ลู่เจ๋อพยักหน้าให้เธออกไปมีเปลเล็กๆ เพิ่มเข้ามาในห้องนอนที่เงียบสงบ ขณะนี้เจ้าหนูลู่เหยียนกำลังนอนอยู่บนเปล ขณะที่กำลังหลับ ลมหายใจที่พ่นผ่านออกมาช่างหอมหวานและสวยงามอย่างเหลือล้นตั้งแต่เธอเกิด เฉียวซุนได้ออกไปนอกบ้านและแทบไม่ได้เจอเธอเลยเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กที่กำลังนอนหลับอย่างสงบ มันกระตุ้นหัวใจเธอทันที นี่คือเด็กที่เธออุ้มท้องมา 8 เดือน เธอเจ็บระหว่างคลอดและเด็กก็เจ็บปวดเช่นกันร่างกายของเฉียวซุนหยุดนิ่ง เธอไม่ได้รบกวนเด็ก แต่เพียงสัมผัสใบหน้าอันอบอุ่นของเธอเบา ๆ !เธอจะไม่คิดถึงได้อย่างไร!นี่คือเจ้าหนูลู่เหยียนของเธอ ซึ่งเป็นเด็กที่เธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้กำเนิดออกมาลู่เจ๋อก็รู้สึกสะเทือนใจเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะกอดเธอจากด้านหลัง พลางพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ : "เฉียวซุน ขอให้ผมดูแลคุณและลูกเถอะนะ... เรื่องของเรา ไว้คุยกันทีหลังได้ไหม?”เฉียวซุนยังไม่ทันตอบเจ้าหนูลู่เหยียนก็เริ่มร้องไห้บนเปล เด็กน้อยเกิดก่อนกำหนด และเสียงร้องของเขาก็อ่อนเบามาก จนฟังดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ...ลู่เจ๋อจับไหล่เฉียวซุนเบา ๆ : “ลูกหิวแล้ว หาอะไรให้ลูกกินก่อนเถอะ!”ช่วงนี้ลู่เหยียนด
ดวงตาของเฉียวซุนเต็มไปด้วยความสงสารและความสิ้นหวัง!เธอเคยประสบชีวิตกับความตายและสูญเสียคนที่รักไป!เธอจะไม่เกลียดมันได้อย่างไร!เธอจะยังนอนบนเตียงเดียวกันกับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอได้อย่างไร ถ้าหากเธอยังอยู่กับเขาอีกครั้ง ถ้าเธอยังโลภในความมั่งคั่งและศักดิ์ศรีนี้ เธอจะต้องรู้สึกอย่างไรกับพ่อที่เสียไปแล้ว กับพี่ชายของเธอในคุก และคืนนั้นที่เกือบจะตายอย่าทรมาน?ภายใต้แสงจากโคมไฟระย้า ลู่เจ๋อจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดเสียงเบา : "เรื่องของเราไว้คุยทีหลัง...ผมขอป้อนนมลูกก่อน"เขาดูเชี่ยวชาญในการชงนมให้ลูก แทบดูไม่ออกว่าเขาไม่ชำนาญในความเป็นความจริงแล้ว ลู่เจ๋อตั้งตารอคอยเด็กคนนี้มาก อีกทั้งยังเคยเข้าร่วมหลักสูตรการเลี้ยงดูแม่และเด็กภายในกลุ่มบริษัทสกุลเฉียวมาแล้วในฐานะประธานช่วงเวลานั้น แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉียวซุนจะอยู่ในช่วงเลวร้ายที่สุดแต่เขายังคงรอคอยลูกของตน!ลู่เจ๋อแช่นมแล้วเขย่าเบา ๆ จากนั้นเขาก็อุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมา หนูน้อยได้กลิ่นหอมและแทบรอไม่ไหวที่จะดูดนมเฉียวซุนสวมเสื้อผ้าบางๆ และยืนอยู่ใต้โคมไฟเธอมองไปที่ลู่เจ๋อ ที่กำล
