Share

ลา

last update Last Updated: 2025-05-16 23:24:54

“หลวงพี่ก็เลยมาบวชอะหรอ” เณรพ่ายถาม ใบหน้าเล็กแหงนมองหลวงพี่ด้วยสายตาที่ตั้งใจจดจ่อ ทำเอาคนเล่าอย่างจอมทัพเอ็นดูกับความตั้งใจฟังของคนตัวเล็กตรงหน้า

จอมทัพพยักหน้าตอบเบา ๆ

“ประมาณนั้น”

จอมทัพเล่าทั้งหมดให้แก่เณรพ่ายฟังเสร็จก็เดินไปหยิบไม้กวาดทางมะพร้าวที่วางทิ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาหมายจะกวาดต่อ

เรื่องนี้มีแค่เพื่อน ๆ ของเขาเท่านั้นที่รู้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร เพราะตอนนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกรักเจนแล้วเหลือแต่ความรู้สึกว่างเปล่า

ต่อจากนี้…ต่างคนก็ต่างเดินบนทางของตัวเอง

“ไม่เป็นไรนะหลวงพี่ หล่อ ๆ อย่างหลวงพี่เณรเชื่อว่าสึกไปสาวติดตรึม” คำพูดและท่าทางแก่แดดของเจ้าตัวจ้อยทำเอาจอมทัพถึงกับถลึงตาดุคนตัวเล็กตรงหน้าทันที

“เณรสำรวม ระวังคำพูดด้วย” จอมทัพเอ่ยเสียงดุ ท่าทีจริงจังรวมกับสายตาที่ดุดันทำให้คนตัวเล็กหน้าหงอยลงทันตา

“ขอประทานโทษครับหลวงพี่” เสียงอ้อมแอ้มเอ่ยขอโทษเบา ๆ สีหน้าเจื้อนลงถนัดตาร่วมกับท่าทีสำนึกผิดของเณรพ่ายทำเอาจอมทัพถึงกลับใจอ่อน เด็กยังไงก็เป็นเด็ก จอมทัพปลอบตัวเองในใจ

“เฮ้อ เอาเถอะ เดี๋ยวไปช่วยกันกวาดศาลากัน”

“ครับหลวงพี่!” ใบหน้าหงอยกลับมายิ้มอีกครั้ง ท่าทีสดใสร่าเริงกลับคืนมาในพริบตา

คนตัวเล็กยืดอกอย่างภูมิใจพลางยิ้มมุมปาก หลังจากทำภารกิจพิชิตใจหลวงพี่ตรงหน้าสำเร็จ หลวงพี่ทัพน่ะแพ้อะไรแบบนี้ที่สุด แค่ทำท่าทีหางลู่ เปิดโหมดอ้อนเข้าหน่อยหลวงพี่ก็ใจอ่อนแล้ว

คนตัวเล็กยิ้มร่ารีบหยิบจับไม้กวาดทางมะพร้าวเดินตามหลวงพี่ทัพที่เดินนำหน้าไปแล้วทันที

แสงแดดอ่อนช่วงสายสาดผ่านเงาไม้ ลมเย็นปลายฝนพัดเอื่อยเข้าปะทะใบหน้าของจอมทัพขณะเดินเข้าสู่โบสถ์ใหญ่ ใจเขาสงบนิ่ง แต่ลึกลงไปข้างในกลับรู้สึกวูบโหวงคล้ายกำลังลาจากบางสิ่งที่มีค่าเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดเมื่อถึงวันที่เขาจะต้องกลับไปเป็นฆราวาสอีกครั้ง

สามเดือนในผ้าเหลืองสอนเขามากมาย มากกว่าหลายปีที่ผ่านมาเสียอีก

ชายหนุ่มหยุดลงตรงหน้าพระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่กลางโบสถ์ พระพักตร์ของพระพุทธรูปดูสงบ สว่างไสว ราวกับมองทะลุความคิดเขาได้หมดทุกอย่าง

จอมทัพค่อย ๆ ทรุดตัวลงกราบ ริมฝีปากเอ่ยบทลาสิกขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่แฝงความสงบนิ่ง

“ข้าพเจ้าขอลาสิกขา ขอท่านทั้งหลายจงจำข้าพเจ้าไว้ว่าเป็นคฤหัสถ์กลับออกไปครองเรือน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป…”

