로그인บรรยากาศในบ้านวรภักดิ์หัสดิน แลดูเคร่งเครียดมากกว่าทุกวัน เนื่องจากวันนี้ผู้ใหญ่ของทั้งสองตระกูลมีความจำเป็นต้องหารือเพื่อตกลงในเรื่องสำคัญ แม้จะมีความสนิทสนมกลมเกลียว รักใคร่ดุจญาติมิตร เพราะต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานาน แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องของธุรกิจ ก็ต้องหาทางออกร่วมกัน
“พี่อยากให้เห็นใจพี่หน่อยนะคะ น้องอัปสร ทางพี่เองก็กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงาน พี่คิดว่าใช้เวลาฟื้นฟูอีกประมาณหนึ่งปี พี่ก็คงจะหาเงินก้อนใหญ่มาจ่ายให้กับน้องอัปสรได้”
ตรีเพชรเจรจาด้วยสีหน้าลำบากใจ ทางอัปสรเองก็ใช่ว่าจะไม่เห็นใจคนคุ้นเคยกัน แต่ในฐานะนักธุรกิจ อัปสรจึงจำเป็นที่จะต้องนึกถึงผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัวเป็นสำคัญ
ยิ่งถ้ามันเป็นความต้องการของลูกสาวเพียงคนเดียวอย่าง เมขลา วรภักดิ์หัสดิน แล้วละก็ คุณหญิงอัปสรก็ยิ่งพร้อมที่จะทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ
“สรเข้าใจพี่เพชรนะคะ แต่สรเองก็ต้องการเงินในส่วนนี้ไปใช้ต่อยอดทำธุรกิจอย่างอื่นเพิ่มเติมอีก พี่เพชรก็รู้นี่คะว่าสรเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้งแต่ไม่กี่ขวบ ต้องทำงานอย่างหนักกว่าจะมีวันนี้ได้ แล้วที่สรจำเป็นต้องขยายธุรกิจเพิ่มเติม ก็เพราะต้องการให้ลูกเมมีชีวิตที่ดีและมั่นคงค่ะ”
เมขลาซึ่งนั่งอยู่ข้างมารดายิ้มน้อยๆ กับคำพูดนั้น หญิงสาวเพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรีจากอังกฤษและเดินทางกลับมาเมื่อเดือนก่อน ตอนนี้ก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งเลขานุการของคุณหญิงอัปสรเพื่อเริ่มเรียนรู้งานเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่
ตรีเพชรยิ้มเอ็นดูในตอนที่เบนสายตามองสาวน้อยที่เห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะ เมขลามีผิวพรรณขาวผุดผาดเช่นเดียวกับผู้เป็นแม่ เครื่องหน้าจิ้มลิ้มลงตัว ปากนิดจมูกหน่อย ไม่มีส่วนใดดูด้อย การันตีเลยว่าทุกคนที่ได้เห็นเป็นอันต้องมองตามจนเหลียวหลัง เรียกได้ว่ามีครบทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติเลยทีเดียว
น่าเสียดาย...ที่เหตุการณ์ในอดีตทำให้ลูกชายคนเดียวของตรีเพชร มองเมขลาไม่ต่างไปจากกิ้งกือไส้เดือน ต่างจากคนเป็นแม่ที่ถูกชะตาต้องใจจนนึกอยากได้มาเป็นสะใภ้
“นึกว่าพี่พฤกษ์จะมากับคุณป้าเสียอีกนะคะ หรือว่ายังไม่กลับมาที่กรุงเทพ” เมขลาถามหาคนที่เธอเฝ้ารอวันที่จะได้พบเจออีกครั้ง คิดถึงเหลือเกิน สี่ปีแล้วที่ไม่เคยเห็นหน้าหรือได้ยินเสียงทุ้มมีเสน่ห์น่าฟังของเขา
“มาได้สองสามวันแล้วลูก แต่ป้าทั้งชวนทั้งบังคับ ตาพฤกษ์ก็ไม่ยอมมา”
“พี่พฤกษ์นี่ขัดคำสั่งคุณป้าเก่งเหมือนเคยเลยนะคะ”
“ใช่จ้ะ ตาพฤกษ์ยิ่งอายุมากก็ยิ่งหัวแข็ง ป้าละเหนื่อยใจเหลือเกิน” ตรีเพชรถอนหายใจ “หนูจ๋าก็ติดคุณพ่อแจเลย เพราะพักหลังตาพฤกษ์ไม่ค่อยกลับมาบ้านที่กรุงเทพบ่อยนัก พอตาพฤกษ์เอาลูกมาอ้าง ป้าก็จนใจที่จะบังคับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอาไว้มีโอกาส เมจะไปหาพี่พฤกษ์เอง” เมขลายิ้มหวาน แต่มันทำให้ตรีเพชรถึงกับใจสั่นไหว ความกังวลฉายชัดออกจากสีหน้าและแววตา