ลูกกระเดือกของลู่เจ๋อกลอกขึ้นลง...หลังจากนั้นเขาก็พยายามกลับมาสงบสติอารมณ์อีกครั้งและส่งนักเร่งน้ำนมกลับไปเมื่อเขากลับไปที่ห้องนอน เฉียวซุนก็กำลังสวมเสื้อผ้าที่เขานำมาให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนว่ากำลังจะจากไปลู่เจ๋อมองเธออย่างเงียบ ๆ ใต้โคมไฟ : "คุณจะออกไปเหรอ?”เฉียวซุนไม่ได้ปฏิเสธ เธอพูดว่า : "ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีก! เดี๋ยวจะกลับมาหาลูก... เมื่อฉันจัดการธุระและเรื่องต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันจะพาเธอกลับไปด้วย!”แสงไฟทอเป็นสีขาวดวงตาของลู่เจ๋อกลับเป็นสีแดง เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง : "สามีของคุณอยู่ที่นี่ ลูกของคุณก็อยู่ที่นี่ คุณจะไปไหน? เฉียวซุน คุณจะไปไหน?"สามี! ลูก!เฉียวซุนไม่อยากทะเลาะกับเขา และเธอก็ไม่เหลือแรงที่จะทะเลาะกับเขาต่อ เธอแค่มองเขาด้วยสายตาเศร้าสร้อยแล้วถามเบา ๆ : "ลู่เจ๋อ คุณคิดว่าคุณยังเป็นสามีของฉันอยู่อีกเหรอ? คุณไม่คิดว่ามันตลกเหรอ? คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเคยตบฉันเพราะไป๋เซียวเซียว ลืมไปแล้วเหรอว่าคุณทิ้งฉันไปต่างประเทศเพราะไป๋เซียวเซียว ไม่ว่าฉันจะขอร้องอย่างไร... ลู่เจ๋อ คุณได้กลิ่นคาวในห้องนี้ไหม? คืนนั้น ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยเลือด เลือดที่ออกม
เฉียวซุนไม่อยากตอบเขา!เธอเองก็ไม่มีแรงที่จะตอบเขาเช่นกัน ยานอนหลับที่อยู่ภายในร่างกายของเธอเริ่มออกฤทธิ์ เธอค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ อย่างไม่เต็มใจ.....ท่าทางที่เธอนอนหลับช่างดูผอมโซและตัวบาง ไม่มีความสดใสเหมือนก่อนแล้วลู่เจ๋อสัมผัสใบหน้าของเธอเบาๆหยดน้ำตาใหญ่เท่าเม็ดถั่ว ไหลรินออกมาจากหางตา.....แม้ว่าเธอจะหลับไปแล้ว แต่ภายในจิตใต้สำนึกกลับต่อต้านเขาลู่เจ๋อปวดใจเป็นอย่างมาก เขามองเธออยู่นานถึงได้ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปณ ห้องโถง ชั้นหนึ่งของคฤหาสน์เพราะมีเจ้าตัวน้อยเพิ่มเข้ามาในครอบครัว แสงไฟจึงสว่างไสวตลอดทั้งคืน เหล่าคนใช้ต่างก็ทำความสะอาด ต้มซุปต้มยา ทำหน้าที่ของตัวเอง.....เมื่อลู่เจ๋อลงมาที่ชั้นล่าง เขาก้าวลงมาช้ามากเขาก้มหน้าจ้องมองที่พรมปูพื้นที่เปลี่ยนใหม่ แต่ยังคงได้กลิ่นคาวเลือดติดอยู่ที่ปลายจมูก.....ฝ่ามือของลู่เจ๋อก็สั่นเทาในทันใด เขาหยิบบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อออกมามวนหนึ่ง แต่ไม่จุดสูบค่ำคืนอันเงียบสงัด เขานั่งอยู่บนโซฟา....หน้าต่างทรงฝรั่งเศสตรงนั้น สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาปะทะที่ปลายผมสีดำของเขา ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขายิ่งดูมืดมน.....เขาก็นั่งอยู่อย่าง