“…สิกขังปัจจักขามิ คิหิติ มัง ธาเรถะ

สิกขังปัจจักขามิ คิหิติ มัง ธาเรถะ

สิกขังปัจจักขามิ คิหิติ มัง ธาเรถะ…”

“ลาขอรับ…หลวงพ่อ”

ชายชราในจีวรสีหม่นตรงหน้าพยักหน้ารับช้า ๆ แววตาแห่งความเมตตาฉายประกายอ่อนโยน

“อืม…โชคดีนะโยม อาตมาขออวยพรให้เจอแต่สิ่งดี ๆ” น้ำเสียงแหบทุ้มของหลวงพ่อกล่าวอวยพรให้แก่ชายหนุ่ม

“ขอบพระคุณครับ” จอมทัพยกมือไหว้อีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเตรียมจะเดินออกไป

ทันทีที่จอมทัพหันหลังก็เจอคนตัวเล็กช่างจ้อ เณรพ่าย ยืนมองเขาอยู่เงียบ ๆ แต่ดวงตาเล็ก ๆ เป็นประกายวาวน้ำ

“โยมพี่ทัพ…ไว้เจอกันใหม่นะ แวะมาหากันบ้างนะ” เสียงเล็กเอ่ยอย่างใจหาย ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมานี้มีหลวงพี่ทัพเป็นเพื่อนตลอดมา แต่ก่อนวัดนี้มีแต่พระอายุมาก มีแค่เขาที่เด็กที่สุดทำให้บางครั้งก็รู้สึกเหงา พอหลวงพี่ทัพมาบวชเพิ่มก็รู้สึกดีใจที่ได้พูดคุยเล่นกับคนอายุรุ่นใกล้เคียงกันมากกว่า แล้วแบบนี้เขาก็ต้องกลับไปเหงาเหมือนเดิมอีกแล้วสินะ

ไหล่เล็กลู่ลงท่าทีห่อเหี่ยวของเณรน้อยตรงหน้าทำเอาใจของจอมทัพวูบไหว เพราะมีเณรพ่ายจึงทำให้ชีวิตการบวชพระของจอมทัพไม่ได้ลำบากอย่างที่คิดไว้ เสียงพูดคุยช่างจ้อที่คอยซักถามเขาทุกวันทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ

“เช่นกันเณร…ไว้มีโอกาสเราคงได้เจอกันอีก” เขายิ้มให้เบา ๆ อย่างจริงใจ พลางจะยื่นกระดาษสี่เหลี่ยมที่พับเอาไว้ส่งให้กับมือก่อนจะเดินออกไป

เณรพ่ายแสดงสีหน้าสงสัยก้มมองกระดาษสีขาวในมือสลับกับคนตัวใหญ่ที่ตอนนี้คงต้องเรียก โยมพี่ทัพ มือป้อมคลี่กระดาษออก ตัวหนังสือขนาดพอดีที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีน้ำเงินอย่างเป็นระเบียบฉายชัดตรงหน้า ก่อนใบหน้าเศร้าสร้อยอาลัยอาวรณ์เมื่อครู่จะหายไป เป็นรอยยิ้มกว้างที่ผุดขึ้นมาแทน ดวงตาสุกใสมองคนพี่จนลับสายตา

การจากลา…แม้น่าเสียดาย แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป คนเราเมื่อยังมีชะตาต้องกันแล้วไม่แคล้วไม่คลาดกันหรอก เดี๋ยวก็คงต้องวนมาเจอกันใหม่อยู่ดี จอมทัพคิดแบบนั้น

ชายหนุ่มหัวเงาวับพริ้มตาหลับพลางเงยหน้ารับสายลมเย็น ๆ ลูกใหญ่พัดเข้ามากระทบใบหน้า หยาดเหงื่อและความร้อนในอกถูกกล่อมด้วยสายลมอ่อน ดวงตาคมค่อย ๆ ลืมขึ้นอีกครั้ง รับกับท้องฟ้ากว้างอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ชีวิตใหม่…เริ่มต้นแล้ว

ชายหนุ่มร่างสูงหยิบกระเป๋าเป้ที่ไม่ได้แตะต้องมานานปัดฝุ่นออกเบา ๆ ยกขึ้นมาสะพายพาดบ่า ก่อนสาวเท้าเดินออกมารอยังโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าศาลาวัด โทรศัพท์ที่ใช้แค่ตั้งปลุกมานานถูกยกขึ้นมาในรอบ 3 เดือน

ตื๊อดึง!!!!

