรุษใจร้าย

ที่ผ่านมานางล้วนเป็นภรรยาที่ดีหวังว่ากลายเป็นภรรยาแล้วเขาจะให้ความสนใจนางบ้าง ทว่าทุกอย่างที่จู้ซูเหยียนกระทำลงไปนั้นในสายตาของมู่เซี่ยหยางย่อมมองว่าไร้ค่าอยู่ดี

แม้จะแต่งงานหลายปีแล้วอย่างไรกัน

ความสัมพันธ์ของนางและมู่เซี่ยหยางห่างเหินยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก

‘หึ!’ มู่เซี่ยหยางแค่นเสียงออกมา สายตาคมกริบปรายมองสตรีตรงหน้านิ่งๆ ‘ภายในใจของข้าย่อมไม่เคยและไม่มีวันมีเจ้าอยู่ข้างในจู้ซูเหยียน’

‘เหลวไหลมู่เซี่ยหยาง! ท่านแต่งกับข้าแล้วซ้ำยังเป็นสามีของข้า…หากไม่มีข้าในใจแล้วจะมีสตรีอื่นได้งั้นหรือ’

จู่ๆ จู้ซูเหยียนก็นึกถึงเหตุการณ์ในครานั้นขึ้นมา นางในตอนนั้นช่างนางสมเพชเวทนาไม่น้อย เหตุใดนางถึงได้โง่งมไปร้องขอความรักจากเขากันหรือเพียงเพราะว่านางมีใจให้เขา…เขาจำต้องมีใจให้นางเช่นกันงั้นรึ

ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดี

จู้ซูเหยียนหัวเราะเยาะออกมาเล็กน้อย “ท่านและข้าสิ้นสุดกันเพียงเท่านี้เถิด”

 

การกระทำของอีกฝ่ายนับว่าเอาแต่ใจไม่น้อย

จู่ๆ เมื่อสองสามวันก่อนนายท่านจากสกุลจู้เข้าวังหลวงไปด้วยความเร่งรีบพร้อมทั้งยังเขียนฎีการ้องทุกข์ถวายของฮ่องเต้ว่าคุณชายสกุลมู่นามมู่เซี่ยหยางทำให้บุตรสาวต้องเจ็บช้ำน้ำใจได้โปรดให้ความเป็นธรรมด้วย   

พอมู่เซี่ยหยางได้ยินก็พลันเกิดความโมโหโกรธเคืองอีกฝ่าย ไม่น้อย

ผู้คนสกุลจู้ย่อมนิสัยเหมือนกันหมด!

มู่เซี่ยหยางปรายสายตามองสตรีเบื้องหน้าด้วยสายตานิ่งๆ มุมปากหนาโค้งยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย หากอยากจะตายจริงๆ ไฉนถึงได้ไปกระโดดสระบัวตื้นๆ เล่า

“ซูเออร์…” จู้ฮูหยินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

จู้ซูเหยียนเดินเข้ามาข้างในห้องโถง ใบหน้าคนงามเชิดขึ้นเล็กน้อยไม่แม้แต่จะปรายสายตาเอ่ยทักทายบุรุษอีกคนที่อยู่ในห้องราวกับว่ามองไม่เห็น นางระบายยิ้มจางๆ ก่อนจะยอบกายลงคารวะบิดาและมารดาที่อยู่ตรงหน้า

“ซูเออร์เสียมารยาทแล้วทำให้พวกท่านต้องรอ” นางกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล

จู้ฮูหยินปรายสายตามองสามีข้างกายเล็กน้อยจากนั้นจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา บุตรสาวของนางดูเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง…หากเป็นเมื่อหลายวันก่อนมีหรือจู้ซูเหยียนจะมีท่าทางสงบนิ่งเย็นยะเยือกปานน้ำแข็งเช่นนี้

นายท่านจู้พยักหน้า “พ่อและแม่ของเจ้าหาได้ต้องการพบแต่ทว่าเป็นคนผู้นั้นต่างหาก”

จู้ซูเหยียนย่อมคุ้นเคยกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างดี มือทั้งสองมือของนางที่ประสานกันพลันบีบแน่น รอยยิ้มบนใบหน้าคนงามเจื่อนลงทันที “งั้นหรือเจ้าคะ…”

สายตาคมกริบเพ่งมองสตรีตรงหน้านิ่งๆ นานครู่หนึ่งทว่ากลับไม่ปริปากกล่าวอันใดออกมา

มู่เซี่ยหยางสังเกตเห็นว่าจู้ซูเหยียนเปลี่ยนไป

เมื่อสิบวันก่อนนางยังทำตัวเป็นสตรีน่ารำคาญเอาแต่พร่ำพูดเรียกร้องความสนใจจากเขาไม่ขาดแล้วไฉนยามนี่นั้น…กลับไม่แม้แต่จะปรายตามองซ้ำยังไม่แสดงท่าทางใดๆ ออกมาที่บ่งบอกถึงความยินดีหรือความตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย

ใบหน้าของมู่เซี่ยหยางพลันขมวดคิ้วมุ่น

จู้ฮูหยินพลางชำเลืองมองมู่เซี่ยหยางก่อนจะหันมากล่าวกับบุตรสาวแทน ใบหน้าของนางระบายยิ้มกว้าง “หันหลังกลับไปดูให้เห็นกับตาเสียซูเออร์”

เกรงว่าบุตรสาวของนางคงไม่ทันได้สังเกตมองเห็นอีกฝ่ายกระมัง

จู้ซูเหยียนเม้มริมฝีปากแน่นราวกับว่ากำลังอดทนกับความรู้สึกบางอย่างในใจ ในตอนที่จู้ซูเหยียนหันหลังกลับก็พลันเข้ากับดวงตาคมกริบของอีกฝ่ายราวกับเพ่งมองอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

นางมองเขานานอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดลมหายใจกล่าวออก  มา “รบกวนเวลาของคุณชายมู่แล้ว” จู้ซูเหยียนกล่าวเสียงเรียบ  มือทั้งสองข้างกันมือกันแน่นอย่างไม่รู้ตัว

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบเขาอีกครั้งหลังจากหวนคืน…

หัวใจของจู้ซูเหยียนพลางเต้นกระหน่ำด้วยความตื่นเต้น หวาดกลัวและความรู้สึกต่างๆ มากมายที่ปะทุเข้ามาในอก

“นี่เป็นเจตนาของคุณหนูจู้หากข้าไม่มางันนี้เกรงว่าคงถูกนายท่านจู้ร้องทุกข์ให้ทหารวังหลวงมาจับกุมข้าเหตุข้อหาทำให้คุณหนูจู้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจกระมัง” มู่เซี่ยหยางกล่าวออกมาเสียงเรียบ มุมปากโค้งยกขึ้นคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม

พอจู้ฮูหยินและนายท่านได้ยินแล้ว ใบหน้าของคนทั้งคู่ต่างสลดซีดเผือดลงไปทันที เพราะนี่อย่างไรพวกเขาถึงไม่ต้องการให้บุตรสาวเกี่ยวข้องกับบุรุษผู้นี้

วาจาที่ตรงไปตรงมาไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น

หากกล่าวตามตรงแล้วมู่เซี่ยหยางดูร้ายกาจและแข็งกระด้างไร้ความรู้สึกมิต่างจากก้อนน้ำแข็ง

จู้ซูเหยียนได้ยินแล้ว หัวเราะออกมาเล็กน้อย นางปรายสายตากลับไปมองบิดามารดากล่าว “ ต่อจากนี้ได้โปรดท่านพ่อและท่านแม่อย่าได้ไปรบกวนหรือทำให้คุณชายมู่ต้องรู้สึกลำบากใจอันใดเถอะเจ้าคะ”

นางและเขาได้ตัดขาดสิ้นสุดกันไปแล้ว

จู้ซูเหยียนไม่มีทางยอมให้ตกอยู่ในชะตากรรมเช่นเดิมอีกเป็นครั้งที่สองแน่!

“ซูเออร์หมายความว่าอย่างไร” จู้ฮูหยินร้องตกใจ นางรู้ว่าบุตรสาวมีท่าทางเพียงไปแต่ก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้

“หากข้าและคุณชายมู่ไร้ซึ่งวาสนาต่อกัน แม้อยู่ห่างเพียงพันลี้…ข้าย่อมไม่คิดไขว่คว้าให้มาเคียงข้างเจ้าค่ะ” จู้ซูเหยียนกล่าวพลางหันกลับไปสบตาอีกฝ่าย นัยน์ตาคู่งามฉายแววสั่นไหวเพียงครู่ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบงันราวสายน้ำไร้คลื่นลม

ข้าและท่าน…สิ้นสุดกันเพียงเท่านี้เถิดมู่เซี่ยหยาง

สายตาคมกริบดูลึกล้ำของมู่เซี่ยหยางเพ่งมองสตรีตรงหน้า เขาพลันมองเห็นความรู้สึกบางอย่างวูบผ่านดวงตางามคู่นั้นก่อนจะลับเลือนหายไปในพริบตาราวกับต้องการเก็บซ่อนเอาไว้

พอเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ จู่ๆ มู่เซี่ยหยางก็พลันเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา “การกระทำที่เอาแต่ใจเช่นนี้ของคุณหนูจู้ทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อนและลำบากใจรู้หรือไม่”  

ยามนี้บรรยากาศภายในห้องโถงเงียบสงัดมีเพียงสายลมอ่อนโยนพัดผ่านโชยมาจึงทำให้ปลายแขนเสื้อของทั้งสองพลิ้วไหวตามแรงลม ทว่าในความเงียบสงบนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความอึดอัดที่ยากจะเอื้อนเอ่ย

เกรงว่าหากผู้ใดไม่รู้จักคนทั้งคู่มาก่อนก็คงคิดว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อนแน่

จู้ซูเหยียนและมู่เซี่ยหยางต่างจ้องมองสบตากันไม่กระพริบโดยไม่ปริปากพูดอันใดออกมาสักครึ่งคำ

เดิมทีนั้นมู่เซี่ยหยางเพียงปรายตามองก็สามารถหยั่งรู้จิตใจของสตรีผู้นี้ได้โดยง่ายทว่าครานี้กลับแตกต่างกันออกไป นัยน์ตาของนางดูว่างเปล่าราวกับจงใจปิดกั้นทุกความรู้สึกคล้ายผืนน้ำที่เคยกระจ่างใสแต่บัดนี้กลับลึกล้ำจนยากหยั่งถึง

เพียงแค่ตกลงไปเพียงคราเดียวนางถึงกับเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้เชียวหรือ…?

ภายในใจของจู้ซูเหยียนบีบรัดแน่นแทบหายใจไม่ออกราวกับว่ามีภูผาหลายพันชั่งกดทับเอาไว้อยู่ข้างใน

“ขออภัยด้วยหากข้าทำให้คุณชายมู่ลำบากใจถึงเพียงนี้” จู้ซูเหยียนเอ่ยขึ้นหลังจากความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง น้ำเสียงของนางแผ่วเบาแฝงไปด้วยความรู้สึกขมขื่น

ขอบตาพลันร้อนผ่าวขึ้นมาจนจู้ซูเหยียนต้องเบือนหลบไปทางอื่นแทน

ในตอนนั้นนางเอาแต่ใจไม่น้อย ไม่ว่าจะถูกมู่เซี่ยหยางข่มขู่อย่างไรก็หาได้หวาดกลัวมิหนำซ้ำกลับยืนหยัดดื้อรั้นจะแต่งเป็นภรรยาของเขาโดยไม่ยอมฟังคำตักเตือนของผู้ใดทั้งสิ้น

จู้ซูเหยียนในวันวานช่างโง่เขลาเสมือนกับดักแด้ที่กลายเป็นผีเสื้อไม่รู้จักอันใดแต่กลับหลงใหลในเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนมุ่งหน้าเข้าหาเขาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด

หวนคืนครานี้จู้ซูเหยียนย่อมไม่เดินตามเส้นทางเดิมอีก

“หากคุณหนูจู้กล่าวคำขอโทษข้าย่อมให้อภัย”

จู้ซูเหยียนระบายยิ้มจางๆ “คุณชายมู่วางใจเถอะเจ้าคะ…ข้าและท่านย่อมไม่ข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว”

จู่ๆ มู่เซี่ยหยางรู้สึกว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบจู้ซูเหยียน เขากระแอมไอทีหนึ่งก่อนที่น้ำเสียงทุ้มจะเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “ข้าและคุณหนูจู้ย่อมไม่มีอันใดข้องเกี่ยวกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

“คุณชายมู่!” นายท่านจู้ตวาดลั่นเสียงดังด้วยความไม่พอใจหลังจากนั่งฟังอยู่นาน

“ได้โปรดคุณชายมู่ระวังคำพูดของท่านจะกระทบถึงความ รู้สึกของบุตรสาวข้าด้วย” แน่นอนย่อมว่าจู้ฮูหยินย่อมไม่อาจทนได้หากต้องเห็นบุตรสาวกระโดดน้ำอีกครั้ง เกรงว่าคราวนี้จากสระบัวจะกลายเป็นทะเลสาบลึกได้  

จู้ซูเหยียนยืนเหยียดหลังตรง ใบหน้าคนงามเชิดขึ้นเล็กน้อย ท่วงท่าสงบนิ่งดั่งสายลมฤดูหนาวทว่ากลับแฝงความเย็นชาเอาไว้

นางกล่าว “คุณชายมู่พูดถูกแล้วเจ้าค่ะ...ที่ผ่านมาเป็นข้าที่โง่งมและดื้อรั้นอยากเอาตัวเองไปวางไว้ข้างกายผู้อื่นแต่สุดท้ายกลับถูกมิต่างจากเศษก้อนกรวด…”