ลู่เจ๋อนั่งเงียบๆ แต่จิตใจของเขากลับมืดมนยิ่งกว่าความมืดครึ้มของคุกเสียอีก ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงได้เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า: “ไม่ต้องแล้ว!”เขารู้จักนิสัยของเฉียวสือเยี่ยนเป็นอย่างดีเขาปฏิเสธการยื่นอุทธรณ์ ถ้างั้นก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเขาอีก....ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเป็นอิสระ เขาแค่ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณของลู่เจ๋อ เขาไม่อยากทำให้เขาต้องมีพระคุณต่อเฉียวซุนอีกจนถึงวันนี้แล้วนั้น ลู่เจ๋อถึงได้รู้ว่าการที่เขาคิดอยากที่จะชดเชยก็คงจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!คนของตระกูลเฉียว กีดกันเขาไว้อย่างชัดเจนเขาบินมาในยามดึกดื่น และต้องบินข้ามคืนกลับไปยังเมือง B ต่อ เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ก็เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว......โรลส์-รอยซ์สีดำขับเข้ามาจอดที่ประตูทางเข้าอย่างช้าๆคนขับรถพูดขึ้นเบาๆ : “คุณชายครับ คุณย่าครับ”ลู่เจ๋อที่เดินทางมาตลอดทั้งคืนกำลังหลับตาพักสมอง ได้ยินดังนั้นจึงเปิดประตูแล้วลงรถในทันที และเอ่ยเรียกขึ้นว่า: “คุณป้าเสิ่นครับ”ยามเช้าตรู่ น้ำค้างจับตัวเป็นเกร็ดน้ำค้างแข็งเสิ่นชิงที่ได้ประสบเรื่องราวร้ายๆมา จนผมหงอกขาวในเวลาเกือบเพียงชั่วข้ามคืน ถึงแม้อย่างนี้เธอก็สงบสติอ
เวลาเที่ยงวัน เฉียวซุนตื่นแล้วเธอลืมตาขึ้นมาก็มองเห็นเจ้าหนูลู่เหยียนที่อยู่ในอ้อมแขนเจ้าหนูลู่เหยียนสวมชุดนอนแบบจั้มสูทสีชมพูอ่อนนอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของเธอ หน้าตาของเธอนั้นช่างทำให้คนหลงรักอย่างบอกไม่ถูกน้ำตาของเฉียวซุนคลอเบ้า.....ในเวลานี้เอง เจ้าหนูลู่เหยียนก็ตื่นขึ้นมา เจ้าตัวน้อยร้องไห้แอ๊ะๆ ออกมาด้วยความขี้อ้อน และจากนั้นน่าจะได้กลิ่นของแม่ เจ้าตัวน้อยก็คว้ามือมาทางนี้ แต่อย่างไรแล้วเธอยังเล็กอยู่กว่าที่จะหาอะไรเจอร่างกายของเฉียวซุนอ่อนแอมาก แต่เธอยังตะแคงตัวเตรียมจะให้นมลูกเธอเป็นแม่ครั้งแรก ท่าทางการเคลื่อนไหวก็ยังไม่คล่องนัก ปลดกระดุมเท่าไหร่ก็ปลดไม่ได้เจ้าหนูลู่เหยียนเร่งเร้าจนร้องไห้หนักจนใบหน้าน้อยๆ ค่อยๆแดงระเรื่อฝ่ามืออันอบอุ่นข้างหนึ่งยื่นเข้ามาแทนมือของเธอ ปลดกระดุมชุดนอนของเธอออกอย่างง่ายดาย และเปิดกางมันออก....เสียงของลู่เจ๋อต่ำแต่อ่อนโยนดังขึ้นจากข้างบน: “เพิ่งจะเริ่มให้นม อาจจะเจ็บบ้างนะ!”ใบหน้าเฉียวซุนไร้อารมณ์ความรู้สึกเธอยังคงไม่ยอมคุยกับเขา และยังคงทำตัวเย็นชาใส่เขาเธอก้มศีรษะลงอุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนเข้ามาใกล้ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนก็หาแม่