เสียงข้อความเข้าระรัวจนกลัวว่ามันจะค้างเข้าเสียให้ได้

ปี้น! ๆ

เสียงแตรรถยนต์คันหรูดึงความสนใจจอมทัพออกจากหน้าจอโทรศัพท์ ภาพตรงหน้าปรากฎเป็นรถยุโรปยี่ห้อดังสีดำสี่ประตู กระจกฝั่งคนขับค่อย ๆ เลื่อนลงมาเรื่อย ๆ จนเห็นใบหน้าผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวงมาลัย

ใบหน้าที่ติดไปทางลูกครึ่งเอเชียโผล่ลอดออกมาจากกระจก ตาเรียวถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดแบรนด์หรู หัวคิ้วเรียวกระตุกยักคิ้วอย่างกวนๆ ริมฝีบางเอ่ยตะโกนขึ้นมาอย่างคิดถึงเนื่องจากไม่ได้เจอกันมานาน

“ไงเพื่อนรัก พวกกูมารับแล้ว”

“หึ” จอมทัพส่ายหัวเบาๆ ให้แก่บรรดาแก๊งเพื่อนตัวแสบทั้งหลายที่ลงจากรถมาหาเขา ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางเดินตรงไปยังรถคันหรู

หมับ!!! ไม่ทันให้จอมทัพตั้งตัวปั้นสิบก็กระโดดกอดเอาขารัดเอวเหมือนลิงเกาะต้นมะพร้าว จอมทัพแทบเสียหลักล้ม ดีที่ทรงตัวได้ทัน มันคิดว่ามันตัวเบามากมั้ง

“ว่าไงเพื่อนยาก กูคิดถึงมึงม๊ากมาก รู้มั้ยกูกาปฏิทินรอมึงทู๊กวันเลยนะ” ปั้นสิบปั้นหน้าน่าสงสารพลางใช้น้ำเสียงกระซิก ๆ เรียกร้องความสนใจ

“มึงอย่าเว่อร์ เมื่อวานยังบอกกูอยู่เลยว่ามีนัดเดทกับสาวจนลืมวันสึกเพื่อน” เป็นสายฟ้าที่เฉลยความจริง

พรึ่บ!! ปั้นสิบกระโดดลงจากจอมทัพเพราะเกรงว่าท่าทางตนจะไม่สุภาพเนื่องจากยังอยู่ในวัด

“แหะๆ ก็มันลืมนี่หว่าลืมนิดลืมหน่อยบ้างจะเป็นไรไป เนอะ” พลางพยักหน้าขอแนวร่วมจากคินที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่ด้านหลังอย่างเก๊กหล่อ

จอมทัพเบนสายตาไปมองเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่แทบไม่พูดอะไร ก่อนจะถูกเสียงสายฟ้าเอ่ยขัด

“ไป ๆ กลับกันทิดจอม” สายฟ้าตะโกนบอกแซว ๆ ยามมองไปที่ศีรษะเงาวับไร้ซึ่งทรงผมทูบล็อคเปิดข้างเหมือนแต่ก่อน

“ขอร้องเลย มึงกูเหมือนเดิมเถอะ” จอมทัพตอบกลับปนขบขันพลางส่ายหน้าอย่างอาย ๆ

“โห่กูอุตส่าห์ไปรีเสิร์ชมาเลยนะว่าจะเรียกมึงว่ายังไงดี” เสียงของสายฟ้าดังขึ้น ท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนๆ ที่มารับจอมทัพกลับกรุงเทพ เพราะอีกสองวันมอก็จะเปิดแล้ว

“ว่าแต่มึงดูผอมลงนะ หรือนี่คือผลของการทำไอเอฟ” ปั้นสิบแซวคนหัวโล้นเกือบโล้นไม่หยุด

“ไอ้สัสสิบ!นรกถามหาละ” สายฟ้าขู่ทะเล้น

“อ้าวละกูพูดผิดตรงไหน ไม่เคยบวชนี่หว่า”

“พอ ๆ ขึ้นรถกันได้ละกูร้อน” เสียงเหนื่อยใจของคิระพูดขึ้นขัด

“นี่ไงคนบาปคนแรกเข้าวันแปปเดียวร้อนจนทนไม่ไหว” ปั้นสิบแซวคิระอย่างขำขัน ยั่วยุความอดทนของคุณชายตระกูลนากาโมโตะจนอีกฝ่ายสะบัดหน้าออกอย่างแง่งอน