“สรว่าเรามาพูดถึงข้อตกลงระหว่างเราต่อดีกว่านะคะ” คุณหญิงอัปสรแทรกขึ้นอย่างมีมารยาท
“มีทางไหนที่พอจะทำให้ยืดเวลาการจ่ายเงินค่าที่ดิน ส่วนที่พี่สร้างเป็นรีสอร์ตในกรุงเทพออกไปได้บ้างไหมคะ พี่กำลังแย่จริงๆ ตอนนี้รีสอร์ตกำลังเริ่มฟื้นตัว พี่มั่นใจว่าปีหน้าจะต้องได้เงินมาจ่ายน้องอัปสรจนครบทุกบาทแน่นอน”
“อย่างที่สรบอกนั่นแหละค่ะ สรต้องการให้ลูกเมมีความมั่นคง ถึงอยากได้เงินก้อนนั้นมาทำอะไรเพื่อลูก” อัปสรยิ้มอย่างมาดหมาย “แต่จะว่าไปเรื่องธุรกิจก็คงให้ได้แค่ความมั่นคงเพียงส่วนหนึ่ง ถ้าลูกเมมีคนดูแล สรคงเบาใจได้มากกว่านี้”
“คนดูแลเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ เอ...ตาพฤกษ์ก็ยังโสดนี่คะ ไม่ได้แต่งงานใหม่ สรไม่ถือหรอกนะคะ ถ้าจะได้ลูกเขยที่เป็นคุณพ่อลูกติด ดีเสียอีกที่เราสองครอบครัวจะได้เกี่ยวดองกันแน่นแฟ้นมากขึ้น แล้วเรื่องเงินยี่สิบห้าล้านที่พี่เพชรต้องจ่าย สรก็จะยกให้ฟรีๆ เลย ถือว่าเป็นของขวัญ”
“จริงเหรอคะ!” ตรีเพชรถึงกับหน้าตื่น สิ่งที่ได้ยินนั้นรวดเร็วจนแทบตั้งรับไม่ทัน
“จริงสิคะ พี่เพชร” อัปสรรู้ดีว่าสำหรับตรีเพชรที่กำลังลำบาก คงไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก เงินยี่สิบห้าล้านถือว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย แต่ถ้าแลกกับความต้องการของลูกสาวได้ละก็ อัปสรยินดีลงทุน
ใช่ เมขลาเป็นคนขอร้องให้มารดาใช้เรื่องนี้เป็นข้อแลกเปลี่ยนเอง เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เธอสมหวัง และได้ใกล้ชิดกับผู้ชายที่รักสุดหัวใจ ตอนแรกอัปสรก็ห้ามปราม เพราะรู้ดีว่าพฤกษ์เกลียดชังเมขลาจนแทบไม่อยากมองหน้า
แต่เมื่อเมขลาบอกว่าถ้าชีวิตนี้ไม่ได้ลงเอยกับพฤกษ์ เธอก็จะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น ด้วยความห่วงใยกลัวว่าลูกสาวคนเดียวจะไม่มีคู่ร่วมเรียงเคียงหมอนในวันข้างหน้า คนเป็นแม่จึงจำเป็นต้องทำตามความต้องการนั้นอย่างเสียมิได้
“เมไม่มีปัญหาเหมือนกันค่ะ เมชอบเด็ก ดีเสียอีกที่จะได้ช่วยดูแลหนูจ๋า แต่คุณป้าคงต้องรีบตัดสินใจหน่อยนะคะ เพราะคุณป้าเองก็รู้นี่นาว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเงินยี่สิบห้าล้าน แต่มันเกี่ยวกับพี่เจินด้วย หวังว่าคุณป้าคงยังไม่ลืมนะคะว่าเมทำทุกอย่างลงไปเพื่อใคร”
ถ้าไม่จำเป็น เมขลาคงไม่พูดถึงคนที่ตายจากโลกนี้ไปนานเกือบห้าปีขึ้นมาอีก จินดาเป็นอดีตภรรยาที่พฤกษ์รักมาก รักและจำฝังใจจนยอมครองตัวเป็นโสดมาตลอดหลายปี ไม่เคยคิดจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใคร
“เม ไม่พูดแบบนั้นกับคุณป้าสิลูก” อัปสรหันมาเตือน
“เมขอโทษค่ะ” เมขลาประณมมือไหว้ทันที
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” แม้จะบอกออกไปอย่างนั้น แต่ใบหน้าที่ซีดเซียวแสดงถึงความทุกข์ระทมเต็มที่
“เอาเป็นว่าพี่เพชรลองไปคิดดูก่อน หรือจะปรึกษาตาพฤกษ์ดูก็ได้นะคะ” อัปสรไม่ได้เร่งรัด
“ค่ะ พี่จะคุยกับลูกดู แต่อย่างที่เรารู้กันว่าเรื่องตอนนั้น...”
