LOGINบทที่ 5 แยกย้ายกันไปเติบโต
ลมเย็นจากทุ่งส้มพัดลอดเข้ามาทางหน้าต่าง แต่ในห้องโถงกลับเงียบขรึมเหมือนแบกน้ำหนักบางอย่างเอาไว้ พ่อเลี้ยงสุริยาเอนหลังบนเก้าอี้ไม้ เสียงถอนหายใจดังเฮือกพลางปรายตามองลูกชายที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าอยู่ตรงข้าม “อาทิตย์…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บอกพ่อมาตามตรง” เสียงทุ้มกดต่ำ แฝงความเข้มงวดจนบรรยากาศหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม อาทิตย์กำลังจะอ้าปาก แต่ยังไม่ทันได้พูด ประตูไม้ก็ดังเอี๊ยด!!!… แม่เลี้ยงอาทิตยาเดินเข้ามาพร้อมกลิ่นสมุนไพรติดกาย หลังกลับจากการพาคนงานสาวไปทำคลอด เดินมาไม่ทันไรก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอ่อน “อ้าว…น้องน่านฟ้ามาส่งขนมให้แล้วใช่ไหมลูก?” อาทิตย์ชะงักไปทันที กำลังหาคำจะพูด แต่พ่อเลี้ยงสุริยาชิงตอบเสียงขรึมแทน “มาแล้วก็ไปแล้ว…แล้วไอ้อนันต์มันก็ตามมาโวยวายเอะอะอยู่หน้าบ้านนี่แหละ” แววตาของแม่เลี้ยงอาทิตยาเปลี่ยนทันที จากอ่อนโยนเป็นตึงเครียด “เกิดอะไรขึ้นคะ?” อาทิตย์เลยรวบรวมใจรีบพูดออกมาเสียงจริงจัง “คือ…อย่างนี้ครับพ่อแม่ มันเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ พอดีผมจะชวนน้องกินเค้ก…แล้วผมแกล้งแขนน้องไว้ น้องเลยเสียหลักล้มลงมาทับตัวผมเองครับ ไม่มีอะไรเลย” คำอธิบายชัดเจนเรียบง่าย ทำเอาแม่เลี้ยงถอนหายใจโล่งแล้วส่ายหน้ายิ้มบาง “โธ่…เรื่องแค่นี้เอง แม่ก็นึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่แท้ก็แค่หกล้ม ไม่ใช่เรื่องอะไรเลยนี่ลูก” แต่แทนที่บรรยากาศจะเบาลง เสียงเข้มของพ่อเลี้ยงสุริยากลับดังขึ้น “ไม่ใช่ไม่ใหญ่หรอกคุณ! ไอ้อนันต์มันมาโวยวายถึงหน้าบ้าน ว่าห้ามลูกเรายุ่งกับลูกมัน ฟังแล้วมันน่าหงุดหงิด” แม่เลี้ยงอาทิตยาหันไปสบตาสามี สีหน้าผิดหวัง “ก็ลูกบอกอยู่ว่าเป็นอุบัติเหตุ ทำไมต้องเอามาเป็นเรื่องเป็นราวให้เด็กสองคนเดือดร้อนด้วยคะ” อาทิตย์ก้มหน้าเงียบ รู้สึกเหมือนกลายเป็นต้นเหตุให้พ่อแม่ต้องถกเถียงกัน เขาพึมพำเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน “คุณลุง…เข้าใจผิดครับแม่ เขาคิดว่าผมกับน่านฟ้านอนกอดกันจริง ๆ…” แม่เลี้ยงอาทิตยาถอนหายใจแรงกว่าเดิม เธอส่ายหน้าช้า ๆ “แม่ล่ะเหนื่อยใจจริง ๆ เรื่องผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่…ไม่เคยจบสิ้น ทำไมต้องเอาความบาดหมางมาลากเด็ก ๆ ให้ต้องลำบากด้วย” สุริยาหันขวับไปมองเมีย “เอ้า! นี่พี่ผิดอะไรอีกล่ะน้อง ถึงมาว่าพี่แบบนี้” “ก็ผิดนี่คะ!” น้ำเสียงของเธอสั่นน้อย ๆ แต่หนักแน่น “พี่กับพ่อเลี้ยงอนันต์เอาแต่ทะเลาะกันไม่เลิก