“กูร้อนแดดไอ้สัส เที่ยง ๆ แบบนี้มึงอยู่คนเดียวเหอะ” คินตอบกลับพลางหมุนตัวขึ้นรถไป มือขาวเปิดประตูหลังคนขับขึ้นก่อนจะแทรกตัวเข้าไป

“ไอ้คุณชายงอนกูละ งั้นขึ้นรถกัน” ปั้นสิบที่คุยกับคิระเสร็จก็หันไปพูดกับจอมทัพต่อ “เออจอมมึงนั่งหลังกับไอ้คินนะ กูจะให้ไอ้ฟ้าช่วยดูแมพ”

“อืม ได้”

ภายในรถ

เสียงเพลงสากลเปิดคลอเบาๆ ปั้นสิบที่เป็นคนขับรถสลับที่กับสายฟ้า ฮัมเพลงไปขับรถไป ส่วนสายฟ้า ปากก็พูดกับปั้นสิบแต่มือกลับพิมพ์หาสาวจนมือพัลวัน บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความวุ่นวายที่ไม่ได้เจอมานาน เพราะอยู่กับความสงบมานานจึงไม่ค่อยชินกับเสียงพูดคุยนัก หูและตาของจอมทัพจึงไวต่อสิ่งเร้าที่มากระทบเป็นพิเศษ

เขาหลับตาลงครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ พยายามตัดขาดจาดเสียงพูดคุย ความเร็วของรถ และเสียงหัวเราะของเพื่อน แต่แล้ว…

พรึ่บ!!

ความหนักของท่อนขาของผู้โดยสารด้านหลังอีกคนที่เอาแต่นั่งเงียบก้มหน้ากดมือถือยุกยิกพาดลงมาที่หน้าตักของจอมทัพอย่างจัง

ดวงตาคมปรือขึ้นอย่างช้า ๆ กดตามองต่ำไปยังสิ่งที่วางพาดอยู่บนหน้าตัก ริมฝีปากเม้มแน่นขณะสายตาคมไล่มองตั้งแต่ข้อเท้าขาวเรียวขึ้นมาจนถึงโคนขา กางเกงขาสั้นสีอ่อนที่เลิกขึ้นอวดผิวเนื้อขาวเนียนใต้แสงแดดที่สาดส่องราง ๆ ลอดผ่านกระจกราวกับตั้งใจ

บรรยากาศด้านหลังต่างจากด้านหน้าอย่างลิบลับ ความเย็นของแอร์ไม่อาจทำให้เหงื่อของจอมทัพหายไปได้ ลำคอแห้งผากส่งผลให้ลูกกระเดือกเคลื่อนลงตามจังหวะการกลืนน้ำลาย

“เออเดี๋ยวแวะปั๊มก่อนนะปวดเยี่ยวว่ะ” เสียงดังของสายฟ้าฉุดสติของจอมทัพกลับมา

“เออ กูอยากกินกาแฟพอดี ไม่เข้าเส้นแล้วง่วงชิบ…” พูดจบปั้นสิบก็โชว์หาวหวอดไปหนึ่งที

อึก!

ขาขาวที่อยู่บนตักจอมทัพเริ่มขยับอีกครั้ง ครั้งนี้อีกฝ่ายยกขาอีกข้างขึ้นมาพาดตักเขาเช่นขาแรก ข้อเท้าขาวหมุนกดลงไปยังส่วนสำคัญใจกลางกาย ความเป็นชายถูกกระตุ้นด้วยเท้าเรียวผ่านถุงเท้ากีฬายี่ห้อหนึ่งที่เป็นกระแส

ท่อนขาส่วนบนแน่นหนุบหนับน่าจับมาตีให้ขึ้นสี จอมทัพคิดในใจพลางส่ายหัว นึกถึงวิชาความรู้ที่เขาได้ร่ำเรียนมาตลอดปิดเทอมที่ผ่านมานี้ จู่ ๆ บทนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ พุทธ โธ พุทธ โธ ก็แวบเข้ามาในหัว

‘หายใจเข้า…พุทธ’

‘หายใจออก…โธ’

เขาท่องมันซ้ำ ๆ ในใจราวกับคนหมดสติ

‘หายใจเข้า…พุทธ’

‘หายใจออก…โธ’