“พี่พฤกษ์จะต้องยอมแน่ค่ะ” เมขลาแทรกขึ้นเสียงเรียบ
ตรีเพชรไม่พูดอะไรอีก จริงอยู่ที่สามารถออกคำสั่งและใช้ความเป็นแม่เอาชนะลูกชายได้ แต่กับผู้หญิงที่เป็นคนทำให้จินดา ภรรยาสุดที่รักของพฤกษ์ต้องจากไปก่อนวัยอันควร จนลูกสาวคนเดียวอย่างเจนจิราหรือหนูจ๋าต้องกำพร้าแม่ พฤกษ์ต้องค้านหัวชนฝา และเลือกที่จะยอมเสียทุกอย่างในชีวิตไป มากกว่าจะยอมให้เมขลาเข้ามาในชีวิตแน่
พฤกษ์ทำทุกวิถีทาง แต่ก็สามารถรวบรวมเงินได้แค่ไม่กี่ล้านเท่านั้น หากเอาเงินทุนจากปางไม้รีสอร์ตมาใช้หนี้ก็อาจส่งผลให้เสียสภาพคล่อง ล่มจมเอาได้ง่ายๆ การอุดรอยรั่วในช่วงที่กำลังประสบภาวะขาดทุนแบบนี้ ไม่ใช่หนทางที่ควรทำ นั่นทำให้เขาต้องนั่งคิดหนักจนแทบไม่ได้นอนไปจนถึงเช้า เจ้าของร่างกำยำนั่งเอนกายพิงพนักเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ สองมือกอดอก ครุ่นคิดหาทางออก‘มันคือทางเดียวของเรานะพฤกษ์ แกจะขายปางไม้ศิวกรไม่ได้เด็ดขาด แม่รู้ว่าแกเกลียดเมขลา แต่ก็แค่แต่งงานเอง แม่ไม่ได้ขอให้อยู่ร่วมบ้านหรือเชิดชูเมขลาออกนอกหน้านี่นา ถือว่าเห็นแกแม่เถอะนะพฤกษ์ อย่าปล่อยให้ธุรกิจที่แม่ประคับประคองมาตั้งแต่พ่อแกเสียต้องล่มจมตอนนี้เลยนะ แกคิดถึงหนูจ๋าบ้างสิ อยากให้ลูกต้องนับหนึ่งใหม่ไปกับเราหรือไง หรือแกอยากเห็นแม่ตรอมใจตาย แกต้องการแบบนั้นใช่ไหม!’คำขอร้องของมารดาวนเวียนกลับมาสู่ภวังค์ความคิด ไม่ใช่แค่แม่ แต่ยังมีลูกสาวสุดที่รักอย่างเจนจิราด้วยที่เขาเป็นห่วง หากต้องนำทุกอย่างมาขายใช้หนี้ ครอบครัวศิวกรก็จะไม่เหลือสิ่งใดเลย เขาทนทุกอย่างได้ เพราะไม่ใช่คนติดหรูอยู่สบาย แต่คงไม่อาจทนเห็นมารดากับลูกสาวต้องตกระกำลำบากได้ แ
“คุณพ่อขา”เสียงเล็กเจื้อยแจ้วของร่างอวบป้อมในวัยหกขวบร้องเรียกบิดา เมื่อ พฤกษ์ ศิวกร ละสายตาจากงานตรงหน้าแล้วอ้าแขนรอ สาวน้อยก็ยิ้มจนตาหยีแล้ววิ่งโร่เข้าไปสู่อ้อมกอด“มีข่าวดีมาบอกค่ะ วันนี้หนูจ๋าปิดเทอมแล้ว ขอไปอยู่ที่ปางกับคุณพ่อนะคะ อยู่กับคุณย่าสองคน เหงามากเลย”“จะดีเหรอคะคนเก่ง ที่ปางมันอาจจะไม่สะดวกสบายเหมือนบ้านที่กรุงเทพหรอกนะคะ” พฤกษ์เอ่ยด้วยความความเอ็นดู ให้เหตุผลที่เป็นความจริงก่อน แต่ลูกสาวจะเลือกอย่างไร เขาคงไม่ขัดข้องตั้งแต่รับหน้าที่ขึ้นไปดูแลปางไม้รีสอร์ตที่เชียงใหม่แทนมารดาอย่างเต็มตัว เพื่อให้ท่านดูแลรีสอร์ตในเมืองกรุงที่กำลังเริ่มฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ เขากับเจนจิราก็ห่างกันมากกว่าเดิม หากได้พาลูกไปดูแลเองบ้าง เขาคงมีความสุขมากขึ้น“ขอแค่มีคุณพ่ออยู่ด้วย หนูจ๋าไม่กลัวอะไรเลยค่ะ...นะคะ นะ ขอหนูจ๋าไปด้วยนะคะ” คนตัวเล็กเขย่าแขนแล้วโผเข้ามากอดอีกรอบ มีหรือที่คนเป็นพ่อจะทนใจแข็งได้ไหว“โอเคค่ะ ไปก็ไป แต่ถ้าคุณพ่อบอกอะไร หนูจ๋าต้องเชื่อฟังนะคะ”“รับทราบค่า พ่อเลี้ยง” เจนจิรายิ้มจนตาหยี เรียกบิดาเหมือนอย่างที่คนงานที่ปางไม้มักเรียกกันเสมอ“จะกลับเมื่อไรเหรอพฤกษ์” เสียง