แล้วผลคืออะไร เด็ก ๆ ต้องไม่ถูกกัน ทั้งที่จริง ๆ พวกเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย” บรรยากาศในบ้านเงียบสนิทไปชั่วครู่ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดจากทุ่งส้มข้างนอกดังแว่ว ๆ พ่อเลี้ยงสุริยาเม้มปากแน่นเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็เลือกเงียบแทน เขาหันไปมองลูกชายแทน สีหน้ากลับมาเข้มจริงจัง “พอแล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องพูดมาก อาทิตย์ เตรียมตัวเก็บของไว้เถอะ อีกไม่กี่วันก็ต้องไปมหาวิทยาลัยแล้ว” อาทิตย์เงยหน้าขึ้นสบตาพ่อ รับคำสั้น ๆ “ครับพ่อ” แต่ในใจของเด็กหนุ่มกลับเต็มไปด้วยความอึดอัดปนสับสน ไม่รู้ว่าอนาคตที่รออยู่ในมหาวิทยาลัยจะพาเขาออกจากเงาความขัดแย้งนี้ได้จริง ๆ หรือไม่… พ่อเลี้ยงอนันต์กับแม่เลี้ยงนภาเพิ่งปรับความเข้าใจกันได้ไม่นาน เสียงฝีเท้าหนักแน่นของ น่านฟ้า ก็ดังขึ้นจากบันไดไม้ เขาค่อย ๆ เดินลงมาด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตาแดงเรื่อคล้ายกับเพิ่งผ่านการคิดหนักมาหลายคืน “พ่อครับ…” เสียงทุ้มแผ่วแต่ชัดถ้อยชัดคำ ทำให้ทั้งพ่อและแม่หันไปมองแทบจะพร้อมกัน “หนูจะไปเรียนออสเตรเลียครับ” คำพูดนั้นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจ พ่อเลี้ยงอนันต์เงยหน้าขึ้นสบตาลูกชาย สีหน้าเข้มขรึมพลันอ่อนลง เขารู้ทันทีว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ “ถ้าหนูไม่อยากไป… ก็ไม่ต้องไปนะลูก” เสียงพ่อเลี้ยงแผ่วลงกว่าทุกครั้ง “พ่อกับแม่… จะไม่บังคับ” น่านฟ้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ กำมือแน่นเหมือนจะบีบความลังเลทั้งหมดออกไปจากอก ก่อนจะเอ่ยชัดเจน “หนูตัดสินใจแล้วครับพ่อ หนูจะไปเรียนต่อที่นั่น” แววตาของพ่อเลี้ยงอนันต์สะท้อนความปวดร้าว เขาเข้าใจทันทีว่านี่ไม่ใช่เพียงการตัดสินใจเรื่องอนาคต แต่เป็นการเสียสละเพื่อความสบายใจของเขาเอง ลูกชายเลือกเดินออกไป… เพื่อหลีกเลี่ยงรอยร้าวระหว่างสองครอบครัว แม่เลี้ยงนภาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับวางมือทาบอก น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยแต่พยายามควบคุมให้นุ่มนวล “ลูก… คิดดีแล้วใช่ไหม” น่านฟ้าสบตาแม่เลี้ยง พยักหน้าอย่างมั่นคง “คิดดีแล้วครับ” บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างไม้ดังแผ่ว ๆ เหมือนตอกย้ำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของทุกคน พ่อเลี้ยงอนันต์หันไปมองเมียรักอย่างอ่อนแรง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยกับลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้างั้น… เดี๋ยวพ่อกับแม่จะติดต่อญาติที่อยู่ที่นั่นให้ เตรียมเรื่องเอกสารกับพาสปอร์ต… ทุกอย่างพ่อจะจัดการให้” “ครับพ่อ” น่านฟ้าตอบสั้น ๆ แต่หนักแน่น พ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออก มันทั้งเจ็บปวด ทั้งภูมิใจ ทั้งห่วงหา แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียง ยอมรับ การตัดสินใจของลูกชายคนเดียว เช้าวันใหม่ อากาศยังไม่ทันร้อน ฟ้าก็ยังมีหมอกบาง ๆ คลอเหนือยอดไม้ อาทิตย์กลับรู้สึกไม่สบายใจนักที่ปล่อยให้เรื่องเมื่อวานค้างคาในใจ โดยเฉพาะสายตาของพ่อเลี้ยงอนันต์ที่มองเขากับน่านฟ้าเหมือนทำสิ่งไม่เหมาะสม มันฝังแน่นในอกจนเจ้าตัวนอนไม่หลับทั้งคืน อาทิตย์เลยเอ่ยกับแม่เสียงอ้อน ๆ “แม่ครับ… ก่อนผมจะไปเรียนต่อ ผมอยากไปขอโทษคุณลุงอนันต์จริง ๆ ครับ ผมไม่อยากให้ท่านเข้าใจผิด” แม่เลี้ยงอาทิตยาได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เห็นแววตาลูกชายแล้วถอนหายใจ “แน่ใจแล้วเหรอว่าจะไปน่ะลูก” “แน่ใจครับแม่ ผมอยากให้ท่านรับรู้ความจริงจากปากผม” แม่เลยยิ้มบาง ๆ พยักหน้ารับ ก่อนจะจัดกระเช้าผลไม้รวบรวมจากสวนในไร่ให้ลูกชายหิ้วติดมือไปด้วย เพื่อให้เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการขอโทษ เมื่อมาถึงฟาร์มโคนม กลิ่นหญ้าหมักและเสียงวัวร้องคลออยู่รอบ ๆ พอเดินเข้าไปในบ้านใหญ่ ก็เจอแม่เลี้ยงนภากำลังจัดเตรียมของอยู่พอดี อาทิตย์เลยรีบเอ่ยปากทักด้วยความสุภาพ “สวัสดีจ๊ะแม่เลี้ยงนภา” แม่เลี้ยงนภาหันมามอง ยิ้มแปลกใจ “อ้าว พี่อาทิตยา จะมาทำไมไม่บอกก่อนเลยจ๊ะ ไม่ทันได้ต้อนรับเลย” แม่เลี้ยงอาทิตยาหัวเราะเบา ๆ พลางยกมือไหว้ “ไม่เป็นไรหรอกพี่ ฉันแค่อยากพาอาทิตย์มาขอโทษพี่อนันต์เรื่องเมื่อวานนี้” แม่เลี้ยงนภาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง คล้ายจะระบายความเหนื่อยใจ “เฮ้อ… ฉันก็เบื่อนะ สองคนนั้นทะเลาะกันไม่เลิกจนลูก ๆ ต้องมาลำบากใจกันไปด้วย” “ฉันก็เหมือนกันพี่” แม่เลี้ยงอาทิตยาเสริมเสียงอ่อน “ตั้งใจพาลูกมาขอโทษนี่แหละ” “เอาเถอะ มา ๆ เดี๋ยวฉันพาเข้าไปหา” ว่าจบ แม่เลี้ยงนภาก็นำทางเข้าไปยังห้องรับแขก ที่ซึ่งพ่อเลี้ยงอนันต์กับน่านฟ้ากำลังนั่งคุยกันอยู่พอดี พอเห็นหน้ากัน บรรยากาศในห้องเงียบกริบจนได้ยินเสียงนาฬิกาเดินเข็ม พ่อเลี้ยงอนันต์เลิกคิ้ว “พี่อนันต์ พอดีอาทิตย์จะมาขอโทษจ้ะพี่” แม่เลี้ยงอาทิตยาเอ่ยเกริ่นแทนลูก “มาทำไม” น้ำเสียงทุ้มหนักของพ่อเลี้ยงอนันต์ดังขึ้น ทำเอาอาทิตย์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แต่เขาก็รีบก้าวเข้าไป ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “ผม… มาขอโทษเรื่องเมื่อวานครับคุณลุง” แววตาพ่อเลี้ยงยังเข้ม