แต่ว่านะ…

บทสวดนี้ไม่ช่วยอะไรเขาเลย…แม่งไม่ช่วยเลยสักนิด

แม่งเอ้ยไม่ไหวละ! ความอดทนของจอมทัพหมดลง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   จิ๊กซอตัวสุดท้าย

    หลังจากผ่านคำคืนเฉลิมฉลองให้กับคู่รักข้าวใหม่ปลามันเสร็จทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปคนละทาง สายฟ้าก็มีแฟนหนุ่มอย่างแสงเหนือมารับถึงที่ ส่วนปั้นสิบก็ลงไปเรียกรถกลับห้องอย่างน้อยใจชีวิต ปล่อยให้คู่รักคู่ใหม่ได้ใช้เวลาสวีทหวานร่วมกันเป็นเวลาเกือบบ่ายโมง ร่างสมส่วนลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะเอี้ยวตัวบิดเพราะความเมื่อยล้าหลังจากที่แยกย้ายกับเพื่อนเมื่อคืนเสร็จทั้งเขาและจอมทัพก็เข้านอนกันเลยตาเรียวหรี่ตามองฝั่งซ้ายของเตียงที่ว่างเปล่า ก่อนจะเดินออกไปยังห้องครัว แต่กลับได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขัดขึ้นมาเสียก่อน“ไงมึง ข้าวอยู่ในครัวนะ”คิระเดินขยี้ตาออกมาจากห้องนอนก็สะดุดกับคำทักทายของผู้บุกรุกนิรนามตรงหน้า สายตาเริ่มปรับโฟกัส สมองเริ่มตื่นเต็มที่ก็ผงกหัวตอบรับไป“กินข้าวยังล่ะ”“กูกินตั้งแต่สิบโมงละ มึงกินเลยกูซื้อของโปรดมา”“ทัพไปไหน”“เห็นมันบอกว่าไปธุระกับที่บ้านนะเลยโทรให้กูซื้อข้าวมาให้มึงหน่อย คนโสดอย่างกูถึงได้มาเสนอหน้าอยู่ที่นี่ไง” ปั้นสิบอธิบาย หลังจากที่จอมทัพโทรปลุกเขาตั้งแต่เช้าตรู่ว่ามาดูแลเมียมันให้หน่อยเมียมันก็เพื่อนเขาไม่ใช่รึไง ปั้นสิบส่ายหัวอย่างเอือมระอากับอาการคนคลั่งรัก

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   สิ้นสุดการรอคอย

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรเย็น ๆ กระทบที่ใบหน้า ตาคมกระพริบไล่ความงัวเงีย แสงไฟจากเพดานแยงเข้าตาอย่างจังจนต้องหยีตาลง และเมื่อปรับสายตาได้แล้วก็ต้องตกใจคนที่อยู่ตรงหน้าใบหน้าขาวนวล ผมหน้ายาวแทบปิดตา แต่ก็ไม่อาจปกปิดแววตาที่ราวกับรวมดวงดาวนับล้านนั้นเอาไว้ได้ เจ้าของดวงตาสวยมองมาไม่กระพริบทำให้ตอนนี้ทั้งเขาทั้งคิระเอาแต่จ้องตากัน เนิ่นนานจนกระทั่งคิระเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน“ตื่นแล้วหรอ” เสียงนุ่มทุ้มที่ฟังอยู่แทบทุกวัน คนตรงหน้าเอื้อมมือที่ถือผ้าชุบน้ำอยู่เช็ดตามกรอบหน้าคมเบา ๆ อย่างอ่อนโยน ความเย็นจากน้ำประทะกับความหนาวของเครื่องปรับอากาศทำเอาขนแขนลุกความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่ห้องนั่งเล่น คนเมาไล่สายตามองคนตรงหน้าที่ตั้งอกตั้งใจเช็ดตัวให้เขาอยู่ ใบหน้าเรียบนิ่งอ่านออกได้ยากว่ากำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไรแต่ในใจเขาก็ขอให้มันรู้สึกเหมือนกัน เขาไม่อยากมั่นใจนักแต่ที่มันมาหาเขาถึงที่ขนาดนี้ก็ต้องมีรู้สึกบ้างแหละ “มีอะไรก็พูดสิ” คิระเห็นท่าทีเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดของคนเมาก็เอ่ยถาม“มึงกับยูตะ…เอ่อมันยังไง” ในที่สุดจอมทัพก็เอ่ยถามเรื่องที่ค้างค

