LOGINซื่อเว่ยต้าตี้เห็นสองสาวกระซิบกัน จนฟางเฟยมีหน้าตาเคร่งเครียดขึ้นมา “ข้ากับฟางเฟย เราหมั้นหมายกันมาตั้งแต่นางแรกเกิด ตัวข้าเองก็ติดตามนางไปทุกหนแห่ง ที่ข้ายังไม่แต่งนางเป็นภรรยา เพราะรู้ดีว่านางยังอย่างเรียนรู้ชีวิต และเรียนรู้ใจของข้า”“คุณชายซื่อเว่ย ช่างรักนางนัก น่าอิจฉาเสียจริง” เหล่าช่างหลวงต่างพูดชื่นชมเมื่อได้ยินเหตุผลจากชายหนุ่มคุณชายโจวเมื่อได้ยินแบบนั้นก็มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่ก็สามารถปรับอารมณ์ให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว “เอาละหากพวกเจ้าอิ่มแล้ว พวกเราก็ลงมือต่อเถอะ เดี๋ยวแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเร่งงานเตาเผา ส่วนอีกกลุ่มจัดตั้งโต๊ะอุปกรณ์แล้วลงมือขึ้นท่อได้เลย”เห็นโจวซานป๋อสั่งงานคนของตนและแยกตัวออกไปทำงาน ซื่อเว่ยต้าตี้จึงหันมาทางหญิงสาวทั้งสอง “ฟางเฟย ข้าจะไปดูลำน้ำด้านล่าง เจ้าไปกับข้านะ ส่วนเจ้าเฟิ่งหวางอยู่ช่วยคุณชายโจวที่นี่ ระวังคนขององค์ชายรองให้ดี ข้าไม่ไว้ใจ”“เจ้าค่ะท่านเทพ”“อย่าเรียกข้าเช่นนี้”“ได้คุณชาย ข้าจะอยู่จัดการด้านนี้เอง”เทพเจ้ามังกรขาวเกร็ดมุกยืนบนโขนหินใหญ่ มองดูสายน้ำที่เชี่ยวกราดด้านล่าง จากต้นน้ำจนสุดสายตาของปลายน้ำ ที่ลัดเลาะหายไป
“ข้าคงมิอาจให้ท่านช่วย ด้วยท่านเป็นแขกของข้า แต่หากท่านจะไปด้วยข้าก็ยินดี ข้าจะกลับไปควบคุมแรงงานกู้ระบบส่งน้ำที่เสียหายเมื่อคืน”ภาพหมู่บ้านทุ่งนาในส่วนด้านบนก็ดูปกติดี แต่ที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน คือบริเวณริมลำธารทั้งสองฝั่งน้ำน่าจะขึ้นสูงและหลากลงเขามาด้วยความเร็ว ดูจากคราบโคลนดินแดงที่พัดจนต้นไม้ใบหญ้าริมลำธารลู่ล้มไปตามกระแสน้ำ ชาวบ้านและทหารแรงงานที่ถูกจัดส่งให้มาอยู่ในส่วนนี้ ต่างช่วยกันกู้ท่อดินเผาและชิ้นส่วนรหัสวิดน้ำ ซึ่งทำจากไม้ได้รับความเสียหายจากการถูกน้ำพัดพา มาจัดประกอบซ่อมบำรุงกันใหม่ ฟางเฟยเกิดความกังวลขึ้น กับเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้า “ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ทั้งหมดนี้เกิดจากท่านใช่หรือไม่”“เกิดจากข้าคืออะไร”“เฟิ่งหวางบอกข้า ว่าท่านเป็นสายเลือดมังกรสวรรค์ บิดาท่านคือเทพวายุเป็นมังกรแห่งสายลม แต่ท่านคือมังกรจากน้ำ เพราะท่านถือกำเนิดภายใต้มหาสมุทรแห่งทะเลอุดร มารดาท่านเป็นมารน้ำ ท่านจึงมีพลังแห่งน้ำ เหตุที่ฝนตกหนักเมื่อคืนย่อมเป็นเพราะพลังของท่าน”ซื่อเว่ยต้าตี้ได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน “เจ้าไก่ห้าสีตัวนี้สักวันข้าจะเอามาย่างกิน มาอยู่สวรรค์ไม่นานรู้ดีไปเสียหมด