แต่ก็ไม่ได้โกรธเกรี้ยวเหมือนเมื่อวาน “อืม” เขาเอ่ยสั้น ๆ อาทิตย์สูดหายใจลึกแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “มันเป็นเพราะผมเองครับ ที่แกล้งน้อง ทำให้น้องล้ม… ทุกอย่างเป็นความผิดของผม ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันดูไม่ดีแบบนั้น” คำพูดตรงไปตรงมา ทำให้แม่เลี้ยงทั้งสองที่ยืนมองอยู่หันมายิ้มให้กัน รู้สึกดีที่เด็กผู้ชายคนนี้กล้ายอมรับความผิดอย่างลูกผู้ชาย พ่อเลี้ยงอนันต์หันมองลูกชายแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับช้า ๆ “ต่อไปก็ระวังหน่อย อย่ารุ่มร่ามกับลูกชายฉันอีก… ฉันไม่ชอบ” “ครับ ต่อไปผมจะระวังให้มากกว่านี้ครับ ขอโทษครับ” อาทิตย์โค้งหัวลงลึก พอเงยหน้าขึ้น สายตาก็ประสานเข้ากับน่านฟ้าโดยไม่ตั้งใจ น่านฟ้านั่งนิ่ง แอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย รอยยิ้มที่เหมือนกำลังสมน้ำหน้าแต่ก็ซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่อ่านไม่ออก แม่เลี้ยงอาทิตยาและอาทิตย์ก็ขอตัวกลับไร่ เพราะต้องเตรียมตัวไปส่งลูกชายไปเรียนต่อในไม่กี่วันข้างหน้า แต่ก่อนก้าวเท้าออกไป อาทิตย์ก็เพิ่งได้ยินจากปากแม่เลี้ยงนภาเองว่า น่านฟ้าจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย อีกเพียงสองวัน ข่าวนี้ทำเอาอาทิตย์ถึงกับชะงัก เท้าชะลออยู่ตรงธรณีประตู หันกลับไปมองน่านฟ้าอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจและเศร้าซ่อนอยู่ลึก ๆ “จะ…ไปออสเตรเลียจริง ๆ เหรอ” อาทิตย์ถามออกมาเสียงเบา แววตาสั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ น่านฟ้านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ “อืม… อีกสองวัน” อาทิตย์เม้มปากแน่นเหมือนพยายามกดความรู้สึกไม่ให้ปะทุออกมา “แล้ว… จะกลับมาเมื่อไหร่” “ไม่รู้สิ” น่านฟ้าตอบพลางก้มหน้าลง สองมือกำชายกางเกงแน่น “คงอีกหลายปี…” คำตอบนั้นเหมือนคมมีดกรีดลงกลางใจ อาทิตย์เงียบไปนาน ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วฝืนยิ้ม “งั้นก็ตั้งใจเรียน… ดูแลตัวเองด้วยนะ” น่านฟ้าเงยหน้าขึ้น มองสบตากับเขาเต็ม ๆ ราวกับจะอ่านทุกถ้อยคำที่ไม่ได้พูดออกมา “อืม… มึงก็เหมือนกันแหละ” บรรยากาศในห้องเงียบงัน แต่แววตาของทั้งคู่กลับสื่อสารกันชัดเจนกว่าคำพูดใด ๆ ก่อนจะก้าวถอยหลังออกไป อาทิตย์เอ่ยเสียงเบาเหมือนฝากความในใจไว้กับอากาศ “ถ้าวันหนึ่งเรากลับมาเจอกันอีก… หวังว่าจะยังจำกันได้นะ” น่านฟ้าไม่ได้ตอบ แต่เพียงแค่ส่งรอยยิ้มบาง ๆ กลับมาให้… รอยยิ้มที่อาทิตย์รู้ทันทีว่าต้องจำมันไปอีกนาน อาทิตย์ก้าวออกมานอกบ้านพร้อมแม่ แต่หัวใจกลับเหมือนถูกทิ้งไว้ตรงนั้นสายตายังหันกลับไปมองเด็กหนุ่มเจ้าของชื่อ ‘น่านฟ้า’ ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกภาพใบหน้ายิ้มบางเมื่อครู่ยังติดตาไม่หาย เขาเม้มปากแน่น พยายามกดความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นในอกแต่ยิ่งกดก็ยิ่งย้อนกลับไปนึกถึง… ภาพในวันเก่า ๆ ตอนที่เขาอายุแค่แปดขวบฤดูร้อนแดดแรง แต่เขายังจำได้ดี เสียงหัวเราะของใครบางคนทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสายตาคมสบเข้ากับภาพเด็กแก้มป่องที่กำลังวิ่งไล่ผีเสื้ออย่างเอาเป็นเอาตายร่างกลม ๆ นั่นเคลื่อนไหวราวกับซาลาเปา อาทิตย์วางหนังสือลง ลุกขึ้นยืนและจ้องเด็กคนนั้นเงียบ ๆ เด็กแก้มป่องรู้ตัวว่ากำลังถูกจ้อง จึงชะงัก แล้วหันมาพูดทันที “ใครอ่ะ” อาทิตย์ก้าวออกมาเล็กน้อย น้ำเสียงทุ้มเรียบเกินวัยถามกลับ “มาทำอะไรตรงนี้ครับ” เด็กน้อยเชิดคางขึ้นทันที “ทำไมจะมาไม่ได้ นี่ฟาร์มของพ่อเรา” อาทิตย์เลิกคิ้ว ก่อนพึมพำเสียงสั้น ๆ “อ๋อ…” “แล้วชื่ออะไรครับ” อาทิตย์ถามต่อ “ทำไมเราต้องบอก” เด็กแก้มป่องตอบเสียงจริงจัง “พ่อเราบอกว่าไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า” อาทิตย์หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนเปิดปาก “งั้นพี่ชื่อ อาทิตย์” เด็กน้อยพยักหน้า “ทีนี้เรารู้ชื่อพี่แล้ว” อาทิตย์เร่งเสียงขึ้นอีกนิด “บอกชื่อเราได้ยังครับ” เด็กแก้มป่องชั่งใจครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมตอบ “เราชื่อน่านฟ้า” อาทิตย์จ้องใบหน้ากลม ๆ นั้น ก่อนหลุดเรียกอย่างขำ ๆ “ซาลาเปาน้อย” “ไม่ใช่! เราบอกว่าเราชื่อน่านฟ้า!” เด็กน้อยทำตาโต ใบหน้ากลมแดงจัดด้วยความโกรธ เพียงการพบกันครั้งแรก…ก็ผูกมัดความทรงจำของเด็กทั้งสองไว้แน่นหัวเราะ ทุ่งหญ้า และเสียงผีเสื้อ…ภาพทั้งหมดยังชัดเจนในใจอาทิตย์ แม้เวลาจะผ่านไปแล้วกว่าสิบปี เสียงแม่เรียกดึงอาทิตย์กลับมาสู่ปัจจุบัน เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนหันกลับไปมองบ้านอีกครั้ง รู้ตัวดีว่าครั้งนี้ไม่ใช่การจากกันเพียงไม่กี่วันเหมือนตอนเด็ก ๆ แต่เป็นการจากไกลที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับมาเจอกันอีก เขาเผลอยกมุมปากยิ้มเศร้า ๆ พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ‘น่านฟ้า… ฉันยังจำได้หมดเลย’ แล้วก็หันหลังเดินตามแม่เลี้ยงอาทิตยาไป ทิ้งความทรงจำวัยแปดขวบไว้กับเด็กหนุ่มในบ้านหลังนั้น มีีอีบุ๊คแล้วนะครับ แม่ๆ ไปตำกันได้นะครับ🙏🥰 https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTg2Mzg4NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjM5NjM2MCI7fQบทที่ 