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ปลอบ

    คอนโดปั้นสิบ“ลมอะไรหอบมึงมาวะ”เสียงทุ้มห้วนของปั้นสิบดังขึ้นทันทีที่เห็นเพื่อนหน้าโหดที่บัดนี้ยืนหน้าหงอยกอดขวดเหล้าไว้แน่นอยู่หน้าห้อง ดวงตาคู่ดุแดงระเรื่อเหมือนคนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาตลอดทาง“เข้ามาสิ”เจ้าของห้องไม่ได้ถามอะไรต่อ เพียงเปิดประตูแล้วถอยให้เพื่อนสนิทเดินเข้าไป จากนั้นก็เดินนำไปยังโซฟาตัวเก่าที่พวกเขาใช้เป็นฐานประจำสำหรับ ‘วงเหล้าเฉพาะกิจ’ แกร๊ก!เสียงน้ำแข็งกระทบแก้วใสกังวานตามด้วยเสียงซ่าของโซดาที่เพิ่งเปิด กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ลอยปะปนไปกับความเงียบที่เริ่มปกคลุมห้องจอมทัพนั่งนิ่งบนโซฟา ร่างสูงดูเหนื่อยล้าแทบหมดแรงเดิน ดวงตาเหม่อลอยราวกับร่างไร้วิญญาณ สีหน้าหม่นหมองเงียบงัน ไม่พูดไม่จา เอาแต่ยกแก้วขึ้นกระดกไม่ยั้ง ไม่สนใจเจ้าของห้องที่นั่งจ้องเลยสักนิดปั้นสิบมองแขกผู้เศร้าโศกที่เคาะห้องเขายามวิกาลอยู่พักใหญ่ และความอดทนของคนผิวแทนเริ่มหมดลง “มึงจะเล่าได้ยังกูรอฟังจนจะหลับแล้วเนี่ย”เสียงถอนหายใจดังขึ้น ดวงตาคู่คมคล้ายสั่นไหวยามนึกถึงเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น จอมทัพยกมือข้างหนึ่งมากุมหน้าอกตัวเองแน่น “เฮ้อ… กูแค่รู้สึกแปลก ๆ ในใจ มันเหมือนถูกบีบรัดแน่น ๆ ย

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ความมืด

    “คิระคุง ข้อนี้ทำยังไงหรอ” น้ำเสียงนุ่มละมุนดังขึ้นด้านข้าง ใบหน้าหวานช้อนตามองบุคคลที่รับหน้าที่ติวเตอร์จำเป็นอย่างคิระ“อืมมันต้องทำแบบนี้นะ” ใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายแววชัดตั้งแต่เด็กตั้งใจอธิบายด้วยท่วงท่าที่มีเสน่ห์ บวกกับคิระนั่งหลังตรงเป็นธรรมชาติช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดีมากขึ้นไปอีก“…” มัวแต่มองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าเพลิน รู้ตัวอีกทีก็เห็นคิระโบกมือไปมาตรงหน้าเพื่อเรียกสติ“ยูตะเข้าใจใช่มั้ย?” คิริเอียงคอมองคนตรงหน้าที่หน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศยามที่ใบหน้าทั้งสองใกล้กันยูตะเป็นเด็กผู้ชายที่ใบหน้าหวานมองเผิน ๆ แอบคล้ายผู้หญิงตอนเจอครั้งแรกเขาก็ตกใจ ถ้าไม่ก้มดูว่าใส่กางเกงคงทักผิดเป็นแน่ ร่างเล็กตรงหน้าสวมแว่นตาทรงกลมช่วยขับให้ดูน่ารักน่าถนุถนอมยิ่งขึ้น อดไม่ได้ที่จะแกล้งเอานิ้วจิ้มที่ปลายจมูกดื้อรั้นนั่น“อ๊ะ!” ยูตะตกใจจนถอยหลัง ใบหน้าขึ้นสีทั้งหน้า ก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว“เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”“หึ” เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนหน้านิ่งได้เป็นอย่างดีตึกตัก ตึกตักเสียงหัวใจเต้นแรงระรัว มือน้อย ๆ แตะที่กลางอก กลัวว่ามันจะหลุดออกมา“คิระไม่สนใจฉันเลย เขาไม่ชอ