ลู่เจ๋ออยากเข้าไปกอดเธอ แต่เฉียวซุนปฏิเสธการเข้าใกล้ของเขา เธอพูดขึ้นเบาๆ ว่า: “ลู่เจ๋อ อย่าเข้ามานะ! คุณไม่ต้องเข้ามา!”เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าในตอนที่ลู่เจ๋อไม่ทันได้สังเกต เฉียวซุนป่วยเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอด บ้านของเธอแตกสาแหรกขาด เธอไม่มีญาติพี่น้องอยู่ข้างกาย เธอไร้คนให้ระบาย แต่สามีของเธอกลับกักบริเวณเธอด้วยความรักและปากก็บอกว่าจะชดเชยอยู่ตรงนี้.....มันช่างน่าขำเสียจริง!ภาพอันวุ่นวาย และบรรยากาศอันน่าหดหู่ระหว่างพวกเขาก็เคยหวานชื่นมาก่อน ตอนนี้กลับเดินมาถึงจุดจุดนี้เฉียวซุนถูกลู่เจ๋อกักบริเวณไว้ในคฤหาสน์เสิ่นชิงไม่รู้จะทำอย่างไรดีหลินเซียวยิ่งคิดหาวิธีได้มากมาย ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง เธอต่างทำมันมาหมดแล้ว แต่เธอยังคงไม่มีทางที่จะได้เจอกับเฉียวซุน.....เวลานี้ เธอถึงได้รู้ว่าอำนาจและอิทธิพลของลู่เจ๋อมันใหญ่ขนาดไหน!……เฉียวซุนไปไหนไม่ได้ เธอทำได้เพียงแต่เย็นชากับลู่เจ๋อต่อไปอีกก็เท่านั้นความแตกร้าวของความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยาของพวกเขาเป็นที่รู้ดีในวงในหลังผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณหญิงลู่ก็มาหาเจ้าหนูลู่เหยียนเจ้าหนูลู่เหยียนถูกเลี้ยงดูเป็นอย่าง
หลินเซียวคิดแล้วทุกวิธี แต่ก็ไม่มีทางได้เจอเฉียวซุนเสิ่นชิงก็น้ำตาอาบหน้าด้วยความจำใจ หลินเซียวได้ไปหาลู่จิ้นเซิง ก่อนที่จะไปคืนนั้นเธอสูบบุหรี่บนดาดฟ้าของคอนโดตลอดทั้งคืน และเธอยังดื่มเบียร์อีกด้วยหลังจากที่ดื่มจนเมาแล้ว เธอทั้งร้องไห้และหัวเราะ พูดชื่อของลู่จิ้นเซิงพึมพำเกลียดจนเข้ากระดูกดำ!……ณ โรงแรมรอยัล ธันเดอร์ลู่จิ้นเซิงนั่งอยู่ในห้องทำงาน ขายาวเหยียดพาดอยู่บนโต๊ะทำงาน....เวลานี้เป็นเวลาที่เขาต่อสู้กับตระกูลหนิงอย่างดุเดือดที่สุดแล้ว เขาทั้งเครียดและหงุดหงิดมากเลขาของเขาผลักประตูเข้ามาด้วยสีหน้าแววตาที่ซับซ้อน: “ประธานลู่คะ คุณหนูหลินอยากพบท่านค่ะ”คุณหนูหลินไหน?ปฏิกิริยาแรกของลู่จิ้นเซิงก็คือไม่ต้องการพบ และเขาพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า: “ไล่ออกไปซะ! ถ้าทำไม่ได้ก็เขียนเช็คให้เธอไป และบอกเธอด้วยนะว่าอย่าไปพูดอะไรมั่วๆ ข้างนอก”เลขาหลี่กลับไม่ได้ไปไหน ก่อนจะพูดเตือนเบาๆ ประโยคหนึ่งว่า: “หลินเซียวค่ะ!”หลินเซียวมางั้นเหรอ?หลังจากที่ลู่จิ้นเซิงหายตะลึงก็วางขาลงมาอย่างช้าๆ แล้วพูดขึ้นเบาๆ ว่า: “เชิญเธอเข้ามา”ครู่หนึ่ง เลขาหลี่ก็พาหลินเซียวเข้ามาเลขาหลี่เป็นคนส