หัวคิ้วของมู่เซี่ยหยางขมวดมุ่น น้ำเสียงหวานที่เอ่ยออกมาแต่ละประโยคนั้นดูเรียบเฉยแต่กลับแฝงความรู้สึกต่างๆ กดซ่อนเอาไว้มากมาย  

“วางใจเถอะเจ้าค่ะ…พิธีกราบไหว้ฟ้าดินระหว่างข้าและท่านย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นแน่” ไม่ว่าเรื่องต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรทว่านางไม่มีทางยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีกแน่

 

 

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๓ สิ่งที่ต้องการ

    “แท้จริงแล้วท่านเคยรักข้าหรือไม่มู่เซี่ยหยาง” จู้ซูเหยียนเข้าใจแล้ว แม้ว่าการกระทำที่ผ่านมาของเขาล้วนแสดงออกเปิดเผยชัดเจนไม่น้อยทว่าคำถามกลับยังค้างคาอยู่ในใจ นางรู้ดี…นางเข้าใจเรื่องทั้งหมดดี…แต่ทว่าน้ำตากลับไม่ยอมหยุดไหลเสียที ภายในใจบีบรัดแน่นจนปวดหนึบชาไปทั้งร่างสายตาคมกริบของมู่เซี่ยหยางปรายมองสตรีตรงหน้าโดยไม่แสดงท่าทีใดนอกจากความนิ่งสงบ เขาไม่ได้เข้าไปปลอบนางแม้แต่น้อย “ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าลงนามหย่าให้เจ้าอยู่หลายครา..แน่ใจหรือว่าไม่รู้คำตอบหรือแท้จริงแล้วจงใจเสแสร้งโง่งม ตาบอด มองไม่เห็นกันแน่จู้ซูเหยียน”น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมาทั้งเย็นชาและห่างเหินจนนางได้ยินแล้วพลันสะอึกจุกในคอทันที จู้ซูเหยียนเม้มริมฝีปากแน่น มองอีกฝ่ายผ่านม่านน้ำตาด้วยความเจ็บปวด “ข้าถามว่าท่านเคยรักข้าหรือไม่มู่เซี่ยหยาง!”“ไม่เคยรัก”เพราะพี่สาวของจู้ซูเหยียนบุตรสาวคนโตของสกุลจู้ได้รับเลือกเข้าวังทั้งยังได้เป็นถึงสนมขั้นเฟย มู่เซี่ยหยางจึงถูกกดดันอย่างไร้หนทางจำต้องรับจู้ซูเหยียนเป็นภรรยา หาไม่แล้ว ย่อมมิอาจหลีกพ้นโทษฐานลบหลู่เบื้องสูง!มู่เซี่ยหยางออกมาจากจวนสกุลจู้ก็พลันเป็นยามพลบค

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒ มู่เซี่ยหยาง

    บทที่ ๒มู่เซี่ยหยางเกรงว่าสวรรค์คงกลั่นแกล้งให้นางได้หวนกลับมาพบเจอบุรุษต่ำทรามผู้นี้กระมังเมื่อได้ยินน้ำเสียงนี้อีกครั้ง จู้ซูเหยียนหยุดชะงักฝีเท้าหยุดอยู่ที่หน้าประตูพลางกำมือแน่นด้วยความเคียดแค้น นัยน์ตาเมล็ด ซิ่งดูแข็งกร้าวขึ้นมาทันทีมู่เซี่ยหยาง…บุรุษใจร้ายที่ผ่านมานางล้วนเป็นภรรยาที่ดีหวังว่ากลายเป็นภรรยาแล้วเขาจะให้ความสนใจนางบ้าง ทว่าทุกอย่างที่จู้ซูเหยียนกระทำลงไปนั้นในสายตาของมู่เซี่ยหยางย่อมมองว่าไร้ค่าอยู่ดีแม้จะแต่งงานหลายปีแล้วอย่างไรกันความสัมพันธ์ของนางและมู่เซี่ยหยางห่างเหินยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก ‘หึ!’ มู่เซี่ยหยางแค่นเสียงออกมา สายตาคมกริบปรายมองสตรีตรงหน้านิ่งๆ ‘ภายในใจของข้าย่อมไม่เคยและไม่มีวันมีเจ้าอยู่ข้างในจู้ซูเหยียน’‘เหลวไหลมู่เซี่ยหยาง! ท่านแต่งกับข้าแล้วซ้ำยังเป็นสามีของข้า…หากไม่มีข้าในใจแล้วจะมีสตรีอื่นได้งั้นหรือ’ จู่ๆ จู้ซูเหยียนก็นึกถึงเหตุการณ์ในครานั้นขึ้นมา นางในตอนนั้นช่างนางสมเพชเวทนาไม่น้อย เหตุใดนางถึงได้โง่งมไปร้องขอความรักจากเขากันหรือเพียงเพราะว่านางมีใจให้เขา…เขาจำต้องมีใจให้นางเช่นกันงั้นรึ ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีจู

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๑ หวนคืนกลับมา

    นางลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แสงแดดจากอาทิตย์สาดส่องจนต้องกระพริบตาถี่ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายยังคงสั่นสะท้านจากความเจ็บปวดราวถูกฉีกขาดเป็นเสี่ยงๆ เหตุการณ์ในคราวนั้น…ราวกับเป็นเพียงฝันร้ายตื่นหนึ่งจู้ซูเหยียนค่อยๆ ยกมือขึ้น ลูบไล้หน้าท้องอย่างแผ่วเบา หัวใจเต้นระส่ำด้วยความหวาดหวั่นหวังเพียงว่า... ทารกในครรภ์จะยังคงปลอดภัย“คุณหนูเจ้าคะ!” “…” นางพลันสะดุ้งเฮือกใหญ่“คุณหนูฟื้นแล้วเจ้าค่ะ!”จู้ซูเหยียนนอนแผราบอยู่บนเตียงก่อนจะปรายสายตาหันไปมองจากนั้นจึงเอ่ยขึ้น นางระบายยิ้มจางๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้ายังไม่ตายงั้นหรือ”มิใช่ว่าการของนางหนักหนาสาหัส แม้กระทั่งท่านหมอยังต้องส่ายหน้าบอกให้ทำใจมิใช่หรือ…แล้วเหตุใดถึงมีชีวิตต่ออีกอยู่เล่าสาวใช้ผู้นั้นได้ยินแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง “คุณหนูจะตายได้อย่างไรกันเจ้าคะ” คุณหนูงั้นหรือ…?จู่ๆ ภาพเหตุการณ์สุดท้ายก่อนสิ้นลมหายใจก็พลันพรั่งพรูหลั่งไหลเข้าสู่ห้วงความคิด จู้ซูเหยียนจำได้ชัดเจนว่าอาภรณ์ของนางเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีสดจนกระทั่ง…นางสมควรตายไปแล้ว เหตุใดยามนี้นางถึงยังนอนอยู่บนเตียงเช่นเดิมอยู่อีก นัยน์ตาเมล็ดซิ

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   บทนำ

    ปัง! ปัง!...ปัง!!ซ่า…าาา!ปังๆๆ“นายท่านเจ้าค่ะ!”ยามค่ำคืนของราตรีที่มืดมิดสนิท พายุฝนตกกระหน่ำโหมอย่างรุนแรง เสียงท้องฟ้าคำรามดังก้องพร้อมกับอัสนีบาตฟาดผ่าอยู่กลางอากาศราวกับกำลังโกรธเคือง ในขณะเดียวกันนั้น มีร่างของสาวใช้ยืนตัวสั่นยืนเปียกปอนอยู่หน้าประตูเรือน นางออกแรงเคาะบานประตูครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมทั้งร้องเรียกตะโกนจนน้ำเสียงแหบพร่ากลืนหายไปกับเสียงฝนตกกระหน่ำ“นายท่านเปิดประตูเถิดเจ้าค่ะ!”ปัง! ปัง! ปัง…บานประตูยังคงปิดสนิท ไร้เสียงเคลื่อนไหวจากข้างใน ปัง!...ปัง ซ่า...!นางจึงออกแรงทุบอย่างแรงอีกครั้ง ฝนยังคงตกกระหน่ำโปรยปรายลงมาไม่หยุดพลันสาดกระทบเรือนของนางจนอาภรณ์เปียกชุ่มไปทั่วทั้งร่าง “นายท่านเจ้าคะ!...แย่แล้วเจ้าค่ะ”ทันใดนั้น…บานประตูก็ถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง มู่เซี่ยนหยางปรากฏตัวอยู่ในสภาพไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก ท่อนบนเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์เผยให้เห็นแผงอกกำยำและเม็ดหยาดเหงื่อไหลทั่วทั้งร่างจนเปียกชุ่มราวกับว่าเพิ่งผ่านพ้นค่ำคืนอันหนักหน่วงมา หัวคิ้วของเขาพลางขมวดมุ่นฉายแววความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน สายตาคมกริบดูเย็นยะเยือก“มีผู้ใดตายหรืออย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status