บรรยากาศในบ้านวรภักดิ์หัสดิน แลดูเคร่งเครียดมากกว่าทุกวัน เนื่องจากวันนี้ผู้ใหญ่ของทั้งสองตระกูลมีความจำเป็นต้องหารือเพื่อตกลงในเรื่องสำคัญ แม้จะมีความสนิทสนมกลมเกลียว รักใคร่ดุจญาติมิตร เพราะต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานาน แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องของธุรกิจ ก็ต้องหาทางออกร่วมกัน“พี่อยากให้เห็นใจพี่หน่อยนะคะ น้องอัปสร ทางพี่เองก็กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงาน พี่คิดว่าใช้เวลาฟื้นฟูอีกประมาณหนึ่งปี พี่ก็คงจะหาเงินก้อนใหญ่มาจ่ายให้กับน้องอัปสรได้”ตรีเพชรเจรจาด้วยสีหน้าลำบากใจ ทางอัปสรเองก็ใช่ว่าจะไม่เห็นใจคนคุ้นเคยกัน แต่ในฐานะนักธุรกิจ อัปสรจึงจำเป็นที่จะต้องนึกถึงผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัวเป็นสำคัญยิ่งถ้ามันเป็นความต้องการของลูกสาวเพียงคนเดียวอย่าง เมขลา วรภักดิ์หัสดิน แล้วละก็ คุณหญิงอัปสรก็ยิ่งพร้อมที่จะทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ“สรเข้าใจพี่เพชรนะคะ แต่สรเองก็ต้องการเงินในส่วนนี้ไปใช้ต่อยอดทำธุรกิจอย่างอื่นเพิ่มเติมอีก พี่เพชรก็รู้นี่คะว่าสรเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้งแต่ไม่กี่ขวบ ต้องทำงานอย่างหนักกว่าจะมีวันนี้ได้ แล้วที่สรจำเป็นต้องขยายธุรกิ
“แต่งงานกับเมเถอะนะคะ พี่พฤกษ์ เมยินดีรับข้อตกลงทุกอย่าง ขอแค่พี่พฤกษ์แต่งงานกับเมก็พอค่ะ" เมขลาไม่โกรธเลยที่ถูกตำหนิด้วยถ้อยคำไม่น่าฟัง ตรงกันข้ามกลับมองเขาด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เธอรักเขามากเหลือเกิน มากจนหากจะเรียกว่าคลั่งรักก็คงไม่ผิด“เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังเรียกร้องอะไรจากฉันอยู่" เขาจ้องเธอนิ่ง กระแสเสียงนั้นเจือความไม่พอใจชัดเจน แต่ก็ไม่ได้บั่นทอนความตั้งใจของเมขลาลงได้เลย"รู้สิคะ รู้ดีด้วย พี่พฤกษ์ก็รู้นี่คะว่าเมรักพี่พฤกษ์มานานแค่ไหนแล้ว ให้โอกาสเมได้ดูแลพี่ในฐานะภรรยาเถอะนะคะ เม...""เธอทำให้เมียฉันต้องตาย แล้วยังมีหน้าคิดจะเข้ามาแทนที่อีกเหรอ เมขลา!" พฤกษ์แทบไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับเมขลาเลย เพราะมันยิ่งทำให้เขาเกลียดเธอจนแทบกระอักเลือด แต่กับครั้งนี้สุดจะทนแล้วจริงๆ เธอกล้าดีอย่างไรถึงคิดเสนอตัวให้เขาแบบนี้"เรื่องนั้นมันผ่านไปนานแล้ว อย่าพูดถึงมันอีกเลยค่ะ" หญิงสาวนิ่งงันไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับสิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้ร้ายแรงอะไร"เธอทำให้หนูจ๋ากำพร้าแม่..." พฤกษ์แสยะยิ้ม กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน"เมก็กำลังเ







