หยุนเจิงรับเครื่องรางคุ้มภัยจากหยุนลี่ด้วยใบหน้าซาบซึ้งตรึงใจ ทว่าในใจกลับสบถสาปแช่งไม่หยุดหยุนลี่มอบเครื่องรางคุ้มภัยไม่พอ ยังเสนอต่อจักรพรรดิเหวินว่า “ในอดีตงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ล้วนเป็นการชมพระจันทร์ ประพันธ์บทกกวีหัวข้อการหวนกลับมาอยู่พร้อมกันอะไรทำนองนี้ วันนี้ลูกขอวิงวอนเสด็จพ่อ ให้ทุกคนประพันธ์บทกวีเพื่อเป็นการกล่าวอำลาน้องหกและภรรยา!”หลังจากพูดจบ หยุนลี่ก็ยิ้มให้หยุนเจิงอย่างมีเจตนาแอบแฝงไอ้เลวระยำหมา!คิดจะใช้โอกาสนี้รับของขวัญงั้นหรือของขวัญชิ้นนี้ เจ้าคงพอใจกระมัง?“ดี!”จักรพรรดิเหวินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ใครก็ได้ เตรียมพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกมา!”หลังจากได้รับคำสั่งของจักรพรรดิเหวิน นางกำนัลและขันทีในวังก็รีบไปนำสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือมาทันที“ใครจะเริ่มก่อน”จักรพรรดิเหวินเงยหน้ากวาดสายตามองทุกคน“กระหม่อมเริ่มก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”สวีสือฝู่ลุกขึ้นมาที่โต๊ะ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วท่องบทกวีพร้อมกับเขียนบทกวีนั้นไปด้วยสวีสือฝู่เตรียมบทกวีไว้อย่างตั้งอกตั้งใจมาหลายวัน ย่อมไม่เลวอยู่แล้วทันทีที่บทกวีถูกปล่อยออกมา ก็ได้รับเสียงปรบมือจากทุกค
ใช้หลักการครอบครองกองกำลังรักษาเสถียรภาพของตนเพื่อปกป้องตัวเอง!แต่หากช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ระหว่างพ่อลูกหมดไป ถ้าเกิดจักรพรรดิเหวินบีบบังคับให้อับจนหนทาง งั้นเขาก็จะก่อกบฏ!หลังจากดื่มสุรากับจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงก็ไปดื่มกับหยุนลี่“พี่สาม ท่านล้ำหน้าไปหนึ่งก้าวจริงๆ!”หยุนเจิงลดเสียงลง พูดกับหยุนลี่ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า“น้องหกพูดอะไรของเจ้า!”หยุนลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเทียบกับน้องหกแล้ว พี่สามยังตามหลังอยู่มาก! ข้าไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน ว่าน้องหกจะน่ากลัวขนาดนี้!”ทั้งสองคนพูดซุบซิบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อจักรพรรดิเหวินเห็นแล้ว ก็รู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษดูเหมือนว่าสองพี่น้องคู่นี้จะคืนดีกันแล้วจริงๆ!วิเศษ!พวกเขาคืนดีกันแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทนี้ก็ถึงเวลาต้องกำหนดเสียที!“เช่นกันเช่นกัน!”หยุนเจิงยิ้มพลางชนแก้วกับหยุนลี่ แล้วกระซิบ “ท่านกลับแล้ว อย่าลืมเตรียมตั๋วเงินสองแสนตำลึงไว้ด้วย ดึกๆ ค่อยมาที่จวนข้า เราจะได้ร่ำสุรากันให้หนำใจ!”สองแสนตำลึง?สีหน้าของหยุนลี่เปลี่ยนไปทันที แต่แล้วก็กลับมายิ้ม “น้องหก เกรงว่าเจ้าจะเสียสติไปแล้วกระมัง”ไอ้เลวระยำหมานี่!นับวั