โจวซานป๋อ หันไปมองรถม้าที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจวน ม้าสีขาวถึงสี่ตัวทรวดทรงงดงามด้วยเป็นม้าดี ตัวรถม้าก็ใหญ่โตเรียบง่ายแต่งดงาม ประดับตกแต่งด้วยไม้แกะสลักดูก็รู้ว่าเป็นผู้มีฐานะดี ‘ซื่อเว่ยคู่หมั้นนาง เห็นจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว ม้าสี่ตัว ถ้าไม่ขุนนางระดับสูง หรือเชื้อพระวงศ์หลัก ก็เป็นผู้นำแคว้น’"ซื่อเว่ยต้าตี้ ในชุดสีขาวปกติก้าวลงจากรถม้า ใบหน้างดงามผิวพรรณขาวละเอียดด้วยตะบะบารมีระดับเทพชั้นสูง ใบหน้างดงามมีรอยยิ้มจาง ๆ ดวงตาสุกใสดั่งดวงดาว“ฟางเฟยเจ้าซุกซนจนข้าเป็นห่วง คุณชายท่านนี้”ซื่อเว่ยต้าตี้มองโจวซานป๋อ เทพเจ้าธาตุดินตั้งแต่หัวถึงเท้า ที่เวลานี้มีหยาดน้ำจากเสื้อผ้าหยดลงพื้น จนจุดที่เขายืนเจิ่งนองไปด้วยน้ำที่หยดจากชุดของเขา “ท่านพี่ ท่านนี้คือคุณชายโจวซานป๋อ แมวข้าซุกซนโง่เง่า ไปชนเอาแจกันของคุณชายล้มแตก ผสมกับข้าไม่พบสหาย คุณชายโจวซานป๋อใจดีสงสารเลยให้ที่พักแก่ข้า และผู้ที่ซุกซนก็ไม่ใช่ข้าแต่เป็นแมวโง่นั่นต่างหาก”ซื่อเว่ยต้าตี้หันไปทำตาขวางใส่หญิงสาว ทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มอยู่ ‘เจ้าเด็กดื้อ ข้าไม่ได้โง่ มันเป็นอุบัติเหตุ’“ข้าซื่อเว่ย ขอบคุณน้ำใจคุณชายโจวมาก วันนี้ข้ามารับนาง ค
เกาฟางเฟยตื่นแต่เช้า นั่งหวีผมฮัมเพลงเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี เฟิ่งหวางเดินเข้ามาหาแอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงเพลงเบา ๆ จากเกาฟางเฟย“เมื่อคืน เหตุใดฝนจึงตกหนักนะ”“เมื่อคืนฝนตกงั้นรึ ไม่เห็นรู้เลย”“อะไรกันท่านฟางเฟย ฟ้าร้องคำรามออกปานนั้น มิได้ยินเลยรึ หรือว่ามีสิ่งอื่นใดน่าสนใจกว่าฝนภายนอกประตู”หญิงสาวยิ้มอาย หลบสายตาของเฟิ่งหวางไก่ฟ้าห้าสีปัญจธาตุ “มาข้าจะช่วย วันนี้ผิวพรรณท่านดูมีน้ำมีนวลกว่าปกตินะ แต่งแต้มสีสันบ้างเล็กน้อยก็งามแล้ว” เฟิ่งหวางรับหวีไม้มาหวีสางเส้นผมหนานุ่มให้หญิงสาว เกล้าแต่งผมปักปิ่นเมฆาสวรรค์“ปิ่นเมฆาสวรรค์ เหตุใดวันนี้จึงเปล่งแสงดูงามกว่าปกตินัก”ฟางเฟยมองใบหน้าตนเองในคันฉ่องหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จริงอย่างที่เฟิ่งหวางกล่าว ปิ่นของซื่อเว่ยต้าตี้เนื้ิอใสเปล่งแสงจ่าง ๆ เนื้อหยกสุขใสมากกว่าที่เคยเป็น หรือเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืน เฟิ่งหวางใช้เครื่องสำอางที่สาวใช้ของคุณชายโจวซานป๋อเตรียมมาให้ จัดแต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้าที่ยามปกติก็งามอยู่แล้วให้ยิ่งดูงามมากขึ้น“เจ้าก็แต่งด้วยสิเฟิ่งหวู่เฉิง เจ้าเองก็งดงามไม่น้อยหน้าใครเลย แป้งนี่หอมดีข้าชอบ ลองดูสิ”สองสาวช่วยกันแต่งหน้าแ