5 แยกย้ายกันไปเติบโตลมเย็นจากทุ่งส้มพัดลอดเข้ามาทางหน้าต่าง แต่ในห้องโถงกลับเงียบขรึมเหมือนแบกน้ำหนักบางอย่างเอาไว้ พ่อเลี้ยงสุริยาเอนหลังบนเก้าอี้ไม้ เสียงถอนหายใจดังเฮือกพลางปรายตามองลูกชายที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าอยู่ตรงข้าม“อาทิตย์…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บอกพ่อมาตามตรง”เสียงทุ้มกดต่ำ แฝงความเข้มงวดจนบรรยากาศหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิมอาทิตย์กำลังจะอ้าปาก แต่ยังไม่ทันได้พูด ประตูไม้ก็ดังเอี๊ยด!!!… แม่เลี้ยงอาทิตยาเดินเข้ามาพร้อมกลิ่นสมุนไพรติดกาย หลังกลับจากการพาคนงานสาวไปทำคลอด เดินมาไม่ทันไรก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอ่อน“อ้าว…น้องน่านฟ้ามาส่งขนมให้แล้วใช่ไหมลูก?”อาทิตย์ชะงักไปทันที กำลังหาคำจะพูด แต่พ่อเลี้ยงสุริยาชิงตอบเสียงขรึมแทน“มาแล้วก็ไปแล้ว…แล้วไอ้อนันต์มันก็ตามมาโวยวายเอะอะอยู่หน้าบ้านนี่แหละ”แววตาของแม่เลี้ยงอาทิตยาเปลี่ยนทันที จากอ่อนโยนเป็นตึงเครียด “เกิดอะไรขึ้นคะ?”อาทิตย์เลยรวบรวมใจรีบพูดออกมาเสียงจริงจัง“คือ…อย่างนี้ครับพ่อแม่ มันเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ พอดีผมจะชวนน้องกินเค้ก…แล้วผมแกล้งแขนน้องไว้ น้องเลยเสียหลักล้มลงมาทับตัวผมเองครับ ไม่มีอะไรเลย”คำอธิบายชัดเจนเรียบง่
บทที่ 4 อุบัติเหตุ ถึงจะไม่อยากไปยังไง สุดท้ายร่างเล็กก็ต้องคว้าจักรยานคู่ใจออกมาจากบ้าน ล้อจักรยานบดกับหินกรวดไปตามทางดินสีแดง ลมที่พัดเอาไอร้อน ๆ ของแสงแดดเข้าหน้าเข้าตา เหงื่อซึมแผ่นหลังจนเสื้อบางแนบเนื้อหัวใจน่านฟ้าไม่เคยเต้นแรงเพราะแดด…แต่เพราะความจริงที่หนีไม่พ้น เขาต้องเอาขนมไปส่ง ที่นั่นบ้านไร่ส้มที่เขาเคยแอบปีนรั้วไปลักกินจนเป็นเรื่อง บ้านที่มี อาทิตย์เป็นคนเฝ้าไร่ผู้ชายตัวโต หน้านิ่ง ดุจนกเหล็ก แต่ชอบกวนประสาทจนเลือดขึ้นหน้าแทบทุกครั้งที่เจอเสียงล้อจักรยานชะลอลงเมื่อมาถึงหน้าบ้านไม้กว้างกลางไร่ส้ม แสงแดดลอดกิ่งไม้ส้มลงมาสะท้อนบนผิวตะกร้าไม้สานที่วางอยู่ในตะแกรงหน้ารถ ร่างเล็กหยุดยืนหอบนิด ๆ ก่อนจะสูดลมหายใจแรง ราวกับต้องรวบรวมความกล้าครั้งใหญ่สุดในชีวิตแล้วใช่อย่างที่คิด อาทิตย์ยืนรออยู่แล้วเขาพิงเสาไม้หน้าบ้าน ร่างสูงใหญ่ในเสื้อยืดสีหม่นกับกางเกงยีนส์ซีด ดูง่าย ๆ แต่แค่ยืนเฉย ๆ ก็เหมือนมีอำนาจบังคับให้คนอื่นต้องเหลียวมอง“เหนื่อยหรอ…ซาลาเปา” เสียงทุ้มกวน ๆ ดังขึ้นทันทีที่น่านฟ้าลากเท้าลงจากจักรยานเหมือนระเบิดเวลาในอกถูกกดปุ่ม น่านฟ้ากำมือแน่น“กูบอกว่ากูชื่อน่านฟ้