หลังจากกลับมาถึงจวน หยุนเจิงก็เรียกเกาเหอมาหา และกระซิบข้างหูของเกาเหอไม่กี่คำเกาเหอเหลือบมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ แล้วรีบวิ่งไปที่โรงนาเสิ่นลั่วเยี่ยนกำลังเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ในคืนนี้ให้เยี่ยจื่อฟังอย่างตรงไปตรงมา แต่ซินเซิงกลับเดินเข้ามา “จื่อฮูหยิน องค์ชายหกบอกว่าอยู่ๆ เขาก็ฉุกคิดถึงเรื่องบางอย่างได้ ให้ท่านไปหาที่ห้องหนังสือ”“เรื่องอะไร”เสิ่นลั่วเยี่ยนถามอย่างสงสัยซินเซิงส่ายหัวเล็กน้อย “องค์ชายไม่ได้พูดอะไร แต่ดูจากท่าทางขององค์ชาย คงเป็นเรื่องด่วน”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้ว “เขาจะมีเรื่องด่วนอะไรได้!”“เอาล่ะ เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ!”เยี่ยจื่อเม้มริมฝีปากยิ้มๆ “พวกเจ้ากำลังจะเดินทางไปซั่วเป่ยเร็วๆ นี้ คงมีเรื่องมากมาย ข้าจะไปดูหน่อยว่ามีเรื่องด่วนอะไร ไม่เสียเวลาแล้ว”หลังจากพูดจบ เยี่ยจื่อก็เร่งรุดไปที่ห้องหนังสือเยี่ยจื่อเพิ่งเดินไปถึงห้องหนังสือ ยังไม่ทันจะได้สอบถามหยุนเจิง เกาเหอก็เคาะประตูเสียก่อนหยุนเจิงรับกระสอบป่านที่เกาเหอส่งให้ และสั่งเกาเหอว่า “ยืนเฝ้าที่ประตู ห้ามไม่ให้ใครเข้ามา! รวมทั้งพระชายาด้วย!”“ขอรับ!”เกาเหอรับคำสั่ง แล้วเฝ้าประตูท
เยี่ยจื่อพูดไม่ออก “ท่านโดนเขาหลอกเอาเงินไปกี่ตำลึงแล้ว? เขายังจะได้รับเงินอีกสองแสนตำลึงงั้นหรือ?”เพียงแค่สองแสนตำลึงงั้นหรือ?ทั่วทั้งราชสำนักแคว้นต้าเฉียน จะมีสักกี่คนที่มีเงินถึงสองแสนตำลึง?แม้ว่าหยุนลี่จะมีอสังหาริมทรัพย์มากมายภายใต้ชื่อของเขา แต่เงินสองแสนตำลึงก็สามารถทำให้หยุนลี่เจ็บปวดอย่างมากเช่นกันหยุนลี่ถูกเขาหลอกเอาเงินจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งถึงขั้นหักกระดูกของเขาได้อย่างแน่นอนความจริงแล้ว หยุนลี่ถูกหยุนเจิงหลอกจนกระดูกหักจริงๆแม้ว่าเขามีอสังหาริมทรัพย์มากมาย แต่ค่าใช้จ่ายของเขาก็มากเช่นกัน! จำเป็นต้องจ่ายค่าน้ำชาตลอดทั้งวัน และยังต้องจ่ายค่าพบปะเข้าสังคมอีก ค่าใช้จ่ายในจวนจึงมีจำนวนมากโดยเฉพาะ ช่วงนี้ถูกหยุนเจิงหลอกเอาเงินอยู่บ่อยๆ วันแต่งงานของหยุนเจิง เขาก็แทบกระอักเลือดไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อกลับถึงบ้านจึงให้พ่อบ้านนำสมุดบัญชีออกมาดู หยุนลี่จึงได้รู้ว่าในจวนเหลือเงินไม่ถึงสามแสนตำลึงแล้ว!ทรัพย์สินในบ้านของตัวเอง ถูกเจ้าหกไอ้ระยำหมาเอาไปจนหมด! ความโมโหของหยุนลี่ แทบกระอักเลือดออกมาตรงนั้นหลังจากที่พยายามอดกลั้นความโกรธ หยุนลี่ก็ให้พ่อบ้านนำตั๋วเงินแปดหม