โจวซานป๋อหันมามองหน้าฉือเกาเทา สายตาคนทั้งคู่จับจ้องกัน “ข้าตบปากเจ้าดีหรือไม่” ชายหนุ่มร่างใหญ่รีบยกมือขึ้นปิดปากตนเอง“ไม่ได้นะขอรับ ผึ้งต่อยข้ายังไม่หายบวมเลย”“มาเถอะฉือเกาเทา กลับไปดื่มกันต่อเถอะ นางจะเป็นเทพธิดาหรือสายลับ ตอนนี้นางก็อยู่ในจวนของข้า เท่ากับเป็นคนในการดูแลของข้า”ฉือเกาเทารีบหมุนตัวกลับเดินตามผู้เป็นนาย เข้าไปด้านในห้องจัดเลี้ยง ปล่อยให้แสงโคมหยอกล้อเงามืดแห่งราตรีกาลกับเสียงหัวเราะของสตรีที่เดินจากไปสองสาวเดินมาถึงหน้าห้องพัก พบว่ามีสาวใช้มายืนรออยู่ก่อนแล้ว “คุณชายโจวให้ข้าน้อยมาค่อยดูแลแม่นางทั้งสองเจ้าค่ะ”“ไม่มีอะไรให้เจ้าต้องดูแล ดึกมากแล้วเจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าเป็นเพียงแขกไม่กล้ารบกวนถึงเพียงนี้”“เช่นนั้น แม่นางเฟิ่งหวางห้องพักของท่านอยู่ทางนั้น ข้าจะนำทางไปนะเจ้าค่ะ”เฟิ่งหวางหันมายิ้มให้ฟางเฟย แล้วเดินตามสาวใช้ไป ฟางเฟยเปิดประตูห้องพบว่าสาวใช้เข้ามาจุดประทีปน้ำมันตะเกียง และยังจุดกำยานกลิ่นหอมไว้ให้ด้วย ฟางเฟยวางแมวขนยาวลง แล้วหันไปปิดประตูลงกลอน ซื่อเว่ยต้าตี้คืนร่าง แล้วลุกขึ้นมาโอบร่างบางดึงเข้ามาสวมกอด จมูกซุกซนฝังลงบนแก้มนวลและลำคอสูดดมกลิ่นหอม
โจวซานป๋อยิ้มให้เขาอย่างมีความสุข แล้วยกจอกของตนขึ้นดื่มตาม แล้วทุกคนในห้องจัดเลี้ยงก็ทำเช่นกัน“ท่านฟางเฟย ดื่มสิเจ้าคะ” เฟิ่งหวางที่ดื่มจนแก้มแดง หันมาคะยั้นคะยอหญิงสาวข้างกาย“อ่อได้” ฟางเฟยที่มัวมองภาพความประทับใจในมิตรสหายตรงหน้า นางยิ้มให้กับความชื่นมื่นตรงหน้าแล้วยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม ก่อนจะทำหน้าเหยเกหลับตาปี๋ พร้อมเป่าลมออกปาก “สุรานี่แรงมาก”“อ่ะ มิได้ มิได้ ท่านต้องดื่มหมดจอกเจ้าค่ะ” เฟิ่งหวางยังพยายามให้ฟางเฟยดื่มต่อฟางเฟยมองน้ำใสในจอก แต่ก็จำใจต้องดื่มให้หมด สุราแรงรสหวานกลิ่นหอม ฟางเฟยวางจอกลงหันไปมองเฟิ่งหวาง แล้วก็ต้องหัวเราะออกมา “เฟิ่งหวาง ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ให้เจ้ามาดูแลข้ามิใช่รึ ดูเจ้าสิข้าคงเป็นผู้ดูแลเจ้าแทน”“นั่นสิ เจ้านี่บรรลุเป็นเซียนแล้วก็ยังทำตัวเช่นปีศาจอยู่อย่างนั้น” ซื่อเว่ยต้าตี้ในมนต์อำพรางเข้ามานั่งข้างหญิงสาว คั้นกลางระหว่างโจวซานป๋อและฟางเฟย“ที่ชายผู้นั้นสำลักสุรา เป็นฝีมือท่านใช่หรือไม่”“ใช่เป็นข้าเอง มีอย่างที่ไหนพูดว่าเจ้าเหมาะสมคู่ควรกับโจวซานป๋อ ข้าแค่สั่งสอนเล็กน้อยเท่านั้น พี่น้องคู่นี้พูดจาไม่คิด ฟางเฟยเป็นของข้า หาใช่ของใครไม่”ฟางเฟยมองหน้





![I'll follow Apollo [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