บทที่ 3 เรียกพี่ก่อนเช้าอันสดใส ฟ้าสีครามเหนือไร่เขียวขจี ลมอ่อน ๆ พัดโชยกลิ่นหญ้าสดจากทุ่งกว้างเข้ามาในบ้าน ฟาร์มโคนมของครอบครัวน่านฟ้าเหมือนถูกปลุกให้คึกคักตั้งแต่ไก่ขันเสียงรองเท้าแตะกระทบพื้นไม้ดังตึกตัก ๆ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของ น่านฟ้า จะเดินลงบันไดมา ใบหน้ายังมีร่องรอยความง่วงแต่ดวงตากลับเปล่งประกายอารมณ์ดี เพราะวันนี้คือวันหยุด ไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน อีกไม่กี่เดือนก็จะขึ้น ม.4 แล้ว แต่ในใจเขายังเหมือนเด็กซน ๆ ที่ไม่ยอมโตพอลงมาถึงห้องอาหาร กลิ่นกับข้าวที่แม่ทำไว้ลอยหอมจนท้องร้องทันที บนโต๊ะมีไข่เจียวหมูสับกรอบ ๆ น้ำพริกกะปิพร้อมผักลวก ต้มจืดฟักใส่ซี่โครงหมู และที่ขาดไม่ได้คือปลาทอดตัวโต ๆ ของโปรดเขาแต่สิ่งที่น่านฟ้าเห็นก่อนอาหารก็คือ ธารกับธีม สองเพื่อนซี้ที่กลายเป็นเหมือนลูกน้องขาประจำ กำลังนั่งรอหน้าแป้นอยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับลูกพี่” ธารกับธีมพูดพร้อมกัน เสียงเจื้อยแจ้วแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกวนน่านฟ้ายกคิ้วขึ้น หยิบแก้วน้ำดื่มก่อนตอบเสียงห้วน ๆ แต่แอบยิ้มมุมปาก “เออ มาแต่เช้าเลยนะพวกมึงอ่ะ”ธีมหัวเราะหึ ๆ“อ้าว!! มาเช้าก็บ่น มาสายก็ว่า”ธารเลยรีบเสริม“ลูกพี่จ
บทที่ 2 ลักส้มหลังจากที่สองพ่อลูกข้างฟาร์มควบม้ากลับไปแล้ว อาทิตย์ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้ารั้ว ความสงสัยค้างคาใจจนทำให้ขาแทบไม่ก้าวต่อ แต่สุดท้ายก็เดินทอดน่องกลับไปที่บ้านตัวเองบ้านไม้หลังใหญ่ยามเย็นเต็มไปด้วยกลิ่นข้าวสวยหุงใหม่โชยคลุ้ง เสียงจานชามกระทบกันเบา ๆ จากครัวด้านในทำให้อารมณ์ของอาทิตย์ค่อย ๆ คลายลง พอเดินเข้าไปถึงห้องโถง ก็เห็นพ่อกับแม่นั่งคุยกันอยู่บนเก้าอี้หวายตัวเดิมมุมที่ทั้งสองมักใช้พูดคุยเรื่องงานในไร่เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้“พ่อครับ... ทำไมฟาร์มที่อยู่ข้าง ๆ เราถึงไม่ค่อยชอบหน้าเราเหรอครับ?”คำถามนั้นทำให้พ่อสุริยา หยุดนิ่งไปชั่วอึดใจ สายตาคมตวัดมามองลูกชาย ก่อนจะเลื่อนกลับไปสบตาอาทิตยาอย่างมีความหมาย“อาทิตย์ไปเจอมันมาเหรอ?”เสียงเข้มเอ่ยถามเด็กหนุ่มรีบส่ายหัว “ไม่ใช่ครับ... พอดีน้องน่านฟ้าเดินหลงมาน่ะครับ”ทันใดนั้น สีหน้าของสุริยาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากบีบแน่น ก่อนจะตอบเสียงขรึม“ทีหลังอย่าไปยุ่งกับครอบครัวนั้นอีก”ยังไม่ทันที่อาทิตย์จะพูดอะไร อาทิตยาก็รีบสวนขึ้นมา น้ำเสียงแข็งกร้าวกว่าที่เคย“หยุดพูดแบบนั้นเลยนะพี่! จะสอนลูกแบบนี