การมาเยี่ยมเยียนกลางดึกของหยุนลี่ ทำให้เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจอย่างมากพวกเขามีมิตรภาพพี่น้องที่ลึกซึ้งจริงๆ งั้นหรือ?เพิ่งดื่มเหล้าในวังเสร็จ หยุนลี่ก็มาดื่มเหล้ากับหยุนเจิงที่จวนงั้นหรือ?สองคนนี้ กำลังทำบ้าอะไรกันแน่?แต่ว่า หยุนเจิงและหยุนลี่ต่างก็ไม่เคยอธิบายต่อนางหยุนเจิงกลัวว่าเจ้าสามจะได้กลิ่นคาวเลือดจากห้องหนังสือ จึงจงใจพาเจ้าสามมายังด้านในห้องรับแขกข้างห้องโถงเพื่อคุยกันเพียงลำพังตอนนี้ทั้งสองได้หงายไพ่ใส่กันอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงไม่มีความสุภาพที่จอมปลอมอีกต่อไปแล้วหยุนเจิงหยิบตำราโลหิตออกมา หยุนลี่ก็หยิบตั๋วเงินสองแสนตำลึงออกมามีท่าทางของมือหนึ่งจ่ายเงิน มือหนึ่งแลกของเพื่อให้สมจริงมากยิ่งขึ้น หยุนเจิงจงใจทำให้ตำราโลหิตสกปรกโสโครก และยับยู่ยี่“เจ้าหก ก่อนเจ้าจะไป เจ้าคงไม่ไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อใช่ไหม?”หยุนลี่ถามด้วยความไม่วางใจ“พี่สามวางใจได้ ข้าไม่มีทางได้เป็นองค์รัชทายาท จะทำเรื่องแบบนั้นไปทำไมกัน?”หยุนเจิงเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “เจ้าและข้าต่างก็รู้ดี ตอนนี้พวกเราไม่สนว่าใครจะทำลายใคร ต่างก็ดูไม่ดีในสายตาของเสด็จพ่อ เจ้าคิดเห็นเหมือนกันหรือไม่?”“ท
“ไม่มีอะไร”หยุนเจิงยิ้มตาหยีและพูดว่า “พูดคุยความรู้สึกกันระหว่างพี่น้องเท่านั้น”“ความรู้สึกงั้นหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบ้ปาก “ข้าว่าพวกท่านกำลังสมคบคิดกันเพื่อฉ้อโกงผู้อื่นอีกแล้วสิ!”หยุนเจิงส่ายหน้าและหัวเราะ “สนมรัก เจ้าอคติกับพวกเรามากเกินไปแล้วนะ!”อคติบ้าบออะไร! เสิ่นลั่วเยี่ยนทำเสียงฮึดฮัดเขาและองค์ชายสาม ไม่ใช่คนดีอะไรเลยสักนิด! ...การประชุมราชสำนักวันที่สองสิ้นสุดลง จักรพรรดิเหวินประกาศให้โลกรู้เปลี่ยนการแต่งตั้งสนมซูตระกูสวีเป็นฮองเฮา แต่งตั้งหยุนลี่เป็นองค์รัชทายาทตำแหน่งองค์รัชทายาทที่เว้นว่างเกือบสามเดือน ในที่สุดก็มีเจ้าของแล้วแต่ว่า ตอนนี้ยังคงเป็นเพียงแค่การประกาศให้โลกรู้ตำแหน่งองค์รัชทายาทไม่ได้ดีไปกว่าผู้ใดหากจัดพิธีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว จึงจะถือว่าหยุนลี่เป็นองค์รัชทายาทโดยชอบธรรมผลลัพธ์เช่นนี้ เป็นไปตามที่หยุนเจิงคาดการณ์ไว้เพียงแต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะมาถึงรวดเร็วเช่นนี้ดูท่าทางว่า คบไฟที่สุมเพิ่มเมื่อคืนนี้ จะเกิดผลในที่สุด! “เรื่องที่พวกท่านทำเมื่อคืน ก็เพื่อช่วยให้องค์ชายสามได้เป็นองค์รัชทายาทงั้นหรือ?”เมื่อได้รับข่าวเรื่