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ฝันร้าย

    บางครั้งจอมทัพก็คิดว่าตนเองคงต้องไปหาหมอแล้ว เหตุผลก็คือฝันบอกเหตุ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนเขาไม่อาจสลัดความคิดที่วนเวียนในหัวออกไปได้ เขาถึงได้ฝันถึงคิระและยูตะ ในฝันเหมือนจริงมากเสียจนตื่นขึ้นมาเหงื่อฝุดเต็มตัวจนแทบเปียกที่นอน ยิ่งตอนที่ตื่นมาแล้วพบว่าคนข้างกายไม่อยู่บนที่นอนแล้วยิ่งร้อนใจขึ้นไปใหญ่บวกกับความฝันที่ไม่อยากให้เป็นจริงในฝันนั้นเขาเห็นว่าคิระจูบกับยูตะอย่างดูดดื่มเหมือนจริงมาก ร่างหนาลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนอนอย่างร้อนใจ ในที่สุดก็เจอคนที่ตามหากำลังปิ้งขนมปังอยู่หมับ!“อื้อ! ตกใจหมดเลย” ร่างแกร่งคว้าตัวคนที่สวมใส่ชุดนอนลายการ์ตูนหน้าแมวส้มเข้ามาในอ้อมกอดอย่างเต็มแรง ใบหน้าคมซุกไซร้จนเกิดรู้สึกจั๊กจี้จนต้องย่นคอ“มึงแปลก ๆ ละ”“แปลกยังไง” เสียงแหบพล่าเอ่ยก่อนจะเอื้อมมือไปปิดแก๊ส แล้วอุ้มยกคนตัวขาวจับวางไว้บนเคาน์เตอร์ลายหินอ่อน“อ๊ะ! ทำไรเนี่ยอื้มมม”ริมฝีปากอวบอิ่มบ่นไม่ทันขาดคำก็ต้องกลืนคำบ่นลงท้อง ก่อนคิระจะอ้าปากรับลิ้นร้อนเกี่ยวตวัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เนิ่นนานจวนจะหมดลมหายใจปึก! ๆมือเรียวทุบอกแกร่งดังปึกเมื่อลมหายใจใกล้จะหมด“อึก…พอก่อนหายใจไม่อื้ออ”แล

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   เดต

    ปัจจุบันโรงภาพยนตร์“อยากดูเรื่องอะไร” เสียงนุ่มดังขึ้น คิระเลื่อนหน้าจอขนาดใหญ่กว่าตัวคนเพื่อดูรอบตารางฉายหนังไปมา รอคนด้านข้างตัดสินใจวันนี้เป็นวันหยุดยูตะจึงชวนเขามาดูหนังในโรงภาพยนตร์ แม้คิระจะไม่ค่อยสันทัดมากนักแต่ก็ยอมมาอย่างไม่อิดออด คิระไม่ชอบดูหนังในโรงสักเท่าไหร่ เพราะมันมืดและไม่เป็นส่วนตัว ดังนั้นทุกครั้งที่ดูก็จะเลือกดูในห้องตนเองไม่ก็ห้องเพื่อน ๆ เท่านั้น“อยากดูเรื่องนี้” นิ้วเรียวสวยตะไบเล็บสั้นกดจิ้มลงไปยังหน้าจอ เรื่องที่ปรากฏเป็นหนังสยองขวัญที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ และยังโด่งดังจนฉายไปหลายประเทศอีกด้วย“เอาสิ” คิระตอบเสียงเรียบก่อนจะกดจิ้มที่หน้าจอเลือกที่นั่งและจ่ายเงิน“อยากซื้ออะไรไปกินมั้ย”“ป๊อปคอร์นกับน้ำก็ดีนะ” สิ้นเสียงใสกล่าวจบมือของคิระก็ถูกคนด้านข้างชักจูงไปยังเคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้าทันที ไม่นานแก้วน้ำอัดลมทั้งสองแก้วก็อยู่ในมือของหนุ่มลูกครึ่ง“อื้มม อร่อยมากกก ยูลองกินสิ อ้าปาก” ยูตะป้อนป็อปคอร์นรสหวานเข้าปากอีกคนทันที ก่อนจะอมยิ้มไปด้วยความสุขจนแทบล้น “อร่อยมั้ย?”“อื้ม…อร่อย” คิระตอบกลับเสียงนุ่ม พลางก้มดูดน้ำจากแก้วที่ถือไว้ ดวงตาไร้รอยยิ้มเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status