บทที่ 1 สัญญา สายลมอุ่นยามเช้าพัดกลิ่นหญ้าอ่อนจากทุ่งฟาร์มโคนมลอยมาเคล้าเสียงหัวเราะสดใสของ เด็ก ๆ วิ่งเล่นกันอยู่ริมคอกวัว หนุ่มน้อยหน้าตาน่ารัก แก้มป่องเหมือนซาลาเปาไส้แน่น อายุเพียงห้าขวบ “น่านฟ้า” ลูกชายคนเดียวของพ่อเลี้ยงอนันต์ เจ้าของฟาร์มโคนมที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ กำลังหัวเราะเสียงใส พลางวิ่งไล่จับผีเสื้อกับลูก ๆ ของคนงานในฟาร์มดวงตากลมใสไล่ตามผีเสื้อสีเหลืองตัวเล็ก ร่างอ้วนกลมวิ่งดุ๊กดิ๊กจนหลุดออกจากกลุ่มเพื่อนไปไกลโดยไม่รู้ตัว ไม่นานก็ข้ามเขตมาถึงแนวส้มสุกที่ห้อยระย้าอยู่ริมไร่ส้มสุริยา ที่ซึ่งไม่ควรเหยียบย่างเข้ามาใต้ต้นส้มต้นหนึ่ง เด็กชายวัยแปดขวบ “อาทิตย์” นั่งกอดเข่าพิงโคนต้น กำลังอ่านหนังสือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ต่างจากวัยเดียวกันที่มักวิ่งเล่นเสียงดัง เขาชอบความสงบและเกลียดความวุ่นวายในบ้าน จึงมักหนีมาอยู่ที่นี่เสียงหัวเราะของใครบางคนทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น สายตาคมสบเข้ากับภาพเด็กแก้มป่องที่กำลังวิ่งไล่ผีเสื้ออย่างเอาเป็นเอาตาย ร่างกลม ๆ นั้นดูเหมือนซาลาเปาเคลื่อนไหวได้ อาทิตย์ละสายตาจากหนังสือ ลุกขึ้นยืน และมองเด็กคนนั้นโดยไม่พูดอะไรน่านฟ้าที่รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้อ
“หัวใจหล่นที่ไร่ส้ม” เป็นเรื่องราวของ อาทิตย์ เจ้าของไร่ส้มดุ ขรึม และ น่านฟ้า เจ้าของฟาร์มโคนมปากแซ่บ ดื้อเถียงตลอดชีวิต ทั้งสองครอบครัวเคยมีอดีตความรักซับซ้อนที่ทำให้ไม่ถูกกันมานาน แต่โชคชะตากลับนำพาให้ลูกชายของทั้งสองครอบครัวต้องมาพบกัน ชีวิตของพวกเขาเต็มไปด้วยความขัดแย้งและการแหย่กันไม่หยุด ทั้งจากคู่รักเองและจาก “ตัวช่วยกวนประสาท” อย่างธารและธีม และลูกน้องสนิทของอาทิตย์ที่คอยปั่นความวุ่นวาย แต่เบื้องหลังความทะเลาะตลอดเวลานั้นกลับเต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย และความอบอุ่น นิยายเรื่องนี้เต็มไปด้วยความหวาน ปนความขี้เล่น ดราม่าเล็ก ๆ และมุมโรแมนติกที่ทำให้หัวใจเต้นแรง พร้อมกับความตลกและซีนกวน ๆ ที่ทำให้คุณยิ้มและหัวเราะไปกับตัวละคร แม้เรื่องราวจะเริ่มจากความขัดแย้ง แต่ความรักของอาทิตย์และน่านฟ้าจะทำให้ทุกอย่างลงตัวในที่สุด คำเตือนเนื้อหา (Content Warning) นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมต่อผู้อ่านบางท่าน ประกอบด้วย: •ภาษาหยาบคาย และการใช้คำไม่สุภาพ •ฉากความสัมพันธ์แบบ NC ที่รุนแรง •การกล่าวถึงหรือมีการใช้ ยาปลุกเซ็กส์ ในเนื้อเรื่อง •เนื้อหาตอนพิเศษมีฉาก NC รุนแรง และเป




![ความลับประธานหม้าย [20+ Soft BDSM]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

![จิรัติพันประดับ [เซตเกี่ยวรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