เรื่องของหยุนลี่ หยุนเจิงไม่มีความกังวลเลยแม้แต่น้อยเขาใกล้จะไปจากเมืองหลวงแล้ว หยุนลี่อยากทรมานอย่างไรก็แล้วแต่! ช่วงเวลาต่อมา หยุนเจิงต่างก็ยุ่งกับเรื่องที่จะไปซั่วเป่ยเที่ยงของวันถัดมา หยุนเจิงเพิ่งกินอาหารเที่ยงเสร็จ กำลังเตรียมจะไปดูว่าอาหารแห้งที่เตรียมไว้ที่เขาเมาเอ่อร์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว คนเฝ้าประตูกลับเข้ามารายงานว่า“องค์ชาย คนจากตำหนักตงกงมาพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทใกล้จะมาถึงจวนแล้ว องค์ชายหกกรุณาเตรียมรับเสด็จด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินคำพูดของคนเฝ้าประตู ใบหน้าของหยุนเจิงก็โมโหขึ้นมารับเสด็จ?เมื่อวานเจ้างี่เง่าหยุนลี่เพิ่งได้เป็นองค์รัชทายาท วันนี้ก็เลยรีบมาโอ้อวดแสนยานุภาพต่อหน้าตัวเองงั้นหรือ?ยังต้องรับเสด็จแม่งอีก?ทำไมเขาไม่ให้ตัวเองออกไปต้อนรับตั้งแต่ระยะสามลี้เลยเล่า?รับเสด็จใช่ไหม?ตรูจะดูว่ามรึงยังจะกล้าให้ตรูไปรับเสด็จอีกไหม! หยุนเจิงแอบก่นด่าในใจ และเรียกเยี่ยจื่อมาในทันที “รายงานทุกคนในจวน องค์รัชทายาทมาถึงแล้ว ให้ทุกคนตามข้าออกไปรับเสด็จ!”“รับเสด็จจริงๆ งั้นหรือ?”เยี่ยจื่อถามเสียงเบา“ยังต้องพูดเล่นอีกหรือ?”หยุนเจิงกลอกตา
แต่หยุนเจิงไม่ใช่ผู้อาวุโสของเขา! แต่ตอนที่กำหนดกฎหมายพิธีการ ผู้ใดจะนึกได้ว่าจะมีข้อยกเว้นแบบหยุนเจิง! ดังนั้น ราชสำนักแคว้นต้าเฉียนจึงยังไม่มีกฎระเบียบใดที่กำหนดให้ท่านอ๋องรุ่นเดียวกันต้องก้มครึ่งตัวเพื่อแสดงความเคารพต่อองค์รัชทายาทใบหน้าของหยุนลี่แสดงความโกรธเป็นระยะ เมื่อลังเลอยู่นาน จึงพยายามฝืนยิ้มออกมา “น้องหกพูดมีเหตุผล พอดีที่ว่าข้าเองก็ไม่ต้องการให้น้องหกทำความเคารพอย่างเป็นทางการต่อข้า พวกเราเข้าไปคุยกันในจวนดีกว่า!”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ช่างบังเอิญเสียจริง”หยุนเจิงหัวเราะแหะๆ และยกมือขึ้นนำทาง “เชิญองค์รัชทายาท”“เชิญน้องหก!”หยุนลี่พูดจาสุภาพอย่างจอมปลอม และก้าวเท้าเข้าด้านในไอ้โง่เอ๊ย! หยุนเจิงแอบก่นด่าในใจ พร้อมเดินตามเข้าไปในจวนขนาดเสด็จพ่อมาที่จวนของตัวเองยังไม่วางมาดเหมือนเขาเลยเขากลับวางมาดองค์รัชทายาทแล้วหรือนี่?เพิ่งได้เป็นองค์รัชทายาท แม้แต่พิธีแต่งตั้งยศก็ยังไม่ได้จัด เขาก็เริ่มทำหน้าใหญ่ใจโตแล้วงั้นหรือ?เขาไม่กลัวว่าเสด็จพ่อจะรู้ และปลดตำแหน่งองค์รัชทายาทของเขา! เขาคงคิดว่าตัวเองมั่นคงในตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้วสินะ?ไม่รู้จ